google.com, pub-2709829493138336, DIRECT, f08c47fec0942fa0

จังหวัดมุกดาหาร ประชุมหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทยและนายอำเภอจังหวัดมุกดาหาร ครั้งที่ 4/2566

จังหวัดมุกดาหาร ประชุมหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทยและนายอำเภอจังหวัดมุกดาหาร ครั้งที่ 4/2566

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2566) เวลา 08.00 น. นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ประธานประชุมหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทยและนายอำเภอจังหวัดมุกดาหาร ครั้งที่ 4/2566 โดนมีสาระสำคัญดังนี้

1. การเร่งรัดและรายงานความคืบหน้าของการซ่อมแซมศาลหลักเมืองจังหวัดมุกดาหาร ตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารได้สั่งการในการประชุมครั้งที่ผ่านมา โดยทางเทศบาลเมืองมุกดาหาร ได้ดำเนินการจัดทำงบประมาณซ่อมแซมแล้ว อยู่ในระหว่างการหาผู้รับจ้าง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีผู้เสนอ โดยได้เร่งรัดให้ดำเนินการให้สำเร็จ เพื่อประชาชนได้เข้าไปใช้ประโยชน์
2. การปรับปรุงภูมิทัศน์และซ่อมแซมลิฟท์หอแก้วมุกดาหาร โดยความดูแลของ อบจ.มุกดาหาร ซึ่งนายก อบจ.ได้รายงานความคืบหน้าต่อที่ประชุม และแจ้งว่าจะพร้อมเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว ในต้นเดือนมิถุนายน 2566 นี้

3. การผลักดันตลาดชุมชน และบ้านมุกดา โดยใช้ประโยชน์จากพื้นที่บริเวณจวนผู้ว่าฯ (หลังเก่า) ให้เป็นจุดค้าขาย และสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนต่างๆ อีกทั้งยังเป็นจุดแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์ของดีจังหวัดมุกดาหารอีกด้วย

4. การแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคของประชาชน ได้ขอให้หน่วยงานต่างๆ ใส่ใจดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ในที่ต้องการน้ำ ให้เร่งเข้าไปดูแลบูรณาการร่วมมือในทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือให้ทันทั่วงที โดยทางประปาส่วนภูมิภาค พร้อมจ่ายน้ำให้ทันทีที่มีการร้องขอ

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หารือข้อราชการ และแนวทางการแก้ไขปัญหาให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อความผาสุกของพี่น้องชาวมุกดาหารต่อไป.

Cr.สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร

จังหวัดมุกดาหาร ประชุมหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทยและนายอำเภอจังหวัดมุกดาหาร ครั้งที่ 4/2566

จังหวัดมุกดาหาร ประชุมหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทยและนายอำเภอจังหวัดมุกดาหาร ครั้งที่ 4/2566

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2566) เวลา 08.00 น. นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ประธานประชุมหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทยและนายอำเภอจังหวัดมุกดาหาร ครั้งที่ 4/2566 โดนมีสาระสำคัญดังนี้

1. การเร่งรัดและรายงานความคืบหน้าของการซ่อมแซมศาลหลักเมืองจังหวัดมุกดาหาร ตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารได้สั่งการในการประชุมครั้งที่ผ่านมา โดยทางเทศบาลเมืองมุกดาหาร ได้ดำเนินการจัดทำงบประมาณซ่อมแซมแล้ว อยู่ในระหว่างการหาผู้รับจ้าง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีผู้เสนอ โดยได้เร่งรัดให้ดำเนินการให้สำเร็จ เพื่อประชาชนได้เข้าไปใช้ประโยชน์
2. การปรับปรุงภูมิทัศน์และซ่อมแซมลิฟท์หอแก้วมุกดาหาร โดยความดูแลของ อบจ.มุกดาหาร ซึ่งนายก อบจ.ได้รายงานความคืบหน้าต่อที่ประชุม และแจ้งว่าจะพร้อมเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว ในต้นเดือนมิถุนายน 2566 นี้

3. การผลักดันตลาดชุมชน และบ้านมุกดา โดยใช้ประโยชน์จากพื้นที่บริเวณจวนผู้ว่าฯ (หลังเก่า) ให้เป็นจุดค้าขาย และสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนต่างๆ อีกทั้งยังเป็นจุดแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์ของดีจังหวัดมุกดาหารอีกด้วย

4. การแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคของประชาชน ได้ขอให้หน่วยงานต่างๆ ใส่ใจดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ในที่ต้องการน้ำ ให้เร่งเข้าไปดูแลบูรณาการร่วมมือในทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือให้ทันทั่วงที โดยทางประปาส่วนภูมิภาค พร้อมจ่ายน้ำให้ทันทีที่มีการร้องขอ

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หารือข้อราชการ และแนวทางการแก้ไขปัญหาให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อความผาสุกของพี่น้องชาวมุกดาหารต่อไป.

Cr.สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร

จังหวัดมุกดาหาร ประชุมหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทยและนายอำเภอจังหวัดมุกดาหาร ครั้งที่ 4/2566

จังหวัดมุกดาหาร ประชุมหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทยและนายอำเภอจังหวัดมุกดาหาร ครั้งที่ 4/2566

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2566) เวลา 08.00 น. นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ประธานประชุมหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทยและนายอำเภอจังหวัดมุกดาหาร ครั้งที่ 4/2566 โดนมีสาระสำคัญดังนี้

1. การเร่งรัดและรายงานความคืบหน้าของการซ่อมแซมศาลหลักเมืองจังหวัดมุกดาหาร ตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารได้สั่งการในการประชุมครั้งที่ผ่านมา โดยทางเทศบาลเมืองมุกดาหาร ได้ดำเนินการจัดทำงบประมาณซ่อมแซมแล้ว อยู่ในระหว่างการหาผู้รับจ้าง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีผู้เสนอ โดยได้เร่งรัดให้ดำเนินการให้สำเร็จ เพื่อประชาชนได้เข้าไปใช้ประโยชน์
2. การปรับปรุงภูมิทัศน์และซ่อมแซมลิฟท์หอแก้วมุกดาหาร โดยความดูแลของ อบจ.มุกดาหาร ซึ่งนายก อบจ.ได้รายงานความคืบหน้าต่อที่ประชุม และแจ้งว่าจะพร้อมเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว ในต้นเดือนมิถุนายน 2566 นี้

3. การผลักดันตลาดชุมชน และบ้านมุกดา โดยใช้ประโยชน์จากพื้นที่บริเวณจวนผู้ว่าฯ (หลังเก่า) ให้เป็นจุดค้าขาย และสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนต่างๆ อีกทั้งยังเป็นจุดแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์ของดีจังหวัดมุกดาหารอีกด้วย

4. การแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคของประชาชน ได้ขอให้หน่วยงานต่างๆ ใส่ใจดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ในที่ต้องการน้ำ ให้เร่งเข้าไปดูแลบูรณาการร่วมมือในทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือให้ทันทั่วงที โดยทางประปาส่วนภูมิภาค พร้อมจ่ายน้ำให้ทันทีที่มีการร้องขอ

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หารือข้อราชการ และแนวทางการแก้ไขปัญหาให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อความผาสุกของพี่น้องชาวมุกดาหารต่อไป.

Cr.สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร

“รฏาวัญ-นาดา” รวมพลังผลักดันหลักการค่าจ้างและค่าตอบแทนที่เป็นธรรม 1 คนหา 3 คนอิ่ม แม้ยากแต่พร้อมสู้เพื่อความเสมอภาคของพี่น้องแรงงาน

“รฏาวัญ-นาดา” รวมพลังผลักดันหลักการค่าจ้างและค่าตอบแทนที่เป็นธรรม 1 คนหา 3 คนอิ่ม แม้ยากแต่พร้อมสู้เพื่อความเสมอภาคของพี่น้องแรงงาน

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปีเวียนมาบรรจบ วันที่เราเห็นข้อเรียกร้องของพี่น้องแรงงาน ทั้งแรงงานในระบบ แรงงานนอกระบบ และแรงงานข้ามชาติ อยู่เป็นประจำทุกปี แต่รัฐบาลกลับนำข้อเสนอไปปฏิบัติเชิงนโยบายได้เพียงน้อยนิด ไม่นับความยากลำบากในการแก้ไขหรือผลักดันกฎหมายเพื่อเสริมพลังให้กับพี่น้องแรงงานทั้งผองที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย พรรคเสมอภาคทนเห็นปรากฎการณ์เหล่านี้ตลอดช่วงเวลาหลายปีและเข้าใจหัวอกพี่น้องแรงงานเป็นอย่างดี

รฎาวัญกล่าวว่าปัญหาสะสมเรื้อรังของพี่น้องแรงงานทุกภาคส่วนคือการทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ ต้องทำโอทีจนแทบไม่เหลือเวลาพักผ่อนเพื่อให้มีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพและเลี้ยงดูครอบครัว ส่วนพี่น้องแรงงานข้ามชาติก็ต้องเผชิญกับขบวนการคอร์รัปชั่นเรียกรับผลประโยชน์เพื่อให้สามารถเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทยได้อย่างถูกกฎหมาย

นาดา ไชยจิตต์ ประธานยุทธศาสตร์ด้านความเสมอภาคทางเพศและสิทธิมนุษยชนพรรคเสมอภ่ค ยืนยันว่า พรรคเสมอภาคพร้อมผลักดันให้ประเทศไทยปฏิบัติตามมาตรฐานองค์กรแรงงานระหว่างประเทศ รวมถึงกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมอย่างจริงจัง นอกจากจะพร้อมยกมือให้ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีตามอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 87 และ 98 แล้ว ยังพร้อมเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายแรงงานที่มีอยู่ให้รวมกันในรูปแบบประมวล โดยยึดหลักความเสมอภาค และในฐานะที่เป็นพรรคการเมืองที่ผลักดันเรื่อง Gender Quota สำหรับผู้หญิง พรรคเสมอภาค พร้อมแก้ไขกฎหมายทั้งเพิ่มสิทธิวันลาคลอดบุตรและคู่ชีวิตหรือ Parental Leave สำหรับคู่รักทุกเพศ และแก้ไขหลักการใน พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน มาตรา 15 เพื่อกำหนดให้การเลือกปฏิบัติระหว่างเพศ และความหลากหลายทางเพศเป็นความผิดตามกฎหมายแรงงานเพื่อให้พี่น้อง LGBTIQAN+ เข้าถึงความเสมอภาคในโลกของการทำงานอย่างจริงจัง สำหรับคนทำงานแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็น กลุ่มคนขับรถรับจ้างหรือไรเดอร์ กลุ่มทำงานบ้าน และอื่นๆ จะผลักดันให้เข้าสู่ระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 คืนความเป็นธรรมและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้กับแรงงานกลุ่มนี้ด้วยการออกกฎหมายสภาผู้ใช้แรงงานแพลตฟอร์มดิจิทัล และเร่งเจรจากับเจ้าของกิจการแพลตฟอร์มถึงมาตรการในการคุ้มครองสวัสดิภาพและสวัสดิการของพี่น้องแรงงานกลุ่มนี้

รฎาวัญกล่าวทิ้งท้ายว่า “ดิฉันในฐานะอดีต รมช.กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ซึ่งได้ผลักดันนโยบายสวัสดิการสถานรับเลี้ยงเด็กในที่ทำงานโดยไม่แบ่งสัญชาติของพี่น้องแรงงานโดยจัดเป็นชุดสิทธิประโยชน์ตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม มาตรา 33 จนสำเร็จมาแล้ว และนโยบายเหล่านี้ทันทีภายหลังการเลือกตั้ง ในส่วนของพี่น้องแรงงานข้ามชาติจะได้รับการคุ้มครองด้านสวัสดิการเฉกเช่นเดียวกับแรงงานที่เป็นคนไทย นอกจากนี้พร้อมผลักดันจัดตั้งสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานอาเซียน เพื่อให้พี่น้องแรงงานข้ามชาติได้รับการพัฒนาทักษะ องค์ความรู้ที่จำเป็น และพร้อมส่งออกเป็นแรงงานที่มีฝีมือไปยังตลาดแรงงานโลก
จะเร่งผลักดันพร้อมให้ลูกจ้างทำงานบ้านเข้าเป็นผู้ประกันตน ม. 33 อีกด้วย
เพราะความเสมอภาคเป็นเรื่องที่รอไม่ได้ พรรคเสมอภาคขอเสียงของพี่น้องแรงงานเข้าคูหากาพรรคเสมอภาค เบอร์ 17 เพื่อเข้าไปผลักดันนโยบายคุ้มครองแรงงานเหล่านี้ในสภาฯให้สำเร็จต่อไป.

“รฏาวัญ-นาดา” รวมพลังผลักดันหลักการค่าจ้างและค่าตอบแทนที่เป็นธรรม 1 คนหา 3 คนอิ่ม แม้ยากแต่พร้อมสู้เพื่อความเสมอภาคของพี่น้องแรงงาน

“รฏาวัญ-นาดา” รวมพลังผลักดันหลักการค่าจ้างและค่าตอบแทนที่เป็นธรรม 1 คนหา 3 คนอิ่ม แม้ยากแต่พร้อมสู้เพื่อความเสมอภาคของพี่น้องแรงงาน

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปีเวียนมาบรรจบ วันที่เราเห็นข้อเรียกร้องของพี่น้องแรงงาน ทั้งแรงงานในระบบ แรงงานนอกระบบ และแรงงานข้ามชาติ อยู่เป็นประจำทุกปี แต่รัฐบาลกลับนำข้อเสนอไปปฏิบัติเชิงนโยบายได้เพียงน้อยนิด ไม่นับความยากลำบากในการแก้ไขหรือผลักดันกฎหมายเพื่อเสริมพลังให้กับพี่น้องแรงงานทั้งผองที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย พรรคเสมอภาคทนเห็นปรากฎการณ์เหล่านี้ตลอดช่วงเวลาหลายปีและเข้าใจหัวอกพี่น้องแรงงานเป็นอย่างดี

รฎาวัญกล่าวว่าปัญหาสะสมเรื้อรังของพี่น้องแรงงานทุกภาคส่วนคือการทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ ต้องทำโอทีจนแทบไม่เหลือเวลาพักผ่อนเพื่อให้มีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพและเลี้ยงดูครอบครัว ส่วนพี่น้องแรงงานข้ามชาติก็ต้องเผชิญกับขบวนการคอร์รัปชั่นเรียกรับผลประโยชน์เพื่อให้สามารถเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทยได้อย่างถูกกฎหมาย

นาดา ไชยจิตต์ ประธานยุทธศาสตร์ด้านความเสมอภาคทางเพศและสิทธิมนุษยชนพรรคเสมอภ่ค ยืนยันว่า พรรคเสมอภาคพร้อมผลักดันให้ประเทศไทยปฏิบัติตามมาตรฐานองค์กรแรงงานระหว่างประเทศ รวมถึงกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมอย่างจริงจัง นอกจากจะพร้อมยกมือให้ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีตามอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 87 และ 98 แล้ว ยังพร้อมเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายแรงงานที่มีอยู่ให้รวมกันในรูปแบบประมวล โดยยึดหลักความเสมอภาค และในฐานะที่เป็นพรรคการเมืองที่ผลักดันเรื่อง Gender Quota สำหรับผู้หญิง พรรคเสมอภาค พร้อมแก้ไขกฎหมายทั้งเพิ่มสิทธิวันลาคลอดบุตรและคู่ชีวิตหรือ Parental Leave สำหรับคู่รักทุกเพศ และแก้ไขหลักการใน พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน มาตรา 15 เพื่อกำหนดให้การเลือกปฏิบัติระหว่างเพศ และความหลากหลายทางเพศเป็นความผิดตามกฎหมายแรงงานเพื่อให้พี่น้อง LGBTIQAN+ เข้าถึงความเสมอภาคในโลกของการทำงานอย่างจริงจัง สำหรับคนทำงานแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็น กลุ่มคนขับรถรับจ้างหรือไรเดอร์ กลุ่มทำงานบ้าน และอื่นๆ จะผลักดันให้เข้าสู่ระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 คืนความเป็นธรรมและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้กับแรงงานกลุ่มนี้ด้วยการออกกฎหมายสภาผู้ใช้แรงงานแพลตฟอร์มดิจิทัล และเร่งเจรจากับเจ้าของกิจการแพลตฟอร์มถึงมาตรการในการคุ้มครองสวัสดิภาพและสวัสดิการของพี่น้องแรงงานกลุ่มนี้

รฎาวัญกล่าวทิ้งท้ายว่า “ดิฉันในฐานะอดีต รมช.กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ซึ่งได้ผลักดันนโยบายสวัสดิการสถานรับเลี้ยงเด็กในที่ทำงานโดยไม่แบ่งสัญชาติของพี่น้องแรงงานโดยจัดเป็นชุดสิทธิประโยชน์ตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม มาตรา 33 จนสำเร็จมาแล้ว และนโยบายเหล่านี้ทันทีภายหลังการเลือกตั้ง ในส่วนของพี่น้องแรงงานข้ามชาติจะได้รับการคุ้มครองด้านสวัสดิการเฉกเช่นเดียวกับแรงงานที่เป็นคนไทย นอกจากนี้พร้อมผลักดันจัดตั้งสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานอาเซียน เพื่อให้พี่น้องแรงงานข้ามชาติได้รับการพัฒนาทักษะ องค์ความรู้ที่จำเป็น และพร้อมส่งออกเป็นแรงงานที่มีฝีมือไปยังตลาดแรงงานโลก
จะเร่งผลักดันพร้อมให้ลูกจ้างทำงานบ้านเข้าเป็นผู้ประกันตน ม. 33 อีกด้วย
เพราะความเสมอภาคเป็นเรื่องที่รอไม่ได้ พรรคเสมอภาคขอเสียงของพี่น้องแรงงานเข้าคูหากาพรรคเสมอภาค เบอร์ 17 เพื่อเข้าไปผลักดันนโยบายคุ้มครองแรงงานเหล่านี้ในสภาฯให้สำเร็จต่อไป.

พะเยา น้ำแห้งซากวัดโบราณอายุกว่า 500 ปี โผล่กลางกว๊านพะเยาหลัง น้ำแห้งเหลือเพียง 2 ล้านกว่า ลบม.5% (ปกติกัดเก็บ55.650ลบม.)

วันที่ 30 เม.ย 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวัดพะเยาสภาพอากาศยังร้อนอบอ้าว ไร้ฝนตก จนส่งผลกระทบ เกิดวิกฤตน้ำแห้ง ไม่ว่าตามแหล่งกักเก็บน้ำอ่างเก็บน้ำต่างๆตลอดจนลำเหมืองคูคลองและกว๊านพะเยา ปริมาณน้ำ แห้งแล้งหายไปทุกวัน สำหรับกว๊านพะเยาเดิมที กักเก็บน้ำได้ถึง 55.650 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันเหลือน้ำเพียง2.802 ล้าน ลูกบาศก์เมตร หรือ 5.08% ทำให้น้ำแห้งไปทั่วบริเวณรอบกว๊านพะเยาเป็นเนินดิน โดยเฉพาะบริเวณรอบกว๊านพะเยาฝั่งตะวันตก จะเห็นซากวัดโบราณ อายุกว่า500ปี วางบนผิวดินและถูกฝังอยู่ พบซากเสาหินอิฐ และอื่นๆ โผล่วางตั้งอยู่บนดินในกว๊านพะเยา อย่างเห็นได้ชัด

ทั้งนี้ เนื่องจาก สภาพอากาศ เกิดวิกฤต ร้อนแล้ง ฝนตกทิ้งช่วง ส่งผลกระทบให้ น้ำตามแหล่งกักเก็บน้ำต่างๆรวมทั้งกว๊านพะเยา เกิดน้ำแห้งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นประวัติการณ์ที่กว๊านพะเยาเกิดน้ำแห้งเหลือปริมาณน้ำเพียง 2.802 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 5.08 % ของปริมาณน้ำทั้งหมดที่กักเก็บได้ 55.650 ล้านลูกบาศก์เมตร

สำหรับกว๊านพะเยา เป็นแหล่งน้ำจืด ที่ใหญ่ที่สุดของภาคเหนือมีเนื้อที่ 12,831 ไร่ หรือ (20.529 ตารางกิโลเมตร) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่อยู่กลางขุนเขาและป่าไม้ล้อมรอบ ถือว่าเป็นทะเลน้ำจืด ที่สวยงามที่สุดของภาคเหนือ และของประเทศ

กาฬสินธุ์ เร่งเก็บเกี่ยวข้าวนาปรังหวั่นผลผลิตเสียหายจากพายุฤดูร้อนถล่ม

ชาวนาในเขตพื้นที่ใช้น้ำชลประทานที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตถึงแม้จะยังไม่ถึงอายุเก็บเกี่ยวเต็มที่ ระบุหวั่นได้รับความเสียหายจากพายุฤดูร้อน ที่จะทำให้รวงข้าวหักและจมน้ำ ด้านผู้ประกอบการรถเกี่ยวข้าวเห็นใจชาวนาที่แบกรับภาระต้นทุนการผลิตสูง ลดราคาเกี่ยวข้าวจากไร่ละ 800 บาท เป็นไร่ละ 600 บาท ขณะที่ราคาขายข้าวเปลือกนาปรังยังตกต่ำ ก.ก.ละ 8 บาท ฝากถึงพรรคการเมืองที่กำลังหาเสียง หากพรรคใดเน้นนโยบายอุ้มชาวนา ให้หลักประกันขายข้าวราคาสูง ได้เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแน่นอน

วันที่ 30 เมษายน 2566 จากการติดตามบรรยากาศการเก็บเกี่ยวข้าวนาปรัง ของเกษตรกรชาว จ.กาฬสินธุ์ พื้นที่ใช้น้ำของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาวหรือเขื่อนลำปาว พบว่าพื้นที่ต้นน้ำเขตใน ต.ลำคลอง ต.ลำพาน อ.เมืองกาฬสินธุ์ และ ต.นาเชือก ต.บัวบาน อ.ยางตลาด เริ่มลงมือเก็บเกี่ยวกันแล้ว โดยการจ้างรถเกี่ยวข้าว เพื่อความรวดเร็ว ประหยัดเวลา ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าชาวนาหลายราย ได้จ้างรถเกี่ยวข้าวทั้งๆที่เมล็ดข้าวยังไม่สุกแก่หรือยังไม่ได้อายุเก็บเกี่ยวเต็มที่

ทั้งนี้ จากการสอบถามระบุว่า เหตุที่เร่งรีบเก็บเกี่ยว เนื่องจากหวั่นเกรงจะได้รับความเสียหายจากพายุฤดูร้อน ที่หากเกิดพายุดังกล่าวจะทำให้รวงข้าวหัก และต้นข้าวล้มจมน้ำ ขณะที่บางคนบอกว่าเป็นช่วงเริ่มต้นเก็บเกี่ยว แหล่งรับซื้อให้ราคา ก.ก.ละ 8-8.50 บาท หากถึงช่วงเก็บเกี่ยวพร้อมกัน มีปริมาณข้าวเปลือกเข้าตลาดรับซื้อจำนวนมาก อาจจะทำให้พ่อค้าคนกลางกดราคาลงถึง ก.ก.ละ 5 บาทก็อาจเป็นได้ เพราะฤดูแล้งปีนี้ชาวนาทำนาปรังบริเวณกว้าง เนื่องจากชลประทานลำปาวมีน้ำเพียงพอ จึงส่งน้ำเข้าแปลงนาอย่างทั่วถึง

ขณะที่นางจี อินทร์ศิริ ผู้ประกอบการรถรับจ้างเกี่ยวข้าว บ้านโนนแดง ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในส่วนของการคิดค่าบริการในฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวนาปรังนี้ ได้แจ้งแก่ชาวนาว่าคิดในราคาไร่ละ 600 บาท ลดลงจากที่เคยเก็บเกี่ยวข้าวนาปีไร่ละ 800 บาท ทั้งนี้เนื่องจากเห็นอกเห็นใจชาวนา ที่แบกรับต้นทุนการทำนาที่สูง ตั้งแต่ค่าจ้างไถ พรวน ค่าเมล็ดพันธุ์ข้าว ค่าแรงงาน โดยเฉพาะปุ๋ยเคมีกระสอบละ 1,300-1,500 บาท ขณะที่ราคารับซื้อข้าวเปลือกตามแหล่งรับซื้อทั่วไปยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ซึ่งในช่วงแรกของการเปิดลานรับซื้อข้าวเปลือกนาปรังฤดูกาลนี้ อยู่ที่ ก.ก.ละ 8-8.50 บาท ซึ่งถือว่ายังตกต่ำอยู่ ทำให้ชาวนายังคงเสี่ยงกับการทำนาขาดทุนซ้ำซากต่อไป

อย่างไรก็ตาม มีเสียงสะท้อนจากชาวนาในจ.กาฬสินธุ์ว่า หากราคารับซื้อข้าวเปลือก ทั้งนาปีและนาปรัง อยู่ที่ ก.ก.ละ 12 บาท ยังพอจะได้กำไรอยู่บ้าง หักรายจ่ายแล้วคงจะพอเหลือไปใช้หนี้ปุ๋ยเคมีและหนี้ ธ.ก.ส.บ้าง เพราะหากราคาขายข้าวเปลือกอยู่ที่ ก.ก.ละ 8-8.50 บาท ยังเสี่ยงกับการขาดทุน ดังนั้น ในช่วงที่กำลังอยู่ในระหว่างหาเสียงของบรรดาพรรคการเมืองและนักการเมืองอยู่นี้ หากพรรคใดหรือผู้สมัครคนใด ยืนยันชัดเจนว่าจะช่วยเหลือชาวนา ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการแบกรับภาระค่าใช้จ่าย โดยเข้ามาลดราคาปุ๋ยเคมี ลดราคาน้ำมัน และให้หลักประกันในการเพิ่มราคารับซื้อผลผลิตทางการเกษตร รับรองพรรคนั้นได้เป็นผู้แทน และได้เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแน่นอน เพราะชาวนาเป็นกระดูกสันหลังของชาติ และถือว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่ในการเลือกตั้งครั้งนี้

ศรีสะเกษ เศรษฐา ทวีสิน นำทัพพรรคเพื่อไทยปราศรัยใหญ่ที่ศรีสะเกษ ชาวบ้านตื่นตัวแห่ฟังแน่นกว่า 3 หมื่นคน ท่ามกลางลมพายุ

เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อาคารอเนกประสงค์ผู้ใหญ่เฮง ต.สำโรง อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย นำโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย นายพานทองแท้ ชินวัตร ที่ปรึกษาศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย นายจักพงษ์ แสงมณี กรรมการบริหารพรรค นายจาตุรนต์ ฉายแสง คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย นางสาวขัตติยา สวัสดิผล ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พร้อมผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ ทั้ง 9 เขต ประกอบด้วย นายธเนศ เครือรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 1 เบอร์ 4 , นายสุรชาติ ชาญประดิษฐ์ ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 2 เบอร์ 8 , นายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 3 เบอร์ 9 , นายภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 4 เบอร์ 8 , นายอมรเทพ สมหมาย ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 5 เบอร์ 7, นายวีระพล จิตสัมฤทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 6 เบอร์ 8, นางสาววิลดา อินฉัตร ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 7 เบอร์ 3 , นายประวิทย์ จารุรัชกุล ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 8 เบอร์ 8 , และนางสาวนุชนาถ จารวงษ์เสถียร ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 9 เบอร์ 9 เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน โดยมีพี่น้องในอำเภออุทุมพรพิสัย และอำเภอใกล้เคียงเข้าร่วมฟังปราศรัยกว่า 3 หมื่นคน

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า 8 ปี ที่ผ่านมา เป็น 8 ปีที่ทรมานเป็นอย่างมาก นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ไม่ได้ดูแลแก้ไขเรื่องปากท้องของพี่น้องประชาชน ไม่ได้เอาใจใส่เรื่องราคาผลผลิตทางการเกษตรของพี่น้องประชาชนตกต่ำ ไม่ได้เป็นห่วงเป็นใยเรื่องปัญหายาเสพติด จนมีการแพร่ระบาดไปทั่ว ค่าครองชีพสูงขึ้นทุกวัน ราคาน้ำมันและค่าไฟฟ้าแพงขึ้น ในวันนี้รัฐบาลจะทำเรื่องลดราคาให้เรา ก็ทำไม่ได้ เพราะทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เห็นว่าเป็นการซื้อเสียง ถ้าเขาอยากจะทำ ถ้าเขามีจิตใจที่เป็นห่วงเป็นใยพี่น้องประชาชนทุกคน เขาควรจะทำไปนานแล้ว น้ำมันเป็นต้นตอสำคัญของการที่ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น สมัยก่อนไข่ไก่ฟองละ 10 สลึง แต่ทุกวันนี้ฟองละ 10 บาท ขึ้นไปเท่าตัว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจาก 5 บาท ขึ้นไป 8 บาท แต่ค่าแรงขั้นต่ำ จาก 300 บาท ขึ้นเป็น 320 บาท ขึ้นนิดเดียว ทำเท่าไหร่ก็ไม่พอกิน ทำเท่าไหร่ก็ไม่พอใช้หนี้ พอหรือยังกับ 8 ปี การทุกข์ทรมานของพี่น้องประชาชนทุกคน ถึงเวลาเกิดการเปลี่ยนแปลง ถึงเวลาที่พี่น้องต้องมั่นใจ นโยบายพรรคเพื่อไทย ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราจะช่วยเหลือพี่น้องให้พ้นจากความยากจน ให้พ้นจากความคับแค้นใจ ไม่ต้องแบมือขอกินทุกเดือน เหมือนที่รัฐบาลปัจจุบันกำลังทำ คือบังคับให้เราจนแล้วค่อยแจก เรารับไม่ได้

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย กล่าวต่อไปอีกว่า พี่น้องส่วนใหญ่เป็นชาวเกษตรกร ราคาพืชผลทางการเกษตร ตกต่ำมาก รายได้เข้ากระเป๋าก็น้อยลง ราคาปุ๋ยแพงขึ้น มโหฬาร พรรคเพื่อไทยเรามีนโยบายที่จะผลักดันสินค้าทางการเกษตรนำออกขายต่างประเทศ เพื่อนำพารายได้เข้าประเทศ ช่วยเหลือเกษตรกร พร้อมจะพักหนี้ให้พี่น้อง ทั้งพักต้น พักดอก 3 ปี ส่วนนโยบายเงินดิจิตอล ก็เพื่อใช้จ่ายกระต้นเศรษฐกิจในรัศมี 4 กิโลเมตร โดยจะเติมเงินให้พี่น้องประชาชนทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป คนละ 10,000 บาท ซึ่งพรรคเพื่อไทยทำได้จริง

ขณะเดียวกัน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้วีดิโอคอลเข้ามาปราศรัยกับพี่น้องชาวอุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ว่า เวลาผ่านไปไวมากเพราะ ตนเองมาปราศรัยที่เวทีอุทุมพรพิสัย เป็นครั้งแรกในชีวิตเมื่อปีที่แล้ว นี่ก็วนกลับมาปราศรัยอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มาไม่ได้เพราะอายุครรภ์ครบกำหนดคลอด จึงคิดถึงและมาพบพี่น้องผ่านจอวีดิโอคอลไปก่อน พร้อมเข้าใจปัญหาของพี่น้อง หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ปัญความเดือดร้อนต่างๆจะค่อยๆคลี่คลายและดีขึ้นอย่างแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่คณะของ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย เดินทางมาถึงเวทีปราศรัย ได้เกิดลมพายุพัดมาอย่างแรง จนทำให้จอแอลอีดี ที่ติดตั้งอยู่ภายรอบนอกอาคาร พังถล่มลงมา โชคดีชาวบ้านที่มารับฟังปราศรัยหลบได้ทัน จากนั้นลมพายุก็สงบและผ่านพ้นไปเป็นปกติ การปราศรัยก็ดำเนินต่อไปจนจบ

ข่าว/ภาพ…… บุญทัน ธุศรีวรรณ ศรีสะเกษ

(มีคลิป) “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ลงพื้นที่ช่วย “จักรพล  ตั้งสุทธิธรรม” หมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย กราบขอพรอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ มอบนโยบายกาดหลวงเชียงใหม่

“สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ลงพื้นที่ช่วย “จักรพล ตั้งสุทธิธรรม” หมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย กราบขอพรอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ มอบนโยบายกาดหลวงเชียงใหม่

เมื่อวันที่ 30 เม.ย.2566 เวลา 08.30 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อกราบสักการะอนุสาวรีย์สามกษัตริย์พร้อมช่วย นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม หมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย หาเสียงที่บริเวณตลาดต้นลำไยตลาดวโรสเมืองเชียงใหม่ ท่ามกลางกองเชียร์มารอต้อนรับจำนวนมากนายสมชาย ได้เดินทักทายบรรดาพ่อค้าแม่ค้าพร้อมฝากพรรคเพื่อไทยไว้กับพี่น้องชาวเชียงใหม่ โดยใช้เวลาเดินทักทายร่วม 1 ชั่วโมง โดยได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี

นายสมชาย ได้ให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวว่า พรรคเพื่อไทยกับชาวเชียงใหม่ มีความผูกพันกันมากแต่ไหน พรรคเพื่อไทยมาจากพรรคไทยรักไทยที่นายกฯทักษิณ ชินวัตร ก่อตั้งพรรคมา และพี่น้องชาวเชียงใหม่ ก็เป็นกลุ่มแรกที่ช่วยดูแลพรรคไทยรักไทยเสมอมาโดยตลอด ซึ่งในวันนี้ได้เข้ามากราบ สักการะขอพร ที่อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ เพื่อขอท่านประทานพรให้พรรคเพื่อไทยทที่คิดดีทำดี และพร้อมที่จะเข้ามากอบกู้ประเทศ พร้อมพัฒนา ประเทศให้เดินหน้าต่อไป ให้แลนด์สไลด์ทั่วประเทศ เพื่อมีกำลังเข้ามาจัดตั้งรัฐบาล ดูแลพี่น้องประชาชน ซึ่งผลโพลต่างๆนั้น ผมก็ได้เดินทางไปทั่วประเทศ รู้สึกว่าพี่น้องประชาชนให้การ สนับสนุนพรรคเพื่อไทยมาเป็นอันดับแรกๆ ซึ่งการแข่งขันมันเป็นเรื่องธรรมดา ทุกพรรค ก็มีการแข่งขันมีการนำเสนอนโยบายต่างๆ เราก็ให้ความเคารพ ในเจตนาของแต่ละพรรค แต่เรามั่นใจใน นโยบายต่างๆของพรรคเพื่อไทยที่ได้ นำเผยแพร่สู่พี่น้องประชาชนว่า “เราทำได้ ทำได้จริงๆ” เราเคยมีประสบการณ์การทำงาน ในด้านนี้มาแล้ว ซึ่งบุคลากรของทางพรรคเพื่อไทย เราเตรียมพร้อมมาโดยตลอด ซึ่งแคนดีเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย คือ แพทองธาร ชินวัตร / เศรษฐา ทวีสิน / ชัยเกษม นิติสิริ ซึ่งมีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญทุกประการ

ซึ่งภายหลังจากนั้นนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์พร้อมด้วยผู้สมัครหมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ได้ลงพื้นที่ โดยการขึ้นรถ พร้อมประกาศนโยบายไปตามคูเมืองเชียงใหม่ และได้เข้าไปหาเสียง ที่ตลาดต้นลำไย และ ตลาดวโรรส อำเภอเมืองเชียงใหม่ โดยได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าในตลาดทั้ง 2 แห่ง

“ในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่พรรคเพื่อไทย จะได้กลับมารับใช้บ้านเมือง รับใช้ประชาชน เราไม่ได้มาแสวงหาอำนาจ แต่เรามองเห็นว่า ที่ผ่านมาประเทศชาติมีปัญหาเยอะมาก บ้านเมืองไม่ได้พัฒนาหลายๆอย่าง ก่อนที่จะมาเลือกตั้งคราวนี้ เราทำงานมาเป็นปี เพื่อจะจัดแจงเรื่องนโยบายทำอย่างไรที่จะช่วยฟื้นเศรษฐกิจ ฟื้นคุณภาพชีวิตให้พี่น้องประชาชนได้ซึ่งเราออกมาหลายอย่างเช่นเงินกระเป๋าดิจิตอล เรียนจบปริญญาตรีจะได้เงินเดือน 2 หมื่น 5 พันบาท ค่าแรงงานขั้นต่ำจะไปถึง 600 บาท เงินที่จะเพิ่มเติมให้ครอบครัวให้งบ 2 หมื่นบาทต่อเดือน เยอะแยะมากมายที่จะทำ รวมทั้งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องสิทธิเสรีภาพ เรื่องการเกณฑ์ทหารก็จะทำหมด วันนี้จึงมาพบปะพี่น้องประชาชนชาวเชียงใหม่เพื่อรวมกันช่วยพรรคเพื่อไทยและพรรคเพื่อไทยจะกลับมาช่วยพี่น้องประชาชนนายสมชายกล่าว”.

ทรงวุฒิ ทับทอง

(มีคลิป) “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ลงพื้นที่ช่วย “จักรพล  ตั้งสุทธิธรรม” หมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย กราบขอพรอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ มอบนโยบายกาดหลวงเชียงใหม่

“สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ลงพื้นที่ช่วย “จักรพล ตั้งสุทธิธรรม” หมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย กราบขอพรอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ มอบนโยบายกาดหลวงเชียงใหม่

เมื่อวันที่ 30 เม.ย.2566 เวลา 08.30 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อกราบสักการะอนุสาวรีย์สามกษัตริย์พร้อมช่วย นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม หมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย หาเสียงที่บริเวณตลาดต้นลำไยตลาดวโรสเมืองเชียงใหม่ ท่ามกลางกองเชียร์มารอต้อนรับจำนวนมากนายสมชาย ได้เดินทักทายบรรดาพ่อค้าแม่ค้าพร้อมฝากพรรคเพื่อไทยไว้กับพี่น้องชาวเชียงใหม่ โดยใช้เวลาเดินทักทายร่วม 1 ชั่วโมง โดยได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี

นายสมชาย ได้ให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวว่า พรรคเพื่อไทยกับชาวเชียงใหม่ มีความผูกพันกันมากแต่ไหน พรรคเพื่อไทยมาจากพรรคไทยรักไทยที่นายกฯทักษิณ ชินวัตร ก่อตั้งพรรคมา และพี่น้องชาวเชียงใหม่ ก็เป็นกลุ่มแรกที่ช่วยดูแลพรรคไทยรักไทยเสมอมาโดยตลอด ซึ่งในวันนี้ได้เข้ามากราบ สักการะขอพร ที่อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ เพื่อขอท่านประทานพรให้พรรคเพื่อไทยทที่คิดดีทำดี และพร้อมที่จะเข้ามากอบกู้ประเทศ พร้อมพัฒนา ประเทศให้เดินหน้าต่อไป ให้แลนด์สไลด์ทั่วประเทศ เพื่อมีกำลังเข้ามาจัดตั้งรัฐบาล ดูแลพี่น้องประชาชน ซึ่งผลโพลต่างๆนั้น ผมก็ได้เดินทางไปทั่วประเทศ รู้สึกว่าพี่น้องประชาชนให้การ สนับสนุนพรรคเพื่อไทยมาเป็นอันดับแรกๆ ซึ่งการแข่งขันมันเป็นเรื่องธรรมดา ทุกพรรค ก็มีการแข่งขันมีการนำเสนอนโยบายต่างๆ เราก็ให้ความเคารพ ในเจตนาของแต่ละพรรค แต่เรามั่นใจใน นโยบายต่างๆของพรรคเพื่อไทยที่ได้ นำเผยแพร่สู่พี่น้องประชาชนว่า “เราทำได้ ทำได้จริงๆ” เราเคยมีประสบการณ์การทำงาน ในด้านนี้มาแล้ว ซึ่งบุคลากรของทางพรรคเพื่อไทย เราเตรียมพร้อมมาโดยตลอด ซึ่งแคนดีเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย คือ แพทองธาร ชินวัตร / เศรษฐา ทวีสิน / ชัยเกษม นิติสิริ ซึ่งมีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญทุกประการ

ซึ่งภายหลังจากนั้นนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์พร้อมด้วยผู้สมัครหมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ได้ลงพื้นที่ โดยการขึ้นรถ พร้อมประกาศนโยบายไปตามคูเมืองเชียงใหม่ และได้เข้าไปหาเสียง ที่ตลาดต้นลำไย และ ตลาดวโรรส อำเภอเมืองเชียงใหม่ โดยได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าในตลาดทั้ง 2 แห่ง

“ในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่พรรคเพื่อไทย จะได้กลับมารับใช้บ้านเมือง รับใช้ประชาชน เราไม่ได้มาแสวงหาอำนาจ แต่เรามองเห็นว่า ที่ผ่านมาประเทศชาติมีปัญหาเยอะมาก บ้านเมืองไม่ได้พัฒนาหลายๆอย่าง ก่อนที่จะมาเลือกตั้งคราวนี้ เราทำงานมาเป็นปี เพื่อจะจัดแจงเรื่องนโยบายทำอย่างไรที่จะช่วยฟื้นเศรษฐกิจ ฟื้นคุณภาพชีวิตให้พี่น้องประชาชนได้ซึ่งเราออกมาหลายอย่างเช่นเงินกระเป๋าดิจิตอล เรียนจบปริญญาตรีจะได้เงินเดือน 2 หมื่น 5 พันบาท ค่าแรงงานขั้นต่ำจะไปถึง 600 บาท เงินที่จะเพิ่มเติมให้ครอบครัวให้งบ 2 หมื่นบาทต่อเดือน เยอะแยะมากมายที่จะทำ รวมทั้งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องสิทธิเสรีภาพ เรื่องการเกณฑ์ทหารก็จะทำหมด วันนี้จึงมาพบปะพี่น้องประชาชนชาวเชียงใหม่เพื่อรวมกันช่วยพรรคเพื่อไทยและพรรคเพื่อไทยจะกลับมาช่วยพี่น้องประชาชนนายสมชายกล่าว”.

ทรงวุฒิ ทับทอง

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com