google.com, pub-2709829493138336, DIRECT, f08c47fec0942fa0

นครนายก (คลิปเหตุการณ์) สาวสติแตกคว้ามีดฟันหัวยายหวิดดับ!!

สาวสติแตกเก็บกดมานานนั่งอยู่หน้าบ้านเห็นยายวัย 84 ปี เดินผ่านหน้าบ้านคว้ามีดด้ามยาวฟันที่หน้าผากบาดแผลฉกรรณ์

เมื่อเวลา 10.00 น. ของเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2566 มีเหตุทำร้ายร่างกายในพื้นที่ บ้านเลขที่ 2 หมู่ 7 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นครนายก ทราบชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บคือนางละไม สุคนที อายุ 84 ปี มีบาดแผลจากการถูกฟันที่กลางหน้าผากยาวประมาณ 10 เซนติเมตร ส่วนผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกันกับคนเจ็บชื่อนางจุ๋ม อายุ 35 ปี หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการเกลี้ยกล่อมและควบคุมตัวไปยัง ก่อนนำตัว รพ.นครนายก เพื่อรักษาอาการ

จากการสอบถาม นางสาวนิราพร ทองแบบ อายุ25 ปี หลานสะใภ้เล่าให้ฟังว่าวันเกิดเหตุได้มี 2 ยายเดินคู่กันมาโดยที่ไม่ได้ระวังอะไรและผู้ก่อเหตุจะนอนเล่นอยู่ที่เปลทุกวันแต่วันเกิดเหตุได้มาดักซุ่มรออยู่ที่ใต้ต้นไม้พอยายเดินผ่านเค้าก็คว้ามีดด้ามยาวที่ถางหญ้าฟันเข้าที่หน้าผากของยายเข้าอย่างจังโดยที่ไม่มีสาเหตุมาก่อนว่าเกิดจากอะไร พอฟันเสร็จก็บอกอีกว่ามึงเดินมาทางนี้ทำไมและก็เดินกลับเข้าบ้านไปนอนที่เปลอย่างเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนคนสติแตกมากกว่าเพราะเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกทำร้ายร่าวกายแบบไม่มีอาวุธมีด ตบตีจิกหัวกับคนที่เดินผ่านบ้าน

ล่าสุดอาการของยายดีขึ้นแล้วพ้นขีดอันตรายแล้ว ส่วนคนที่ก่อเหตุก็ยังถูกคุมตัวและให้การรักษาในเรื่องของสภาพจิตใจ ก็อยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาดูแลเรื่องนี้เร่งด่วนเพราะถ้าเกิดหมอสรุปว่าบ้านยายของตนคนเจ็บตัวฟรี อีกอย่างตนมีลูกน้อยวันใดวันหนึ่งลูกของหนูเดินผ่านหน้าเค้าจะไม่เอามีดมาไล่ฟันอีกหรอ

ด้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเล่าว่า ผู้ก่อเหตุไม่ใช่คนก้าวร้าวอะไรขนาดนั้น อย่างดีก็แค่ด่า วันนั้นที่มีดมันก็ไม่ใช่มีดของเค้า เค้าคงจะไปเก็บที่ไหนมา แต่ที่นี้เหมือนแกเป็นโรคประสาทหรือสติไม่ค่อยดี ถ้าใครไม่ยุ่งกับเขาเขาก็จะไม่ยุ่งกับใครทั้งนั้น ลักษณะเกิดเหตุเหมือนกับสองคนนี้เขามีอะไรกันมาก่อนหรือหรือไม่แน่ใจเพราะเราไม่ได้อยู่ตรงนั้นคงอาจจะเคยว่ากันมาก่อนเหมือนเกียจกันคือกูเกลียดมึงอ่ะพอผ่านหน้าบ้านก็เลยฟันหน้าเอาซะเลยจึงเป็นเหตุดังกล่าว

สมบัติ เนินใหม่//รัขชานนท์ เนินใหม่//ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครนายก

นครนายก คนร้ายลักรถจยย.ช่วงเมื่อคืนฝนตก เช้าโพสต์ขายในเฟสบุ๊คเจ้าของหลอกขอซื้อจับตัวได้ที่โลตัสบ้านนา

คนร้ายเข้าไปลักรถจักรยานยนต์ที่บ้านเมื่อคืนช่วงฝนตกเช้ามาถอดป้ายทะเบียนโพสต์ขายในเฟสบุ๊คเจ้าของหลอกติดต่อขอซื้อขายนัดรับรถที่โลตัสบ้านนาก่อนญาติๆร่วมจับตัวส่งโรงพักบ้านนา

เมื่อเวลา 22.15 น. ของวันที่ 30 กันยายน 2566 ได้มีคนร้ายเข้ามาลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ รุ่นปลาวาฬ 125 ไอสีน้ำเงินดำ ทะเบียน 1 กง 1162 นครนายก ที่บ้านพักนางสาวพลอยแสง กาลสุข อายุ 31 ปี ในบ้านเลขที่ 54 หมู่ที่ 2 ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี เมื่อช่วงกลางคืนฝนตกหนัก มาทราบรถจักรยานยนต์หายในเวลาต่อมาจึงได้ไปถามสามีและญาติๆมีใครได้นำรถออกไปใช้หรือไม่ ทุกคนแจ้งว่าไม่ได้นำรถจักรยานยนต์ไปจึงได้ไปแจ้งความรถหายที่สถานีตำรวจแก่งคอย พอช่วงเช้าได้มีคนร้ายได้โพสต์เฟสบุ๊คประกาศขายรถจักยานยนต์ฮอนด้า รุ่นปลาวาฬ 125 ไอสีน้ำเงินดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน อยู่ในกลุ่มเฟสบุ๊คขายรถจักยานยนต์ ตนจึงได้ติดต่อสอบถามขอดูรถจักรยานยนต์ จึงได้นัดซื้อขายกันในราคา 15000 บาท และนัดส่งรถจักยานยนต์ที่ห้างโลตัสบ้านนาในเวลา 12.00 น.ของวันที่ 1 ตุลาคม 2566 โดยตนพร้อมญาติๆได้มาดักรอดูอยู่ก่อนแล้วพอถึงเวลานัดหมายคนร้ายได้ขับรถจักรยานยนต์ที่ลักไปเข้ามาที่ลานจอดรถของห้างโลตัสบ้านนา พวกญาติๆจึงเข้าล้อมจับตัวคนร้ายไว้ได้

ทราบชื่อต่อมานายสุทิน ทำทรัพย์ อยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ที่ 8 ตำบลเขาเพิ่ม อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก จึงได้โทรแจ้งศูนย์วิทยุสถานีตำรวจบ้านนามาควบคุมตัวคนร้ายไว้และประสานสถานีตำรวจแก่งคอยมารับตัวไปดำเนินต่อไป

สมบัติ เนินใหม่//รัชชานนท์ เนินใหม่// ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครนายก

ปราจีนบุรี หญิงสาวผูกคอตายเพราะคิดว่าวิญญาณพี่ชายอยู่ในตัว

เกิดเหตุสลดเช้าวันหวยออก เมื่อหญิงสาวคิดว่าวิญญาณพี่ชายที่ตายแล้วมาอาศัยอยู่ในตัว เขียนจดหมายทิ้งไว้ให้พี่สาวดูแลแม่ ก่อนหนีมาผูกคอเสียชีวิตในกระท่อมท้ายหมู่บ้าน

เมื่อช่วงสายวันนี้ ร.ต.อ.ชัยยง อำพันเสน ร้อยเวรสอบสวน สภ.กบินทร์บุรี ได้รับแจ้งมีเหตุหญิงสวผูกคอเสียชีวิตในกระท่อมที่อยู่ห่างจากหมู่บ้าน หมู่ 9 บ้านคลองชัน ต.บ้านนา อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ร่วม 2 กิโลเมตร หลังรับแจ้งจึงประสานแพทย์ จก รพ.กบินทร์บุรี ร่วมชันสูตร
ในที่เกิดเหตุพบร่างผู้ตายนุ่งกางเกงขาสั้นสวมเสื้อยืดแขนกุดสีดำใช้เชือกผูกแขวนคอห้อยอยู่กับขื่อหลังคากระท่อม ขาลอยอยู่เหนือพื้น ทราบชื่อ นางสาวอัมพวัน เหมพรหม หรือ อ๋อ อายุ 40 ปี เสียชีวิตมาแล้วมากกว่า สามชั่วโมง

จากการสอบถามนางสาว อ้อม พี่สาว เปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุ น้องสาสวมาพูดคุยกับตนและได้เยนจดหมายทิ้งไว้ว่าในดูแลแม่ให้ด๊ ตนก็เอะใจคิดเหมือนกันว่า หรือจะต้องมาทำงานศพให้น้องอีก แต่ก็ไม่คิดว่าจะจริง แต่สุดท้ายน้องก็มาผูกคอตาย สาเหตุตนคิดว่าน่าจะเครียดหรือเป็นเรื่องส่วนตัว

ในขณะที่นายวศิน ชัยภูมิ เล่าว่า ชาวบ้านว่าคนตายเป็นโรคประสาทพูดคนเดียว ก็ใช่แต่บางครั้งแกก็มาบอกว่าวิญญาณพี่ชายที่ตายไปแล้วมาอยู่กับแกที่แกพูดคนเดียวก็คงคิดว่าคุยกับพี่ชาย

อุทัยธานี คลิปกระชากสร้อยทองพร้อมพระเหลี่ยมทองมูลค่านับแสนกลางเมืองอุทัยฯ หลังสาวขี่ จยย.กลับจากส่งไปโรงเรียนชุดสืบสวน จ.อุทัย ฯ ตามรวบ จ.สมุทรสาคร

เมื่อเวลา 15.30น.วันที่ 29 ก.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนกองกำกับการสืบสวน.ภ.จว.อุทัยธานี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองอุทัยธานี ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดอุทัยธานี 1 หมาย 1 ราย นายสุเมธี ตุลาทอง บ้าน 53/11 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร พร้อมด้วยจักรยานยายนต์ยี่ห้อ yamaha รุ่น nmax สีน้ำเงินไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน

จากกรณี เมื่อ วันที่ 27 สิงหาคม 2566 เวลาประมาณ 09.10 น.เจ้าหน้าที่สายตรวจจักรยานยนต์ สภ.เมืองอุทัยธานี รับแจ้งเหตุว่ามีหญิงสาวขับขี่ จยย มาบนถนนสาย 333 ได้มีคนร้าย ขับขี่ จยย.ประกบตามหลังมา ถูกคนร้ายก่อเหตุกระชากสร้อยคอทองคำ หน้าร้านไก่ย่างมะลิวัลย์ถนนสาย 333 อำเภอเมืองจังหวัดอุทัยธานีทรัพย์สินที่ได้ เป็นสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท พร้อมพระเลี่ยมทองจำนวน 1 องค์ โดยคนร้ายใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ yamaha รุ่น nmax สีน้ำเงินไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนสวมหมวกกันน็อค สีดำใส่เสื้อแขนยาวสีฟ้าเสื้อด้านในสีน้ำตาลหลบหนีใช้เส้นทางจากที่เกิดเหตุไปทางสายอุทัย-โกรกพระ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกองกับการสืบสวนจังหวัดอุทัยธานี ร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบสวน สภ.เมืองอุทัยธานี ร่วมกันสืบสวนติดตามคนร้าย และได้ตามกล้องวงจรปิดที่ต่าง ๆ จนทราบว่าคนร้ายคือนายนายสุเมธี ตุลาทอง บ้านเดิมอยู่ อำเภอลานสัก จ.อุทัยธานี และได้ย้ายไปอยู่ ที่ บ้าน 53/11 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร หลังจากนั้นเจ้าหน้าทีตำรวจชุดสืบสวน ภจ.ว.อุทัยธานี ได้ขอหมายศาล จ.220/2566 ลงวันที่ 11 กันยายน จับกุมตัวนายนายสุเมธี ตุลาทอง ในข้อหาวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การหลบหนี ได้ที่ อ้อมน้อย

ที่เกิดเหตุพบ นางสาวเอ (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี ยืนอยู่ ด้วยความตระหนกตกใจ ก่อนให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เหตุการณ์ ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นไวมาก ตอนนั้นตนกำลังขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นสกูปปี้ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 1 กง 5999 อุทัยธานี เพื่อไปส่งลูกเรียนพิเศษ จากนั้นก็ขี่ไปเติมน้ำมันที่ปั๊มแล้วมายังจุดที่เกิดเหตุ จากนั้นก็มีคนร้ายชายได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ คาดว่าน่าจะเป็นรถยี่ห้อฮอนด้า รุ่น พีซีเอ็กซ์ สีแดงสด ไม่ทราบป้ายทะเบียน โดยได้ขี่มาใกล้ๆ ตน ซึ่งตอนนั้นตนก็คิดว่าจะเลี้ยวไปซอยเดียวกัน ก่อนคนร้ายจะเอื้อมมือมากระชากสร้อยคอทองคำที่ตนสวมใส่น้ำหนัก 2 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง ออกจากคอไปอย่างแรง จนคอมีรอยช้ำ ก่อนขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว จึงรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจ

พร้อมให้ปากคำเพื่อเป็นหลักฐานไว้ กับร้อยเวร สภ.เมืองอุทัยธานี และเปิดเผยเพิ่มเติมว่า สร้อยคอทองคำน้ำหนัก 2 บาท นั้นมูลค่าประมาณ 64,000 บาท บวกกับพระที่เลียมทองอีก 1 บาท มูลค่าประมาณ 32,300 บาท ส่วนพระเครื่องที่หายไปนั้นมีมูลค่าสูงมาก เพราะเป็นพระเกจิชื่อดังที่นำมาห้อยคอบูชามานานแล้ว ทำให้รวมมูลค่าทรัพย์สินในครั้งนี้จำนวน 1 แสนกว่าบาท ส่วนรูปพรรณสันฐานคนร้ายนั้น จำได้เพียงแค่เป็นผู้ชาย มีรูปร่างอ้วนท้วม ไม่สวมหมวกกันน็อก แต่เห็นใบหน้าไม่ชัดเจน สวมเสื้อสีฟ้าแขนยาวดังกล่าว ล่าสุดเจ้าหน้าที่จับคนก่อเหตุได้แล้ว

สำเนา ทองศรี รายงาน 098-7817019

กาฬสินธุ์ สลด!!หนุ่มทาสยาบ้าคลั่งควงมีดฟันคอพี่สาวดับอนาถ ฉุนขอเงินไม่ได้

สลดหนุ่มทาสยาวัย 39 ปี ชาวตำบลคำบง อำเภอห้วยผึ้ง จังหวัดกาฬสินธุ์เกิดคลุ้มคลั่งควงมีดดาบยาวเกือบเมตรฟัน คอพี่สาวดับอนาถคาบ้านพัก ฉุนขอเงินไม่ได้และเข้าใจว่าพี่สาวเอายาบ้าไปซ่อนไม่ให้เสพ ตำรวจตามรวบทันควัน พบประวัติป่วยจิตเวชจากการใช้สารเสพติดยาบ้า

เมื่อเวลา 08.40 น.วันที่ 29 กันยายน 2566 ร.ต.อ.ฤทธิ์ เสียงล้ำ ร้อยเวร สภ.ห้วยผึ้ง จ.กาฬสินธุ์รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายที่บ้านเลขที่ 249 ม. 2 บ้านโคกศรี ต.คำบง อ.ห้วยผึ้ง จ.กาฬสินธุ์ หลังรับแจ้งจึงรายงานไปยังนายชาณญ์ บุตรวงศ์ นายอำเภอห้วยผึ้ง พ.ต.อ.สีหชาติ พรจรรยา ผกก.สภ.ห้วยผึ้ง และผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น และเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.ยงยุทธ ภูตาลพบ รองผกก.(สอบสวน) สภ.ห้วยผึ้ง ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่งคง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.ห้วยผึ้ง เจ้าหน้าที่กอ.รมน.กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หน่วยกู้ภัย และแพทย์เวรโรงพยาบาลห้วยผึ้ง

โดยที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว จากการตรวจสอบภายในบ้านมีร่องรอยการต่อสู้ข้าวของเครื่องใช้กระจัดกระจาย บริเวณหน้าห้องน้ำภายในบ้าน พบผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือ น.ส. จุฬารักษ์ คงคูณ อายุ 41 ปี เจ้าของบ้าน นอนเสียชีวิตจมกองเลือด ตรวจสอบตามร่างกายมีร่องรอยถูกมีดฟันที่บริเวณต้นคอด้านขวาเป็นแผลฉกรรจ์ และบริเวณน่องขวา โดยมีจอบวางอยู่บนลำตัว นอกจากนี้ยังพบมีดดาบยามเกือบ 1 เมตรวางอยู่โคนต้นเสาในบ้าน คาดว่าน่าจะเป็นอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ
สอบสวนเบื้องต้นทราบตัวผู้ก่อเหตุ ชื่อนายเทิดเกียรติ คงคูณ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 ม.2 ต.คำบง อ.ห้วยผึ้ง จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นน้องชายของผู้เสียชีวิต ทั้งนี้หลังก่อเหตุมีชาวบ้าน ผู้นำชุมชน และเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวไว้ได้ที่บ้านพักที่อยู่ใกล้กัน

 

จากการสอบถามนางสาวสรุตา กุลชโมริน อายุ 24 ปี เพื่อนบ้าน เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุนายเทิดเกรียติ ได้เข้ามาถามหายาบ้ากับพี่สาว และพยายามขอเงินไปซื้อยาบ้า แต่ น.ส.จุฬารักษ์ ผู้เสียชีวิต ตอบปฏิเสธ ไม่รู้ ไม่เห็น และไม่มีเงินให้ พร้อมกับต่อว่า จึงเกิดมีปากเสียทะเลาะกัน ก่อนที่นายเทิดเกียรติไม่พอใจและถืออาวุธมีดดาบยาวเข้าไปทำร้าย โดยฟันที่คอและน่องเสียชีวิตดังกล่าว

ด้านนางวิลาวัลย์ ศรีลำดวน อายุ 59 ปี น้าผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ช่วงเช้าหลานวิ่งไปบอกว่า น.ส. จุฬารักษ์ ถูกน้องชายฆ่าตาย ตนจึงรีบวิ่งมาดูและพยายามจะช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล แต่น.ส. จุฬารักษ์ได้เสียชีวิตแล้ว จึงแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ ส่วนนายเทิดเกียรติ น้องชายผู้เสียชีวิต หลังก่อเหตุก็นำมีดล้างคราบเลือด ซึ่งช่วงนั้นก็พูดจาไม่รู้เรื่อง คล้ายคนอาการหลอน และขู่ฆ่าใครที่เข้ามายุ่ง ก่อนจะเดินไปหลบที่บ้านพักของตนเองที่อยู่ใกล้กัน กระทั่งเจ้าหน้าที่มาจับกุมตัวไป

อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบประวัติเบื้องต้นพบว่านายเทิดเกียรติมีประวัติเคยรักษาเป็นผู้ป่วยจิตเวช มีประวัติการใช้สารเสพติด ยาบ้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไปตรวจปัสสาวะพบสารเสพติด พร้อมส่งตัวให้กับพนักงานสอบสวนสภ.ห้วยผึ้ง เพื่อสอบปากคำและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป เบื้องต้นแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

จ.อุตรดิตถ์ สลด!! สาวใหญ่ใช้ไม้ทุบบุพการี ดับจมกองเลือด

เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 66 20.30 น. พนักงานสอบสวนเวร ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่า มีเหตุฆ่ากันตาย ที่บ้านเลขที่ 88 หมู่ 4 ต.ป่าคาย อ.ทองแสนขัน จว.อุตรดิตถ์ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และได้ออกไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ

พบ นางประทุม สุขเกษม อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88 หมู่ 4 ต.ป่าคาย อ.ทองแสนขัน จว.อุตรดิตถ์ (มารดาของผู้ต้องหา) นอนเสียชีวิตอยู่หน้าบ้าน จากการสืบสวนทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือบุตรสาวของผู้เสียชีวิต ได้เดินออกไปที่ถนนหน้าบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้จับกุม จึงออกไปติดตาม และ พบ น.ส.สุวิศิษฎ์ สุขเกษม อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88 หมู่ 4 ต.ป่าคาย อ.ทองแสนขัน จว.อุตรดิตถ์ เดินอยู่บนถนนหน้าบ้าน (เป็นผู้ป่วยจิตเวช) จึงควบคุมตัวและสอบถาม น.ส.สุวิศิษฎ์ฯ แล้วรับว่า เป็นผู้ก่อเหตุจริง โดยก่อนเกิดเหตุ ได้ทะเลาะกับมารดา และใช้มือบีบคอมารดา และลากมารดาลงจากเตียงไปที่บริเวณหน้าบ้าน จากนั้นใช้ไม้ท่อนที่กลึงสำหรับนั่ง ทุบมารดา 3 ครั้ง จนมารดาเสียชีวิต และวางไม้ท่อนไว้ข้างศพมารดา

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาให้ น.ส.สุวิศิษฎ์ สุขเกษม ผู้ต้องหาทราบว่า “ฆ่าบุพการีตายโดยเจตนา” นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี แพทย์ได้ชันสูตรพลิกศพผู้ตาย และ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ได้ตรวจสถานที่เกิดเหตุไว้แล้ว

นาคา คะเลิศรัมย์/รายงาน

ปราจีนบุรี คนร้ายโหดมีดปาดคอแม่ค้าขายข้าวโพดต้มริมถนน 304 หวิดดับ!!

คนร้ายอาศัยร้านขายข้าวโพดต้มริมถนนสาย 304 หลับนอน พอแม่ค้ามาเปิดร้านช่วงเช้าเห็นคนแปลกหน้ามานอนอยู่บอกว่าให้ออกไปจะขายของ ทำให้คนร้ายไม่พอใจฉวยโอกาสตอนเผลอหยิบมีดปังตอที่วางอยู่ ก่อนจิกหัวแม่ค้าใช้มีดปาดคอ หลังก่อเหตุคนร้านขึ้นจักรยานยนต์ของแม่ค้าที่จอดอยู่หลบหนีแต่รถสตาร์ทไม่ติด เจ้าหน้าที่ตำรวจคว้าตัวได้ทันจับกุมไว้ได้

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 09.00 น.วันที่ 15 กันยายน 66 นางบัญญัติ อุ่นจันทร์ อายุ 60 ปี แม่ค้าขายข้าวโพดต้ม เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.กบินทร์บุรี พร้อมบาดแผลที่บริเวณลำคอด้านขวา ว่าได้ถูกคนร้ายใช้มีดปาดคอที่บริเวณแผลงขายข้าวโพดต้มตั้งอยู่ริมถนนสาย 304 ตรงแยกที่กลับรถกบินทร์เครน ต.กบินทร์ หลังก่อเหตุคนร้ายได้หลบหนีโดยจะขโมยรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ข้างร้านแต่รถสตาร์ทไม่ติด จากนั้นสามีพร้อมคนขายที่ปัดน้ำฝนช่วยกันจับตัวคนร้ายไว้ได้ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุมไว้ได้ ส่วนตนเองเจ้าหน้าที่อาสาหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสัจจพุทธธรรมแห่งประเทศไทยได้นำตัวส่ง รพ.กบินทร์บุรี เพื่อให้แพทย์ทำบาดแผลโชคดีที่มีดไม่ค่อยคมถ้าอย่างงั้นคอคงขาด

นางบัญญัติ อุ่นจันทร์ อายุ 60 ปี แม่ค้าขายข้าวโพดต้ม กล่าวว่า ป้ากำลังตัดใบตองอยู่และเอามีดเล่มดังกล่าววางทับใบตรองไว้ คนร้ายก็เดินเข้ามาพร้อมบอกว่า “ป้ามีดสวยดีโน๊ะ”มันก็เอามีดปาดคอเลยหลังก่อเหตุมันก็เอามีดวางไว้ และมันก็วิ่งหนีออกไปและฉันก็วิ่งไล่ตามมันไปก็ถือใช้มีดเล่มดังกล่าวไปด้วย แต่วิ่งไม่ทันคนร้ายจึงเอามีดขว้างตามหลังมันไป แต่คนร้ายก็วิ่งย้อนกลับมาหาฉันอีกและมันก็มาคว้ารถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ 2 คัน จะหลบหนีแต่รถสตาร์ทไม่ติดจึงเอาไปไม่ได้ ส่วนบาดแผลเข้าไม่ลึกเท่าไหร่เพราะมีไม่คมถ้ามีดคมของจะไม่รอด ตนเองรู้สึกกลัวไม่นึกไม่ฝันคิดว่าเป็นคนดี ทีแรกก่อนจะเกิดเหตุตอนเช้า แฟนเขามาก่อนเพื่อมาเปิดร้านแต่ฉันมาทีหลังแฟนเห็นคนร้ายนอนอยู่ในร้านจึงบอกว่าให้ลุกหนีไปจะขายของ และเป็นจังหวะที่แฟนเดินไปดูที่จะตั้งร้านขายของใหม่เพราะตรงนี้มันขายไม่ดี ช่วงจังหวะแฟนไม่อยู่คนร้ายฉวยโอกาสใช้มือจิกผมและใช้มีดปาดคอตน ส่วนคนร้ายรูปร่าง ผอม สูง อายุประมาณ 40 ปี ส่วนคนร้ายก็ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน

ด้านนายจำปี อายุ 65 ปี สามี กล่าวว่า ตนจะมาเปิดแผงช่วงเวลา 07.00 น.และจะมาติดไฟต้มข้าวโพด ได้เห็นมีคนนอนอยู่ตนคิดว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบ ผมก็ไม่ว่าอะไรมันผมก็เดินหาที่ขายใหม่จะได้ขายคล่องๆ และผมบอกว่าให้ออกไปจะขายของ คนร้ายจึงลุกขึ้นเดินลงไปด้านล่าง จากนั้นตนก็เดินเพื่อที่จะหาทำเลขายข้าวโพดต้มใหม่ จากนั้นภรรยาก็โทรมาบอกว่าถูกคนร้ายใช้มีดปาดตนก็รีบมา ผมว่าจะเตะสั่งสอนมันให้หลุดออกเป็นชิ้นไปเลย

นายอุเทน ท่าสะอาด ผู้ก่อเหตุ เป็นชาวจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า ตนเดินท้าวมาจากครองรั้งจะไปสระแก้ว และได้แวะพักที่ร้านขายข้าวเพื่อพักผ่อนตั้งแต่เวลา 4-5 ทุ่ม ส่วนผมที่ลงไปผมขอโทษผมไม่ได้ตั้งใจมีดมันพาดไปเอง ถ้าตั้งใจทำถ้าปาดจริงมันเข้าไปแล้ว ยาบ้าผมไม่ได้เสพแต่เหล้ามีบ้าง นายอุเทน กล่าว

กาฬสินธุ์ ระทึกจับชายอาละวาดทำลายข้าวของในธนาคารกลางห้างดัง

เกิดเหตุระทึกชายคล้ายคนสติไม่ดีบุกเข้าไปก่อเหตุอาละวาดทำลายทรัพย์สินภายในธนาคารไทยพาณิชย์กลางห้างดังเมืองกาฬสินธุ์ ตำรวจและพลเมืองดี ช่วยกันจับสุดท้ายจนมุมหมอบคาที่ ท่ามกลางความแตกตื่นของประชาชน

เมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 14 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ. เมืองกาฬสินธุ์ได้รับแจ้งเหตุมีบุคคลพกมีดขู่ทำร้ายพนักงานธนาคารแห่งหนึ่งภายในห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัสกาฬสินธุ์ ถนนเลี่ยงเมืองสงเปลือย อ.เมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ หลังจากรับแจ้งเจ้าหน้าที่สายตรวจจึงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

โดยที่เกิดเหตุอยู่ในธนาคารไทยพาณิชย์ ภายในห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัสกาฬสินธุ์ พบชายสวมเสื้อ กล้ามสีดำกางเกงขายาว มีลักษณะอาการคล้ายคนสติไม่ดี พูดจาไม่รู้เรื่อง ซึ่งอยู่ในการคุ้มคลั่งและร้องโวยวายอาละวาดพยายามทำลายทรัพย์สินในธนาคารเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เจรจาแต่ไม่เป็นผล จากนั้นชายคนดังกล่าวก็คุ้มคลั่งได้ประทะกับเจ้าหน้าที่ โดยมีการพยายามล็อกประตูธนาคาร เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปภายในธนาคาร และมีหน่วยตำรวจชุดควบคุมฝูงชนเข้าระงับเหตุ โดยได้ประทะกับชายคนดังกล่าวที่พยามต่อสู้ ใช้สิ่งของโยนใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจและพลเมืองดีจึงช่วยกันจับกุมและระงับเหตุ กระทั่งสามารถควบคุมตัวไว้แล้ว ท่ามกลางสายตาประชาชนที่กำลังมาจับจ่ายซื้อสิ่งของ และพากันแตกตื่น ซึ่งระว่างนี้มีประชาชนถ่ายคลิปเหตุการณ์เอาไว้

จากการสอบถามพนักงานธนาคารคนหนึ่ง ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุชายคนดังกล่าวได้เข้ามาทำธุรกรรมกับธนาคาร โดยอ้างว่าจะมาถอนเงินจากบัญชีของแม่ ซึ่งนำบัญชีธนาคารของแม่ บัตร ATM บัตรประจำตัวประชาชนของแม่ และบัตรประจำตัวประชาชนของตนเองมาด้วย แต่ชายคนดังกล่าวมีลักษณะท่าทางพูดจาวกวนไปมา ไม่รู้เรื่อง แต่พอจับใจความได้ว่าอยากถอนเงินจำนวน 2-3 หมื่นบาทออกจากบัญชีเนื่องจากร้อนเงินเป็นอย่างมาก และแสดงหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ธนาคาร ซึ่งพนักงานแจ้งว่าไม่สามารถทำธุรกรรมแทนกันได้เนื่องจากไม่เป็นไปตามระเบียบของธนาคาร ซึ่งทำให้ชายคนดังกล่าวเกิดความไม่พอใจ และได้นำมีดพกติดกระเป๋าออกมาวางบนหน้าตักของชายคนดังกล่าว จากนั้น พนักงานดูท่าทางไม่ดีจึงแจ้งให้พนักงานอีก 8 รายออกไปนอกธนาคาร พร้อมกับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมสถานการณ์ แต่มีพนักงานหญิงหนึ่งร้ายไม่กล้าเดินออกจากธนาคาร โดยหลบภายในห้องเก็บเอกสารของธนาคาร กระทั่งเกิดเหตุการณ์ตามที่มีชาวบ้านถ่ายคลิปไว้ได้

อย่างไรก็ตามเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวชายคนนี้ ไประงับสติอารมณ์ เบื้องต้นพบว่ายังพูดจากไม่รู้เรื่อง คล้ายกับคนสติไม่ดี แต่จะตรวจสอบประวัติ ส่วนความเสียหายเบื้องต้นจากการตรวจสอบมีทรัพย์สินของธนาคาร เช่น โต๊ะ เก้าอี้ แป้นพิมพ์ คอมพิวเตอร์ เอกสารต่างๆได้รับความเสียหาย ซึ่งตำรวจจะประสานไปทางญาติ เพื่อดำเนินการสอบปากคำ และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

อุทัยธานี หนุ่มใหญ่เครียดจัดกลัวน้ำท่วมไร่มันไม่มีเงินใช้หนี ธกส ใช้.38 จ่อขมับตัวเองดับคาบ้าน

เมื่อเวลา 11.30น.วันที่ 5 กันยายน 2566 ร.ต.อ.พีรพล นันทสังข์ ร้อยเวร สภ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี ได้รับแจ้งเหตุจากสายตรวจบ้านปางศิลาทอง ต.ทัพหลวง อ.บ้านไร จ.อุทัยธานี ว่ามีเหตุคนใช้อาวุธปืนยิงตนเองถึงแก่ความตาย อยู่ที่บ้านเลขที่ 25 ม.3 บ้านทัพหมัน ต.ทัพหลวง อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี

หลังจากได้รับแจ้งจึงรายให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามระดับชั้น รุดตรวจที่เกิดเหตุพร้อมพ.ต.อ.กิตติ์ธเนศ สุริยศักดิ์ภูบดี ผกก.สภ.บ้านไร่ พ.ต.ท.บุญเยี่ยม โพธิ์ศรี รอง ผกก.สส.สภ.บ้านไร่, ร.ต.อ.สุวรรณ บุญอาจ รอง สวป.สภ.บ้านไร่ ร้อยเวร 20 พร้อมด้วยชุดสืบสวนเวร สายตรวจรถยนต์บ้านปางศิลาทอง

ที่เกิดเหตุพบว่าที่เกิดเหตุเป็นบ้านสองชั้น ครึ่งตึกครึ่งไม้ ที่บนถนนและหน้าบ้าน มีเพื่อนบ้าน ญาติพี่น้องและชาวบ้านจำนวนมาก ได้มายืนดูอยู่ หน้าบ้านเป็นจำนวนมาก โดยในที่เกิดเหตุพบผู้ตายซึ่งทราบชื่อต่อมาในภายหลังคือนายบุญหลาย อายุ 49 ปี ในสภาพศพนอนหงายหลังพิงกำแพงปูน ในสภาพศพพบบาดแผลที่ศีรษะด้านซ้าย ใช้อาวุธปืน .38 ลูกโม่ จ่อยิงด้านซ้ายทะลุขมับด้านขวา อาวุธปืนตกอยู่ที่หัวไหลด้านซ้าย เลือดไหลนองพื้น นอนเสียชีวิตอยู่ในห้องชั้นล่างของบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที ได้ตรวจสอบภายในที่เกิดเหตุ และรอบบ้านที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยของการต่อสู้แต่อย่างได ภายในรังเพลิงบรรจุกระปืน .38กระสุนปืน จำนวน 4 เม็ด ปลอกระสุน ปืนยิงแล้ว 1 ปลอกเจ้าหน้าที่เก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบนางกุมมารี ซึ่งเป็นภรรยาของผู้ตายในเบื้องต้นแล้วทราบว่าผู้ตายมีปัญหาครอบครัวเกี่ยวกับภาระหนี้สิน กับ ธกส. จำนวน 6 แสนบาท ที่กู้มาลงทุนทำไร่มัน และซื้อรถไถนาคูโบต้า และ เมื่อช่วงเช้า ตนเองกับผู้ตาย ก็ไปที่ไร่มันสำปะหรัง เนื่องจากเมื่อคืน ฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก เพื่อไปหวิดน้ำออกจากไร่มัน เนื่องจากกลัวต้นมันจมน้ำนานจะตาย หลังจากนั้น พอกลับมาบ้าน ผู้ตายก็มานั่งเครียด มาปรับทุกข์ กลับตนเอง กลัวว่าต้นมันจะตาย จะไม่มีเงินไปใช้หนี้ ธกส.ที่กู้มา พร้อมดอกเบี้ย และส่งเงินให้ลูกเรียนที่กรุงเทพ 1 คน ต้องใช้เงิน หลังจากนั้นตนเอง ก็ขึ้นไปบนบ้าน ส่วนผู้ตายนอนเล่นอยู่ในห้องชั้นล่าง และอาวุธปืน .38 นั้นเป็นของพ่อผู้ตาย ที่เก็บไว้ในตู้ลิ้นชัก ซึ่งผู้ตายไปหยิบมา ตอนไหนตนเองไม่ทราบ ในระหว่างนั้นตนเองได้ยินเสียงปืน ดังขึ้นหนึ่งนัด ที่ห้องนอนจึงรีบวิ่งลงมาดู พบว่าผู้ตายใช้อาวุธปืนยิงตัวเองดังกล่าว ซึ่งตนเองและครอบครัว นั้นไม่ติดใจในการเสียชีวิต เนื่องจากผู้ตายได้มาบ่นกับตนเองว่าเครียดเรื่องน้ำท่วมมัน กลัวจะไม่มีเงินส่งให้กับ ธกส.จำนวน 6 แสนบาท ที่กู้มาลงทุน ดังกล่าว จึงขอศพเจ้าหน้าที่มาประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป ญาติ ๆ ไม่ติดใจถึงสาเหตุการตายแต่อย่างใด

สำเนา ทองศรี รายงาน 0987817019

พะเยา สลด!! ดช.วัย1 4 ถูกของแหลมแทงใต้ราวนมเสียชีวิต

วันที่ 29 ส.ค.66 เวลา 16.20น.พ.ต.ต. พิทักษ์ชน อิ้มอนงค์ สว.(สอบสวน) สภ.เชียงคำได้รับแจ้งว่ามีคนบาดเจ็บถูกของแหลมมีคมแทงเข้าที่บริเวณใต้ราวนมด้านซ้ายที่ ฝายน้ำบ้านทราย ม.5 ต.เวียง อ.เชียงคำ จ.พะเยา หมดสติและทางชุดกู้ภัยสยามรวมใจ ปู่อินทร์จุดอำเภอเชียงคำ และกู้ภัยวัดพระนั่งดินรีบปฐมพยาบาลนำส่งรพ.เชียงคำ และเสียชีวิต ในเวลาต่อมาเป็นเด็กชาย อายุ14ปี

หลังเกิดเหตุทาง พ.ต.อ.เฉลิมชาติ ยาวิชัย ผกก.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.เชียงคำ ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุหาสาเหตุดช.ถูกแทง เบื้องต้นทราบ ผู้ตายได้มาเล่นน้ำที่ฝายแต่ตัวไม่เปียกน้ำ แต่ได้มีไม้แหลมทิ่มแทงเข้าที่บริเวณหน้าอก จนเป็นเหตุเสียชีวิตและทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกตามตัวเพื่อนและพยานที่เห็นมาสอบถามเพื่อหาข้อมูลจาการเกิดเหตุอีกครั้งต่อไป

เบื้องต้นจากการตรวจร่างกายบริเวณหน้าอกใต้ราวนมด้านซ้ายมีแผล ยาวประมาณ2 ซ.ม กว้างประมาณ2ซ.ม และ แพทย์นิติเวช ก็ได้ เตรียมทำการผ่าชันสูตรศพ อีกครั้ง ว่าบาดแผลเกิดจากอะไร ทิ่มแทง และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ออกติดตามในสถานที่เกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุของการถูกแทงและเสียชีวิตในครั้งนี้ด้วย

ปัณณวิชญ์ อยู่ดี จังหวัดพะเยา

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com