ตม.เชียงใหม่ รวบหนุ่มออสเตรเลีย OVERSTAY 460 วัน พร้อมขึ้นแบล็กลิสต์ 10 ปี ก่อนส่งกลับประเทศ

ตม.เชียงใหม่ รวบหนุ่มออสเตรเลีย OVERSTAY 460 วัน พร้อมขึ้นแบล็กลิสต์ 10 ปี ก่อนส่งกลับประเทศ

ตม.เชียงใหม่ รวบหนุ่มออสเตรเลีย OVERSTAY 460 วัน
พร้อมขึ้นแบล็กลิสต์ 10 ปี ก่อนส่งกลับประเทศ

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปราม สืบสวนจับกุม ของ สตม. บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ในการนี้ พล.ต.ต.ศุภณัฎฐ์ เจริญเรืองสกุล ผบก.ตม.5 จึงสั่งการให้ ทุกด่านตรวจสอบข้อมูลรายชื่อบุคคลต่างด้าวและดำเนินการสืบสวน จับกุมบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay)

ตม.จว.เชียงใหม่ โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.ศราวุธ วะเท ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ และ
พ.ต.ท.หญิง พัสษลพร ศุกระศร รอง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ งานสืบสวนปราบปรามฯ ทำการสืบสวนเพื่อจับกุมคนต่างด้าว ซึ่งได้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.๒๕๒๒ หรือความผิดตามกฎหมายอื่น

วันที่ 6 มิ.ย.66 ชุดสืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ บูรณาการกำลังร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.5 ออกตรวจสอบสถานที่สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำความผิดในพื้นที่รับผิดชอบย่านศรีภูมิ ผลการตรวจสอบ สามารถจับกุมบุคคลต่างด้าวสัญชาติออสเตรเลีย จำนวน 1 ราย ข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (460 วัน)”
โดยชาวต่างชาติรายดังกล่าวอยู่ในราชอาณาจักรด้วยเหตุผล เป็นนักท่องเที่ยว ต่อมาถูกดำเนินคดี และไม่ได้มาดำเนินการยื่นขออยู่ต่อเมื่อครบกำหนดอนุญาต ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ จับกุมตัวได้ในที่สุด ซึ่งในกรณีคนต่างด้าวถูกจับกุมดำเนินคดี หากอยู่เกินระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตต่ำกว่า 1 ปี จะถูกห้ามกลับเข้ามาเป็นเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่เดินทางออกจากราชอาณาจักร และหากอยู่เกินระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตมากกว่า 1 ปี จะถูกห้ามกลับเข้ามาเป็นเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่เดินทางออกจากราชอาณาจักร

ทั้งนี้ หากต้องการแจ้งเบาะแส หรือหากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามกับทาง ตม.จว.เชียงใหม่
ได้โดยตรง ผ่านทาง website ของ ตม.จว.เชียงใหม่ : https://chiangmai.immigration.go.th หรือ Facebook : https://www.facebook.com/immchiangmai หรือสายตรงที่โทรศัพท์ 0 5320 1755.

ทรงวุฒิ ทับทอง

ตม.เชียงใหม่ รวบหนุ่มออสเตรเลีย OVERSTAY 460 วัน พร้อมขึ้นแบล็กลิสต์ 10 ปี ก่อนส่งกลับประเทศ

ตม.เชียงใหม่ รวบหนุ่มออสเตรเลีย OVERSTAY 460 วัน
พร้อมขึ้นแบล็กลิสต์ 10 ปี ก่อนส่งกลับประเทศ

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปราม สืบสวนจับกุม ของ สตม. บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ในการนี้ พล.ต.ต.ศุภณัฎฐ์ เจริญเรืองสกุล ผบก.ตม.5 จึงสั่งการให้ ทุกด่านตรวจสอบข้อมูลรายชื่อบุคคลต่างด้าวและดำเนินการสืบสวน จับกุมบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay)

ตม.จว.เชียงใหม่ โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.ศราวุธ วะเท ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ และ
พ.ต.ท.หญิง พัสษลพร ศุกระศร รอง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ งานสืบสวนปราบปรามฯ ทำการสืบสวนเพื่อจับกุมคนต่างด้าว ซึ่งได้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.๒๕๒๒ หรือความผิดตามกฎหมายอื่น

วันที่ 6 มิ.ย.66 ชุดสืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ บูรณาการกำลังร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.5 ออกตรวจสอบสถานที่สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำความผิดในพื้นที่รับผิดชอบย่านศรีภูมิ ผลการตรวจสอบ สามารถจับกุมบุคคลต่างด้าวสัญชาติออสเตรเลีย จำนวน 1 ราย ข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (460 วัน)”
โดยชาวต่างชาติรายดังกล่าวอยู่ในราชอาณาจักรด้วยเหตุผล เป็นนักท่องเที่ยว ต่อมาถูกดำเนินคดี และไม่ได้มาดำเนินการยื่นขออยู่ต่อเมื่อครบกำหนดอนุญาต ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ จับกุมตัวได้ในที่สุด ซึ่งในกรณีคนต่างด้าวถูกจับกุมดำเนินคดี หากอยู่เกินระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตต่ำกว่า 1 ปี จะถูกห้ามกลับเข้ามาเป็นเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่เดินทางออกจากราชอาณาจักร และหากอยู่เกินระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตมากกว่า 1 ปี จะถูกห้ามกลับเข้ามาเป็นเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่เดินทางออกจากราชอาณาจักร

ทั้งนี้ หากต้องการแจ้งเบาะแส หรือหากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามกับทาง ตม.จว.เชียงใหม่
ได้โดยตรง ผ่านทาง website ของ ตม.จว.เชียงใหม่ : https://chiangmai.immigration.go.th หรือ Facebook : https://www.facebook.com/immchiangmai หรือสายตรงที่โทรศัพท์ 0 5320 1755.

ทรงวุฒิ ทับทอง

ตม.เชียงใหม่ รวบหนุ่มออสเตรเลีย OVERSTAY 460 วัน พร้อมขึ้นแบล็กลิสต์ 10 ปี ก่อนส่งกลับประเทศ

ตม.เชียงใหม่ รวบหนุ่มออสเตรเลีย OVERSTAY 460 วัน
พร้อมขึ้นแบล็กลิสต์ 10 ปี ก่อนส่งกลับประเทศ

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปราม สืบสวนจับกุม ของ สตม. บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ในการนี้ พล.ต.ต.ศุภณัฎฐ์ เจริญเรืองสกุล ผบก.ตม.5 จึงสั่งการให้ ทุกด่านตรวจสอบข้อมูลรายชื่อบุคคลต่างด้าวและดำเนินการสืบสวน จับกุมบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay)

ตม.จว.เชียงใหม่ โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.ศราวุธ วะเท ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ และ
พ.ต.ท.หญิง พัสษลพร ศุกระศร รอง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ งานสืบสวนปราบปรามฯ ทำการสืบสวนเพื่อจับกุมคนต่างด้าว ซึ่งได้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.๒๕๒๒ หรือความผิดตามกฎหมายอื่น

วันที่ 6 มิ.ย.66 ชุดสืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ บูรณาการกำลังร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.5 ออกตรวจสอบสถานที่สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำความผิดในพื้นที่รับผิดชอบย่านศรีภูมิ ผลการตรวจสอบ สามารถจับกุมบุคคลต่างด้าวสัญชาติออสเตรเลีย จำนวน 1 ราย ข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (460 วัน)”
โดยชาวต่างชาติรายดังกล่าวอยู่ในราชอาณาจักรด้วยเหตุผล เป็นนักท่องเที่ยว ต่อมาถูกดำเนินคดี และไม่ได้มาดำเนินการยื่นขออยู่ต่อเมื่อครบกำหนดอนุญาต ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ จับกุมตัวได้ในที่สุด ซึ่งในกรณีคนต่างด้าวถูกจับกุมดำเนินคดี หากอยู่เกินระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตต่ำกว่า 1 ปี จะถูกห้ามกลับเข้ามาเป็นเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่เดินทางออกจากราชอาณาจักร และหากอยู่เกินระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตมากกว่า 1 ปี จะถูกห้ามกลับเข้ามาเป็นเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่เดินทางออกจากราชอาณาจักร

ทั้งนี้ หากต้องการแจ้งเบาะแส หรือหากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามกับทาง ตม.จว.เชียงใหม่
ได้โดยตรง ผ่านทาง website ของ ตม.จว.เชียงใหม่ : https://chiangmai.immigration.go.th หรือ Facebook : https://www.facebook.com/immchiangmai หรือสายตรงที่โทรศัพท์ 0 5320 1755.

ทรงวุฒิ ทับทอง

ตม.เชียงใหม่ รวบหนุ่มออสเตรเลีย OVERSTAY 460 วัน พร้อมขึ้นแบล็กลิสต์ 10 ปี ก่อนส่งกลับประเทศ

ตม.เชียงใหม่ รวบหนุ่มออสเตรเลีย OVERSTAY 460 วัน
พร้อมขึ้นแบล็กลิสต์ 10 ปี ก่อนส่งกลับประเทศ

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติงานด้านการป้องกันปราบปราม สืบสวนจับกุม ของ สตม. บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ในการนี้ พล.ต.ต.ศุภณัฎฐ์ เจริญเรืองสกุล ผบก.ตม.5 จึงสั่งการให้ ทุกด่านตรวจสอบข้อมูลรายชื่อบุคคลต่างด้าวและดำเนินการสืบสวน จับกุมบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay)

ตม.จว.เชียงใหม่ โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.ศราวุธ วะเท ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ และ
พ.ต.ท.หญิง พัสษลพร ศุกระศร รอง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ งานสืบสวนปราบปรามฯ ทำการสืบสวนเพื่อจับกุมคนต่างด้าว ซึ่งได้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.๒๕๒๒ หรือความผิดตามกฎหมายอื่น

วันที่ 6 มิ.ย.66 ชุดสืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ บูรณาการกำลังร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.5 ออกตรวจสอบสถานที่สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำความผิดในพื้นที่รับผิดชอบย่านศรีภูมิ ผลการตรวจสอบ สามารถจับกุมบุคคลต่างด้าวสัญชาติออสเตรเลีย จำนวน 1 ราย ข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (460 วัน)”
โดยชาวต่างชาติรายดังกล่าวอยู่ในราชอาณาจักรด้วยเหตุผล เป็นนักท่องเที่ยว ต่อมาถูกดำเนินคดี และไม่ได้มาดำเนินการยื่นขออยู่ต่อเมื่อครบกำหนดอนุญาต ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่สืบสวน ตม.จว.เชียงใหม่ จับกุมตัวได้ในที่สุด ซึ่งในกรณีคนต่างด้าวถูกจับกุมดำเนินคดี หากอยู่เกินระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตต่ำกว่า 1 ปี จะถูกห้ามกลับเข้ามาเป็นเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่เดินทางออกจากราชอาณาจักร และหากอยู่เกินระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตมากกว่า 1 ปี จะถูกห้ามกลับเข้ามาเป็นเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่เดินทางออกจากราชอาณาจักร

ทั้งนี้ หากต้องการแจ้งเบาะแส หรือหากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามกับทาง ตม.จว.เชียงใหม่
ได้โดยตรง ผ่านทาง website ของ ตม.จว.เชียงใหม่ : https://chiangmai.immigration.go.th หรือ Facebook : https://www.facebook.com/immchiangmai หรือสายตรงที่โทรศัพท์ 0 5320 1755.

ทรงวุฒิ ทับทอง

พะเยาต้นโพธิ์-ต้นศรี ต้นไม้วิเศษ งอกออกยืนต้นได้ทุกที่ ใต้ฝ้าเพดาน ลอยกลางอากาศ บนดิน-บนรั้ว บนพื้นคอนกรีต ได้หมดแต่ไม่ตาย

วันที่ 5 มิ.ย. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดความแปลกประหลาด ของต้นโพธิ์ หรือต้นมหาโพธิ์ หรือต้นศรี ที่มีความวิเศษ ขยายพันธุ์เองแบบธรนมชาติ ผลดอก ลอยไปตกที่ไหน ก็จะงอก ของต้น อยู่ตรงนั้น และสามารถ ยืนต้น ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งตั้งตัวตรง ทั้งนอน ราบ ทั้งห้อย ตลอดจน ยืนต้นอยู่บน ตึกอาคาร ฝ้าเพดานอาคาร บนถนน คอนกรีต หรือสถานที่ต่างๆ ทั้งผืนดินและไม่มีผืนดินตลอดจนบนรั้ว และพื้นที่ต่างๆ สามารถออกยืนต้นได้ โดยไม่แห้งเหี่ยวเฉาตายแต่อย่างใด ถึงแม้ไม่มีน้ำเลี้ยงตามรากแต่อย่างใด

จากการสังเกตพบว่าต้นโพธิ์หรือต้นศรีมหาโพธิ์ เป็นต้นไม้วิเศษที่ควบคู่กับพระพุทธศาสนา มาหลายพันปีตามตำนานพระพุทธเจ้า ตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ์ จนถือว่าต้นโพธิ์เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ มีรุกขเทวาสิงสถิต เพราะ ดอกผลของต้นโพธิ์ เมื่อถูกลมพัดปลิวหรือตกหล่นอยู่ตรงไหนก็สามารถงอกออกเป็นลำต้นได้ ทุกที่แม้แต่ บนพื้นซีเมนต์บนพื้นคอนกรีต บนรั้วใต้ฝ้าเพดาน คอนกรีต บนถนนคอนกรีต สามารถยืนต้นได้ทุกที่ทั้งที่ไม่มีน้ำหล่อเลี้ยงลำต้นแต่อย่างใด แต่สามารถ เจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี และเป็นต้นไม้ที่โตเร็ว มาก และมักจะพบเห็น มีการปลูกตามวัดป่าอารามหรือสถานที่สำคัญ ที่มีมาตั้งแต่โบราณกาลกว่า2,000ปี จนถึงปัจุบัน

จึงมีความเชื่อกันว่า ต้นโพธิ์หรือต้นศรีมหาโพธิ์ เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์วิเศษ เมื่อดอกผลตกลงตรงไหนก็จะงอกออกยืนต้นตรงนั้นโดยไม่เลือกสถานที่ว่าจะเป็นผืนดิน หิน ทราย ไม้ หรือคอนกรีต งอกยืนต้นได้หมดถึงไม่มีน้ำหล่อเลี้ยงลำต้นก็ตาม ไม่แห้งเหี่ยวเฉาตาย และจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วอีกด้วย

 

ปัณณวิชญ์ อยู่ดี จังหวัดพะเยา

ททท.พังงาต้อนรับคณะแรลลี่ไลออนส์การกุศลจากนครศรีฯ เที่ยวพังงาแวะกินทุเรียนสาลิกา

ที่สวนทุเรียนอารมณ์ดีคุณรวยชัย ต.ทุ่งมะพร้าว อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา นายอุทิศ ลิ่มสกุล ผอ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท)สำนักงานพังงาต้อนรับพร้อมด้วย นส.ประไพ พุกงาม สถิติจังหวัดพังงา นางจนาพร กิตติพรหมวงศ์ ผู้ใหญ่บ้านม.1 บ้านทุ่งมะพร้าว ร่วมต้อนรับ คณะแรลลี่ไลออนส์การกุศล “ชวนน้องล่องใต้ 2023” ที่ทางสโมสรไลออนส์ทุ่งสงและสโมสรไลออนส์ทุ่งสง-รัษฎา เฉลิมราชย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดขึ้นในเส้นทาง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช-เขาหลัก จ.พังงา ในระหว่างวันที่ 4-5 มิถุนายน 2566 เพื่อสร้างความสัมพันธ์ ส่งเสริมสนับสนุนการท่องเที่ยวและนำรายได้ส่วนหนึ่งจัดกิจกรรมสาธารณะกุศลของสโมสรไลออนส์ทุ่งสง ซึ่งมีรถเข้าร่วมแข่งขัน จำนวน 50 คัน และผู้เข้าร่วมจำนวนกิจกรรมจำนวน 150 คน

โดยททท.พังงา ได้มอบของที่ระลึกและแจกพิกัดเส้นทางทัวร์ผลไม้สวนทุเรียน สวนมังคุดในจังหวัดพังงา เป็นข้อมูลให้คณะได้แวะเข้าชม ชิม ช้อป ทุเรียนสาลิกา ราชาทุเรียนบ้าน และมังคุดทิพย์พังงา ราชินีผลไม้ชื่อดังของจังหวัดพังงา เพื่อสนับสนุนสร้างรายได้ให้ชุมชนเกษตรกรชาวสวนผลไม้มากยิ่งขึ้น

ขณะที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ร่วมกันอุดหนุนทุเรียนสาลิกา และมังคุดทิพย์พังงา โดยให้ผ่าทุเรียนสาลิกากินกันแบบสดๆซึ่งเมื่อได้ลิ้มชิมรสแล้วต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อยที่สุด จากที่เคยกินทุเรียนพื้นบ้านมา มีเนื้อสัมผัสที่เป็นครีมมี่ หวานละมุน กลิ่นไม่ฉุน และทานมังคุดทิพย์พังงาที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว ปิดท้ายด้วยมะพร้าวน้ำหอมสดๆ บางคนก็มีการซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านอีกด้วย จากนั้นคณะทั้งหมดก็เดินทางไปทำกิจกรรมต่อและเข้าพักที่เขาหลัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา

รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ร่วมเป็นสักขีพยานส่งมังคุดทิพย์พังงาไปจังหวัดบุรีรัมย์

วันที่ 5 มิ.ย. 2566 ที่ศูนย์เรียนรู้บ้านตีนเป็ด หมู่ 2 ตำบลลำภี อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา นายเถลิงศักดิ์ นุชประหาร รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ร่วมเป็นสักขีพยานในการส่งมังคุดทิพย์พังงาไปจังหวัดบุรีรัมย์ โดยนายวิวัฒน์ วสันต์ ประธานกลุ่มมังคุดแปลงใหญ่ตำบลลำภี เป็นผู้คัดมังคุดทิพย์พังงาคุณภาพให้กับ สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.พังงา (สกต.พังงา) เพื่อส่งมอบให้กับ สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.บุรีรัมย์ (สกต.บุรีรัมย์)

โดยจัดส่งกับกล่องบรรจุภัณฑ์ผลไม้กระทรวงพาณิชย์ จำนวน 300 กล่อง ประมาณ 3 ตัน และได้รับความร่วมมือจากไปรษณีย์จังหวัดพังงาบริการจัดส่งให้ฟรี ในราคากิโลกรัมละ 34 จาก จากราคาตามท้องตลาด ณ ปัจจุบันในราคากิโลกรัมละ 20 บาท เพื่อตรึงราคาให้สูงขึ้นกว่าท้องตลาด

ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.พังงา จำกัด ได้ทำบันทึกข้อตกลงลงนามในการเชื่อมโยงสินค้ามังคุดทิพย์พังงา จำนวน 15 ตัน แลกกับ ข้าวหอมมะลิบุรีรัมย์ จำนวน 30 ตัน ซึ่งวันที่ 5 มิถุนายน 2566 สกต.พังงา ได้ส่งมอบมังคุดทิพย์พังงา จำนวน 3 ตัน และจะทยอยส่งเรื่อยๆ แต่หากมังคุดไม่ได้คุณภาพทาง สกต.พังงา จะชะลอการส่งมอบทันที

กาฬสินธุ์ จับไทม์ไลน์ฟาร์มขี้หมูเหม็น เหตุเอกชนพูดไม่หมดทำชาวแบกรับหนี้สินเพิ่ม

ธุรกิจเลี้ยงหมูเงินล้านอำพราง สุดท้ายกลายเป็นเลี้ยงหมูขี้เหม็นกระทบชุมชน ชาวบ้านระบุนายทุน “พูดไม่หมด” ล่อใจด้วยโครงการสวยหรูหยิบเงินล้าน แต่เอาเข้าจริงทำชาวบ้านชอกช้ำ แบกรับภาระหนี้สินคนเลี้ยงหมูรายละ 6-8 ล้านบาท เรียกร้องเอกชนร่วมมือช่วยเหลือ ด้วยหลักเมตตาธรรมค้ำจุนโลก เห็นในเกษตรเลี้ยงหมูคนจน อย่าปล่อยให้รับภาระหนักฝ่ายเดียว

จากกรณีชาวบ้านใน ต.สหัสขันธ์ และต.นามะเขือ อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ได้รับความเดือดร้อนสาหัส จากกลิ่นเหม็นของขี้หมู ที่โชยออกมาจากฟาร์มเลี้ยงหมูเอกชน 16 ฟาร์ม โดยมีผลกระทบจากมลภาวะเป็นพิษทางอากาศ ส่งผลให้สุขภาพจิตเสีย ปวดหัวปวดประสาทและเจ็บป่วยด้วยโรคทางลมหายใจ เรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรีบแก้ไข ล่าสุดล่ารายชื่อ และร้องทุกข์กล่าวโทษเอกชนและผู้เลี้ยงหมู ให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะที่นายอำเภอสหัสขันธ์เรียกทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมหาทางออก เดทไลน์แก้ปัญหาระยะเร่งด่วนภายใน 2 สัปดาห์ และแก้ปัญหาทั้งระบบภายใน 2 เดือน ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 5 มิถุนายน 2566 นายสุทิน กาญจนรัช ปศุสัตว์ จ.กาฬสินธุ์ ได้ชี้แจงปัญหาที่เกิดขึ้น รวมทั้งความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหากลิ่นเหม็นจากฟาร์มหมู ว่าก่อนที่เกษตรกรหรือผู้ประกอบการเลี้ยงหมู จะนำหมูเข้ามาเลี้ยงนั้น ทราบว่าทางท้องถิ่นโดย อบต.สหัสขันธ์ได้ออกใบอนุญาตให้ทำการเลี้ยงได้ ในขณะที่บริษัทเอกชนที่เข้ามาส่งเสริมเลี้ยงหมู ก็ได้รับรองมาตรฐานของโครงสร้างและระบบในฟาร์มเป็นที่เรียบร้อย ทางปศุสัตว์จึงได้อนุญาตให้นำหมูเข้ามาเลี้ยง ซึ่งเป็นหมูของบริษัทเอกชนรายดังกล่าวเอง โดยมีการทำสัญญากับเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู ส่วนปัญหาฟาร์มขี้หมูเหม็นนั้น จากการตรวจสอบร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง พบว่ามีสาเหตุจากการบริหารจัดการในฟาร์มไม่ดีพอ

นายสุทินกล่าวอีกว่า สาเหตุดังกล่าว จากการสอบถามพบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ ยังขาดประสบการณ์ในการเลี้ยงหมู ขณะที่การบริหารจัดการในฟาร์ม หรือการจัดการในคอกหมูไม่สมบูรณ์แบบ เช่น การเก็บกวาดมูลหมู ให้จัดเก็บเช้า-เย็น ล้างด้วยน้ำสะอาด รวมทั้งใช้สารอินทรีย์ดับกลิ่นวันละ 3-4 ครั้ง แต่เกษตรกรไม่ได้ปฏิบัติตามนั้น จึงเกิดเป็นปัญหาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การให้อนุญาตเลี้ยงหมู ทั้งส่วนของท้องถิ่นและปศุสัตว์ เป็นการให้อนุญาตก่อนที่ปัญหาจะเกิด ซึ่งมีสาเหตุจากการบริหารจัดการและการกำกับดูแลของเอกชนที่เข้ามาส่งเสริม

นายสุทินกล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากเกิดปัญหาและนำมาสู่ขั้นตอนการร่วมแก้ไขปัญหาของทุกภาคส่วน ซึ่งมีการลงพื้นที่ติดตามผลทุกวัน โดยเป็นการแก้ปัญหาระยะเร่งด่วน คือติดตั้งม่านน้ำเพื่อดูดซับกลิ่นให้ครบทุกฟาร์ม และให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ พบว่าขณะนี้การแก้ไขปัญหามีความคืบหน้าประมาณ 80% ขณะที่ในส่วนของการตัดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียให้มีคุณภาพ ก็จะได้ดำเนินการในลำดับต่อไป โดยมีกรอบดำเนินการทำงานไม่เกิน 2 เดือนตามมติในที่ประชุมเมื่อวันที่ 23 พ.ค.66 ที่ผ่านมา สำหรับการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ อยู่ระหว่างประสานกับเอกชน ที่เข้ามาส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงหมู
ด้านนางดอกไม้ แก้วสีทา หนึ่งในเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูบ้านถ้ำปลา ต.สหัสขันธ์ อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ก่อนที่จะตัดสินใจทำฟาร์มเลี้ยงหมูประมาณ 1,400 ตัวนั้น มีตัวแทนของบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเสียงระดับประเทศ มาชักชวนชาวบ้านเลี้ยงหมู ซึ่งจะรายได้ดี มีกำไรกว่าทำการเกษตรปลูกมันปลูกอ้อยและยางพารา โดยจะเป็นฝ่ายดำเนินการด้านแหล่งเงินทุนกับ ธกส. รวมทั้งโครงสร้างฟาร์ม และรับซื้อผลผลิตให้ ทั้งนี้ หลังจากตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ ได้มีการทำสัญญา เมื่อวันที่ 1 เม.ย.66 สิ้นสุดสัญญา 31 มี.ค.68 โดยชาวบ้านในฐานะรับจ้างเลี้ยง

นางดอกไม้กล่าวอีกว่า จากคำชักชวนของตัวแทนบริษัทดังกล่าว บอกแต่เรื่องผลประโยชน์เป็นเงินแสนเงินล้านจากการจับหมูจำหน่าย แต่ไม่มีความชัดเจนในเรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้น อย่างที่เกิดปัญหาขี้หมูเหม็น และเป็นสาเหตุให้เพื่อนบ้านร้องเรียน นอกจากนี้ ทั้งยังทำให้คนเลี้ยงหมูต้องขอสินเชื่อ ธกส.เพิ่มสูงขึ้น จากเดิมที่กู้มาลงทุนครั้งแรก 6.4 ล้านบาท ก็ต้องกู้เพิ่มเพื่อทำระบบแก้ไขปัญหาขี้หมูเหม็นอีก 4 แสนบาท รวมเป็น 6.8 ล้านบาท ปัญหาที่เกิดขึ้นและภาระที่หนี้สินที่เพิ่มขึ้น เหมือนเป็นปัญหาและหนี้สินที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว และโดยไม่ได้เจตนา เพราะตัวแทนบริษัทที่มาชักชวนพูดไม่หมด ชาวบ้านที่หลวมตัวเลี้ยงหมูจึงไม่ต่างกับตกหลุมพราง

“จึงอยากให้ทางบริษัทดังกล่าว เห็นอกเห็นใจเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูคนจน อย่าปล่อยให้รับภาระที่หนักอึ้งเพียงฝ่ายเดียว เพราะคิดว่าอย่างไรเสีย ทางบริษัทก็ต้องคาดการณ์ออกว่าจะเกิดปัญหาอะไรบ้างในระหว่างการเลี้ยงหมู แล้วทำไมไม่เร่งรีบป้องกันแต่ทีแรก ดังนั้น เมื่อปัญหาเกิดขึ้นแล้ว จึงอยากให้ทางบริษัทดังกล่าว เข้ามาร่วมมือช่วยเหลือตามหลักเมตตาธรรมค้ำจุนโลก อย่าปล่อยให้เกษตรกรผู้เลี้ยงหมู รับภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นเพียงฝ่ายเดียวเลย” นางดอกไม้กล่าวในที่สุด

ทำวัตร สวดมนต์ เจริญจิตภาวนา

ทำวัตร สวดมนต์ เจริญจิตภาวนา

เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2566 วิสาขบูชา พระธีรศักดิ์ อาทิจฺจวํโส ประธานสงฆ์สำนักสงฆ์สามหลัง ตำบลบ่อหลวง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ นำเด็กและเยาวชน ทำวัตร สวดมนต์ อบรม เจริญจิตภาวนา เวียนเทียนและแผ่เมตตา เนื่องในวัน “วิสาขบูชา” วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา วันสำคัญของโลก ณ สำนักสงฆ์สามหลัง ตำบลบ่อหลวง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่.

ทรงวุฒิ ทับทอง / ณัฐพล แสนเมืองมา

ทำวัตร สวดมนต์ เจริญจิตภาวนา

ทำวัตร สวดมนต์ เจริญจิตภาวนา

เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2566 วิสาขบูชา พระธีรศักดิ์ อาทิจฺจวํโส ประธานสงฆ์สำนักสงฆ์สามหลัง ตำบลบ่อหลวง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ นำเด็กและเยาวชน ทำวัตร สวดมนต์ อบรม เจริญจิตภาวนา เวียนเทียนและแผ่เมตตา เนื่องในวัน “วิสาขบูชา” วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา วันสำคัญของโลก ณ สำนักสงฆ์สามหลัง ตำบลบ่อหลวง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่.

ทรงวุฒิ ทับทอง / ณัฐพล แสนเมืองมา