google.com, pub-2709829493138336, DIRECT, f08c47fec0942fa0

มจร.วิทยาเขตเชียงใหม่ ร่วมงานครบรอบวันสถาปนา 21 ปีการก่อตั้งวิทยาสงฆ์นครน่านฯ เฉลิมพระเกียรติฯ

มจร.วิทยาเขตเชียงใหม่ ร่วมงานครบรอบวันสถาปนา 21 ปีการก่อตั้งวิทยาสงฆ์นครน่านฯ เฉลิมพระเกียรติฯ

เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2566 มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่โดยการนำของพระครูสิริบรมธาตุพิทักษ์, ผศ.ดร.รองอธิการบดีวิทยาเขตเชียงใหม่ ได้นำคณะผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร พร้อมด้วยนิสิต มจร วิทยาเขตเชียงใหม่ เข้าร่วมแสดงความยินดีกับวิทยาลัยสงฆ์นครน่านฯ เฉลิมพระเกียรติฯ เนื่องในงานครบรอบวันสถาปนา 21 ปีการก่อตั้งวิทยาลัยสงฆ์นครน่าน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีพระชยานันทมุนี, ผศ.ดร.ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์นครน่านฯ เฉลิมพระเกียรติฯให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ณ วิทยาลัยสงฆ์นครน่านฯ เฉลิมพระเกียรติฯ อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน.

ทรงวุฒิ ทับทอง / ณัฐพล แสนเมืองมา

(มีคลิป) “คลองโอตารุ” เชียงใหม่ รับรางวัลที่ 2 บริหารจัดการอปท. ประเภทโดดเด่น

“คลองโอตารุ” เชียงใหม่ รับรางวัลที่ 2 บริหารจัดการอปท. ประเภทโดดเด่น

ผลการประกวดคลองแม่ข่า หรือคลองโอตารุ ที่ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ ส่งเข้าประกวดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการที่ดี ประเภทโดดเด่น ได้รางวัลที่ 2 จากคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้รับเงินรางวัล 2,200,000 บาท สร้างความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก

นาย วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรประครองส่วนท้องถิ่น ได้มีการประกาศผล การคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีการบริหารจัดการที่ดี ประจำปีงบประมาณ 2566 ซึ่งทางเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้ส่งคลองแม่ข่าหรือคลองโอตารุ เชียงใหม่เข้าร่วมประกวด ในปีนี้ ในการบริหารจัดการ ปรับปรุงคุณภาพคลอง ที่มีน้ำเน่าเสีย ย่านชุมชนกำแพงงานและชุมชนหัวฝาย มาเป็นคลองสวยน้ำใส มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ และบ้านเรือนประชาชน ริมสองฝั่งคลองให้สวยงาม เป็นร้านค้าจำหน่ายสินค้าที่ระลึก อาหารเครื่องดื่ม จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม จนโลกโซเซียสตั้งชื่อ ให้เหมือนคลองโอตารุประเทศญี่ปุ่นเชียงใหม่

มีหน่วยงานต่างๆ เดินทางมาศึกษาดูงาน และเป็นจุดเช็คอินแห่งใหม่ ผลการประกวด ได้รับรางวัลอันดับ 2 ของประเทศ ประเภทโดดเด่น ได้รับเงินรางวัล 2,200,000 บาท ถือเป็นความภาคภูมิใจ ของชาวเทศบาลนครเชียงใหม่ และพี่น้องชาวเชียงใหม่ เป็นอย่างมาก และพร้อมจะพัฒนาให้มีความสวยงาม อย่างยั่งยืนต่อไป ส่วนรางวัลที่ 1 เป็นของเทศบาลนครปากเกร็ด นนทบุรี ได้รับเงินรางวัล 3,200,000 บาท และที่ 3 เทศบาลเมืองวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ได้เงินรางวัล 1,500,000 บาท.

ทรงวุฒิ ทับทอง

(มีคลิป) “คลองโอตารุ” เชียงใหม่ รับรางวัลที่ 2 บริหารจัดการอปท. ประเภทโดดเด่น

“คลองโอตารุ” เชียงใหม่ รับรางวัลที่ 2 บริหารจัดการอปท. ประเภทโดดเด่น

ผลการประกวดคลองแม่ข่า หรือคลองโอตารุ ที่ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ ส่งเข้าประกวดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการที่ดี ประเภทโดดเด่น ได้รางวัลที่ 2 จากคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้รับเงินรางวัล 2,200,000 บาท สร้างความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก

นาย วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรประครองส่วนท้องถิ่น ได้มีการประกาศผล การคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีการบริหารจัดการที่ดี ประจำปีงบประมาณ 2566 ซึ่งทางเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้ส่งคลองแม่ข่าหรือคลองโอตารุ เชียงใหม่เข้าร่วมประกวด ในปีนี้ ในการบริหารจัดการ ปรับปรุงคุณภาพคลอง ที่มีน้ำเน่าเสีย ย่านชุมชนกำแพงงานและชุมชนหัวฝาย มาเป็นคลองสวยน้ำใส มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ และบ้านเรือนประชาชน ริมสองฝั่งคลองให้สวยงาม เป็นร้านค้าจำหน่ายสินค้าที่ระลึก อาหารเครื่องดื่ม จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม จนโลกโซเซียสตั้งชื่อ ให้เหมือนคลองโอตารุประเทศญี่ปุ่นเชียงใหม่

มีหน่วยงานต่างๆ เดินทางมาศึกษาดูงาน และเป็นจุดเช็คอินแห่งใหม่ ผลการประกวด ได้รับรางวัลอันดับ 2 ของประเทศ ประเภทโดดเด่น ได้รับเงินรางวัล 2,200,000 บาท ถือเป็นความภาคภูมิใจ ของชาวเทศบาลนครเชียงใหม่ และพี่น้องชาวเชียงใหม่ เป็นอย่างมาก และพร้อมจะพัฒนาให้มีความสวยงาม อย่างยั่งยืนต่อไป ส่วนรางวัลที่ 1 เป็นของเทศบาลนครปากเกร็ด นนทบุรี ได้รับเงินรางวัล 3,200,000 บาท และที่ 3 เทศบาลเมืองวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ได้เงินรางวัล 1,500,000 บาท.

ทรงวุฒิ ทับทอง

อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเตรียมสั่งระงับล้งทุเรียนใต้ ยกระดับคุมเข้มห้ามปนเปื้อนหนอนเจาะเมล็ดเด็ดขาด

อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเตรียมสั่งระงับล้งทุเรียนใต้
ยกระดับคุมเข้มห้ามปนเปื้อนหนอนเจาะเมล็ดเด็ดขาด

กรมวิชาการเกษตร เชิญผู้ว่าชุมพรประชุมด่วนวันนี้ กำหนดมาตรการแก้ปัญหาทุเรียนส่งออกที่ได้รับการเตือนจากจีน สั่งตรวจสอบคุณภาพทุเรียนใต้อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะหมดฤดูกาล พร้อมขอความร่วมมือเกษตรกรและล้งคัดแยกเกรดทุเรียนให้ชัดเจน เพื่อส่งโรงงานแปรรูป หรือเพื่อการส่งออก

นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า จากประเด็นข่าวทุเรียนไทยถูกจีนตีกลับเนื่องจากพบหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน (Mudaria luteileprosa) กรมวิชาการเกษตรไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด โดยได้รับหนังสือการแจ้งเตือนจาก GACC ผ่านทางทูตเกษตรประจำกรุงปักกิ่งให้ตรวจสอบย้อนกลับแต่ละชิปเม้นท์ของทุเรียนดังกล่าว ในวันนี้ ( 22 สิงหาคม 66) ได้มอบหมายให้ ดร. ภัสชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ร่วมประชุมผ่าน zoom กับนายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายดำรงศักดิ์ สินศักดิ์ ประธาน ศพก.ชุมพร ตัวแทนล้ง ประชุมด่วน ณ ห้องประชุมศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร เพื่อกำหนดมาตรการแก้ปัญหาทุเรียนส่งออกที่ได้รับการแจ้งเตือนจากจีน และการคัดเลือกทุเรียนคุณภาพเพื่อการส่งออก และให้ตระหนักถึงผลกระทบของการปนเปื้อนของหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน รวมถึงวิธีการคัดเลือกผลทุเรียนปราศจากหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน

พร้อมกันนี้ ได้มอบหมายให้ นางสาวฉันทนา คงนคร ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 7 จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยนายชัยศักดิ์ รินเกลื่อน ผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช ตรวจสอบล้งทุเรียนในจังหวัดชุมพรตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยหลังจากที่ได้พิจารณาข้อเท็จจริงแล้วจะเตรียมสั่งระงับล้งที่ถูกแจ้งเตือนจากจีนกรณีที่ถูกแจ้งเตือนพบหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน เนื่องจากส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การส่งออกทุเรียนไทยในภาพรวมของประเทศ และข้อตกลงตามมาตรการสุขอนามัยพืชของทั้งสองประเทศ ในประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขึ้นทะเบียนโรงงานผลิตสินค้าพืช พ.ศ. 2563 กล่าวคือ ต้องรักษาสถานภาพการรับรองมาตรฐานที่ได้ขอขึ้นทะเบียนไว้กับกรมวิชาการเกษตร

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของกรมวิชาการเกษตรตรวจสอบคุณภาพทุเรียนใต้อย่างต่อเนื่องจนหมดฤดูกาล และมีการบูรณาการร่วมกับทุกฝ่ายที่ทำงานอย่างหนัก เพื่อให้ทุเรียนไทยมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค คุมเข้มทุเรียนภาคใต้ส่งออกไปจีนต้องได้คุณภาพ ปลอดการปนเปื้อนศัตรูพืชอย่างเด็ดขาดและต้องตรวจสอบย้อนกลับได้ โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2566 จีนได้ขึ้นทะเบียนให้กับสวนและโรงคัดบรรจุผลไม้ไทย 13 ชนิด โดยเป็นทุเรียนกว่า 72,488 แปลง พร้อมกับเตรียมเสนอของบประมาณจากรัฐบาลใหม่สนับสนุนการตรวจสอบควบคุมคุณภาพทุเรียนให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ตามการเพาะปลูกทุเรียนที่มีเพิ่มมากขึ้น มั่นใจว่าจะช่วยผลักดันมูลค่าการส่งออกให้ถึงแสนล้านบาทต่อปีอย่างต่อเนื่องได้อย่างแน่นอน

กรมวิชาการเกษตรได้วางแนวทางผลักดันทุเรียนไทยให้มีมูลค่าส่งออกแสนล้านต่อปีไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมโยงระบบ e-Phyto ในการออกใบรับรองสุขอนามัยพืช (Phytosanitary Certificate: PC) กับระบบของสำนักงานศุลกากรจีน (GACC) การพัฒนา application ตรวจสอบปริมาณผลผลิตเชื่อมโยงกับระบบ e-Phyto เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์ใบรับรอง GAP ตลอดจนการพัฒนาระบบ e-service สำหรับการรับรอง GAP ของแปลง การออกใบรับรอง DOA ของโรงคัดบรรจุ และการออกใบรับรองสุขอนามัย (Health Certificate: HC) และอนาคตยังมองไปถึงการจัดตั้งกองทุนทุเรียนคุณภาพไทย (Thai Quality Durian Fund) เพื่อนำรายได้จากการส่งออกส่วนหนึ่งมาต่อยอดพัฒนายกระดับการผลิตทุเรียนทั้งระบบให้มีคุณภาพมาตรฐานในระยะยาว สร้างรายได้ให้กับเกษตรกร และผู้ประกอบการอย่างยั่งยืน

“ทุเรียนไทยยังคงเป็นที่ต้องการในตลาดจีนอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะมีทุเรียนคู่แข่งจากประเทศเพื่อนบ้านก็ตามและอนาคตยังไปต่อได้อีกไกล เพราะคนจีนกว่าครึ่งประเทศยังไม่ได้รับประทานทุเรียนไทย สิ่งสำคัญคือการรักษาคุณภาพให้มีความสม่ำเสมอ ตั้งแต่สวน โรงคัดบรรจุ ไปจนถึงการส่งออก และควรมีการวาง position ของทุเรียนเกรดพรี่เมียมของไทยให้มีราคาที่สูงขึ้นจากทุเรียนทั่วไปเพื่อเจาะตลาดระดับบนในจีนที่มีกำลังซื้อสูงด้วย จึงขอให้มั่นใจว่ากรมวิชาการเกษตรพร้อมเป็นสายลมใต้ปีก ผลักดันการบริการ และอำนวยความสะดวกในการส่งออกผลไม้ เพื่อบรรลุเป้าหมายมูลค่าส่งออกแสนล้านบาทต่อปี สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการอย่างยั่งยืน ภายใต้ภาวการณ์แข่งขัน” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว

************************

กิโลกรัมละ 2,000 บาท ทุเรียนพันธุ์ยาวลิ้นจี่ ถึงราคาจะแรง แต่คนชอบกินทุเรียนไม่เคยพลาด

กิโลกรัมละ 2,000 บาท ทุเรียนพันธุ์ยาวลิ้นจี่ ถึงราคาจะแรง แต่คนชอบกินทุเรียนไม่เคยพลาด

ยะลา -วันหยุดสุดสัปดาห์นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียข้ามแดนเข้าเที่ยวเมืองเบตงในช่วงผลไม้ถิ่นออกผลไม่พลาดที่ตามหา ทุเรียนสายพันธุ์ยาวลิ้นจี่ ที่กิโลกรัมละ 2,000 บาท ถึงราคาจะแรง แต่เมื่อชอบกินทุเรียนสายพันธุ์ยาวลิ้นจี่ ก็ไม่เกี่ยง
วันนี้ (18 ส.ค.66) ที่สวนทุเรียน ของ นายเกียมฟุย แซ่ชิน หรือ เฮียแฮปปี้ ซึ่งอยู่ในพื้นที่บ้านบ่อน้ำร้อน ตำบลตาเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา นอกจากจะปลูกทุเรียนสายพันธ์ต่างๆที่เป็นความต้องการของตลาดแล้ว ยังปลูกทุเรียนสายพันธุ์ “ยาวลิ้นจี่” ซึ่งเฮียแฮปปี้ บอกว่า ซึ่งเป็นทุเรียนพันธ์พื้นบ้านที่เขาเห็นและกินมาตั้งแต่เด็กในสวนทุเรียนของแม่ สมัยนั้นการทำสวนผลไม้ไม่ได้มีเทคโนโลยีอะไรอาศัยการทำเกษตรแบบชาวบ้านชาวสวนและส่งต่อสวนผลไม้กันมาจากรุ่นสู่รุ่ง จนเมื่อถึงรุ่นของตัวเองก็ลองปรับเปลี่ยนวิธีคิดและทดลองทำตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง จนประสบผลสำเร็จ และพัฒนาสายพันธ์จนกลายเป็น “ทุเรียนพันธุ์ยาวลิ้นจี่” ที่เลื่องชื่อไปไกลถึงต่างแดน และด้วยความมุ่งมั่น บากบั่น ทำสวนทุเรียนมากว่า 40 ปี ซึ่งกว่าจะประสบความสำเร็จมาจนถึงวันนี้ เคยถูกหาว่าเป็นคนบ้ามาแล้ว เพราะโค่นต้นยางพาราแล้วหันมาปลูกทุเรียนแทน ซึ่งสวนทางกับเกษตรกรคนอื่นๆในสมัยนั้น แต่ด้วยความมุมานะอุตสาหะ อดทนต่อสู้ จนตอนนี้ประสบผลสำเร็จ ในการทำสวนทุเรียนบนเนื้อที่กว่า 100 ไร่ ซึ่งนอกจากพันธุ์ยาวลิ้นจี่ ก็ยังมีทุเรียนพันธ์ หมอนทอง ก้านยาว ชะนี พวงมณี มูซังคิง โอวฉี่ และทุเรียนบ้าน

เฮียแฮปปี้ บอกว่า ทุเรียนพันธุ์ยาวลิ้นจี่ มีรสชาติดี มีกลิ่นหอมคล้ายกล้วยไม้ป่า ตอนเริ่มออกผลเท่ากำปั้นจะมีลักษณะเหมือนผลลิ้นจี่ ตนเองเลยตั้งชื่อว่ายาวลิ้นจี่ พอลูกโตมาหน่อย จะมีลักษณะคล้ายฟักทอง คือมี5พลูที่ขนาดเกือบจะเท่าๆกัน ลูกที่สมบูรณ์จะมีน้ำหนักประมาณ 3.5-4.5 กิโลกรัม และมี 5 พู แต่ถ้าลูกที่ไม่สมบูรณ์จะมีแค่ 4 พู เนื้อทุเรียนสีเหลือง ชวนรับประทาน เนื้อของทุเรียนจะล่อนไม่ติดเมล็ดเหมือนทุเรียนพื้นเมือง เนื้อค่อนข้างเนียนละเอียดคล้ายครีม หวานกำลังดี เป็นที่ถูกปากของผู้นิยมบริโภคทุเรียน ทั้งคนไทยและชาวมาเลเซีย
ส่วนราคาขาย อยู่ที่กิโลกรัมละ 2,000 บาท ปกติลูกหนึ่งประมาณ 2-4กิโลกรัม ก็ตกลูกละ 6,000 กว่าบาท สาเหตุที่ราคาแพงกว่าทุเรียนพันธุ์อื่นๆในเบตงก็เพราะผลผลิตในพื้นที่ตอนนี้มีน้อย เพราะ มีที่สวนของตัวเองเท่านั้น สวนอื่นๆที่ซื้อพันธุ์ไปปลูกยังไม่ให้ผลผลิต
สำหรับผู้ที่สนใจที่จะสั่งซื้อผลผลิตและสายพันธุ์ทุเรียนยาวลิ้นจี่ สามารถติดต่อ เฮียแฮปปี้ แห่งสวนแฮปปี้ทุเรียนยาวลิ้นจี่ ได้ที่ ตำบลตาเนาะแมเราะ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา หรือติดต่อทางเพจเฟซบุ๊ก : สวนแฮปปี้-ทุเรียนยาวลิ้นจี่ หรือโทร. 093-612-1825

ท้ายคลิปสัมภาษณ์ นายเกียมฟุย แซ่ชิน หรือ เฮียแฮปปี้ เจ้าของสวนแฮปปี้ทุเรียนยาวลิ้นจี่
ข่าว..เจษฎา สิริโยทัย จ.ยะลา
โทร.064-126-5593

สตูล ศรชล.สตูลยึดเรือลักลอบขน ลูกหอยแครงนำเข้าต่างประเทศ 1,375 กิโลกรัม

วันนี้ 14 กรกฎาคม 2566 เมื่อกลางดึกของวันที่ 13กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา หน่วยเฉพาะกิจพื้นที่ตอนใต้จังหวัดสตูล ศรชล.ภาค 3 (นก.พตต.ศรชล.ภาค 3) โดย น.อ.แสนย์ไท บัวเนียม ผบ.นก.พตต.ศรชล.ภาค 3 พร้อมด้วย น.อ.รัฐพล แก้วกระจาย หน.ศคท.จว.สต.ศรชล.ภาค 3ได้บูรณาการกำลัง ประกอบด้วย ศรชล.จังหวัดสตูล, สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสตูล และชุดปฏิบัติการพิเศษ นก.พตต.ศรชล.ภาค 3 ได้นำเรือ ศรชล.2906 และเรือเจ้าท่า 188 ออกตรวจพื้นที่และเรือที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยทางทะเลบริเวณ เกาะปูยู เกาะยาว และแนวเขตชายแดนทางทะเลไทย – มาเลเซีย พบเรือหางยาวทำด้วยไม้เครื่องติดท้าย จอดลอยลำอยู่ จำนวน 2 ลำ อยู่ บริเวณระหว่างเกาะยาวและเกาะกุรับ ซึ่งอยู่ในเขตน่านน้ำภายในราชอาณาจักรไทย ซึ่งมีพฤติกรรมที่น่าสงสัย จึงได้เข้าไปตรวจสอบและแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ขอตรวจค้นเรือทั้ง 2 ลำ โดยให้เจ้าของเรือทั้ง 2 ลำ เป็นผู้นำการตรวจค้นพร้อมกับสอบถามเจ้าของเรือทราบว่า เรือกำลังทำการพ่วงจูง เนื่องจากเรือเสีย ผลการตรวจค้นเรือลำที่เสียซึ่งมีสินค้าอยู่ในระวางเรือ พบว่าเป็นลูกพันธุ์หอยแครง ตรวจนับได้จำนวน 55 กระสอบ น้ำหนักกระสอบละ ๆ 25 กิโลกรัม รวม 1,375 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 400,000 บาท พร้อมลูกเรือคนไทย 2 คน ไม่มีเอกสารประจำเรือและเอกสารแสดงสินค้า

แจ้งข้อกล่าวหากับเรือที่ขนลูกพันธุ์หอยแครงว่ามีความผิดจะต้องถูกควบคุม/จับกุมตามกฎหมายในข้อหาห้ามมิให้ผู้ใดนำเข้าสัตว์น้ำหรือผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ห้ามมิให้ผู้ใดนำเข้า ส่งออก นำผ่าน เพาะเลี้ยง หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์น้ำ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย ประกอบประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดชนิดสัตว์น้ำที่ห้ามนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๖๔ บทกำหนดโทษ มาตรา ๑๔๔ และ “ผู้ใดนำเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกอาณาจักร ซึ่งของยังไม่ผ่านพิธีศุลกากร ตาม ม.๒๔๒ (ม.๒๔๖) และพ.ร.บ. การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.๒๔๕๖ มาตรา ๒๘๒ เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมผู้ต้องหาและตรวจยึดเรือพร้อมของกลาง นำมาจอดที่ท่าเทียบเรือสถานีตำรวจน้ำสตูล และได้ทำการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่าผู้ถูกควบคุมตัว จำนวน 2 คน ชื่อ นายสุชาติ หมัดยาดำ เป็น ผู้ควบคุมเรือ และนายสมภพ หมัดยาดำ เป็นลูกเรือ ได้นำเรือไปรับลูกพันธุ์หอยแครงจากฝั่งมาเลเซีย ซึ่งได้รับว่าจ้างจากโกแดง (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) ภูมิลำเนาอยู่จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นคนไทยที่อยู่ฝั่งมาเลเซีย ได้ค่าจ้างเที่ยวละ 1,000 บาท พอรับสินค้าเรียบร้อยจึงได้นำเรือวิ่งกลับเข้ามาในน่านน้ำไทยเพื่อนำของไปส่งบริเวณตำมะลัง ท่าแพบังแอล จนกระทั่งเวลาประมาณเวลา 20.00 น. เรือเกิดขัดข้องไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ จึงได้โทรหา นายนาราเฮม เตะปูยู ซึ่งเป็นน้าชายให้ช่วยเอาเรือมาลากเรือของตนเข้าฝั่งบริเวณตำมะลัง ท่าแพบังแอล เรือของ นายนาราเฮม ฯ ก็มาถึงพร้อมกับลูกเรือจำนวน 3 คน ได้ช่วยกันทำการพ่วงเรือ แต่ในขณะกำลังจะลากจูงได้มีเรือซึ่งแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ศรชล.จว.สตูล เข้ามาเทียบและขอทำการตรวจค้นจนพบลูกพันธุ์หอยแครง เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจับกุมพร้อมกับตรวจยึดเรือและลูกพันธุ์หอยแครงดังกล่าว จึงได้นำผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมบันทึกการจับกุมส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสตูล เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ได้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้สูญหาย พ.ศ.2565 การปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

สตูล // นิตยา แสงมณี ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดสตูล

“นาหลังจวน” ผู้ว่าฯมุกดาหาร พื้นที่ต้นแบบโคกหนองนา เพื่อการเรียนรู้

“นาหลังจวน” ผู้ว่าฯมุกดาหาร พื้นที่ต้นแบบโคกหนองนา เพื่อการเรียนรู้

เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2566 นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วย เครือข่ายโคกหนองนามุกดาหาร นางอัญชลี กัลมาพิจิตร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร ชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดมุกดาหาร พร้อมคณะฯ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดมุกดาหาร ประชาสัมพันธ์จังหวัด และสวท.มุกดาหาร ร่วมกิจกรรม เอา
มื้อสามัคคี “ดำนาข้าวไรซ์เบอรี่แบบปราณีต” พร้อมปลูกพืช บนคันนาทองคำ ณ สวนหลังจวน เนื่องในวโรกาส วันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2566 (หลังจากเก็บเกี่ยว ไปในวันฉัตรมงคล 4 พฤษภาคม ที่ผ่านมา )

นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ได้ทำสวนหลังจวน เป็นศูนย์ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาพื้นที่ตันแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” มีการปลูกพืชผักสวนครัว ไม้ผล ไม้ยืนต้น ทำนาปลูกข้าว การเลี้ยงปลา กบ เป็ด ไก่ ตามหลักกสิกรรมธรรมชาติและจัดการตามบริบทพื้นที่ เพื่อให้เป็นจุดเรียนรู้และศึกษาดูงานของหน่วยงาน องค์กรเครือข่าย และประชาชน บุคคลทั่วไปที่สนใจ

นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า พื้นที่หลังจวนผู้ว่าฯต้องการทำเป็นแบบอย่างเพื่อให้ข้าราชการและประชาชนได้นำไปประยุกต์ใช้ในกิจกรรมการเกษตรผสมผสานตามความเหมาะสมของพื้นที่
สำหรับข้าวที่ปลูกในครั้งนี้ เป็นข้าวไรซ์เบอรี่ จำนวน 5,000 กอ คาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 4 เดือน จึงจะถึงเวลาเก็บเกี่ยว และกิจกรรมในวันนี้ยังได้สร้างความรักสามัคคี ทั้งการทำงานและรับประทานอาหารร่วมกันอย่างมีความสุข.

Cr. ประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร

“นาหลังจวน” ผู้ว่าฯมุกดาหาร พื้นที่ต้นแบบโคกหนองนา เพื่อการเรียนรู้

“นาหลังจวน” ผู้ว่าฯมุกดาหาร พื้นที่ต้นแบบโคกหนองนา เพื่อการเรียนรู้

เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2566 นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วย เครือข่ายโคกหนองนามุกดาหาร นางอัญชลี กัลมาพิจิตร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร ชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดมุกดาหาร พร้อมคณะฯ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดมุกดาหาร ประชาสัมพันธ์จังหวัด และสวท.มุกดาหาร ร่วมกิจกรรม เอา
มื้อสามัคคี “ดำนาข้าวไรซ์เบอรี่แบบปราณีต” พร้อมปลูกพืช บนคันนาทองคำ ณ สวนหลังจวน เนื่องในวโรกาส วันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2566 (หลังจากเก็บเกี่ยว ไปในวันฉัตรมงคล 4 พฤษภาคม ที่ผ่านมา )

นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ได้ทำสวนหลังจวน เป็นศูนย์ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาพื้นที่ตันแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” มีการปลูกพืชผักสวนครัว ไม้ผล ไม้ยืนต้น ทำนาปลูกข้าว การเลี้ยงปลา กบ เป็ด ไก่ ตามหลักกสิกรรมธรรมชาติและจัดการตามบริบทพื้นที่ เพื่อให้เป็นจุดเรียนรู้และศึกษาดูงานของหน่วยงาน องค์กรเครือข่าย และประชาชน บุคคลทั่วไปที่สนใจ

นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า พื้นที่หลังจวนผู้ว่าฯต้องการทำเป็นแบบอย่างเพื่อให้ข้าราชการและประชาชนได้นำไปประยุกต์ใช้ในกิจกรรมการเกษตรผสมผสานตามความเหมาะสมของพื้นที่
สำหรับข้าวที่ปลูกในครั้งนี้ เป็นข้าวไรซ์เบอรี่ จำนวน 5,000 กอ คาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 4 เดือน จึงจะถึงเวลาเก็บเกี่ยว และกิจกรรมในวันนี้ยังได้สร้างความรักสามัคคี ทั้งการทำงานและรับประทานอาหารร่วมกันอย่างมีความสุข.

Cr. ประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร

“นาหลังจวน” ผู้ว่าฯมุกดาหาร พื้นที่ต้นแบบโคกหนองนา เพื่อการเรียนรู้

“นาหลังจวน” ผู้ว่าฯมุกดาหาร พื้นที่ต้นแบบโคกหนองนา เพื่อการเรียนรู้

เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2566 นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วย เครือข่ายโคกหนองนามุกดาหาร นางอัญชลี กัลมาพิจิตร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร ชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดมุกดาหาร พร้อมคณะฯ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดมุกดาหาร ประชาสัมพันธ์จังหวัด และสวท.มุกดาหาร ร่วมกิจกรรม เอา
มื้อสามัคคี “ดำนาข้าวไรซ์เบอรี่แบบปราณีต” พร้อมปลูกพืช บนคันนาทองคำ ณ สวนหลังจวน เนื่องในวโรกาส วันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2566 (หลังจากเก็บเกี่ยว ไปในวันฉัตรมงคล 4 พฤษภาคม ที่ผ่านมา )

นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ได้ทำสวนหลังจวน เป็นศูนย์ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาพื้นที่ตันแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” มีการปลูกพืชผักสวนครัว ไม้ผล ไม้ยืนต้น ทำนาปลูกข้าว การเลี้ยงปลา กบ เป็ด ไก่ ตามหลักกสิกรรมธรรมชาติและจัดการตามบริบทพื้นที่ เพื่อให้เป็นจุดเรียนรู้และศึกษาดูงานของหน่วยงาน องค์กรเครือข่าย และประชาชน บุคคลทั่วไปที่สนใจ

นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า พื้นที่หลังจวนผู้ว่าฯต้องการทำเป็นแบบอย่างเพื่อให้ข้าราชการและประชาชนได้นำไปประยุกต์ใช้ในกิจกรรมการเกษตรผสมผสานตามความเหมาะสมของพื้นที่
สำหรับข้าวที่ปลูกในครั้งนี้ เป็นข้าวไรซ์เบอรี่ จำนวน 5,000 กอ คาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 4 เดือน จึงจะถึงเวลาเก็บเกี่ยว และกิจกรรมในวันนี้ยังได้สร้างความรักสามัคคี ทั้งการทำงานและรับประทานอาหารร่วมกันอย่างมีความสุข.

Cr. ประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร

“นาหลังจวน” ผู้ว่าฯมุกดาหาร พื้นที่ต้นแบบโคกหนองนา เพื่อการเรียนรู้

“นาหลังจวน” ผู้ว่าฯมุกดาหาร พื้นที่ต้นแบบโคกหนองนา เพื่อการเรียนรู้

เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2566 นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วย เครือข่ายโคกหนองนามุกดาหาร นางอัญชลี กัลมาพิจิตร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร ชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดมุกดาหาร พร้อมคณะฯ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดมุกดาหาร ประชาสัมพันธ์จังหวัด และสวท.มุกดาหาร ร่วมกิจกรรม เอา
มื้อสามัคคี “ดำนาข้าวไรซ์เบอรี่แบบปราณีต” พร้อมปลูกพืช บนคันนาทองคำ ณ สวนหลังจวน เนื่องในวโรกาส วันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2566 (หลังจากเก็บเกี่ยว ไปในวันฉัตรมงคล 4 พฤษภาคม ที่ผ่านมา )

นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ได้ทำสวนหลังจวน เป็นศูนย์ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาพื้นที่ตันแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” มีการปลูกพืชผักสวนครัว ไม้ผล ไม้ยืนต้น ทำนาปลูกข้าว การเลี้ยงปลา กบ เป็ด ไก่ ตามหลักกสิกรรมธรรมชาติและจัดการตามบริบทพื้นที่ เพื่อให้เป็นจุดเรียนรู้และศึกษาดูงานของหน่วยงาน องค์กรเครือข่าย และประชาชน บุคคลทั่วไปที่สนใจ

นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า พื้นที่หลังจวนผู้ว่าฯต้องการทำเป็นแบบอย่างเพื่อให้ข้าราชการและประชาชนได้นำไปประยุกต์ใช้ในกิจกรรมการเกษตรผสมผสานตามความเหมาะสมของพื้นที่
สำหรับข้าวที่ปลูกในครั้งนี้ เป็นข้าวไรซ์เบอรี่ จำนวน 5,000 กอ คาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 4 เดือน จึงจะถึงเวลาเก็บเกี่ยว และกิจกรรมในวันนี้ยังได้สร้างความรักสามัคคี ทั้งการทำงานและรับประทานอาหารร่วมกันอย่างมีความสุข.

Cr. ประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com