จันทบุรี เกษตรกรผู้ปลูกลำไยร้องขอความเป็นธรรมจังหวัดหลังผู้ประกอบการไม่จ่ายเงินตามสัญญา

จันทบุรี เกษตรกรผู้ปลูกลำไยร้องขอความเป็นธรรมจังหวัดหลังผู้ประกอบการไม่จ่ายเงินตามสัญญา

จันทบุรี เกษตรกรผู้ปลูกลำไยร้องขอความเป็นธรรมจังหวัดหลังผู้ประกอบการไม่จ่ายเงินตามสัญญา แต่กลับถูกฟ้องข้อหาผิด พรบ.คอมพิวเตอร์เนื่องจากไปโพสต์ประจานในเฟสบุ๊ค

วันที่ ( 29 มี.ค.66 ) นายปรีชา ผันกระโทน เกษตรกรชาวสวนลำไยพื้นที่อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี พร้อมเพื่อเกษตรกร ได้เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรม กรณีถูกผู้ประกอบการรับซื้อผลไม้ลำไย แจ้งฟ้องข้อหากระทำผิด พรบ.คอบพิวเตอร์หลังจากที่ ตนเองและเพื่อเกษตรกรชาวสวนลำไยด้วยกันไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการขายผลผลิต แล้วได้เงินไม่เป็นไปตามสัญญา แต่กลับถูกฟ้องร้องเรื่องที่ตนเองนำข้อมูลไปโพสต์ในเฟสบุ๊ค

ซึ่งนายธวัชชัย นามสมุทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีพร้อมด้วย หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว และรับปากจะดำเนินการแก้ไขปัญหา นัดคู่กรณี และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาเจรจาเพื่อหาทางออกเป็นที่พอใจอีกครั้ง เกษตรกรที่เดินทางมาร้องเรียนพอใจจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน

ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา จ.จันทบุรี
พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์รวมข่าวภาคตะวันออก

มุกดาหาร ชาวบ้านป่งแดงกว่า 30 คน วอนภาครัฐช่วยมาแก้ไขลำห้วยจงอาง

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2566 ชาวบ้านป่งแดง ตำบลหนองแวง อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร ได้ร่วมตัวกันกว่า 30 คน วอนให้หน่วยงานภาครัฐเข้ามาช่วยปรับปรุงซ่อมแซมฟื้นฟูบริเวณรอบห้วยจงอางให้กลับมาอยู่ในสภาพเหมือนเดิมภายหลังเมื่อปี 2563 ทางเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรน้ำภาคที่ 11อุบลราชธานีเข้ามาขุดลอกช่องระบายน้ำผ่านไปกว่า 3 ปีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน

นายสมหมาย คำลือ อายุ 60 ปีบ้านเลขที่ 9 หมู่ที่ 4 ตำบลหนองแวง อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า
อยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบช่วยเข้ามาดูแลและซ่อมแซมปรับปรุงฝายกักเก็บน้ำ ห้วยจงอาง ที่เจอสภาวะน้ำท่วมที่นาจนไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรได้ เป็นเวลากว่า 3 ปี สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 นายสมหมาย คำลือ อายุ 60 ปี บ้านเลขที่ 9 หมู่ที่ 4 ตำบลหนองแวง อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร ได้ทำบันทึกข้อตกลงกับสำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 11 อุบลราชธานี ทั้งสองฝ่ายได้ตระหนักถึงปัญหาความสำคัญของราษฎรพื้นที่บริเวณรอบห้วยจงอาง ที่เจอสภาวะน้ำท่วมที่นาจนไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรได้ เนื่องจากบริเวณสปิลเวย์ปล่อยน้ำท้ายลำห้วยสูงเกินไป จึงไม่สามารถระบายน้ำออกได้ทำให้น้ำเอ่อท่วมที่นาของราษฎรบริเวณใกล้เคียงไม่สามารถทำนาและเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรได้ ทางชาวบ้านในพื้นที่จึงได้ยินยอมให้ทางเจ้าหน้าที่นำรถแบ็คโฮเข้ามาทำการขุดลอกดิน เปิดช่องทางระบายน้ำ ให้มีสภาพต่ำกว่า สปิลเวย์ เพื่อให้ปริมาณน้ำที่ท่วมขังพื้นที่ไร่นาชาวบ้านได้ไหล่ผ่านอย่างสะดวก และผ่านไปกว่า 3 ปี แล้ว สภาพของพื้นที่บริเวณรอบห้วยจงอาง มีสภาพพังเสียหาย เพราะถูกน้ำกัดแซะ เสียหายอย่างหนักไปกว่าเดิม แทนที่จะเป็นการแก้ปัญหาให้ชาวบ้าน แต่กลับมาเพิ่มปัญหาให้ชาวบ้านเสียอีก จึงอยากจะวอนขอความเห็นใจหน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงช่วยเข้ามาแก้ไขปรับปรุงให้ชาวบ้านเหมือนเดิม เคยทำหนังสื่อไปยื่นให้ทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดมุกดาหารแล้ว แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น

นายเลิศ บุญเรืองนาม ชาวบ้านป่งเเดง กล่าวว่าสำหรับห้วยจงอาง โดยปกติน้ำจะต้องมีกักเก็บในลำห้วยแต่ภายหลังกลับไม่มีน้ำ ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนเพราะต้องอาศัยน้ำในการทำการเกษตร ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ ทั้งหน้าฝนและหน้าแล้ง จึงฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดูแลซ่อมแซมหรือสร้างใหม่ให้ด้วย เพื่อที่จะให้สามารถกักเก็บน้ำไว้ได้ในสภาพปกติ

ไกรสมุทร นามโพธิ์ไทร/รายงานจากมุกดาหาร
081-0501177

พีน้องประชาชนชาวแม่สาย ยื่นเรื่องเรียกร้องต่อ นอภ.แม่สาย ส่งเรื่องให้ ผวจ.เชียงราย เร่งแก้ไขปัญหาหมอกควันมลพิษทางอากาศให้เป็นเขตภัยพิบัติ

พีน้องประชาชนชาวแม่สาย ยื่นเรื่องเรียกร้องต่อ นอภ.แม่สาย ส่งเรื่องให้ ผวจ.เชียงราย เร่งแก้ไขปัญหาหมอกควันมลพิษทางอากาศให้เป็นเขตภัยพิบัติ

///////////////////////////////////////////
วันนี้ 27 มี.ค. เวลา 14.00 น. ณ ที่ลานหน้าที่ว่าการ อ.แม่สาย จ.เชียงราย กลุ่มพลังมวลชนเครือข่ายภาคเอกชนและพีน้องประชาชน นักเรียนนักศึกษาในเขตพื้นที่ อ.แม่สาย ประมาณกว่า 300 คน โดยมีนายเศวตยนต์ ศรีสมุทร รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย นายรชต ไชยวรรณ์ และนายนายตระสัก ศรีธิพรรณ์ ตัวแทนเครือข่ายฯ ได้รวมตัวกันเพื่อจัดกิจกรรมเรียกร้องให้แก้ไขไฟป่าและหมอกควันข้ามแดน ซึ่งมีการรับบริจาคอุปกรณ์ น้ำดื่ม ฯลฯ เพื่อนำไปช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าในพื้นที่และยื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่อนายณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สาย เพื่อให้แก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาวคือเจรจาหารือกับประเทศเพื่อนบ้าน ผลักดันให้เป็นวาระของอาเซียน รวมผลักดันให้ภาคเอกชนที่ไปส่งเสริมทำการเกษตรได้แก้ไขปัญหาเพื่อลดการเผาป่าจนเกิดเป็นฝุ่นละอองหมอกควันมลพิษทางอากาศข้ามมายังฝั่งไทยหนาแน่นในช่วงฤดูการเผาเศษวัชพืชและการเผาป่าของ 2 ประเทศเพื่อนบ้านเรา ที่สร้างปัญหาได้รับผลกระทบสะสมมานานนับ 13 ปี ที่ผ่านมา
ด้านนายเศวตยนต์ ศรีสมุทร กล่าวว่าปัญหาฝุ่นละอองหมอกควันเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีและยิ่งปีนี้เกิดรุนแรงกว่าเดิมจึงถึงเวลาที่จะต้องมีการแก้ไขปัญหา เพราะในอดีตนั้นเราไม่อาจเข้าถึงข้อมูลปัญหาได้แต่ปัจจุบันมีทั้งดาวเทียม แอปพลิเคชั่นต่างๆ ที่แจ้งข้อมูลการเกิดไฟป่า จุดความร้อน ฯลฯ จึงทำให้ทราบถึงปัญหาได้อย่างชัดเจนว่าเกิดจากการเผาไหม้ทั้งในประเทศและฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นการแก้ไขปัญหาจึงต้องเป็นการแก้ไขระดับรัฐบาลที่จะต้องมีการเจรจาเพราะเกี่ยวข้องกับเรื่องระหว่างประเทศโดยเฉพาะมีการทำการเกษตรพืชไร่
ด้านนายตระสัก กล่าวว่าการเกิดฝุ่นละออง PM 2.5 ปีในช่วงนี้ถือว่าหนักที่สุดในรอบ 10 ปีนับตั้งแต่เกิดปรากฎการณ์ฝุ่นหนาแน่นเมื่อปี 2554 เป็นต้นมา ดังนั้นจึงทำให้ชาวแม่สายไม่อาจจะทนอยู่ได้อีกต่อไปเพราะถ้าปล่อยเอาไว้ไม่ทำสิ่งใดปัญหาก็จะเกิดขึ้นทุกปีและอาจจะหนักยิ่งขึ้นไปอีก กิจกรรมครั้งนี้จึงคาดหวังให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้ความสำคัญด้วยหลังจากยื่นหนังสือต่อทางนายอำเภอแม่สายแล้วทางกลุ่มพลังมวลชนมีกำหนดจะพากันเดินรณรงค์ไปยังบริเวณหน้าด่านพรมแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สาย แต่เนื่องจากฝุ่นละอองหนาแน่นโดยกรมควบคุมมลพิษรายงานว่าที่ อ.แม่สาย มีค่า PM 2.5 หนาแน่นถึงระดับ 543 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จึงให้งดการเดินในที่โล่งเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพทำให้กลุ่มพลังมวลชนใช้รถยนต์และรถดับเพลิงขับรณรงค์บนถนนสายหลักในตัวเมืองแม่สาย
ทางด้าน นายณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สาย กล่าวว่าพื้นที่ อ.แม่สาย เกิดจุดความร้อนหรือฮอตสปอตน้อยที่สุดและไม่มีการเผาแต่ได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 มากที่สุดในรอบ 10 ปี

ดังนั้นปัญหาจึงไมได้เกิดขึ้นจากในพื้นที่แต่เกิดจากการปลิวมาจากนอกพื้นที่ นอกจากนี้จากการตรวจสอบสภาพอากาศพบว่าช่วงนี้ยังไม่มีลมและพายุเกิดขึ้นในช่วงอีก 1 สัปดาห์นี้จึงขอให้ประชาชนได้ระมัดระวังดูแลตัวเองในการใช้ชีวิตประจำวันด้วย
ในขณะที่นายแพทย์วัชพงศ์ คำหล้า นายแพทย์สาธาณสุข จ.เชียงราย ได้เปิดเผยข้อมูลสถิติผู้ป่วยทางเดินทางใจในพื้นที่ จ.เชียงราย ระหว่างวันที่ 5-11 มี.ค.มีจำนวน 4,335 คน ก่อนจะที่จะเพิ่มระหว่างวันที่ 12-18 มี.ค.เป็นจำนวน 4,847 คน และจึงค่อยลดลงในระหว่างวันที่ 19-26 มี.ค.เป็นจำนวน 3,478 ราย โดยอยูในเขต อ.แม่สาย ระหว่างวันที่ 5-11 มี.ค.จำนวน 290 คน ก่อนจะที่จะเพิ่มระหว่างวันที่ 12-18 มี.ค.เป็นจำนวน 478 คน และจึงค่อยลดลงในระหว่างวันที่ 19-26 มี.ค.เป็นจำนวน 372 ราย ส่วนใหญ่มีอาการแสบจมูกและเจ็บคอรวมทั้งเป็นผู้ป่วยนอกที่เข้ามารับการตรวจแล้วรับยากลับไปรักษาตามอาการที่บ้าน กระนั้นสำหรับผู้ป่วยหนักพบว่ายังคงมีเตียงรองรับผู้ป่วยอย่างเพียงพอและสำนักงานสาธารณสุข จ.เชียงราย ได้จัดให้แต่ละโรงพยาบาลได้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง

//////////////////////////////////
บก.เจี๊ยบแม่สายนิวส์ออนไลน์ //// รายงาน ////

พังงา ชาวบ้านโวยน้ำเน่าเสียเต็มคลองถ้ำ ทำสัตว์น้ำตายเกลื่อนส่งกลิ่นเหม็นทั่ว คาดน้ำเสียจากโรงงานไหลลงลำคลอง

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 25 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ได้เกิดเหตุการณ์น้ำในคลองถ้ำเน่าเสียติดต่อกันมา3-4 วันแล้ว ทำให้มีสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในลำคลองลอยตายเกลื่อนทั่วลำคลองถ้ำ ส่งผลให้ชาวบ้านที่ใช้ประโยชน์จากน้ำในลำคลองได้รับความเดือดร้อน และเกรงว่าหากไม่มีการแก้ไขจะทำให้สัตว์น้ำหมดไปจากลำคลอง ซึ่งพบว่าน้ำเน่าเสียตั้งแต่ช่วงหน้าฝายกั้นน้ำคลองถ้ำด้านหลัง ที่ทำการ อบต.ตากแดด อ.เมืองพังงา ไปจนถึง บ้านจีน ม.8 ต.กระโสม อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา

 

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบพร้อมด้วยนายการุณร์ ระหาร ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 บ้านถ้ำ ต.กระโสม อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงาและชาวบ้านในพื้นที่ พบว่าเมื่อเข้าไปใกล้ลำคลองก็ได้กลิ่นเหม็นเน่ามาแต่ไกล และมีปลาตายลอยน้ำอยู่ตามริมคลองหลายจุด โดยชาวบ้านได้ถ่ายภาพและบันทึกคลิปไว้ได้ตอนน้ำเน่าเสียมีปลาลอยตายเกลื่อนและฝูงปลาลอยหัวเพราะขาดออกซิเจน ซึ่งชาวบ้านบอกว่ามีชาวบ้านบางกลุ่มและแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ ต่างออกมาดักจับปลาและกุ้งแม่น้ำที่ลอยหัว เพราะขาดออกชิเจน เอาไปกินและขายเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ชาวบ้านบางส่วนต่างเกรงว่าหากมีการแก้ปัญหาล่าช้า จะทำให้ชาวบ้าน ม.2 และ ม.8 ต.กระโสม ที่ใช้ประโยชน์จากน้ำในลำคลอง ไม่ว่าจะ ใช้อาบน้ำ ซักผ้า ต่างก็ได้รับความเดือดร้อน และจะทำให้สัตว์น้ำต่างๆสูญพันธ์ ไปจากลำคลองถ้ำ โดยเฉพาะกุ้งครูด หรือกุ้งแม่น้ำที่มีรสชาติอร่อย

นายการุณร์ ระหาร กล่าวว่า เกิดน้ำเน่าเสียในลำคลองมาหลายวันแล้ว ทำให้มีสัตว์น้ำลอยตายเกลื่อนส่งกลิ่นเหม็นทั่วลำคลอง ชาวบ้านที่ใช้น้ำในลำคลองก็ไม่สามารถใช้ได้ คนที่ลงไปอาบน้ำก็เกิดอาการเป็นผื่นคัน กลัวว่าต่อไปสัตว์น้ำจะหายไปจากลำคลอง โดยเบื้องต้นได้แจ้งไปทาง อบต.กระโสมและ อำเภอตะกั่วทุ่งแล้วให้รีบลงมาช่วยแก้ปัญหาแล้ว

ซึ่งจากการสอบถาม ชาวบ้านต่างก็คาดว่าสาเหตุที่น้ำในลำคลองถ้ำเน่าเสียนั้น เกิดจากโรงงานผลิดเนื้อสัตว์ในพื้นที่ตำบลตากแดด ปล่อยน้ำเสียลงมาในลำคลอง

พะเยา น้องไข่มุก ท้อง6เดือนถูกรถกระบะชนท้ายพร้อมแฟนเพื่อน เจ็บ3 ชนแล้วหนีจนแท้งลูก ร้องสื่อเป็นสื่อกลาง ถึงคนขับมารับผิดชอบด้วย

พะเยา น้องไข่มุก ท้อง6เดือนถูกรถกระบะชนท้ายพร้อมแฟนเพื่อน เจ็บ3 ชนแล้วหนีจนแท้งลูก ร้องสื่อเป็นสื่อกลาง ถึงคนขับมารับผิดชอบด้วย

วันที่ 14 มี.ค 66 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากทางญาติของ น้องไข่มุก สาวท้อง6เดือน ที่ถูกรถยนต์กระบะสีดำมีคอกเหล็กชนท้ายรถจักรยานยนต์ขณะกลับออกมาจากการเที่ยวชมที่
อ่างเก็บน้ำห้วยแม่ตุ้ม ต.ท่าจำปี อ. เมือง จ.พะเยา ซึ่งตนเองซ้อนนั่งกลางโดยแฟนเป็นคนขับและเพื่อนซ้อนท้ายสุด จนได้รับบาดเจ็บทั้ง3คน และตนเองกำลัง ตั้งครรภ์ได้ 6 เดือน ได้รับบาดเจ็บจนลูกในท้องแท็งค์ หลุดออก แพทย์ให้นอนรักษาตัว ใน รพ.พะเยา 2คืน หลังเกิดเหตุอยากให้คนขับกระบะให้กลับรับผิดชอบด้วย เพราะรถ จักรยานยนต์ของตนเองเสียหาย อีกทั้งแฟนและเพื่อนต่างบาดเจ็บด้วยการทั้ง 3 คนอีกทั้งยังเสียลูกไปอีก ทำให้เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้เมื่อวันที่11 มี.ค. 56 เวลาประมาณ 18.00 น. ร.ต.อ. ดนุพล เชื้อเมืองพาน รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองพะเยา ได้รับแจ้งว่ามีเหตุรถเฉี่ยวชนกันบริเวณถนนสายบ้านตุ้มเหนือ-อ่างเก็บน้ำห้วยแม่ตุ้ม ต.ท่าจำปี อ. เมือง จ.พะเยา วันเกิดเหตุพร้อมหน่วยชุดกู้ภัยเทศบาลตำบล ทำการช่วยเหลือ อุบัติเหตุนำส่งโรงพยาบาลพะเยา ที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สีน้ำเงิน ทะเบียน 1กซ 7509 พะเยา และมี นายภานุวัฒน์ ทาทาน อายุ 16 ปี ที่อยู่ 473 ถ.พหลโยธิน ต.แม่ต่ำ อ.เมือง จ.พะเยา เป็นผู้ขับขี่ มีน.ส.ชุติมา เครือจักร อายุ 18 ปี ที่อยู่ 55/1 ม.9 ต.แม่ปืม อ.เมือง จ.พะเยา และน.ส.วีรยา เรือนแก้ว อายุ 17 ปี ที่อยู่ 5/1 หมู่18 ต.แม่ปืม อ.เมือง จ.พะเยา รวม3คน นอนบาดเจ็บข้างถนนทางชุดกู้ภัย ทต.ท่าจำปี รีบนำส่ง รพ.พะเยา
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า รถที่เชี่ยวชนหลบหนีเป็นรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า สีดำ ไม่ทราบทะเบียนมีกรงเหล็กด้านหลัง

หลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองพะเยา พร้อมด้วยนายนพดล สารเก่ง กำนันตำบลท่าจำปี
ได้ติดตามกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆทั้งและนอกเขตพื้นที่ตำบลท่าจำปีและตำบลบ้านต้ำเพื่อติดตามแกะรอยหารถกระบะคันดังกล่าวที่เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ แล้วหลายจุด

ด้านนายภานุวัฒน์ ทาทาน อายุ 16 ปี และ น.ส.ชุติมา เครือจักร อายุ 18 ปี สองสามีภรรยาที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ โดยที่นางสาวชุติมาตั้งท้องได้ 6 เดือนกว่าและได้แท้งลูกในขณะเกิดอุบัติเหตุเล่าถึงเหตุการณ์ในวันที่เกิดเหตุว่าตนเองและสามีพากันไปเที่ยวพักผ่อนที่อ่าง เก็บน้ำห้วยแม่ตุ้ม ตำบลท่าจำปี อำเภอเมืองจังหวัดพะเยา ในช่วงเวลา 14.00 น.

และได้ออกจากอ่างเวลา 16.30 น.หลังจากได้ขับรถออกมาไม่ไกลจากอ่างตรงบริเวณทางโค้งได้มีรถกระบะสีดำ มีลูกกรงเหล็กอยู่ด้านหลังชนด้านท้ายชนรถตัวเองตกลงร่องข้างทางและได้รับบาดเจ็บจนน.ส.ชุติมา แท้งลูก และรถกระบะคันดังกล่าวได้ขับหลบหนีไปผ่านมากว่า 5 วันรถกระบะคันดังกล่าวยังไม่มารับผิดชอบจึงมาร้องกับสื่อให้เป็นสื่อกลางเพื่อติดตามหาผู้ที่กระทำผิดให้มารับผิดชอบ ได้แสดงตัวมารับผิดชอบด้วย

ด้านนายนพดล สารเก่ง กำนันตำบลท่าจำปี กล่าวว่าอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ตุ้ม ได้จัดทำแพให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเที่ยวพักผ่อนและได้มีมาตรการในการป้องกันการก่อเหตุร้ายและการทะเลาะวิวาทสำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอุบัติเหตุทางท้องที่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจได้ทำการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองพะเยาเพื่อติดตามหาผู้กระทำความผิด เพื่อมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วย

สัมภาษณ์นายภานุวัฒน์ ทาทาน อายุ 16 ปี

สัมภาษณ์น.ส.ชุติมา (ไข่มุก) เครือจักร อายุ 18 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจนแท้งลูก ที่กำลังตั้งครรภ์ได้6เดือน

สัมภาษณ์นายนพดล สารเก่ง กำนันตำบลท่าจำปี

เชียงใหม่ ปลัดจอมแฉแจ้งความจับขบวนการทำบัตรประชาชนปลอม

เชียงใหม่ ปลัดจอมแฉแจ้งความจับขบวนการทำบัตรประชาชนปลอม

ปลัดจอมแฉ ขึ้นโรงพัก สภ.สันทราย แจ้งความจับขบวนการทำบัตรประชาชนปลอมเปิดเพจขายอย่างโจ๋งครึ่มไม่เกรงกลัวกฎหมาย หลังจากชาวบ้านได้ร้องเรียนมีขบวนการทำเอกสารทางราชการปลอม รับทำบัตรประชาชนปลอมให้แรงงานต่างด้าว หัวหน้าศูนย์บริหารทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่านออกจากนี้ ขบวนการดังกล่าวได้ประกาศขายใบขับขี่ปลอม บัญชีธนาคาร โฉนดที่ดิน วุฒิการศึกษาปลอม ระดับ ปวช.-ปริญญาเอก

นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่ นำเอกสารสำเนาพร้อมรูปถ่ายบัตรข้อความโฆษณารับทำประชาชน,ใบขับขี่,บัญชีธนาคาร,โฉนดที่ดิน,พาสปอร์ตและวุฒิการศึกษา ระดับ ปวช.-ปริญญาเอก จากเพจเฟสบุ๊คผู้ที่ใช้ชื่อว่า Pakkara Hengthong และ Chanisorn Saesim เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เพื่อจับกุมตัวขบวนการดังกล่าวมาดำเนินคดีเบื้องต้นได้แจ้งข้อหา ทำเอกสารราชการปลอมดังกล่าว ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265 และตามความผิดตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน มาตรา มาตรา 14 (2) และความผิดตามพระราชบัญญัติด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (1) (2)(3) หลังจากตรวจสอบทราบว่าเจ้าของเพจเฟสบุ๊ค ทั้งสองลงข้อความ รับปลอมบัตรประชาชน,รับปลอมใบขับขี่,ปลอมพาสปอร์ต,ปลอมโฉนดที่ดิน ฯลฯ พร้อมตัวอย่างบัตรประชาชนปลอมที่สามารถทำลายน้ำจนเหมือตัวจริงและรูปเอกสารอื่นปลอมเช่น ใบขับขี่,พาสปอร์ต,โฉนดที่ดิน และวุฒิการศึกษาปลอมตั้งแต่ระดับ ปวช.จนถึงระดับป.เอก พร้อมกันนี้ Chanisorn Saesimได้ระบุว่าข้อความปลอมบัตรไม่มีลายน้ำ1300 มีลายน้ำ2000 บัตรต่างด้าว 4500 ใบขับขี่ 2500 พาสปอร์ต 6500 โฉนดที่ดิน 5500ปลอมวุฒิการศึกษา ม.3 ปวช. 6000 ปลอมวุฒิการศึกษา ม.6 ปวส. 8500 ปลอมวุฒิการศึกษา ป.โท ป.เอก 12000 #บัตรประชาชนปลอม #รับทําบัตรประชาชนปลอม #ใบขับขี่ปลอม #ปลอมแปลงเอกสาร สนใจทักได้ ขณะที่ Pakkara Hengthong รับทำใบขับขี่ ปลอมบัตรประชาชน เอกสารต่างๆทุกชนิด ใช้งานได้จริง-บัตรประจำตัวประชาชน มีลายน้ำ2000บาท -บัตรขับขี่ 2500บาท -ใบเกิด 1500บาท -ใบรับรองแพทย์ 350บาท – เอกสาร เริ่มต้น550บาท – สเตทเม้น 1500 บาท – บัตร ปชช ปลอมเข้าผับ สมัครงาน บัตรจริง 3000บาท#ปลอมบัตรประชาชน#ใบขับขี่#เอกสารต่างๆ#สเตทเม้น#ต่างดาว#พาสปอร์ต

ด้านนายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่าก่อนหน้านี้ตนได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่ามีขบวนการทำเอกสารราชการปลอมให้กับแรงงานต่างด้าวหลายราย จึงรวบรวามพยานหลักฐานเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากการสังเกตเอกสารทางราชการปลอมที่ขบวนการกลุ่มน้ำได้นำมาโพสต์ พบว่ามีการทำเหมือนเอกสารตัวจริงยากแก่การสังเกตของเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะบัตรประจำตัวประชาชนที่มีการทำลายน้ำเหมือนกับบัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริงเป็นอย่างมาก ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความั่นคงของประเทศ เนื่องจากอาจจะมีขบวนการค้ายาเสพติด หรือขบวนการก่อการร้ายนำบัตรประชาชนปลอมหรือนำเอกสารทางราชการปลอมไปก่ออาชญากรรมรูปแบบอื่นหรืออาจเชื่อมโยงกลุ่มกลุ่มนายทุนจีนเทาก็เป็นไปได้.

นนทบุรี หนุ่มนำคลิปร้องทนายดัง น้องชายถูกหมอศัลยกรรมขับเก๋งชนดับคดีไม่คืบ

นนทบุรี หนุ่มนำคลิปร้องทนายดัง น้องชายถูกหมอศัลยกรรมขับเก๋งชนดับคดีไม่คืบ

วันที่ 12 มีนาคม 2566 ที่สำนักงานทนายความคู่ใจ ถ.แจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายเอกรัฐ ปรีจินดา อายุ 39 ปี (พี่ชายผู้เสียชีวิต) นำหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดวันที่เกิดเหตุเดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับนายรณณรงค์ แก้วเพชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ให้ช่วยเหลือกรณี นายธนเดช กลิ่นรส หมอศัลยกรรมแห่งหนึ่ง ขับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่น อัลติส สีขาว หมายเลขทะเบียน กง – 6448 พัทลุง เฉี่ยวชนท้ายรถจักรยานยนต์ของนายวิทยา ปรีจินดา ยี่ห้อ ฮอนต้า เวฟ 100 สีแดงหมายเลขทะเบียน ขชร – 740 ตรัง ซึ่งเป็นน้องชายได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา เกรงว่าคดีจะไม่คืบหน้าเนื่องจากน้องชายของผู้ขับขี่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมีญาติทำงานอยู่ในกระทรวงธารณสุข เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดบริเวณตรงข้ามหน้าโรงเรียนเพาะปัญญา ถ.ตรัง-พัทลุง ตำบลนาโยงใต้ อ.เมือง จ.ตรัง เวลาประมาณ 20.24 น.แจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองตรัง
นายเอกรัฐ (พี่ชายผู้เสียชีวิต) กล่าวว่า ตนอาศัยอยู่ที่กรุงเทพ ส่วนน้องชายอายุ 33 ปี อาชีพผู้รับเหมาไฟฟ้า อาศัยอยู่ที่ จ.ตรัง คืนวันเกิดเหตุวันที่ 26 ธ.ค. 65 ลูกของน้องชายป่วย จึงขี่รถ จยย.ออกไปซื้อยาประมาณ 20.00 น. และเกิดเหตุถูกรถชนตอน 20.24 น. จุดเกิดเหตุห่างจากบ้านไม่ถึง 1 กิโลเมตร หลังเกิดเหตุตนได้ไปขอดูกล้องวงจรปิดด้วยตัวเอง ซึ่งตนถามคู่กรณีถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งได้คำตอบกลับมาว่ามองไม่เห็น เขาก้มหยิบโทรศัพท์มือถืออยู่ทำให้ชนท้ายรถ จยย.ของน้องชายตน ซึ่งดูจากกล้องวงจรปิดน้องตนขี่รถคู่ไปกับมอเตอร์ไซค์อีกคันและแซงขึ้นไป ก่อนที่รถคู่กรณีจะเข้ามาชนจากอีกเลน ดูจากกล้องไม่ได้มีการตัดหน้า หรือรถน้องชายตนออกมาจากจุดอับ รถน้องชายมีไฟท้าย และถนนมีแสงสว่างชัดเจน ซึ่งจะมาบอกว่ามองไม่เห็นเป็นไปไม่ได้เลย รถมอเตอร์ไซค์ไม่ได้เสียหายเยอะ แต่จากจุดชนรถไถลห่างไปอีกประมาณ 20 เมตร น้องชายกระเด็นไปตรงเกาะกลางและหัวกระแทกพื้นอาการสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งตรงนั้นเป็นหน้าโรงเรียน ไม่ควรขับเร็วเพราะตามกฎหมายต้องไม่เกิน 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขณะเดียวกันงานศพของน้องชาย ตั้งสวดพระอภิธรรมตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 65 – 12 ม.ค. 66 มีเพียงแม่ของคู่กรณีเท่านั้นที่มาร่วมงานศพ แต่คนชนไม่เคยเข้ามาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ตนทราบว่าคนที่ขับรถชนน้องชายเป็นหมอ อายุประมาณ 35 ปี คืนวันเกิดเหตุ ครอบครัวคู่ของกรณีจ่ายเงินเยียวยามาให้ครั้งแรก 5,000 บาท และจ่ายอีก 50,000 บาท วันที่ทำศพ ครอบครัวของตนได้นัดเจรจาถึง 2 ครั้ง แต่ทางคนชนไม่ได้เสนอความรับผิดชอบอะไรอีกเลย เขาบอกให้ทางตนคำนวณค่าเสียหาย ซึ่งน้องตนเป็นผู้รับเหมามีรายได้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท คำนวณแล้วถึงน้องชายอายุ 60 ปี รวมแล้วประมาณ 6 ล้านบาท เขาก็รับไปพิจารณา แต่พอมาเจรจาอีกรอบคนชนบอกว่าไม่รับผิดชอบถ้าอยากได้ให้ไปฟ้องเอา ญาติตนติดต่อไปเจรจาทางคนชนก็ไม่ยอมคุย ตนคิดว่าเขาเป็นหมอ มีน้องชายเป็นตำรวจ

ส่วนพ่อทำงานในกระทรวงสาธารณสุขจังหวัด ซึ่งเรื่องผ่านไปนานกว่า 3 เดือนแล้วคดียังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด รถคนชนไม่มีประกัน มีแต่พรบ.จ่าย 500,000 บาท นอกจากนี้คนชนไม่เคยเจรจาอะไรอีกเลย ไม่คุยต่อ บอกแต่ว่าอยากได้ให้ไปฟ้องศาลเอา ศาลตัดสินเท่าไหร่ก็จ่ายเท่านั้น ตำรวจเรียกแล้วแต่ได้คำตอบว่าคนชนไม่ยอมปั๊มรายนิ้วมือ และเซ็นต์รับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งน้องชายตนมีลูก มีค่าใช้จ่ายทุกวัน ถ้ายื้อไปเรื่อยๆภาระต้องตกไปที่ภรรยาของน้องชายและพ่อแม่ตน ตนจึงมาร้องขอความเป็นธรรมกับทนายรณณรงค์ในวันนี้เพื่อให้คดีมีความคืบหน้า
ทางด้านทนายรณณรงค์ กล่าวว่า กรณีหมอศัลยกรรมที่ จ.ตรัง ขับรถชนน้องชายเขาตายและไม่รับผิดชอบ ไม่มีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ซึ่งขัดกับระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องนี้ไม่ปกติ วรรณะของหมอในต่างจังหวัดถือว่าใหญ่ ไม่ธรรมดา รู้จักไปหมด ผู้เสียหายกลัวว่าคดีนี้จะมีการวิ่งเต้น วันนี้เลยมาขอความเป็นธรรมที่กรุงเทพมหานคร ให้พี่น้องสื่อมวลชน ช่วยนำเสนอเรื่องราวของเขา เรื่องนี้เกิดในพื้นที่ จ.ตรัง ทางครอบครัวจะต้องไปยื่นเรื่องที่จังหวัดตรัง แต่แนะนำให้ไปที่ สตช. เพราะคดีมันช้า วิงวอนไปถึงคู่กรณีอาชีพการงานดี เค้าเรียกไป 6,000,000 บาทเราไม่มีจ่ายเป็นก้อน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่รับผิดชอบเลย เพราะทางเขาเกิดการสูญเสียมีผู้เสียชีวิต ควรที่จะหันกลับไปรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย

สาโรจน์ สว่างศรี / นนทบุรี

นนทบุรี ผู้เสียหายถูกดอกสว่าน พร้อมทนายรณรงค์ ร้อง สธ.ตั้งกรรมการสอบ แพทย์

นนทบุรี ผู้เสียหายถูกดอกสว่าน พร้อมทนายรณรงค์ ร้อง สธ.ตั้งกรรมการสอบ แพทย์

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 มีนาคม 2566 ที่กระทรวงสาธารณสุข นางจันทรา อายุ 57 ปี ลูกชาย และญาติ พร้อม ทนายรณณรงค์ แก้วเพชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เดินทางมายื่นหนังสือถึงดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณะสุข เพื่อขอให้ตั้งกรรมการสอบสวน กรณีที่ นางจันทรา เข้ารับการรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บบริเวณขา ที่ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ใน จ.สระบุรี ต่อมาเกิดการติดเชื้อ จากการลืมอุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นดอกสว่าน ยาวประมาณ 1 นิ้ว ไว้ในขาข้างที่ได้รับบาดเจ็บ

นางจันทรา กล่าวว่า เมื่อปี 2559 ตนเองประสบอุบัติเหตุ ทำให้ต้องใส่เหล็กดามขา 7 เส้น โดยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ใน จ.สระบุรี ( รักษาโรงพยาบาลที่แรก) หลังเข้ารับการผ่าตัด มีอาการปวดบริเวณที่ผ่าและเกิดการบวมแดง จึงรักษาเข้ารับการรักษาที่ รพ.ค่ายอดิศร ซึ่งอยู่ใกล้บ้าน ( รักษาเป็น รพ.ที่ 2) แพทย์ตรวจวินิจัยโดยลงความเห็นว่า กระดูขวาอักเสบ และพยายามรักษาอยู่นานหลายปี จึงมีการส่งตัวมายัง รับการตรวจรักษาที่ รพ.พระมงกุฏเกล้า ซึ่งหลังมีการตรวจ แพทย์ระบุ มีเหล็กฝังในกระดูกขาขวา มีอาการเจ็บขา และวินิจฉัย ว่าอุปกรณ์ติดตั้งเดิมขาขวาสร้างความระคายเคือง จึงต้องเข้ารับการผ่าตัด เพื่อนำอุปกรณ์ออก เมื่อวันที่ 8-10 พ.ย. 2565 ต่อมาในช่วงเดือน มกราคม ก็ยังพบมีอาการติดเชื้อและบวมแดงอยู่ต่อเนื่อง ซึ่งเข้ารับการตรวจรักษาต่อเนื่องที่ รพ.พระมงกุฏ จนอาการเริ่มหายดีขึ้นในเดือน มีนาคม และตัดสินใจเข้าร้องเรียน เพื่อขอความเป็นธรรมและเยียวยาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

สาโรจน์ สว่างศรี / นนทบุรี

นนทบุรี แม่ร้องลูกชายชั้น ม.3 พิการสมาธิสั้น ถูกเด็กนักเรียนมัธยมโรงเรียนชื่อดัง พาพวกรุมตื๊บม้ามฉีก ก่อนชักอาวุธปืนตบหน้าเบ้าตาบวม

นนทบุรี แม่ร้องลูกชายชั้น ม.3 พิการสมาธิสั้น ถูกเด็กนักเรียนมัธยมโรงเรียนชื่อดัง พาพวกรุมตื๊บม้ามฉีก ก่อนชักอาวุธปืนตบหน้าเบ้าตาบวม

เมื่อเวลา 18.00 น วันที่ 23 มกราคม 66 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนขอความเป็นธรรมจาก นางสาวณัฐกาญจน์ หรือทราย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี แม่ค้าขายข้าวหมกไก่ภายในซอยสามัคคี ต.ท่าทราย อ. เมือง จ. นนทบุรี ว่าบุตรชายซึ่งเป็นนักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนชลประทานวิทยา และเป็นเด็กพิการสมาธิสั้น ได้ถูกกลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมโรงเรียนโพธินิมิตรวิทยา ภายในซอยวัดกู้ ต.บางพูด อ.ปากเกร็ดจ.นนทบุรี รุมทำร้าย จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ม้ามฉีก เบ้าตาขวา ถูกด้ามปืนตีจนบวมเป่ง เกรงคดีจะไม่มีความคืบหน้าจึงร้องเรียนผู้สื่อข่าวเพื่อขอความเป็นธรรม
นายกร (ขอสงวนชื่อจริงและนามสกุลจริง) อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนชลประทานสงเคราะห์เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าเมื่อวันที่ 17 มกราคม 66 ที่ผ่านมาเวลา 16.00 น. ตนเองได้นัดแฟนสาวซึ่งเรียนอยู่โรงเรียนโพธินิมิตร วิทยาคม ให้ออกมาเดินเที่ยวบริเวณริมเขื่อนท่าน้ำหัวถนนปากเกร็ด พอถึงเวลาตนพร้อมด้วยเพื่อนนักเรียนชาย 2-3 คน จึงได้เดินทางไปที่จุดนัดพบระหว่างที่เดินเที่ยวกับแฟนสาวและเพื่อนๆได้ มีกลุ่มวัยรุ่น 6 คนแต่งชุดไปรเวท ไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนทราบแต่เพียงว่าในกลุ่ม 4 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนโพธินิมิตรวิทยาคม ส่วนอีก 2 คนเป็นรุ่นพี่ที่จบออกไปแล้ว
โดยวัยรุ่นทั้ง 6 คนได้เดินตรงเข้ามาหาตนเองพร้อมทั้งสอบถามว่ามาทำอะไรที่นี่เหรอตนบอกว่ามาเดินเที่ยวหนึ่งในวัยรุ่นจึงตะโกนใส่ตนว่า “มึงโจ๋หรือ” จากนั้นทั้งหมดก็ลากตนเองไปที่ศาลาริมน้ำหัวถนนปากเกร็ด โดยมีวัยรุ่นคนหนึ่งในกลุ่ม ชักปืนแบบแม็กกาซีนสีเงิน ปลดแม็กโชว์ลูกกระสุนปืนให้ตนเองดูว่าเป็นของจริง ก่อน บรรจุแม็กใส่เข้าไปใหม่ แล้วใช้ด้ามปืนตบเข้าไปที่เบ้าตาขวาตนเองอย่างแรงโดยมีเพื่อนๆที่เหลือช่วยกันรุมทำร้ายและกระทืบตนเองอย่างหนำใจ
ต่อมาทั้ง 6 คนได้พาตนซ้อนจักรยานยนต์ไปที่หมู่บ้านเอื้ออาทร 2 (วัดกู้)ไปที่อาคารหรือตึกไหนตนเองจำไม่ได้เพราะตอนนั้นอยู่ในสภาพที่แทบจะสลบไสลไม่ได้สติแล้วมีอาการปวดหัวมึนงงไปหมด ทราบแต่เพียงเป็นลานจอดรถจยย. ที่ตึกแห่งหนึ่ง ถูกคุมตัวไว้ที่นี่นานกว่า 1 ชั่วโมงจนคุณพ่อของตนเองทราบเรื่องจึงได้รีบมารับตัวตนเอง

และพาไปส่งโรงพยาบาล ส่วนวัยรุ่นที่ทำร้ายตนพากันหลบหนีไป ตนก็ไม่เคยรู้จักพวกที่ทำร้ายตนเลยเพราะก่อนที่ตนจะถูกทำร้ายเพื่อนในกลุ่มของตนคนหนึ่งรู้จักกับกลุ่มของคนที่ทำร้าย ตนยังยกมือไหว้พวกเขาเลย แต่ก็ไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลใดพวกเขาถึงมาทำร้ายตนจนเจ็บขนาดนี้ ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวให้ได้จะได้นำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ด้วย
ขณะที่คุณแม่ทราย เปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นตนรู้สึกเสียใจมากลูกตนตนเองรักมากพอเห็นเขาถูกทำร้ายก็รู้สึกเสียใจโดยเฉพาะเขาเป็นเด็กนักเรียนพิการสมาธิสั้น เรียนอยู่แค่ชั้น ม.3 โรงเรียนชลประทานวิทยา อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดีช่วยติดตามคนที่ทำร้ายลูกชายมาดำเนินคดีให้ด้วยเพราะเหตุการณ์ผ่านมาอาทิตย์กว่าแล้วยังไม่มีความคืบหน้าใดๆเลย แม่เองก็ไม่ทราบว่าเขามาทำร้ายลูกทำไม แถมยังเอาปืนมาตบใส่ใบหน้าจนเบ้าตาบวมเป่ง ตำรวจก็ยังจับคนก่อเหตุไม่ได้ เกรงว่าจะไปทำร้ายคนอื่นแบบนี้อีก ตนก็ไม่เข้าใจหลังก่อเหตุรุมทำร้ายลูกตนเองแล้วทำไมต้องเอาตัวขึ้นรถจยย.ไปไว้ที่หมู่บ้านเอื้ออาทร 2 (วัดกู้) โชคดีที่คุณพ่อของน้องทราบจากเพื่อนๆจึงตามไปเจอลูกชายและนำตัวกลับมาได้ในสภาพสะบักสะบอม ถูกทำร้ายอย่างหนักต้องเข้านอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า นานกว่า 1 อาทิตย์ หมอบอกว่าถูกทำร้ายบาดเจ็บจนม้ามฉีก ส่วนเบ้าตาขวาบวมเปล่ง เพราะถูกด้ามปืนตบ ยืนยันจะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด

สาโรจน์ สว่างศรี / นนทบุรี

ทีมข่าวคู่แผ่นดิน และเครือข่าย ลงพื้นที่ตรวจสอบ โครงการประปาหมู่บ้านหมู่ที่ 4 ตำบลน้ำเฮี้ย อำเภอหล่มสักจังหวัดเพชรบูรณ์เนื่องจากได้รับการร้องเรียน

วันที่ 5ตุลาคม 2565ทีมข่าวคู่แผ่นดิน และเครือข่าย ลงพื้นที่ตรวจสอบ โครงการประปาหมู่บ้านหมู่ที่ 4 ตำบลน้ำเฮี้ย อำเภอหล่มสักจังหวัดเพชรบูรณ์เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่ามีการก่อสร้างระบบประปาโดยว่าจ้างผู้รับเหมามาทำการขุดเจาะบ่อบาดาลเพื่อวางระบบซัมเมอร์ส

และโครงสร้างประปาโครงเหล็กหอถังสูง 11.40 เมตรพร้อมด้วยถังไฟเบอร์กลาสอีก 4 ถัง จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ 2 ครั้งที่ผ่านมาได้ประสานไปที่องค์การบริหารส่วนตำบลฝายนาแซงได้พบปะพูดคุยกับปลัด สตท. ยงยุทธ เกตุอินทร์ ซึ่งรับปากว่าจะดำเนินการเชื่อมต่อระบบเพื่อให้ชาวบ้านได้ใช้น้ำซึ่งเป็นระยะเวลา 2 เดือนผ่านมาชาวบ้านได้แจ้งว่ามีการเปลี่ยนปั๊มซัมเมอร์ส จาก 3 แรงเป็น 1.5 แรง

จึงเป็นสาเหตุได้ลงตรวจสอบพื้นที่อีกครั้ง จึงพบว่า ได้มีการวางระบบท่อ ต่อขึ้นไปที่แท็งค์น้ำ และไม่ได้เชื่อมต่อระบบน้ำให้กับชาวบ้าน เนื่องจากน้ำดันขึ้นไม่พอจากการสังเกตจะเห็นว่าข้อต่อมีการรั่ว จึงเป็นเหตุให้ชาวบ้านร้องเรียนกับสื่อมวลชน จากการสังเกตของผู้สื่อข่าวพบพิรุธหลายอย่างงานไม่เรียบร้อยแต่มีการส่งงานและเซ็นรับงาน ทั้งที่งานไม่แล้วเสร็จ จึงเป็นเหตุให้ผู้สื่อข่าวและเครือข่ายจะต้องดำเนินการแจ้ง ปปช เพื่อเข้าไปตรวจสอบโครงการต่อไป