หมวดหมู่: ข่าวการเมือง

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้เข้าพื้นที่สังเกตการณ์การหาเสียงเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน
บ้านโป่งศรี หมู่ที่ 10 ตำบลบ้านถิ่น อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่เปลี่ยนไปอย่างคึกคัก เหลือเวลาอีกไม่กี่วันจะถึงวันเลือกตั้งโดยทางอำเภอเมืองแพร่ ได้กำหนดให้วันวันศุกร์ ที่ 10 พฤศจิกายน 2566 เป็นวันเลือกตั้ง และตั้งแต่เวลา 08.00 -15.00 น

สำหรับการเลือกตั้งในครั้งนี้มีผู้สมัคร 2 คนคือ นางสายฝน กองโกย อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เบอร์ 1 มีสโลแกนว่า “สานงานต่อ ก่องานใหม่ ขออาสาพัฒนารับใช้ชุมชน หมู่ 10 ด้วยความจริงใจและสร้างความสามัคคี” สำหรับทีมงานเสนอ นายวิรัตน์ บุญทองแก้ว, นายอุเทน แก้วพนา เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สำหรับ เบอร์ 2 นายธีรพล โป่งทราย สโลแกนว่า “รู้งานรู้หน้าที่ นำสิ่งดีๆมาพัฒนาหมู่บ้าน” พร้อม “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข”

สำหรับการหาเสียงเลือกตั้ง ช่วงนี้นับเป็นโค้งสุดท้ายของการใกล้เลือกตั้ง ผู้สมัครแต่ละคนก็จะเดินเคาะประตู พบกับพี่น้องชาวบ้านแต่ละหลังคาเรือนและขอคะแนนเสียงจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

นายธีรพล โป่งทราย สมัครเบอร์ 2 ได้กล่าวว่า การให้เสียงเลือกตั้งช่วงนี้เป็นโค้งสุดท้ายถึงวันเลือกตั้งวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 นี้ ส่วนมากจะออกพบปะพี่น้องประชาชนขอคะแนนเสียงด้วยการเคาะประตูบ้านทุกหลังคาเรือนจากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี

“ทั้งนี้ตนเองก็ไม่ได้ประมาทคู่ต่อสู้แต่อย่างใด ได้ออกพบปะพี่น้องประชาชนเป็นครั้งที่ 2 ที่ 3 ก็ต้องออกพบปะอย่างต่อเนื่องการเลือกตั้งครั้งนี้ ทางอำเภอเมืองแพร่มีการกำชับในการหาเสียง อย่าโจมตีคู่ต่อสู้ ซึ่งในตรงนี้ ผมถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากเพราะผมได้ทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมาเป็นเวลานาน และได้รับรู้รับทราบปัญหาพี่น้องประชาชนดี ส่วนจะได้มีโอกาสทำงานให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่หมู่ 10 ได้ตามความตั้งใจของผมหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชนจะให้โอกาสผมและทีมงานเข้ามาดูแลพี่น้องประชาชนหรือไม่อย่างไรนั้น ในวันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายนนี้ และขอฝากพี่น้องประชาชนเลือกผม นายธีรพล โป่งทราย สมัครเบอร์ 2 และทีมงานเข้ามาเป็นผู้ใหญ่ บ้านโป่งศรี บ้านหมู่ที่ 10 ตำบลบ้านถิ่นฯ และขอขอบพระคุณล่วงหน้าทุกคะแนนเสียงครับ”

จากการสอบถามพี่น้องประชาชนในพื้นที่ นายธีรพล โป่งทราย” เบอร์ 2 มาแรง ที่พี่น้องชาวบ้านให้การสนับสนุนและกล่าวถึงเป็นส่วนมาก

ญาณัจฉรา โชติถนอมกิจ
ราเชนทร์ โชติถนอมกิจ

แพร่….รายงาน

นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ หรือ ทนายแวยูแฮ ส.ส.เขต 4 พรรคประชาชาติ จ.นราธิวาส ในฐานะโฆษกพรรคประชาชน เปิดเผยว่า ก่อนอื่นต้อขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ไว้วางใจเลือก ส.ส.พรรคประชาชาติแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อเข้าทำหน้าที่ในสภาอันทรงเกียรติถึง 9 คน ที่คาดหวังพรรคประชาชาติเป็นพรรคพาหุวัฒนธรรม ที่สามารถแก้ไขปัญหาที่หมักหมมโดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้มีความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นจนนำปสู่ความยั่งยืนที่มั่นคง ซึ่งทางพรรคร่วมรัฐบาลได้คัดสรรด้วยความมั่นใจว่าพรรคประชาชาติ สามารถที่จะตอบสนอนโยบายขอพี่น้องประชาชนในการแก้ไขปัญหาระดับรากหญ้า ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

“ ตนขอเวลาพี่น้องประชาชนเปิดใจกว้างใช้เวลาทำงาน 4 ปี ต่อจากนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ หลังจากที่ทาง พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคประชาชาติคนใหม่ และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ท่านมีความคิดความอ่านตั้งใจที่จะใช้ความสามารถส่วนตัว และประสบการณ์จากเคยดำรงตำแหน่ง เลขาธิการ ศอ.บต.ที่จะเชื่อมต่อกระทรวงต่างๆ เพื่อนำนโยบายที่ได้ประกาศไว้จะทำให้พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นสังคมพาหุวัฒนธรรมเดินหน้าไปสู่ความอยู่ดีมีสุขของประชาชนทุกระดับชั้นและทั่วประเทศ เพราะพรรคประชาชาติเป็นพรรคของคนทั้งประเทศที่ท่านตั้งใจให้เกิดเป็นรูปธรรมต่อแต่นี้ไป “ นายกมลศักดิ์ โฆษกพรรคประชาชาติ กล่าว

นอกจากนี้ นายกมลศักดิ์ โฆษกพรรคประชาชาติ ยังกล่าวอีกด้วยว่า ทางพรรคประชาชาติเราจะนำนโยบายเรื่องเก่าๆที่เคยนำเสนอต่อสภาที่ไม่ผ่านความเห็นชอบ มารื้อฟื้นและปรับปรุงให้มันดีขึ้นในสมัยนี้อีกครั้ง เมื่อเราเป็นรัฐบาลสามารถที่จะขยับก้าวได้มากกว่าสมัยที่ผ่านมา โดยเฉพาะนโยบายสันติภาพที่ผ่านการพูคุยมาแล้ว 3 ครั้ง เราจะนำมาเป็นบทเรียนร่วมกับพรรคฝ่ายรัฐบาล ทั้งพรรคก้าวไกล พรรคภูมิใจไทยแลพรคอื่นๆ ที่เป็นฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลเคยมีนโยบายสอดคล้องกันในช่วงหาเสียง มาร่วมกันคิดร่วมกันทำให้บรรลุความสำเร็จในรัฐบาลชุดนี้ในจงได้ แต่ที่สำคัญขอให้ประชาชนเปิดใจกว้างและให้โอกาสพรรคประชาชาติ ทำตามคำมันสัญญาแต่ผมเชื่อว่าทุกอย่างต่องเปลี่ยนแปลงและดีขึ้นอย่างแน่นอน

นราธิวาส/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ

ตัวแทนกลุ่มคนเสื้อแดงกาฬสินธุ์ และกลุ่มคนรัก “ทักษิณ”เหมารถตู้เดินทางไปรอรับ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี หลังทราบข่าวว่าจะมีกำหนดเดินทางกลับประเทศไทยในวันพรุ่งนี้ หลังรอคอยการกลับมากว่า 17 ปี ย้ำชาวกาฬสินธุ์และชาวอีสานยังคงคิดถึงนายกทักษิณในดวงใจ

วันที่ 21 สิงหาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ชุมชนทุ่งมน เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ตัวแทนกลุ่มคนเสื้อแดง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ และกลุ่มคนรัก “ทักษิณ” กว่า 40 คน นำโดยนายอุทิศ พรมสิทธิ์ อายุ 50 ปี และนายพิทยา พลเยี่ยม หรือครูยา พากันจัดเตรียมสัมภาระขึ้นรถตู้ 4 คัน เพื่อเดินทางไปสนามบินดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เพื่อรอต้อนรับพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี หลังทราบข่าวว่าจะมีกำหนดการที่จะเดินทางกลับประเทศไทยในวันพรุ่งนี้
นายอุทิศ พรมสิทธิ์ อายุ 50 ปี ตัวแทนคนเสื้อแดง และกลุ่มรักทักษิณ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 17 ปีที่ผ่านมา กลุ่มคนเสื้อแดง กลุ่มคนรักทักษิณ ชาว จ.กาฬสินธุ์ และชาวอีสาน ยังคงคิดถึงนายกรัฐมนตรีที่เก่งที่สุด ชื่อพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ซึ่งหลายปีที่ผ่านมานายกทักษิณยังคงอยู่ในดวงใจของชาวกาฬสินธุ์ และหลายคนยังคงรอการกลับมาของนายกทักษิณ ชินวัตรอยู่เสมอ

นายอุทิศ กล่าวอีกว่า วันนี้กลุ่มคนเสื้อแดง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ และกลุ่มคนรัก “ทักษิณ” นอกจากนี้ยังมีพี่น้องเสื้อแดงอีก 18 อำเภอก็ได้ร่วมกันเช่ารถตู้ เพื่อจะเดินทางไปรอต้อนรับนายกทักษิณ หลังจากทราบว่าจะเดินทางกลับประเทศไทยในวันพรุ่งนี้ ซึ่งทุกคนรู้สึกตื่นเต้น และอยากพบ อยากกอดนายกทักษิณอีกครั้ง วันนี้ทุกคนจึงเดินทางไปด้วยใจ นำเอาความคิดถึง ความห่วงใย และความรักไปฝากในครั้งนี้ด้วย

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2566 นายองค์การ ชัยบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล นายณกรณ์ ชารีพันธ์ ส.ส.มุกดาหาร เขต 2 นายธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมกิจกรรมสมาชิกสัมพันธ์ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับสมาชิกพรรคก้าวไกลจังหวัดมุกดาหาร และผู้สนับสนุนพรรค ฯ

โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นที่โรงแรมเคียงโขง ต.มุกดาหาร อ.เมือง จ.มุกดาหาร เพื่อรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกและผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล มีการบรรยายพิเศษ โดย อ.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ ในหัวข้อเรื่องพัฒนาทางการเมืองจากอดีตกับห้าทศวรรษที่หายไป และในหัวข้อวิวัฒนาการทางการเมืองจากอดีตสู่ปัจจุบันกับห้าทศวรรษที่สูญหายกับสายลมของการเปลี่ยนแปลง

ด้านนายองค์การ ชัยบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล พูดในประเด็นเรื่องการทำหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสภา เพื่อพี่น้องประชาชนเพราะ สส.ก้าวไกล หัวใจคือประชาชน ด้านนายณกรณ์ ชารีพันธ์ ส.ส.มุกดาหาร เขต 2 ส.ส.ใหม่ ป้ายแดงกับการทำงานการเมืองเพื่อปากท้องของประชาชน การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต ใหญ่กว่าคนคือพรรค ใหญ่กว่าพรรคคือประชาชน เพราะเราคือผู้แทนของประชาชนทุกคน

ไกรสมุทร นามโพธิ์ไทร /รายงานจากมุกดาหาร
081-0501177

วันที่ 22 ก.ค.66 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล พร้อมคณะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชลบุรี พรรคก้าวไกล ได้กำหนดจัดกิจกรรม “มาตามสัญญา พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ON THE BEACH ณ ชายหาดจอมเทียน (ตรงข้ามโรงแรมเดอะ นาว พัทยา) เมืองพัทยา จ.ชลบุรี

เมื่อถึงเวลานัดหมายในเวลา 14.00-15.00 น. พบว่ามีมีกลุ่มด้อมส้มชาวพัทยา หนองปรือ และพื้นที่ใกล้เคียงจำนวนมากพากันมาจับจองพื้นที่เพื่อพบปะนายพิธา รับฟังความคิดเห็น และให้กำลังใจก่อนจะมีสายฝนโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่เป็นอุปสรรคของผู้ที่มาร่วมกิจกรรม

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล หลังจากที่ผ่านมาทุกคนได้ทราบดีแล้ว แต่ขอให้พี่น้องทุกคนร่วมต่อสู้ร่วมกันต่อไป อย่าเพิ่งหมดหวัง นี่เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งเห็นแล้วว่าพลังเสียงของพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลมีมากขนาดไหน

ในวันนี้ได้พาลูกสาว “น้องพิพิม” มาพักผ่อนที่เมืองพัทยา เลยถือโอกาสเดินทางมาขอบคุณพ่อแม่พี่น้องชาวพัทยา หนองปรือ และพื้นที่ใกล้เคียงทุกท่าน และขอยืนยันจะทำหน้าที่ต่อไปให้ดีที่สุดขอให้ทุกคนมีความมั่นใจ

ทั้งนี้ หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมดังกล่าวแล้ว คณะของพรรคก้าวไกลจะได้เดินทางต่อไปยังบ่อวินเพื่อพบปะพี่น้องประชาชน และจะได้เดินทางไปร่วมงานสุราก้าวหน้าที่จังหวัดระยอง และจังหวัดจันทบุรีตามกำหนดการต่อไป

วันที่ 21ก.ค.66 เวลา17.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่านิสิตมหาลัยพะเยา คณะรัฐศาสตร์ ได้รวมตัวกันกว่า 10 คน ปิดไฟ เปิดแฟลช โทรศัพท์มือถือ แต่งชุดดำ ร้องเพลง แสงดาวแห่งศรัทธา เพื่อ แสดงพลัง ถึง รัฐบาล ที่ห้องประชุมภูกามยาว3 ทั้งนี้เพื่อเป็นการแสดงจุดยืน แสดงพลังถึงผู้บริหารระดับประเทศและระบาย ความรู้สึก ภายในกลุ่ม หลังจากนั้นจึงได้ทำการแยกย้าย และจะมีการรวมตัวกันอีกครั้งจนกว่า จะ สู้กับอำนาจมืด สำเร็จ

ขณะเดียวกันตัวแทนนิสิต คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยพะเยา กล่าวว่า วันนี้เป็นการแสดงรวมพลังถึง รัฐบาล โดยมีการร้องเพลง แสงดาวแห่งศรัทธา โดยมีเพื่อนๆนิสิต คณะรัฐศาสตร์ ร่วมร้องเพลง พร้อมกับเปิดแฟลชร้องเพลง เพื่อเป็นการแสดงพลังดังกล่าว ในครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เป็นการเริ่มต้นและจะมีครั้งต่อๆไป อย่าให้ทุกคนอย่ายอมแพ้กับ อำนาจมืด ทุกคนจะสู้ต่อไป สำหรับการที่นิสิตมาแสดงออก แค่มาร้องเพลง มันไม่ได้เป็นฝนอะไรกับความมั่นคงของชาติ แต่ความมั่นคงของชาติของประเทศในการเลือกตั้งมาแล้ว นายกและสว. อยากถามจริงๆว่า สั่งอำนาจได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ และจะชุมนุมต่อไป ซึ่งหลังจากนี้จะได้มีการรวมตัวกันอีกครั้งและเชื่อว่าจะต้องมีม็อบเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ปัณณวิชญ์ อยู่ดี จ.พะเยา

วันที่ 19 กรกฎาคม 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบริเวณ หน้ามหาวิทยาลัยพะเยา ตำบลแม่กา อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา บรรดาแกนนำก้าวไกล นักศึกษาและชาวบ้าน ได้ร่วมกัน ชุมนุม เพื่อรณรงค์ประชาธิปไตย และส่งเสียงถึง สว.ที่ไม่โหวตให้ ทาง พิธา ให้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีกลุ่มนักศึกษาและแกนนำ กว่า 300 ร่วมกันชุมนุม และ ผลัดกันขึ้นปราศรัย ในการทำงานของ สว.และ ยังโชว์ป้ายสัญลักษณ์ ที่ ด้อมส้มเขียนระบาย โดยการ ด่า สว.ต่างๆนานา

โดยบรรยากาศทั่วไป มีนักศึกษาและ ชาวบ้าน ได้ทยอย เดินทางมา ฟังปราศรัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง เนื้อปลาอาศัย เกี่ยวกับทำการทำงานของกลุ่มสว. และกลุ่ม คั่วการเมืองเก่า หลังจาก ทางแกนนำได้ขึ้นบรรยายฝนได้ตก มวลชนจึงทยอยเดินทางกลับ ยังคงเหลือบางส่วนที่ยังยืนร่วมกิจกรรม โดยยังคงมีแกนนำสลับสับเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยการอย่างต่อเนื่องและเวลาต่อมามีฝนตกหนัก แกนนำกลุ่มฯ จึงยุติการชุมนุมและกิจกรรม 19.00 น. กลุ่มจะเริ่มกิจกรรมเผาพริกเผาเกลือสาปแช่งระบอบเก่าอำนาจนิยมส่งเสียงถึง สว. ก็ยกเลิก

นายชัยประพันธ์ สิงห์ชัย อดีตผู้สมัครส.ส. พรรคก้าวไกล เขต 3 ได้ กล่าวว่า การรวมตัววันนี้ เป็นการรวมตัวของนิสิตนักศึกษาและพี่น้องประชาชนในจังหวัดพะเยา ที่ไม่เห็นด้วยกับฝ่ายมีอำนาจเดิม ซึ่งเสียงประชาชน 14 ล้านเสียง ที่เลือกพักก้าวไกล ไม่มีความหมายเลยหรือซึ่งพี่น้องประชาชนที่ไปลงคะแนนไปเลือกตั้ง มันบ่งชี้และบงชัดว่าในระบอบประชาธิปไตยต้องฟังเสียงประชาชนและเราจะปฏิเสธเสียงประชาชนได้อย่างไร จึงอยากฝากถึงผู้มีอำนาจว่าบ้านเมืองมันต้องเปลี่ยนแปลง

นายวิสา บุญนัดดา อดีตส.สเขต 1 พรรคก้าวไกล ได้กล่าวว่าวันนี้ได้ออกมา ร่วม การ แสดงเจตจำนง ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง และ มาร่วม สังเกตการณ์ และวันนี้มีความยินดีและดีใจที่ประชาชน คนรุ่นใหม่ ได้มีการรักษาสิทธิ์เสรีภาพเพื่อประชาธิปไตย ไม่ว่าเราจะเป็นใคร ทุกคนเป็นประชาชน ล้วนมีสิทธิ์จะแสดงออกใน ประชาธิปไตย