ทะลุฟ้า จัดม็อบหน้าทำเนียบ แห่เทียนพรรษา ซัดรัฐล้มเหลว เผาหุ่นฟางคนในทำเนียบ แบบจัดเต็ม

ทะลุฟ้า จัดม็อบหน้าทำเนียบ แห่เทียนพรรษา ซัดรัฐล้มเหลว เผาหุ่นฟางคนในทำเนียบ แบบจัดเต็ม

ทะลุฟ้า จัดม็อบหน้าทำเนียบ แห่เทียนพรรษา ซัดรัฐล้มเหลว เผาหุ่นฟางคนในทำเนียบ แบบจัดเต็ม

.
นายจตุภัทร์ บุญภัทรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน และนักขับขี่รถจักรยานยนต์ ฮาร์ลีย์ เดวิดสัน ต้านนายกรัฐมนตรี รวมตัวกันบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตั้งแต่ในช่วงบ่าย โดยมีกำหนดเคลื่อนขบวนไปยังที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่บริหารงานในสถานการณ์โควิดที่ล้มเหลว
.
บรรยากาศเมื่อเวลา 16.01 น. ขบวนถึงแยกอุรุพงษ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง ยืนดูแลการจราจร
.
เวลา 16.06 น. ขบวนถึงแยกยมราช เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแนวสกัด 2 ชั้น โดยแนวที่ 2 เป็นตำรวจควบคุมฝูงชน ไม่ให้มุ่งหน้าไปทางหลานหลวง
.
เวลา 16.07 น. ทะเบียนรถจักรยานยนต์นำหน้าถึงแยกนางเลิ้ง ขณะที่ขบวนนางรำยังคงหยุดอยู่ที่แยกยมราช

.
เวลา 16.10 น. ที่บริเวณทำเนียบรัฐบาลเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตั้งตู้คอนเทนเนอร์ 2 ชั้นพร้อมจอดรถประกาศ และรถฉีดน้ำ ขณะที่ขบวนฮาร์เลย์ ซึ่งนำมาก่อน ต่างเบิ้ลเครื่อง และบีบแตรสนั่น กลบเสียงเจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังอ่านประกาศ ให้ยุติการชุมนุม เนื่องจากสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมาย ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค โดยประชาชนยังคงส่งเสียงไม่สนใจประกาศ ด้านสมาชิกทะลุฟ้า เดินเข้าไปเจรจาขอให้ผู้ชุมนุมถอยร่นกลับไปยังแยกนางเลิ้ง
.
ผู้ชุมนุมปักหลักบริเวณหน้าพาณิชยพระนครทำกิจกรรมหน้าแนวรั้วของเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการสลับกันขึ้นปราศรัยและทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เช่นการสาดสีเทสี การนำผ้าอนามัยที่มีเลือดมาทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เกี่ยวกับผ้าอนามัยที่จะต้องเป็นรัฐสวัสดิการ การเผาหุ่นฟาง เป็นต้น
.
เวลา 17.45 นายจตุภัทร ประกาศยุติการชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล จตุภัทรหรือ ไผ่ ดาวดิน กล่าวว่า วันนี้เรามาได้แค่นี้ แต่วันหน้าเราจะสัญญาว่าจะมาไกลมากกว่าเดิม ขอขอบคุณมวลชนทุกคนที่มาร่วมกิจกรรม เราเป็นเด็กบ้านนอก แต่เรามาศึกษาการต่อสู้ที่กรุงเทพฯไฟ ขอให้ทุกคนติดตามข่าวสารกิจกรรมต่อได้ที่เพจทะลุฟ้า

(มีคลิป) “มาดามหยก” เอาใจกลุ่มต่างเพศ เน้นดูแลตั้งแต่เด็กจนถึงวัยชรา เปิดเวทีสัมนา “Change Together เปลี่ยนไปด้วยกันอย่างเท่าเทียม” เชียงใหม่

“มาดามหยก” เอาใจกลุ่มต่างเพศ เน้นดูแลตั้งแต่เด็กจนถึงวัยชรา เปอเวทีสัมนา “Change Together เปลี่ยนไปด้วยกันอย่างเท่าเทียม” เชียงใหม่

“มาดามหยก” เอาใจกลุ่มต่างเพศ เน้นดูแลตั้งแต่เด็กจนถึงวัยชรา ตั้งชมรมทุกอำเภอดูแลสุขภาพจิตและร่างกาย พบปัจจุบันมีคนกลุ่มนี้ในประเทศมากกว่า 35 % ที่ต้องได้รับการดูแล ลดปัญหาฆ่าตัวตายจากการถูกบูลลี่

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 มี.ค. 66 นางสาวกชพร เวโรจน์ หรือ “มาดามหยก” ประธานที่ปรึกษาพรรครวมแผ่นดิน พร้อมพล.อ.ชัชชัย ภัทรนาวิก หัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน พร้อมคณะผู้บริหารพรรค เปิดเวทีสัมมนาร่วมพูดคุยประเด็นหัวข้อ “LGBTQ+ เสรีภาพทางเพศสู่ความหลากหลายอย่างเท่าเทียม” โดยมี ดร.วุฒิพงศ์ ถายะพิงค์ ที่ปรึกษาวิชการโครงการ Change Together เปลี่ยนไปด้วยกัน ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์มูลนิธิเอ็มเพลส ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์กองประกวดนางสาวเชียงใหม่ในดวงใจ พร้อมด้วย นายจิตศักดิ์ หลิมภากรกุล (เชฟจีโน่) , เต้ นันทศัย, ตฤณ เศรษฐโชค , ไอยศูรย์ ไมดาน พร้อมด้วยสมาชิกทีม Change Together ได้ร่วมกันจัดเวทีปราศรัย “นโยบายส่งเสริมกลุ่ม LGBIQI+ แบบครบวงจรของพรรครวมแผ่นดิน” ณ ห้องแกรนด์วิว 2 โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีกลุ่มประชาชนชาวเชียงใหม่ และกลุ่มคนรักต่างเพศ ได้เข้ามาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

นางสาวกชพร เวโรจน์ หรือมาดามหยก ประธานที่ปรึกษาพรรครวมแผ่นดิน กล่าวว่า การจัดเวทีในวันนี้เพื่อยืนยันและแสดงถึงนโยบายสิทธิเท่าเทียมกันของ LGBIQI+ อยากให้ทุกคนให้เกียรติซึ่งกันและกัน ลดความเหลื่อมล้ำ พรรคการเมืองอื่นก็มีนโยบายสมรสเท่าเทียม แต่สิ่งที่คนเหล่านี้ต้องการมากกว่าคือ สุขภาพพจิต สุขภาพกาย ที่เราต้องส่งเสริม ต้องช่วยเหลือกลุ่มนี้ตั้งแต่เกิดถึงเสียชีวิต สิทธิการแสดงออก การยอมรับทางสังคม การให้เกียรติซึ่งกันและกัน เป็นความต้องการที่แท้จริงของคนกลุ่มนี้ เพราะคนกลุ่มนี้ไม่ได้แตกต่างจากทุกคน บางคนไม่ต้องการสมรสก็มี

สำหรับการแบ่งเขตการเลือกตั้งของจังหวัดเชียงใหม่ จากเดิม 11 เขต เหลือ 10 เขตนั้น ได้มีการปรึกษาหารือพูดคุยกันแล้ว เขตที่มีการทับซ้อนกันและผู้สมัครที่ไม่ได้ลงก็ยังคงช่วยเหลือกันอยู่ แต่อาจจะเป็นปาร์ตี้ลิส ซึ่งต้องมีการเลือกแบบละเอียดอ่อนนิดหนึ่ง เพราะทั้งสองท่านที่ลงสมัครก็ลงพื้นที่อย่างเข้มข้นมาโดยตลอด ไม่ใช่แค่ช่วงนี้แต่ทั้งสองท่านก็ยังเป็นคนในพื้นที่ สนิทสนมกับชาวบ้านในพื้นที่อย่างแท้จริง ก็อาจจะไม่ต่างกับพรรคอื่นเท่าไหร่ ส่วนปัญหาด้านความขัดแย้งภายในพรรคจากการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ของ กกต.นั้น ทางพรรคเราเน้นความปรองดองกันอยู่แล้ว คิดว่าไม่มีปัญหาความขัดแย้ง ทุกคนที่มาอยู่จุดนี้ไม่ไช่มาเพื่อตนเองแต่มาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับเมืองเชียงใหม่, ภาคเหนือ และประเทศไทยอย่างแท้จริง ซึ่งวันที่ 18 มีนาคม 66 นี้คงจะทราบอย่างชัดเจนเรื่องของการแบ่งเขตพื้นที่การเลือกตั้ง พรรรครวมแผ่นดิน เน้นทันสมัย ไม่ละเลยสิ่งที่คนรุ่นเก่าสร้างมา ไม่ลืมรากเหง้า “ทันสมัย ก้าวหน้า แต่ไม่ก้าวร้าว” อยากผลักดันให้เชียงใหม่เป็นเขตพื้นที่เศรษฐกิจท่องเที่ยวพิเศษ ทางพรรคไม่เน้นการแจกเงิน แต่เน้นการสร้างโอกาส สร้างเศรษฐกิจให้มีการเติบโต คนไม่ต้องไปทำงานต่างจังหวัด เมื่อการท่องเที่ยวเติบโต ก็จะมีโรงแรม ร้านค้า ร้านอาหารที่พัฒนามากขึ้น และจะมีการจ้างงานมากขึ้น การแจกเงินไม่ใช่หนทางแก้ไข เพราะหากแจกหมดแล้วต้องกู้มาแจกอีก แล้วจะกู้มาตลอดไม่ได้ ต้องเน้นการสร้างงาน สร้างรายได้ระยะยาว ไม่ใช่เน้นการแจกเงินอย่างเดียว

ทางด้าน ดร.วุฒิพงศ์ ถายะพิงค์ ที่ปรึกษาวิชการโครงการ Change Together กล่าวว่า กลุ่ม LGBIQI+ นี้ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ พรรคนี้ดูแลตั้งแต่เกิด จนถึงสูงอายุ พรรคอื่นส่งเสริมแต่สมรสเท่าเทียม พรรคเราผลักดันอยู่แล้ว แต่ผมเป็นนักสุขภาพจิตเจอปัญหาของกลุ่ม LGBIQI+ มาเยอะ เด็กพอจำความได้ตั้งแต่เกิดควรมีสิทธิในการเลือกสภาพเพศของตัวเอง ซึ่งพ่อแม่ก็มีความขัดแย้งในใจ มีผลกระทบกับคนกลุ่มนี้จริงๆ รวมไปถึงหญิงข้ามเพศ ชายข้ามเพศ จำเป็นต้องรับประทานและฉีดฮอร์โมนทุก 3 อาทิตย์ ราคา 100 กว่าบาท แต่สิทธิตรงนี้เขาควรได้รับจากรัฐ แต่รัฐไม่สามารถจ่ายให้ได้ ในความเป็นมนุษย์ที่เขาเลือกแล้วว่าจะเป็นอย่างไร แต่จำป็นต้องใช้ยาในการทำนุบำรุงสภาพร่างกายให้เขาเป็นในสิ่งที่เขาอยากเป็น เขาควรได้จากภาครัฐ และในกลุ่มนี้ที่เป็นผู้สูงอายุ ที่มีความเหงา เศร้า กระทั่งคิดอยากฆ่าตัวตาย เพราะคิดว่าอยู่แล้วสังคมก็แปลกแยกไป ทางพรรคมีแนวคิดจะจัดตั้งชมรม LGBIQI+ ของผู้สูงอายุทุกอำเภอ เพราะคนเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญดูแลเฉพาะ จะได้ไม่เหงา ไม่คิดฆ่าตัวตาย เป้าหมายของพรรคคือดูแลทั้งชีวิตไม่ใช่แค่การสมรสเท่าเทียมเดินขนานทุกเพศ ทุกวัยในชุมชน ไม่แตกแยก อาจมีชมรมเกิดขึ้น รวมตัว 10 -20 คน เบื้องต้น มีนักสุขภาพจิตดูแลสุขภาพจิต สุขภาพร่างกาย สภาพสังคม ผลักดันสวัสดิการที่เขาพึงมี ปัจจุบันมีคนที่เป็นเกย์ อย่างเดียวประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ของประชาชนทั้งหมด และการเกณฑ์ทหารก็จะพบกลุ่มคนต่างเพศ ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อรวมกับผู้สูงอายุ LGBIQI+ อีก ทั้งหมดภาพรวมที่เป็นคนต่างเพศมีไม่ต่ำกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป นอกจากนี้อาจมีการจัดตั้งโรงเรียนขึ้นในทุกอำเภอ เป็นหลักสูตรสำหรับใครที่จะแต่งงาน มีครอบครัว ก่อนจะมีลูกต้องเข้าโรงเรียนนี้ก่อน หากลูกเกิดออกมาแล้วเป็นกลุ่มนี้จะได้มีวิธีดูแลอย่างไร บางอย่่างอาจเหมือนคนทั่วไป บางอย่างอาจแตกต่างออกไป ก็จะได้ทำให้เกิดภาพสังคมที่เท่าเทียมกันไม่กีดกันเด็ก

นายพรชัย จิตนวเสถียร สมาชิกทีม Change Together กล่าวว่า การยอมรับคนกลุ่ม LGBIQI+ ตั้งแต่จำความได้ว่าตนเองเลือกเป็นอะไร จะลดปัญหาของสังคมที่เด็กถูกบูลลี่ การถูกเพื่อนล้อจน้อยใจอาจจะฆ่าตัวตาย ปัญหาต่างๆ เหล่านี้จะหมดไป จะเกิดผลดีกับประเทศอย่างมากจากกกลุ่ม LGBIQI+ ซึ่งคนเหล่านี้ก็จะมีประสิทธิภาพในการพัฒนาตนเองและพัฒนาประเทศด้วย การดูแลตั้งแต่เด็กที่จำความได้ว่าตนเองเป็นอะไร จนถึงวัยชรา การตั้งกลุ่มดูแลในแต่ละอำเภอเป็นการดูแลอย่างแท้จริงให้เกิดสิทธิประโยชน์ของคนกลุ่มนี้อย่างเท่าเทียม.

ทรงวุฒิ ทับทอง