กาฬสินธุ์เตรียมส่งปปช.เชือดคดีตำรวจสืบเมืองกาฬสินธุ์รีดเงินยาบ้า

กาฬสินธุ์เตรียมส่งปปช.เชือดคดีตำรวจสืบเมืองกาฬสินธุ์รีดเงินยาบ้า

กาฬสินธุ์เตรียมส่งปปช.เชือดคดีตำรวจสืบเมืองกาฬสินธุ์รีดเงินยาบ้า พนักงานสอบสวนเตรียมสรุปสำนวนคดีชุดสืบสวนสภ.เมืองกาฬสินธุ์เรียกรับเงิน 5 แสนบาทแลกปล่อยตัวคดียาเสพติดให้กับปปช.ลงดาบ เนื่องจากเป็นคดีที่เกี่ยวกับการทุจริตต่อหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ

จากกรณีตำรวจชุดสืบสวนสภ.เมืองกาฬสินธุ์ 3 นาย ถูกตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์จับกุมคาห้องสืบสวนภายในโรงพัก สภ.เมืองกาฬสินธุ์ หลังร่วมกันเรียกรับเงินจากญาติผู้ต้องหาคดียาเสพติด 5 แสนบาท แลกกับการไม่ดำเนินคดี ซึ่งหลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ สั่งการให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาด และเบื้องต้นได้มีคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อน 3 ราย และแจ้งข้อกล่าวหาตามกฎหมาย ส่วนอีก 8 นายที่ถูกกล่าวหาซัดทอดอยู่ระหว่างการสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 29 มีนาคม 2566 ที่ห้องประชุม สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พ.ต.อ.อิทธเดช สุนทร ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ประชุมร่วมกับ พ.ต.ท.สุเทพ ภูกัณหา รองผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองกาฬสินธุ์ และพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี

โดยพ.ต.อ.อิทธเดช สุนทร ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ระบุว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีเดียวกัน แต่ขั้นตอนต้องแบ่งการสอบสวนเป็น 2 ส่วน ซึ่งส่วนแรกเป็นการจับกุมตำรวจชุดสืบสวน 3 นาย ประกอบด้วย ยศ ด.ต. อายุ 27 ปี, ยศ ส.ต.อ. อายุ 30 ปี และ ยศ ส.ต.อ. อายุ 27 ปี 3 ราย พร้อมของกลางเงินสดจำนวน 364,000 บาทในห้องสืบสวน ซึ่งเป็นการจับกุมตัว พร้อมของกลาง หลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนได้สอบปาก 3 นายแล้ว และทั้งหมดให้การปฏิเสธ ขอไม่ให้การในชั้นสอบสวน และขอให้การในชั้นศาล รวมทั้งได้ตำแหน่งประกันตัวออกไป

ทั้งนี้พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา เป็นเจ้าพนักงานร่วมกัน เรียก รับ หรือยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นเจ้าพนักงานหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ทั้งนี้ในส่วนเรื่องของวินัยทางผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ ได้มีคำสั่งออกจากราชการไว้ก่อน ตั้งกรรมการสอบวินัย และขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ส่งให้กับป.ป.ช.เพื่อดำเนินการตามขั้นของกฎหมาย

พ.ต.อ.อิทธเดช กล่าวต่อว่า ในส่วนที่สอง ซึ่งในวันจับกุมผู้เสียหายมีการให้การว่ามีตำรวจชุดสืบสวนอีก 8 นายเกี่ยวข้อง ประกอบด้วยนายตำรวจยศ “ร.ต.อ.”, นายตำรวจยศ “ร.ต.ท.”, ตำรวจยศ “ด.ต.” 2 นาย, ตำรวจยศ “จ.ส.ต.” 3 นาย และตำรวจยศ “ส.ต.อ.” อีก 1 นายนั้น ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้เสียหายแล้ว และอยู่ระหว่างการวบรวมพยานหลักฐานว่าทั้ง 8 นาย มีส่วนเกี่ยวข้องจริงหรือไม่ มีกี่คน และ จะเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใด ซึ่งหลังจากนั้นจะจะเรียกตัวทั้ง 8 นายมาสอบปากคำ ก่อนสรุปสำนวนส่งให้กับปปช.พิจารณาในการแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมกันกับตำรวจ 3 คนแรก เนื่องจากเป็นคดีที่เกี่ยวกับการทุจริตต่อหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ คาดว่าจะสามารถสรุปส่งให้กับปปช.ได้ในเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตามสำหรับของกลางยาบ้านั้นจากการตรวจสอบไม่พบว่ามีของกลางยาบ้า 2,000 เม็ดที่กล่าวอ้าง รวมทั้งได้สอบปากคำผู้ที่ถูกคุมตัวมาแล้วก็ให้การว่าไม่มียาบ้า

ตำรวจภูธรมุกดาหารจับกุม 2 ผู้ต้องหาพร้อมยาบ้าเกือบล้านเม็ด และอาวุธปืน

เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2566 นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พล.ต.ต.ชัชชัย วงศ์สุนะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหารแถลงข่าวจับกุม 2 ผู้ต้องหาพร้อมยาบ้าจำนวน 994,000 เม็ด

หลังได้รับรายงานจากชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด กองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร ว่าได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวจะมีการขนถ่ายลำเลียงยาเสพติดล็อตใหญ่ผ่านพื้นที่ จังหวัดมุกดาหาร ในห้วงเดือนมีนาคม 2566 นี้ พ.ต.อ.ธานินทร์ อินทพรต รอง ผบก.ฯ พร้อม พ.ต.อ.วิจิตร บุญวรรณ ผกก.สืบสวนฯ และชุดปฏิบัติการฯ กองกำกับการสืบสวน เฝ้าติดตามและสืบสวนจับกุมทั้งการตั้งด่านเส้นทางในพื้นที่ การสะกดรอย ชุ่มสังเกตการณ์
ตลอดแนวแม่น้ำโขงเรื่อยมา

จนกระทั่งวันที่ 27 มี.ค.66 เวลา 17.00 น. ชุดปฏิบัติการ กองกำกับการสืบสวน ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่ามีการลำเลียงยาเสพติดล็อตใหญ่เข้ามาในพื้นที่ จว.มุกดาหาร บริเวณบ้านท่าไคร้ เพื่อไปส่งในเขต อ.คำชะอี ชุดจับกุมจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จึงประสานหน่วยบูรณาการเพื่อวางแผนการปฏิบัติตามที่หน่วยได้รับมอบหมายและได้สั่งการให้ พ.ต.ต.เดชา ฯ พร้อมพวกติดตามจับกุม กระทั่งเวลาประมาณ 05.00 น. ของวันที่ 28 มี.ค.66 เห็นรถเป้าหมายวิ่งออกจาก บ้านท่าไคร้มุ่งหน้าไปทางตู้ยาม
นาคำน้อยเลี้ยวซ้ายไปทาง อ.ดอนตาล และเลี้ยวขวาไปทางแยกบ้านนายอ พอถึง สี่แยกบ้านนายอรถเลี้ยวขวาไปตามถนนจากบ้านนาโพธิ์ มุ่งหน้าไปทางบ้านดงมัน ชุดสืบสวนจึงได้วางกำลังเพื่อสกัดกั้น จนกระทั่งเวลา 06.30 น. รถเป้าหมายมาถึงบริเวณ ภูวัด (วัดมุกดาวาส) บ้านดงมันไปทาง ต.คำอาฮวน รถเป้าหมายเห็นรถเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ด้านหน้าจึงได้เลี้ยวเข้าซอยด้านซ้าย ซึ่งเป็นทางตัน ตำรวจชุดที่ไล่ตามมาและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สกัดอยู่ติดตามเข้าไปในซอยจนสามารถควบคุม ผู้ที่อยู่บนรถดังกล่าวได้

ซึ่งทราบชื่อในภายหลัง คือ นายบุญชู บุญทศ ผู้ขับ อายุ 52 ปี ที่อยู่ 22/1 หมู่ 7 ต.นาสีนวล อ. เมืองจ.มุกดาหาร. และนายโกวิตร์ แรกไธสง (เป็นผู้โดยสารนั่งมา) อายุ 51 ปี ที่อยู่ 254 หมู่ 6 ต.นาสีนวล อ.เมือง จ. มุกดาหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงตนค้นรถเก๋งคันดังกล่าวยี่ห้อนิสสัน รุ่นอัลมิร่าสีขาวทะเบียน กง 7290 มุกดาหารพบกระสอบว่างอยู่ท้ายรถ เมื่อตรวจสอบด้านในเป็น ยาบ้า จำนวน 6 กระสอบ /ประมาณ 994,000เม็ด และ อาวุธปืนพกสั้นยี่ห้อซิกเซาเออร๋ รุ่น P365 จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุน 12 นัด ได้สอบถามเบื้องต้นทั้งสองคนให้การว่าเป็นของตนเองจะนำไปส่งให้ลูกค้าที่ ต.ผึ่งแดด จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหารเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

ไกรสมุทร นามโพธิ์ไทร/รายงานจากมุกดาหาร
081-0501177

นครนายก ตร.เจ๋ง สองวันตามจับคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์สร้อยคอหนักสองบาทได้รวดเร็ว

ตำรวจนครนายกเจ๋งเพียงสองวันตามจับคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำหนักสองบาทได้ ผู้เสียหายชมตำรวจทำงานได้ดีรวดเร็วทันใจ

จากเหตุการเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2566 เวลา 08.30 น.ได้มีคนร้ายเป็นชายขับรถจักรยานยนต์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนสวมเสื้อแขนยาวสีดำ สวมกาวเกงยีนสีน้ำเงิน สวมหมวกกันน็อกสีเทา สวมใส่แมทเพื่อปิดบังใบหน้าทำที่เข้ามาซื้อของประมาณ 3 รอบรอบที่ 3 จึงลงมือเข้ามาก่อเหตุชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำหนักสองบาทของนางเกสร น้ำเงิน อายุ 63 ปีที่ร้านค้าขายของชำ บ้านเลขที่ 16/2 ม.5 ตำบลโคกกรวด อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก บริเวณแยกบ้านเนินใหม่แล้วขับรถจักรยานยนต์จะหลบหนีนางเกสร ได้วิ่งตามมาทันจึงได้ดึงท้ายรถจักรยานยนต์ของคนร้ายไว้คนร้ายได้เร่งเครื่องรถจักรยานยนต์ทำให้นางเกสรล้มกลิ้งได้รับบาดเจ็บกู้ภัยฯนำส่งโรงพยาบาลปากพลี

ต่อมาพล.ต.ต.ภูมินทร์ สิงหสุต ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครนายก ได้สั่งการให้พ.ต.ท.ธงชัย หริ่มสืบ สารวัตรสถานีตำรวจนาหินลาด ให้เร่งสืบสวนหาข้อมูลในการติดตามจับกุมคนร้ายมาให้ได้ จึงได้จัดชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.นาหินลาด และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.นครนายก ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสืบสวนในแขตพื้นที่ตำบลโคกกรวดและพื้นที่ใกล้เคียงจึงทราบตัวผู้ก่อเหตุชื่อนายสุริษา ฉ่ำสิริ อายุ 24 ปี และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าสีแดง ยานพาหนะที่ใช้ก่อเหตุรวมถึงเส้นทางการหลบหนีจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่หลบหนีและสืบสวนที่พักอาศัยของผู้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าทำการตรวจสอบบ้านพักอาศัยแต่ผู้ก่อเหตุไม่อยู่บ้าน พ่อของนายสุริษา ผู้ก่อเหตุได้ให้ข้อมูลว่าได้ไปพักอาสศัยอยู่กับแฟนใหม่ที่ ตำบลประจันตะคาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดตามไปยังบ้านหลังดังกล่าว

พบนายสุริษา ฉ่ำสิริ ผู้ก่อเหตุและรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวและนายสุริษา ได้ยอมรับคำสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าตนเป็นคนก่อเหตุชิงทรัพย์สร้อคอทองคำจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหาพร้อมทั้งแจ้งสิทธ์ให้ผู้ถูกจับกุมทราบพร้อมยอมรับว่าได้นำสร้อยคอทองคำหนักสองบาทไปขายที่ห้างทองแห่งหนึ่งในเขตปราจีนบุรี และนำตัวนายสุริษา ผู้ต้องหามาที่บ้านพ่อของนายสุริษา ที่ตำบลหนองชะอม เพื่อมาเอาชุดเสื้อผ้าที่ใช้ในวันก่อเหตุพร้อมทั้งควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสภ.นาหินลาด

และวันที่ 28 มีนาคม 2566 เวลา 13.30 น.ของวันนี้พล.ต.ต.ภูมินทร์ สิงหสุต ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครนายก พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายสุริษา ฉ่ำสิริ ผู้ต้องหามาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เพื่อดำเนินคดีต่อไป โดยใช้เวลาสืบสวนและจับกุมตัวผู้ต้องหาได้เพียงสองวัน

สมบัติ เนินใหม่//รัชชานนท์ เนินใหม่// ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครนายก

กาฬสินธุ์เตรียมเรียกสอบตำรวจสืบเมืองกาฬสินธุ์คดีรีดเงินยาบ้าแลกปล่อยตัว

ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์เผยเตรียมเรียก 3 ตำรวจชุดสืบสวนสภ.เมืองกาฬสินธุ์มาสอบปากคำในคดีเรียกรับเงินจากญาติผู้ต้องหาคดียาเสพติด 5 แสนบาทในวันพรุ่งนี้ พร้อมเซนต์คำสั่งให้ทั้ง 3 นายออกจากราชการไว้ก่อน ส่วนที่เหลืออีก 8 คนหากพบมีเอี่ยวโดนด้วย

ความคืบหน้ากรณีตำรวจชุดสืบสวนสภ.เมืองกาฬสินธุ์ 3 นายถูกตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์จับกุมคาห้องสืบสวนภายในโรงพักสภ.เมืองกาฬสินธุ์ หลังร่วมกันเรียกรับเงินจากญาติผู้ต้องหาคดียาเสพติด 5 แสนบาท แลกกับการไม่ดำเนินคดี ซึ่งหลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.สุวรรณ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ สั่งการให้ดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงและเบื้องต้นมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566 พล.ต.ต.สุวรรณ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้พนักงานสอบสวนสภ.เมืองกาฬสินธุ์เจ้าของคดีจะเรียกตัว 3 ตำรวจชุดสืบสวน ยศ ด.ต. อายุ 27 ปี, ยศ ส.ต.อ. อายุ 30 ปี และ ยศ ส.ต.อ. อายุ 27 ปี ที่ถูกจับในห้องสืบสวนสภ.เมืองกาฬสินธุ์พร้อมของกลางเงินสด 364,700 บาท มาสอบปากคำในคดีดังกล่าว และได้มีคำสั่งให้ตำรวจทั้ง 3 นายนี้ออกจากราชการไว้ก่อน รวมทั้งจะเรียกตัวตำรวจอีก 8 ราย ยศ ร.ต.อ. 1 นาย , ยศ ร.ต.ท. 1 นาย, ยศ ด.ต. 2 นาย, ยศ จ.ส.ต. 3 นาย, และยศ ส.ต.อ. อีก 1 นาย ซึ่งอยู่ในชุดเดียวกันที่ถูกซัดทอดมาสอบปากว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการร่วมกันเรียกเงิน ในครั้งนี้หรือไม่ ซึ่งหากผลการสอบสวนหรือพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องร่วมกันกระทำผิดทั้ง 8 รายนี้ก็จะถูกดำเนินคดีทั้งอาญา สอบวินัย และให้ออกจากราชการไว้ก่อนด้วย นอกจากนี้ยังจะต้องเรียกตัวร้อยเวรสภ.สมเด็จที่เป็นผู้ที่รับเงินของกลางลงบันทึกประจำวันก่อนซ้อนแผนมาสอบปากคำด้วย

พล.ต.ต.สุวรรณ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้หลังเกิดเหตุได้สอบถามตำรวจกลุ่มดังกล่าว เบื้องต้นระบุว่า ได้จับกุมนายบี (นามสมมุติ) พร้อมกับของกลางยาบ้า 2,000 เม็ด จากบ้านพักในพื้นที่ อ.นามน จ.กาฬสินธุ์เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2566 นำตัวมาที่ห้องสืบสวน เพื่อมาดำเนินคดี แต่ในทางกลับกันจากการสอบถามนายบี ผู้ที่ถูกจับและถูกกล่าวหาว่ามียาบ้า โดยนายบี ในการปฏิเสธว่าไม่มียาบ้า พร้อมทั้งอ้างว่าถูกตำรวจชุดดังกล่าวไปหาที่บ้าน พร้อมกับนำตัวไปยืนถ่ายภาพชี้ถุงอะไรบางอย่างบริเวณข้างบ้าน ก่อนจะนำตัวมาที่โรงพัก แล้วใช้โทรศัพท์ของตนโทรหาน้องสาว เพื่อที่จะให้นำเงินจำนวน 500,000 บาท มาให้แล้วปล่อยตัวตนเองออกมา

พล.ต.ต.สุวรรณ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้แนวทางการสืบสวนสอบสวนต่อไปนั้น จะต้องตรวจสอบว่าการที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.เมืองกาฬสินธุ์จับกุมผู้ต้องหาและยาบ้า 2,000 เม็ดมานั้น ของกลางยาบ้า 2,000 เม็ดอยู่ที่ไหน เพราะเบื้องต้นตรวจสอบแล้วไม่มีการลงบันทึกการจับกุม ของกลางยังหาไม่เจอ ซึ่งจะเป็นการกล่าวอ้างหรือไม่ เพราะล่าสุดคนที่ถูกจับมาก็ให้การปฎิเสธ เรื่องนี้จะต้องทำให้ชัดเจนด้วยว่าการจับกุมมามียาบ้าด้วยหรือไม่ แต่หากจับมาแล้ว พร้อมของกลางจริงก็ไม่ควรที่จะมีพฤติกรรมเรียกรับเงิน เพื่อแลกกับการปล่อยตัว ซึ่งเรื่องนี้จะต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย

อย่างไรก็ตามสำหรับคดีดังกล่าวที่เกิดขึ้น มีรายงานว่า ก่อนเกิดเหตุชุดสืบสวนสภ.เมืองกาฬสินธุ์ได้จับกุมคดียาเสพติดในพื้นที่ อ.ยางตลาด ก่อนจะขยายผลไปจับกุมตัวนายบี เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2566 โดยได้เข้าจับกุมตัวได้ที่บ้านพัก ในพื้นที่ อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ พร้อมของกลางยาบ้า 2,000 เม็ด ก่อนจะนำตัวมาสอบปากคำที่ห้องสืบสวน ซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังโรงพักสภ.เมืองกาฬสินธุ์ จากนั้นหนึ่งในชุดจับได้ใช้โทรศัพท์ของนายบี โทรไปหานางเอ ซึ่งเป็นน้องสาวของนายบี และเป็นภรรยาของตำรวจยศ ด.ต. ซึ่งเป็นตำรวจชุดสืบสวนโรงพักแห่งหนึ่ง และเคยปฏิบัติหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ เพื่อบอกว่าให้นําเงิน จํานวน 500,000 บาท มาให้ เพื่อแลกกับการไม่ให้ถูกจับกุม ซึ่งนางเอ ได้เจรจา ต่อรองลดลงเหลือ 400,000 บาท พร้อมกับตอบตกลงที่จะนําเงินมาส่งมอบให้บริเวณหลัง สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ในวันที่ 23 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 09.00 น.พร้อมได้นำเรื่องไปแจ้งกับสามีที่เป็นตำรวจ จากนั้นสามีได้นำเรื่องรายงานไปยังผู้บังคับบัญชา ก่อนจะมีการซ้อนแผนจับกุม โดยได้นําเงินจํานวนดังกล่าวไปลงประจําวันไว้ เพื่อเป็นหลักฐาน ที่ สภ.สมเด็จ จ. กาฬสินธุ์ วางแผนที่จะทําการจับกุมโดยตกลงกันว่าให้ นางเอ นํากระเป๋า ซึ่งภายในบรรจุเงิน จํานวนดังกล่าวไปมอบให้บุคคลตามที่ตกลงกัน ส่วนเจ้าหน้าที่ตํารวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.อ.เกษม มุฑาพร ผกก.สืบสวน ภ.จว.กาฬสินธุ์ ได้ยืนดูสังเกตการณ์อยู่บริเวณลานจอดรถ ด้านหลัง สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ใกล้กับห้องปฏิบัติการสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ เมื่อรับมอบเงินกันเสร็จแล้วนางเอ จะส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเข้าแสดงตัวเข้าตรวจค้นจับกุม

จากนั้น พ.ต.อ.เกษม ได้เข้าไปที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์พบตํารวจ 3 นายมี ยศ “ด.ต.” อายุ 27 ปี, ยศ “ส.ต.อ.” อายุ 30 ปี และ ยศ “ส.ต.อ.” อายุ 27 ปี นั่งอยู่ในห้องสืบสวน ก่อนจะสอบถามว่า ผู้ต้องหาชื่อนายบี อยู่ที่ใด ตำรวจทั้ง 3 นายแจ้งว่า “ให้กลับบ้านแล้ว” และได้ตรวจยึดกระเป๋าเงินพร้อมธนบัตร จํานวนเงิน 364,000 บาท ที่ลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนหน้านี้ไว้เป็นของกลาง จากนั้น พ.ต.อ.เกษม ได้สอบถามว่ามีใครได้ร่วมรู้เห็นและกระทํา ผิดในครั้งนี้ ซึ่งเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 3 ยังให้การตรงกันว่ามีผู้ร่วมรู้เห็นและการกระทําในครั้งนี้อีก 8 ราย ประกอบด้วย นายตำรวจยศ “ร.ต.อ.”, นายตำรวจยศ “ร.ต.ท.”, ตำรวจยศ “ด.ต.” 2 นาย, ตำรวจยศ “จ.ส.ต.” 3 นาย และตำรวจยศ “ส.ต.อ.” อีก 1 นาย

อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังนางเอ (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นน้องสาวของนายบี เป็นภรรยาของตำรวจยศ ด.ต.และเป็นผู้เสียหายที่นำเงินมาให้ตำรวจชุดสืบสวน โดยนางเอ ระบุว่า ไม่สะดวกที่จะให้ข้อมูลหรือให้สัมภาษณ์ เนื่องจากเกรงว่าจะเสียรูปคดี และปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฏหมาย ขณะที่ตำรวจชุดที่ถูกกล่าวหา รวมทั้งผู้บังคับบัญชาหัวหน้าสถานียังไม่มีใครออกมาชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

เจ้าหน้าที่ไล่ล่ามอดไม้กระเจิงหลังย้อนมาขนไม้ท่อน บนภูเขาออกจากแหล่งต้นน้ำคลองเทพา

เมื่อวันที่ 26 มี.ค.66 พ.ต.อ.มานิตย์ นาโควงศ์ ผกก.ตชด.44 ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.เลิศ ธรรมพร หน.ชุดเฝ้าตรวจชายแดนที่ 4401 กก.ตชด.44 พร้อมกำลัง ตชด.ประสานงานกับ จนท.หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ยล.1 (กาบัง), จนท.ร้อย ทพ.4709, จนท.ตร.สภ.กาบัง, ฝ่ายปกครอง อส.อ.กาบัง และ ผญ.บ.ม.2 ต.บาละ อ.กาบัง จ.ยะลา พร้อม ผรส.และ จนท.กอ.รมน.ภาค 4 สน.ให้ร่วมออกตรวจสอบ พิสูจน์ทราบ และตรวจยึดไม้ท่อน ในการลักลอบตัดไม้ ทำลายป่า ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่ากาบัง ท้องที่ กลุ่มบ้านคลองบาเด็น ม.6 ต.บาละ อ.กาบัง จ.ยะลา ตามที่ได้รับแจ้งเรื่องการลักลอบตัดไม้ ทำลายป่าแล้วรายงานให้ทราบ ต่อมา จนท.หน่วยป้องกันรักษาป่า ได้ทำการตรวจสอบ ตรวจยึด จำนวน 2 จุด ดังนี้
จุดที่ 1 ที่บริเวณริมคลองบาเด็น เป็นป่าสมบูรณ์ ตรวจพบต้นไม้มีค่าขนาดใหญ่ เป็นต้นไทร ถูกตัดล้มคาตอจำนวน 2 ต้น และต้นไม้หวงห้ามจำนวน 2 ต้น คือ ต้นตะแบกจำนวน 1 ต้นล้มคาตอ และต้นขนุนปานจำนวน 1 ต้น ล้มคาตอ แล้วตัดเป็นท่อน บางส่วนถูกลักลอบขนย้ายเอาออกจากป่าไปแล้ว คณะเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ยล.1 (กาบัง) จึงทำการตรวจยึดไม้ท่อน ดังนี้ 1.ไม้ตะแบก ขนาดโต 250 ซม.ยาว 16 เมตร จำนวน 1 ท่อน 2.ไม้ขนุนปาน ขนาดโต 190 ซม.ยาว 18 เมตร จำนวน 1 ท่อน 3.ไม้ขนุนปาน ขนาดโต 190 ซม.ยาว 90 ซม. จำนวน 7 ท่อน
จุดที่ 2 ที่บริเวณบนภูเขาริมห้วย ตรวจพบพื้นที่ป่าไม้ กำลังเริ่มถูกลักลอบตัดไม้ทำลายป่า แผ้วถางป่าใหม่ ลักษณะยังตัดไม้ แผ้วถางไม่เสร็จ พบร่องรอยต้นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถูกตัดด้วยเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ ไม้ไผ่ ไม้พื้นล่าง วัชพืชถูกตัดด้วยมีดพร้า คณะเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่า ตรวจวัดพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ได้รับความเสียหายได้จำนวน 1 ไร่ ขณะตรวจสอบ ตรวจยึด ไม่พบบุคคลใดแต่อย่างใด คาดว่าหลบหนีไปก่อน จนท.ไปถึง เหตุเกิดที่ ริมคลองบาเด็น ต้นน้ำคลองเทพา เขตป่าสงวนแห่งชาติป่ากาบัง บริเวณท้องที่ กลุ่มบ้านคลองบาเด็น ม.6 ต.บาละ อ.กาบัง จ.ยะลา

ชาวบ้านที่อยู่เนินเขา บอกกับ จนท. ว่าพวกตัดไม้แอบซุ่มดู จนท.ขณะเข้าไปตรวจ ยึด เมื่อจนท.กลับก็จะเข้าไปขนไม้และตัดไม้ที่เหลือคาตอทันทีและทำการขนไม้ท่อนออกจากจุดที่ จนท.ทำการตรวจยึด โดยจนท.พบรอยรถที่รถขนไม้ออกจากจุดที่ตรวจยึดไม้ด้วย โดยกลุ่มขบวนการตัดไม้เถื่อนได้วางสายตลอดทาง โดยเมื่อ จนท.เข้าพื้นที่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจาก จนท.เกรงว่า กลุ่มตัดไม้จะลอบวางระเบิด จนท. เนื่องจากเป็นพื้นที่เคลื่อนไหวของกลุ่มโจรใต้ ซึ่ง จนท.จะไม่เข้าในช่วงกลางคืน เพราะเกรงว่าจะถูกซุ่มโจมตีหรือไม่ก็ถูกวางระเบิดตามเส้นทาง ก็เลยต้องเข้าช่วงกลางวัน เป็นจังหวะที่กลุ่มลักลอบตัดไม่อาศัยช่วงเวลากลางคืนทำการขนไม้ออก

โดยจนท.ได้กล่าวหาว่า ผู้ที่ลักลอบตัดไม้ทำลายป่าทั้ง 2 จุด กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 และ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และได้มอบหมายให้ นายภพ สิงห์สุวรรณ์ หน.หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ยล.1 (กาบัง) จัดทำบันทึกตรวจสอบ ตรวจยึดไม้ พร้อมรายละเอียดแล้วนำเรื่องร้องทุกข์ต่อ พงส.สภ.กาบัง อ.กาบัง จ.ยะลา เพื่อดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบต่อไป

ข่าว..เจษฎา สิริโยทัย อ.เบตง จ.ยะลา โทร.064-126-5593

สตูล ย้ำกำลังทหารไม่เดินทางหลังนักการเมือง รอมฎอนนี้ปฏิบัติงานบนความไม่ประมาท ขณะลงเปิด อาคารเกริกเกรียงไกร และมัสยิดภายในค่ายทหาร

พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก พร้อมแม่ทัพภาคที่4 ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 พร้อมคณะเดินทางมาร่วมเปิด “อาคารเกริกเกรียงไกร” ซึ่งเป็นอาคารเอนกประสงค์สำหรับใช้ทำประโยชน์ในภารกิจต่างๆ ให้กับกำลังพลและข้าราชการ และร่วมเปิดมัสยิดสมันตรัฐบุรินทร์ ภายในค่ายโดยมีพ.อ.เรวัต เซ่งเข็ม ผบ.ร.5 พัน 2 ค่ายสมันตรัตน์บุรินทร์ กล่าวรายงานและให้การต้อนรับพร้อมนายอำเภอละงู และประธานคณะกรรมการอิสลาม นายกอบจ.และแขกผู้มีเกียรติ

โดยมัสยิดสมันตรัฐบุรินทร์ เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนขวัญกำลังใจให้กำลังพลในการประกอบศาสนกิจทางศาสนาโดยเฉพาะในช่วงของเดือนรอมฎอนถือศีลของมุสลิม เพื่อให้กำลังพลที่นับถือศาสนาอิสลามได้ทำศาสนกิจทางศาสนาและใช้ในการอบรมในห้วงเวลาที่ว่างเว้น อีกทั้งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ปกครองกำลังพลได้มั่นใจว่าให้ความเท่าเทียมในการนับถือศาสนาที่พบว่ามีกำลังใจเกิน 55 เปอร์เซ็นต์หรือ 300 นายภายในค่ายที่นับถือศาสนา

พลโทศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า สถานการณ์ในห้วงเข้าสู่เดือนรอมฎอนได้เน้นย้ำให้กำลังพลปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังโดยปรับเปลี่ยนจากจุดตรวจมาเป็นจุดบริการ พร้อมเน้นย้ำในการปฏิบัติงานบนความไม่ประมาทเพื่อความปลอดภัยของตนเองทุกครั้งที่ลงปฏิบัติหน้าที่ ส่วนประเด็นการเมืองที่เริ่มขึ้นได้กำชับห้ามกำลังพลเดินตามหลังนักการเมือง หากพบเห็นให้รีบรายงานพร้อมกันนี้ทางหน่วยส่งเสริมให้กำลังไปใช้สิทธิตามหน้าที่ของพลเมืองในการเดินทางไปใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้ง

นิตยา แสงมณี // ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

ปราบไม่หมดมอดไม้ลอบตัดไม้ เขตป่าสงวนแห่งชาติป่ากาบัง ต้นน้ำคลองเทพา

เมื่อวันที่ 23 มี.ค.66 พ.ต.อ.มานิตย์ นาโควงศ์ ผกก.ตชด.44 ได้รับแจ้งข่าวว่า ที่บริเวณป่าไม้กลุ่มบ้านคลองบาเด็น ม.6 ต.บาละ อ.กาบัง จ.ยะลา มีกลุ่มบุคคล เข้าไปทำการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า แผ้วถางป่าหลายจุด เพื่อให้หยุดยั้งการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าที่กำลังเพิ่มมากขึ้น จึงสั่งการให้ ร.ต.อ.เลิศ ธรรมพร หน.ชุดเฝ้าตรวจชายแดนที่ 4401 กก.ตชด.44 พร้อมกำลัง ตชด.ประสานงานกับ จนท.กอ.รมน.ภาค 4 สน.ให้ร่วมออกตรวจสอบข่าวสาร ในพื้นที่ที่มีการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่ากาบัง ท้องที่ กลุ่มบ้านคลองบาเด็น ม.6 ต.บาละ อ.กาบัง จ.ยะลา ตามที่ได้รับแจ้ง

ต่อมาคณะเจ้าหน้าที่ จึงได้ร่วมกันตรวจสอบโดยการเดินเท้าข้ามคลองเทพา ผ่านสวนยางพารา สลับกับป่าที่สมบูรณ์เข้า ไปในป่าลึก ถึงที่บริเวณกลุ่มบ้านคลองบาเด็น เมื่อมาถึงตรวจพบการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าแล้วจำนวน 3 จุด โดยจุดที่ 1 พบที่ริมคลองบาเด็น เป็นป่าสมบูรณ์ เป็นต้นไม้มีค่าขนาดใหญ่ ไม่ทราบชนิด ถูกตัดล้มคาตอจำนวน 2 ต้น แล้วลักลอบตัดเป็นท่อนอยู่แนวริมคลองและในคลองบาเด็น และได้มีการขนย้ายออกไปบางส่วนแล้วและ ยังมีไม้ท่อนขนาดใหญ่ จำนวนมากยังกองอยู่ในป่า
จุดที่ 2 พบที่เนินเขาคลองเป็นป่าไผ่สมบูรณ์ ตรวจพบพื้นที่ป่าไม้กำลังเริ่มถูกตัดไม้ทำลายป่าและมีการ แผ้วถางป่า โดยใน พื้นที่ป่าไม้เริ่มเสียหายประมาณ 1 งาน ลักษณะยังแผ้วถางไม่เสร็จ ต่อมาจนท.เดินเท้ามาพบจุดที่ 3 ที่เนินเขาริมห้วยตรวจพบพื้นที่ป่าไม้กำลังเริ่มถูกตัดไม้ทำลายป่า แผ้วถางป่าใหม่ ในพื้นที่ป่าไม้เริ่มเสียหายประมาณ 1 ไร่ ลักษณะยังแผ้วถางไม่เสร็จขณะตรวจสอบ ไม่พบบุคคลใด คาดว่าหลบหนีไปก่อน จนท.ไปถึง

เหตุเกิดที่ ริมคลองบาเด็น ต้นน้ำคลองเทพา ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่ากาบัง บริเวณท้องที่ กลุ่มบ้านคลองบาเด็น ม.6 ต.บาละ อ.กาบัง จ.ยะลา ซึ่งเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 และ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 จึง มอบหมายให้ ร.ต.อ.เลิศ ธรรมพร หน.ชฝต.4401 กก.ตชด.44 ทำหนังสือแจ้ง หน.หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ยล.1 (กาบัง) เข้าดำเนินการตรวจสอบ และทำการตรวจยึดไม้ท่อน เพื่อนำเรื่องร้องทุกข์ต่อ พงส.สภ.กาบัง อ.กาบัง จ.ยะลา เพื่อดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบต่อไป

ข่าว….เจษฎา สิริโยทัย อ.เบตง จ.ยะลา
โทร.064-126-5593

ตำรวจเบตงร่วมงานวันสถาปนาครบรอบ 216 ปีตำรวจมาเลเซียกระชับความสัมพันธ์ระหว่างตำรวจ 2 ประเทศ ร่วมป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ

ตำรวจเบตงร่วมงานวันสถาปนา ครบรอบ 216 ปี ตำรวจมาเลเซีย กระชับความสัมพันธ์ระหว่างตำรวจ 2 ประเทศ ร่วมป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และอาชญากรรมที่กระทบต่อความมั่นคงของทั้ง 2 ประเทศ
วันที่ 23 มีนาคม 2566 ที่กองบัญชาการตำรวจกิ่งอำเภอเปิงกาลันฮูลู รัฐเปรัค ประเทศมาเลเซีย นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง พร้อมด้วย พ.ต.ท.ทศพล พลอยงาม รอง ผกก.ป.สภ.เบตง พ.ต.ต.สิทธิพงศ์ สมพันธ์ สารวัตรด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตง นายธงชัย เทพรอด ปลัดเทศบาลเมืองเบตง รักษาราชการแทนนายกเทศมนตรีเมืองเบตง และหัวหน้าส่วนราชการร่วมงานวันสถาปนา ครบรอบ 216 ปี ตำรวจมาเลเซีย โดยพันตำรวจตรี ซูลกิฟลี บิน อิบราฮิม ผู้กำกับ สภ เปิงกาลัน ฮูลู ให้การต้อนรับ

พ.ต.ท.ทศพล พลอยงาม รอง ผกก.ป.สภ.เบตง กล่าวว่า ตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย มีความสัมพันธ์ที่ดีมาโดยตลอด ในการร่วมมือกันปฏิบัติหน้าที่และการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และอาชญากรรมที่กระทบต่อความมั่นคงของทั้ง 2 ประเทศ ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ยาเสพติด เครือข่ายการค้ายาเสพติดข้ามชาติ การลักลอบค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ การลักลอบค้าอาวุธ อาชญากรรมที่กระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของพลเมือง 2 ประเทศที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน การโจรกรรมยานพาหนะข้ามประเทศ อาชญากรรมทางเศรษฐกิจและคอมพิวเตอร์ รวมไปถึงการพัฒนาบุคลากรร่วมกันของตำรวจทั้ง 2 ประเทศ

นอกจากนี้แล้ว ตำรวจเบตงและตำรวจเปิงกาลันฮูลู ประเทศมาเลเซีย ยังมีความสัมพันธ์ในด้านอื่น เช่น การแข่งขันกีฬาชายแดน ซึ่งเป็นประเพณี ระหว่างเจ้าหน้าที่ราชการไทย และ เจ้าหน้าที่ตำรวจไทย-มาเลย์ ซึ่งจัดกันทุกปี โดยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ

สำหรับภายในงาน มีการจัดแสดงพิธีสวนสนามของตำรวจมาเลเซีย และ การจำลองเหตุการณ์ ในสถานการฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือตัวประกันที่ถูกกลุ่มคนร้ายจับเป็นตัวประกัน พร้อมแก้ไขปัญหาสถานการณ์วิกฤตและการเผชิญเหตุ

ข่าว..เจษฎา สิริโยทัย อ.เบตง จ.ยะลา
โทร.064-126-5593

ปราจีนบุรี แม่ทัพภาคที่ 1 ตรวจเยี่ยม มทบ. 12 เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงาน

วันนี้ 23 มีนาคม 2566 เวลา 10:30 น ณ กองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 12 ค่ายจักรพงษ์ พลโท พนา แคล้วปลอดทุกข์ แม่ทัพภาคที่ 2/ผู้อำนวยการ กองอำนวยการ
รักษาความมั่นคงภายในกองทัพภาคที่ 1 เดินทางมาตรวจเยี่ยม มณฑลทหารบกที่ 12 และมอบนโยบายในการปฏิบัติงาน และฟังบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานของหน่วย เยี่ยมชมนิทรรศการการปฏิบัติงานฯมณฑลทหารบกที่ 12 กองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 12 ค่ายจักรพงษ์

โดยประวัติของค่ายจักรพงษ์เดิมจังหวัดปราจีนบุรี มีกรมทหารราบที่ 19 เป็นหน่วยทหารที่ตั้งอยู่ในพื้นที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง ครั้น พ.ศ.2460 จอมพลสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถกรมหลวงพิษณุโลกประชานารถ พระราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระศรีพัชรรินทรา
บรมราชินีนาถ ทรงดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารบกในขณะนั้นได้เสด็จมาทรงตรวจกิจการทหาร ณ จังหวัดปราจีนบุรีและได้ทรงพิจารณาเห็นว่าพื้นที่บริเวณดงพระรามฝั่งตรงข้ามกรมทหารราบที่ 19 มีลักษณะ
ภูมิประเทศเหมะสมที่จะเป็นที่ตั้งหน่วยทหาร จึงได้โปรดให้ย้าย กรมทหารราบที่ 19 จากริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง
มาตั้ง ณ บริเวณดังกล่าวเป็นหน่วยแรก ต่อมาพระองค์ทรงได้เสด็จกระทำพิธีเปิดค่ายเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม
2460 โดยทรงประทานเครื่องหมายประจำพระองค์ คือ”จักร กับ กระบอง” ให้เป็นสัญลักษณ์ประจำค่าย
และให้ถือนามว่า “ค่ายจักรพงษ์” ซึ่งนับว่าเป็นค่ายทหารแห่งแรก (แบบตะวันตก) ของกองทัพบก จึงได้
ยึดถือวันที่ 14 ตุลาคม ของทุกปีเป็นวันกำเนิดค่ายจักรพงษ์ นับแต่นั้นเป็นต้นมา

มณฑลทหารบกที่ 12 ค่ายจักรพงษ์ เป็นหน่วยในอัตราของกองทัพภาคที่ 1 ปัจจุบันมีพลตรี ไพรัช แก้วศรี เป็นผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 12 คนที่ 49

ข่าว อลงกรณ์ คุณกิตติมานนท์087-8789225ปราจีนบุรี

ปทุมธานี ตร.เร่งจับกุมผู้วัยรุ่นเขมรก่อเหตุไล่ยิงกัน กระสุนถูกลูกหลงเสียชีวิต 1 ราย

วันที่ 23 มีนาคม 2566 จากกรณีเหตุใช้อาวุธปืนยิงทำให้มีผู้เสียชีวิต เหตุเกิดที่ บริเวณหน้าลานผักสดท้ายตลาดใหญ่ชื่อดัง ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ชื่อ นายโกวิทย์ เนตรศรีไพบูลย์ อายุ 58 ปี ภูมิลำเนาบ้านเลขที่ 4 ม.3 ต.หนองหมู อ.วิหารแดง จ.สระบุรี มีร่องรอยบาดแผลถูกกระสุนปืนไม่ทราบขนาด บริเวณกลางหน้าอก จำนวน 1 นัด ตำรวจติดตามสืบทราบผู้ต้องหาคือ นายบุนริน วาดี หรือ BUNLIN VADY สัญชาติ กัมพูชา

จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุและสอบถามพยานแวดล้อม ทราบว่ามีกลุ่มวัยรุ่น จำนวน 2 กลุ่ม ขับขี่รถจักรยานยนต์รวมประมาณ 5 คัน มาเจอกันและมีการใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดที่พกติดตัวมายิงใส่กลุ่มคู่อริ ทำให้กระสุนปืนจำนวน 1 นัด ไปถูกบริเวณหน้าอกของนายโกวิทย์ เนตรศรีไพบูลย์ เสียชีวิต จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดและสืบสวนหาข่าว ได้ข้อมูลว่า ผู้ก่อเหตุที่ใช้อาวุธปืนยิงนายโกวิทย์ฯ คือ นายบุนริน (ไม่ทราบชื่อนามสกุล) อายุประมาณ 20 ปี สัญชาติกัมพูชา ทำงานขับวินมอเตอร์ไซส์ สีส้ม ส่งของภายในตลาด หมายเลข 578 และมีนายแรมรัน (ไม่ทราบชื่อนามสกุล) ซึ่งเป็นบิดาของผู้ก่อเหตุได้อยู่บริเวณที่เกิดเหตุดังกล่าว

พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.ภ.1 กล่าวว่า ผลการสืบสวนได้ทราบตัวคนร้ายแล้วเป็นคนกัมพูชา อยู่ระหว่างพนังงานสอบสวนขอศาลออกหมายจับ ทั้งสืบจังหวัดและสืบภาคได้รวมกันออกไปสืบสวนจับกุมคนร้ายอยู่ ส่วนมูลเหตุเป็นความขัดแย่งระหว่างคนกัมพูชาด้วยกัน โดยมีการขับรถวิ่งไล่กันมาแล้วยิงใส่กันจนกระสุนพลาดไปถูกคนไทยตาย ซึ่งผู้ตายไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยแต่ต้องมาตาย

สญชัย คล้ายแก้ว/รายงาน