google.com, pub-2709829493138336, DIRECT, f08c47fec0942fa0

ยโสธร”คุมประพฤติจังหวัดยโสธรประชุมสมัยสามัญ ประจำปี 1/2565

ยโสธร”คุมประพฤติจังหวัดยโสธรประชุมสมัยสามัญ ประจำปี 1/2565

ที่ห้องประชุมสีเงิน องค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร 30 พฤศจิกายน 2565 เวลา 09.30 น.นายประเวศ ละครราช รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดยโสธร ประธานที่ประชุมได้กล่าวถึงการปฏิบัติงานการรับรายงานตัวของผู้ถูกคุมประพฤติในแต่ละศูนย์ของอำเภอโดยมีการกำหนดวันที่เป็นหลักเกณฑ์ไว้แต่ในกรณีที่วันกำหนดไว้ตรงกับวันเสาร์ อาทิตย์ ให้เลื่อนมาเป็นวันศุกร์ และชี้แจงเรื่องผลการปฏิบัติงานของอาสาสมัครคุมประพฤติเพื่อการคัดเลือกให้เป็นอาสาสมัครคุมประพฤติดีเด่นระดับจังหวัดพร้อมกันนี้ยังชี้แจงเรื่องของการขับเคลื่อนในศูนย์รายงานตัวผู้รับผิดชอบโดยแบ่งโซนเขตพื้นที่ออกเป็น 2 เขต เขตที่ 1 ประกอบด้วยอำเภอเมือง ป่าติ้ว คำเขื่อนแก้ว มหาชนะชัย ค้อวัง

เขตที่ 2 ประกอบด้วยอำเภอทรายมูล กุดชุม ไทยเจริญเลิงนกทา เพื่อให้ง่ายแก่การบริหารจัดการและติดตาม และทางชมรมอาสาสมัครคุมประพฤติจังหวัดยโสธรได้มีการชี้แจงข้อระเบียบอื่นๆที่เกี่ยวเนื่องกับชมรมอาสาสมัครคุมประพฤติเพื่อการขับเคลื่อนให้ชมรมเป็นไปตามระเบียบกฎข้อบังคับของคณะกรรมการบริหารชมรมอาสาสมัครคุมประพฤติจังหวัดยโสธร

///พลากรแก้วขวัญข้า ยโสธร รายงาน

ผวจ.สุโขทัย เป็นประธานในพิธีมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ

ผวจ.สุโขทัย เป็นประธานในพิธีมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ

ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย เป็นประธานในพิธีมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ประจําปี 2563 ให้กับผู้กระทำความดีความชอบ จำนวน 1 ราย

นายวิรุฬ พรรณเทวี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย เป็นประธานในพิธีมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นเหรียญเงินดิเรกคุณาภรณ์ ประจําปี 2563 ซึ่งสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุโขทัย จัดขึ้น ณ ศาลาเอนกประสงค์ (โรงลิเก) ศาลากลางจังหวัดสุโขทัย เพื่อมอบให้กับนายสุวรรณ์ เอี่ยมสะอาด อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ที่ 7 ตำบลกลางดง อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานให้กับผู้กระทำความดีความชอบอันเป็นประโยชน์แก่ประเทศ ศาสนา

และประชาชน ซึ่งนายสุวรรณ์ เอี่ยมสะอาด ได้กระทำความดีความชอบ โดยเป็นผู้จัดตั้งชมรมผู้สูงอายุครูบำนาญ ถ่ายทอดความรู้ให้กับชุมชนจนขยายเป็นชมรมผู้สูงอายุกว่า 200 ชมรม เป็นผู้ขับเคลื่อนการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการกว่า 88 กองทุน ครอบคลุมทุกตำบล รวมทั้งณรงค์จัดตั้งสภาองค์กรชุมชน 90 แห่ง ครบทุกพื้นที่ในจังหวัดสุโขทัย และสนับสนุนการสำรวจข้อมูลผู้ยากไร้ ผู้พิการ เพื่อจัดทำโครงการบ้านพอเพียง จำนวน 135 หลัง นอกจากนี้ ยังเป็นคณะกรรมการระดับจังหวัด ทั้งภาครัฐและเอกชน อีกด้วย

กิตติ พรดวงจันทร์ สุโขทัย0821632939

สำนักงานธนาคารออมสินภาค 7 จังหวัดอุตรดิตถ์จัดกิจกรรม “ตลาดออมสิน ช่วยผู้ได้รับผลกระทบ COVID-19″.

สำนักงานธนาคารออมสินภาค 7 จังหวัดอุตรดิตถ์จัดกิจกรรม “ตลาดออมสิน ช่วยผู้ได้รับผลกระทบ COVID-19″.

นายประเดิม เดชายนต์บัญชา นายอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จ.อุตรดิตถ์ เป็นประธานเปิดกิจกรรม “ตลาดออมสิน ช่วยผู้ได้รับผลกระทบโควิด-19” ที่ สำนักงานธนาคารออมสินภาค 7 อ.เมืองอุตรดิตถ์ โดยมี นางจินดา มาแก้ว รองนายกเทศมนตรีเมืองอุตรดิตถ์ ,คณะกรรมการหอการค้าจังหวัด ส่วนราชการ ภาคเอกชน จ.อุตรดิตถ์ พร้อมคณะผู้บริหารธนาคารออมสิน ร่วมงานกิจกรรมดังกล่าว ภายใต้มาตรการคุมเข้มโควิด-19 โดยประชาชน ผู้เข้าสู่ภายในบริเวณงานต้องตรวจวัดอุณหภูมิ รับเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ลงทะเบียน และสวมหน้ากากอนามัย ตามที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
นายฉลองชัย อนุกูลเวช ผอ.ธนาคารออมสินภาค 7 กล่าวว่า ตามนโยบายของธนาคารออมสิน ภายใต้การอำนวยการของ นายวิทัย รัตนากร ผอ.ธนาคารออมสิน ในการยกระดับสู่การเป็นธนาคารเพื่อสังคม (Social Bank) อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้ธนาคารเข้ามามีบทบาทสำคัญในการ “ลดความเลื่อมล้ำ และสร้างความเป็นธรรมในสังคม” ทำให้ประชาชนที่เป็นลูกค้ากลุ่มหลักของธนาคารเข้าถึงบริการทางการเงิน ลดภาระ ยกระดับรายได้ และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเพื่อให้หลุดพ้นจากความยากจน และสร้างสังคมให้เป็นสุข มุ่งเน้นดูแลสังคมโดยเฉพาะกลุ่มพ่อค้า แม่ค้าผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อสร้างโอกาสและสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุน รวมถึงการสร้างงาน สร้างอาชีพ
ธนาคารออมสินภาค 7 จึงได้จัดกิจกรรมช่วยเหลือสังคม ภายใต้ชื่อกิจกรรม “ตลาดออมสิน ช่วยผู้ได้รับผลกระทบ COVID-19” ในครั้งนี้ขึ้น เพื่อพัฒนาสถานที่เพิ่มช่องทางสร้างรายได้ โดยการจัดสรรพื้นที่ของธนาคารให้กลุ่มผู้ประกอบการ

และ ประชาชนทั่วไป มีช่องทางในการจำหน่ายสินค้าและบริการ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อสร้างโอกาสด้านรายได้ให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด- 19 อีกทั้งเพื่อกระตุ้นระบบเศรษฐกิจของจังหวัดอุตรดิตถ์
สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ ธนาคารออมสินภาค 7 ได้จัดขึ้นเป็นปีแรก ซึ่งกิจกรรมเปิดตลาดจะในระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2564 และจะจัดต่อเนื่องในทุกวันจันทร์ ของเดือนธันวาคม 2564 ภายในงานมีร้านค้าร่วมออกร้านกว่า 120 ร้านค้า โดยผู้ร่วมงานจะพบกับโซนเครื่องดื่ม โซนของฝาก โซนต้นไม้ และอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังมีจุดให้บริการธุรกรรมทางการเงินแก่ประชาชนผู้เข้าร่วมงานครบวงจร ได้แก่ บริการเปิดบัญชี สมัครบริการ MyMo สมัครบัตรเดบิต และจุดปรึกษาด้านสินเชื่อโดยเป็นการสร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ให้กับธนาคาร และเพิ่มช่องทางการให้ชนให้สามารถเข้าถึงบริการของธนาคารออมสินที่มีความหลากหลายและล้ำสมัย อย่างไรก็ตามทั้งพนักงานของธนาคารและพ่อค้าแม่ค้าที่นำสินค้ามาร่วมจำหน่าย ได้รับการฉัควัคซีนป้องกันโควิด-19 ร้อย 100 เปอร์เซ็นต์ และภายในงานมีมาตรการป้องกัน ทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยและรับการคัดกรองจากเจ้าหน้าที่

นาคา คะเลิศรัมย์/รายงาน

(สระแก้ว) – จับล็อตใหญ่!! ลักลอบขนจักรยานยนต์ส่งขายเขมร 18 คัน ผู้ต้องหา 7 คน

(สระแก้ว) – จับล็อตใหญ่!! ลักลอบขนจักรยานยนต์ส่งขายเขมร 18 คัน ผู้ต้องหา 7 คน

สระแก้ว – สนธิกำลังล็อคชายแดนจับล็อตใหญ่ ขบวนการลักลอบขนรถจักรยานยนต์ส่งขายฝั่งประเทศกัมพูชา ยึดของกลาง 18 คัน กระบะ 1 คัน พร้อมผู้ต้องหาอีก 7 คน พบพฤติกรรมหันมาใช้ผู้หญิงเป็นนักบิน ขับรถข้ามชายแดน

เมื่อวันที่ 30 พ.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อมฤต บุญสุยา ผบ.กองกำลังบูรพา จ.สระแก้ว สั่งการให้เจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันชายแดนทุกจุดเข้มงวดกวดขัน ปัญหาการลักลอบเข้าเมืองและการนำสิ่งของผิดกฎหมายเข้า-ออก บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในช่วงสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 โดยเจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานที่ 1201 ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 ร่วมกับ ชุดเคลื่อนที่่เร็ว ฉก.ตาพระยา กองกำลังบูรพา และ มว.ปชด.ที่ 1 ร้อย ปชด.ที่ 1 (พล.ร.11) จัดกำลังพลทำการลาดตระเวนและซุ่มเฝ้าตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ บริเวณพิกัด TA 745630 ระหว่างจุดตรวจ ต.03–04 บ้านทับทิมสยาม03 ม.9 ต.ทัพไทย อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ได้ตรวจพบกลุ่มขบวนการลักลอบนำรถจักรยานยนต์ส่งออกนอกราชอาณาจักร โดยไม่ผ่านพิธีทางศุลกากร ขับมาตามเส้นทางพื้นที่การเกษตรไร่มันสำปะหลัง ชุดซุ่มเฝ้าตรวจจึงเรียกเพื่อตรวจสอบแต่กลุ่มบุคคลดังกล่าว พยายามขับรถจักรยานยนต์หลบหนี

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวได้ไล่ติดตามและควบคุมตัวผู้กระทำความผิดไว้ได้ 2 คน เป็นหญิงทั้งคู่ พร้อมรถจักรยานยนต์ 3 คัน ซึ่งสามารถหลบหนีการจับกุมไปได้ 1 คน และในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ ชค.ทพ.12 และ ฉก.ตาพระยา ได้จัดกำลังเพิ่มเติม เพื่อขยายผลและเข้าปิดล้อมตรวจค้นบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง จนสามารถตรวจพบกลุ่มผู้กระทำผิดเพิ่มเติม พยายามขับรถหลบหนีการจับกุม โดยได้ทิ้งรถจักรยานยนต์และอาศัยความชำนาญในพื้นที่วิ่งหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 5 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 2 คน พร้อมรถจักยานยนต์ จำนวน 15 คัน รถกระบะ 1 คัน รวมเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมดที่กระทำความผิด รวม 7 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 4 คน ยึดรถจักรยานยนต์ของกลางได้ รวม 18 คัน รถกระบะ 1 คัน

จากการตรวจสอบหลังจับกุม ผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ประกอบด้วย 1.นางสุภาวดี ดีจรัส อายุ 51 ปี บ้านเลขที่ 74 ม.10 ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ HONDA SCOOPY สีขาว-ชมพู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ไม่พบเอกสารหลักฐาน ,2.น.ส.ธิดา เกิดปรี อายุ 45 ปี ที่อยู่ 120 ม.1 ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ HONDA SCOOPY สีขาว-ชมพู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ไม่พบเอกสารหลักฐาน, 3.น.ส.ณิชกุล เย็นอุรา อายุ 21 ปี ที่อยู่ 192 ม.9 ต.ทัพไทย อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ขับขี่ รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ HONDA SCOOPY สีขาว-ชมพู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ไม่พบเอกสารหลักฐาน ,4.น.ส.กัลยรัด หนองได อายุ 29 ปี ที่อยู่ 147 ม.2 ต.ทัพราช อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น Scoopy I สีขาว–ชมพู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ไม่พบเอกสารหลักฐาน, 5.นายณรงค์ฤทธิ์ ดีกร อายุ 29 ปี ที่อยู่ 89 ม.6 ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ YAMAHA FILANO สีแดง หมายเลขทะเบียน 3ขว-8759 กทม ไม่พบเอกสารหลักฐาน

ส่วนผู้ต้องหารายที่ 6.นายวรพล ซีแซว อายุ 29 ปี ที่อยู่ 89 ม. 6 ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ HONDA PCX ดำ ทะเบียน 5210 พิษณโลก ไม่พบเอกสารหลักฐาน ,7.นายภานุพงศ์ ซีแซว อายุ 21 ปี ที่อยู่ 66 ม.10 ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ขับรถยนต์ยี่ห้อ IZUZU DMAX สีขาว ทะเบียน กท-887 สระแก้ว เพื่อมารับกลุ่มบุคคลดังกล่าวกลับ สำหรับรถจักรยานยนต์ที่ตรวจยึดและจอดทิ้งไว้อีก จำนวน 12 คัน ประกอบด้วย ยี่ห้อ Kawasaki Z900 สีแดง ทะเบียน 8627 ระยอง (ป้ายแดง) ,YAMAHA XSR สีเขียว-ดำ ,HONDA PCX สีดำ ,HONDA SUPER CUB สีดำ ,HONDA ADV 150 สีแดง และที่เหลือเป็น HONDA SCOOPY อีก 7 คัน ซึ่งทั้งหมดไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และไม่พบเอกสารหลักฐาน ภายในตัวรถแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 7 ราย ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้าง จากนางวันวิวา เกิดปรี ที่อยู่ 69 ม.10 บ.คลองแผง ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ให้ไปรับรถจักยานยนต์มาจากบริเวณป่ามันท้ายหมู่บ้านทับทิมสยาม03 หลังจากนั้นให้ขับไปส่งให้นายทุนชาวกัมพูชา โดยใช้เส้นทางธรรมชาติลัดเลาะตามภูมิประเทศ เพื่อไปออกเส้นทางระหว่างจุดตรวจ ต.03-04 โดยได้รับค่าจ้าง คนละ 200 บาทต่อคัน แต่มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเสียก่อน ซึ่งภายหลังสอบสวนอย่างละเอียด และตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 คน พร้อมของกลางทั้งหมด นำส่งให้ ฉก.ตาพระยา และสภ.บ้านทัพไทย ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

..นายยุทธนา พึ่งน้อย ผู้สื่อข่าวจังหวัดสระแก้ว

สุราษฎร์ธานี // พ่อเมืองคนดี “อยู่เคียงข้าง” นั่งเรือลุยน้ำท่วมช่วยชาวบ้าน .

ไทเกอร์นิวส์ สุราษฎร์ธานี
ศูนย์ข่าวภาคใต้ตอนบน

รายงาน : พจน์ คำจันทร์

สืบเนื่องจากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ กำลังแรง ตลอดระยะเวลาในห้วงสัปดาห์ ที่ผ่านมา ทำให้พื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องส่งผลให้หลายอำเภอประสบปัญหาน้ำท่วมฉับพลัน ทั้งนี้สถานการณ์น้ำในปัจจุบันเริ่มคลี่คลาย เหลือ 7 อำเภอ ซึ่งพบว่ายังคงมีน้ำท่วมขังทำให้ประชาชนในแต่ละพื้นที่ได้รับผลกระทบ เมื่อเวลา 10.30 น. ของวันที่ 30 พ.ย.64 นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมนายอุดมศักดิ์ ขาวหนูนา ผอ.ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11 , นายจำนงค์ สวัสดิ์วงศ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ ต.พ่วงพรมคร อ.เคียนซา ซึ่งได้รับผลทบจากสถานการณ์น้ำท่วม และได้มีการอพยพประชาชนไปอาศัยยังศูนย์พักพิง และมีการจัดตั้งครัวสนาม เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาปากท้องของประชาชน

เมื่อเดินทางไปถึงนายวิชวุทย์ ได้ร่วมปรุงอาหาร เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชน พร้อมให้กำลังใจในการก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ จากนั้นได้เดินทางต่อไปยังศูนย์พักพิงผู้อพยพชั่วคราวที่ศาลาเอนกประสงค์ ม.5 บ้านคลองโร ต.พ่วงพรมคร พร้อมได้มอบถุงยังชีพ ให้แก่ผู้ที่อาศัยในศูนย์พักพิงสร้างความตื้นตันใจจากครอบครัวที่ได้รับการช่วยเหลือในครั้งนี้ ต่อมาได้เดินทางเข้าเยี่ยมคุณยายแดง สุขแก้ว อายุ 86 ปี ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงพร้อมมอบสิ่งของช่วยเหลือเบื้องต้น และคณะได้เดินลุยน้ำไปให้กำลังใจชาวบ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเพื่อให้กำลังใจ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ได้ขอให้ประชาชนเร่งอพยพสิ่งของไว่ในที่สูง และขอให้ย้ายไปอยู่ในศูนย์พักพิงหากพบว่าน้ำยังคงท่วมสูงเพื่อความปลอดภัย

สำหรับสถานการณ์อุทกภัย ของ จ.สุราษฎร์ธานี ในขณะนี้เริ่มคลี่คลายลงแล้วขณะนี้เหลือเพียง 7 อำเภอที่มีน้ำท่วมขังในพื้นที่คือ อ.พระแสง อ.เคียนซา อ.บ้านนาเดิม อ.พุนพิน อ.นาสาร อ.เวียงสระ และ อ.ชัยบุรี ขณะที่การประเมินสถานการณ์น้ำของแม่น้ำตาปี ที่เป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่สุดในภาคใต้ที่ไหลมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมวลน้ำไหลผ่าน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ก่อนที่จะระบายลงสู่ทะเล แต่ในขณะนี้จังหวัดนครศรีธรรมราช ยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง อาจจะส่งผลกระทบ แต่ทางจังหวัดฯ ได้มีการวางแผนและเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น มีการแจ้งเตือนประชาชน ในพื้นที่เสี่ยงภัย ได้เคลื่อนย้ายไปยังที่สูง โดยกลุ่มที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือกลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการวางแผน ทั้งการดูแลประชาชน และจุดพักพิง จุดอพยพ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนให้มากที่สุด ทั้งนี้กรมชลประทานได้มีการสนับสนุนเครื่องผลักดันน้ำจำนวน 52 เครื่อง ให้แก่จังหวัดฯ ในการเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลโดยเร็วที่สุด และเพื่อรองรับมวลน้ำที่ไหลมาจาก จังหวัดนครศรีธรรมราช อีกด้วย ขอให้ ปชช.ติดตามข้อมูลข่าวสาร และการแจ้งเตือนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะรับมือกับสถานการณ์น้ำที่อาจจะมาอีกในระลอกใหม่

จากนั้นคณะได้เดินทางไปติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ บ้านห้วยลึก ม.11 ต.พ่วงพรมคร เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจประสบปัญหาอุทกภัย บ้านไสเหนือ ม. 7 ต.พ่วงพรมคร อ.เคียนซา, บ้านควรคู่ ต.ไทรขึง อ.พระแสง ซึ่งจุดนี้คณะ ต้องนั่งเรือลุยน้ำเข้าช่วยเหลือประชาชนโดยได้นำถุงยังชีพ พร้อมด้วย เวชภัณฑ์ยา และน้ำดื่มเข้าไปช่วยเหลือ จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี และคณะได้เดินทาง ไปยังบ้านลานเข้ ต.ทุ่งหลวง อ.เวียงสระ เพื่อเยี่ยมราษฎร์ที่ประสบภัยน้ำท่วมจำนวน 3 ครอบครัว ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังศาลาประชาคมประจำหมู่บ้าน ซึ่ง มีผู้ประสบภัยจำนวน 3 ครอบครัวได้อพยพไปอาศัยเป็นการชั่วคราว .

สระแก้ว- รวบขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ภ.จว.ชลบุรี หลอกโอนเงิน 9 แสนบาท

สระแก้ว- รวบขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ภ.จว.ชลบุรี หลอกโอนเงิน 9 แสนบาท

สระแก้ว – เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.ชลบุรี 1 ราย หลอกโอนเงิน 9 แสนบาท ขยายผลออกหมายจับคนไทยเพิ่มอีก 1 ราย พบเงินหมุนเวียน 64 ล้านบาท

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 30 พ.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว มอบหมายให้ พ.ต.อ.พีระพงษ์ เหล่าธนาวิน รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้ว พร้อมด้วย พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต ผกก.สส.ภ.จว.สระแก้ว ,พ.ต.ต.ตฤณ ลีลานุช สว.กลุ่มงานสนับสนุน บก.ปอท. ร่วมกันแถลงข่าว การจับกุมตัว นางโซเพียวันดี สม หรือ (Ms. Sophea Vandy Som) อายุ 45 ปี สัญชาติกัมพูชา พร้อมของกลางเงินสด 900,000 บาท สมุดบัญชีธนาคาร 3 เล่ม และบัตรอิเล็กทรอนิกส์ 7 ใบ โดย พ.ต.อ.จตุรภัทร เปิดเผยว่า จากกรณีศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตำรวจภูธรภาค 2 ออกหนังสือประกาศเตือนเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 ว่ามีกลุ่มคนร้าย หรือแก็งคอลเซ็นเตอร์ แอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยอ้างชื่อแอพพลิเคชั่นไลน์ ว่า “ภ.จว.ชลบุรี” ส่งไลน์ข่มขู่ผู้เสียหายว่า มีส่วนร่วมกับคดียาเสพติดและฟอกเงิน หลอกให้ส่งข้อมูลส่วนตัวและโอนเงินให้คนร้าย

พ.ต.อ.จตุรภัทร ระบุด้วยว่า ผู้ต้องหาอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ จึงตรวจสอบพบว่า มีผู้เสียหายรายหนึ่งอาศัยอยู่ที่ จ.สมุทรสาคร ได้รับการติดต่อจากคนร้าย ซึ่งอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.ชลบุรี หลอกให้แอดไลน์ “CHONBURI” โดยมีชื่อโปรไฟล์ว่า “ภ.จว.ชลบุรี เป็นเจ้าหน้าที่สอบสวนได้แจ้งกับผู้เสียหายว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด แล้วส่งภาพหมายเรียกและหมายจับ ให้กับผู้เสียหายดู โดยในหมายจับระบุข้อหาว่า “กระทำผิดฐานฟอกเงินและยาเสพติด” เพราะมีเงินของผู้ค้ายาเสพติดโอนเข้าบัญชีของผู้เสียหาย ทำให้ถูกออกหมายเรียกและถูกออกหมายจับ หากผู้เสียหายไม่อยากให้บัญชีถูกอายัด ต้องถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากทั้งหมด แล้วนำเงินจำนวนดังกล่าวฝากเข้าบัญชีธนาคารทหารไทยธนชาติ ชื่อบัญชี นายขจรยศ ทวีสุข ซึ่งอ้างว่า เป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เพื่อเป็นการประกันความบริสุทธิ์ใจ ในระหว่างที่มีการตรวจสอบบัญชี และจะโอนคืนภายใน 2 ชั่วโมง ผู้เสียหายหลงเชื่อ โอนเงินให้คนร้ายไปแล้ว ได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร เป็นคดีอาญาที่ 2076/2564

ต่อมา เมื่อวันที่ 29 พ.ย.64 ที่ผ่านมา สภ.เมืองสมุทรสาคร ได้ประสานงานมายัง ตำรวจภูธรภาค 2 และ บก.ปอท. ให้ช่วยติดตามและตรวจสอบข้อมูล กระทั่งทราบว่า คนร้ายทำการเบิกถอนเงินที่ตู้เอทีเอ็มในตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว หรือ กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว และ สภ.คลองลึก ได้เข้าสืบสวนจับกุมคนร้ายได้ ขณะกำลังเบิกถอนเงินที่ตู้เอทีเอ็มธนาคารแห่งหนึ่ง พร้อมของกลาง บัตรกดเงินอิเล็กทรอนิกส์ (ATM) ของบุคลอื่น จำนวน 7 ใบ เงินสดที่ได้จากการถอนเงินจากบัญชีบุคคลอื่น รวมเป็นเงิน 900,000 บาท

ทั้งนี้ นางโซเพียวันดี สม ผู้ต้องหา ให้การว่า มีหน้าที่เป็นผู้นำบัตรกดเงินอิเล็กทรอนิกส์ (บัตร ATM) มากดเงินเท่านั้น แต่ในทางสืบสวน เชื่อได้ว่า อยู่ในขบวนการหลอกให้โอนเงิน และรับว่า เงินจำนวน 900,000 บาท เป็นเงินส่วนหนึ่งที่กดจากตู้กดเงิน อิเล็กทรอนิกส์ (ตู้ ATM) ในวันที่ 26–27 พ.ย.64 จริง และตรวจสอบพบว่า ขบวนการนี้มีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 64 ล้านบาท ขณะนี้ตำรวจได้ออกหมายจับคนไทยที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่แล้วเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.พีระพงษ์ เหล่าธนาวิน รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้ว กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจภูธรภาค 2 ขอเน้นย้ำฝากแจ้งเตือนไปยังประชาชนทุกท่าน หากได้รับการติดต่อจากคนร้ายลักษณะหลอกว่า มีหมายจับ หรือหลอกให้โอนเงิน เพื่อเลี่ยงความผิดจากการตรวจสอบของหน่วยงานโอนเข้าบัญชีบุคคล ขอย้ำว่า ไม่เป็นจริงแน่นอน เพราะบัญชีของหน่วยงานจะต้องเป็นชื่อหน่วยงานเท่านั้น ขอให้ประชาชนทุกท่านมีสติ ระมัดระวังตัว อย่าหลงเชื่อคนร้าย ไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวให้คนร้าย แต่หากพบเหตุการณ์ขอให้รวบรวมข้อมูลและหลักฐานต่าง ๆ แล้วเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจใกล้เคียงทันที หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด โปรดแจ้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลข 191 หรือ 1559 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

…นายยุทธนา พึ่งน้อย ผู้สื่อข่าวจังหวัดสระแก้ว

สุราษฎร์ธานี // พ่อเมืองคนดี “อยู่เคียงข้าง” นั่งเรือลุยน้ำท่วมช่วยชาวบ้าน .

ไทเกอร์นิวส์ สุราษฎร์ธานี
ศูนย์ข่าวภาคใต้ตอนบน

รายงาน : พจน์ คำจันทร์

สืบเนื่องจากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ กำลังแรงตลอดระยะสัปดาห์ ที่ผ่านมาทำให้พื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องส่งผลให้หลายอำเภอประสบปัญหาน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก ทั้งนี้สถานการณ์น้ำในปัจจุบันเริ่มคลี่คลายเหลือ 7 อำเภอ เมื่อเวลา 10.30 น. ของวันที่ 30 พ.ย.64 นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมนายอุดมศักดิ์ ขาวหนูนา ผอ.ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11 , นายจำนงค์ สวัสดิ์วงศ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ ต.พ่วงพรมคร อ.เคียนซา ซึ่งได้รับผลกระทบ และมีการอพยพประชาชนไปอาศัยยังศูนย์พักพิง ซึ่งทางจังหวัดฯ ได้จัดตั้งครัวสนาม เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาปากท้องของประชาชนเมื่อเดินทางถึงนายวิชวุทย์ ได้ร่วมปรุงอาหาร เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชน พร้อมให้กำลังใจในการก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน

จากนั้นนายวิชวุทย์ ได้เดินทางต่อไปยังศูนย์พักพิงผู้อพยพชั่วคราวที่ศาลาเอนกประสงค์ ม.5 บ้านคลองโร ต.พ่วงพรมคร พร้อมได้มอบถุงยังชีพ ให้แก่ผู้ที่พักอาศัยในศูนย์พักพิงสร้างความตื้นตันใจจากครอบครัวที่ได้รับการช่วยเหลือในครั้งนี้ ต่อมาได้เดินทางเข้าเยี่ยมคุณยายแดง สุขแก้ว อายุ 86 ปี บ้านเลขที่ 87 ม. 5 ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงพร้อมมอบสิ่งของช่วยเหลือเบื้องต้น และคณะได้เดินลุยน้ำไปให้กำลังใจชาวบ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเพื่อให้กำลังใจ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ได้ขอให้ประชาชนเร่งยกสิ่งของไว้บนที่สูง และ ขอให้ย้ายไปอยู่ในศูนย์พักพิงหากพบว่าน้ำยังคงท่วมสูงเพื่อความปลอดภัย

สำหรับสถานการณ์อุทกภัย ของ จ.สุราษฎร์ธานี ในขณะนี้เริ่มคลี่คลายลงแล้วขณะนี้เหลือเพียง 7 อำเภอ ที่มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ คือ อ.พระแสง อ.เคียนซา อ.บ้านนาเดิม อ.พุนพิน อ.นาสาร อ.เวียงสระ และ อ.ชัยบุรี ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว ขณะที่การประเมินสถานการณ์น้ำของแม่น้ำตาปี ที่เป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ที่ไหลมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมวลน้ำไหลผ่าน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ก่อนที่จะระบายลงสู่ทะเลแต่ในขณะนี้จังหวัดนครศรีธรรมราช มีฝนตกอย่างต่อเนื่องอาจจะส่งผลกระทบต่อปลายทางของน้ำ

แต่ทางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มีการวางแผนและเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น มีการแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เคลื่อนย้ายไปยังที่สูง โดยกลุ่มที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือกลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการวางแผนทั้งการดูแลประชาชน และจุดพักพิง จุดอพยพ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนให้มากที่สุด ทั้งนี้ กรมชลประทานได้มีการสนับสนุนเครื่องผลักดันน้ำจำนวน 52 เครื่อง ให้แก่จังหวัดฯ ในการเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลโดยเร็วที่สุด และเพื่อรองรับมวลน้ำที่ไหลมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช อีกด้วย โดยขอให้ ปชช.ติดตามข้อมูลข่าวสาร และการแจ้งเตือนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะรับมือกับสถานการณ์น้ำที่อาจจะมาในระลอกใหม่

จากนั้นคณะได้เดินทางไปติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ บ้านห้วยลึก ม.11 ต.พ่วงพรมคร เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจประสบปัญหาอุทกภัย บ้านไสเหนือ ม. 7 ต.พ่วงพรมคร อ.เคียนซา, บ้านควรคู่ ต.ไทรขึง อ.พระแสง ซึ่งจุดนี้คณะ ต้องนั่งเรือลุยน้ำเข้าช่วยเหลือประชาชนโดยได้นำถุงยังชีพ พร้อมด้วย เวชภัณฑ์ และน้ำดื่มเข้าไปช่วยเหลือ จากนั้นคณะได้เดินทางไปยังบ้านลานเข้ ต.ทุ่งหลวง อ.เวียงสระ เพื่อเยี่ยมราษฎรที่ประสบภัยน้ำท่วมจำนวน 3 ครอบครัว ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังศาลาประชาคมประจำหมู่บ้าน ซึ่งมีผู้ประสบภัยจำนวน 3 ครอบครัวได้อพยพไปอาศัยเป็นการชั่วคราว .

สภ.เมืองพัทยา จัดทำบุญเลี้ยงเพลพระอุทิศส่วนกุศลให้ตำรวจที่เสียชีวิตไปแล้ว และเพื่อความเป็นสิริมงคลกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน

สภ.เมืองพัทยา จัดทำบุญเลี้ยงเพลพระอุทิศส่วนกุศลให้ตำรวจที่เสียชีวิตไปแล้ว และเพื่อความเป็นสิริมงคลกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน

วันที่ 30 พ.ย.64 ที่ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้จัดทำบุญเลี้ยงพระเพล เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ตำรวจที่เสียชีวิตไปแล้ว และเพื่อความเป็นสิริมงคลต่อเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน

โดยมี พ.ต.อ เมฒาวิศ ประดิษฐ์ผล
รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี รรท.ผกก.สภ.เมืองพัทยา นางสาวกัญภัสสร ทิมเที่ยง ภริยา และนางอำพร แก้วแสง ประธาน กก.ตร.สภ.เมืองพัทยา ร่วมเป็นประธานฝ่ายฆราวาส

ในพิธีได้จัดขึ้นอย่างเรียบง่ายภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยได้จัดสวดเจริญพระพุทธมนต์จากพระเถรานุเถระจำนวน 3 รูป ก่อนเป็นพิธีเลี้ยงเพลพระ และรับประทานอาหารกลางวันของเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้อง

นราธิวาสจัดการประชุมคณะกรรมการจังหวัดเพื่อชี้แจงการดำเนินงานในห้วงเดือนพฤศจิกายน2564

นราธิวาส/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ

นราธิวาสจัดการประชุมคณะกรรมการจังหวัดเพื่อชี้แจงการดำเนินงานในห้วงเดือนพฤศจิกายน2564
ณ ห้องประชุมพระนราภิบาล ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส

วันที่ 30 พ.ย.64 นายอับดุลนัสเซอร์ หะมิ พัฒนาการอำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า นายไพโรจน์ จริตงามรองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสรักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจังหวัดพร้อมด้วยนายทศพล สวัสดิสุขรองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ นายอำเภอและผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้
ก่อนจะเข้าระเบียบวาระการประชุมได้มีการมอบวุฒิบัตรและเข็มวิทยาฐานะแก่ผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรนักบริหารพัฒนาชุมชนระดับสูง(นพส.)จำนวน 2 ท่าน และได้มีการมอบอาวุธปืนสั้นให้แก่กำนันยอดเยี่ยม 4 ท่านและผู้ใหญ่บ้านยอดเยี่ยม 4 ท่าน ประจำปี2563 นอกจากนี้ยังมีการแนะนำ นายทศพล สวัสดิสุข ปลัดจังหวัดสตูลได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ทางด้านหัวหน้าส่วนราชการที่ได้รับการแต่งตั้งและย้ายไปดำรงตำแหน่งที่อื่นประกอบด้วย นายกัสมัน ยะมาแล เกษตรจังหวัดนราธิวาส ย้ายไปดำรงตำแหน่งเกษตรจังหวัดยะลา นางสาวศรีวราภร ศิริรุ่งเรืองอมร สรรพสามิตพื้นที่นราธิวาส ย้ายไปดำรงตำแหน่ง สรรพสามิตพื้นที่พัทลุง นายมะณี อุทรักษ์ ผอ.สถานีอุตุนิยมวิทยานราธิวาส ย้ายไปดำรงตำแหน่ง ผอ.สถานีอุตุนิยมวิทยากาฬสินธุ์
นอกจากนี้ทาง สสจ.จังหวัดนราธิวาสได้ชี้แจ้งถึงสถานการณ์โรคโควิด 19

ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสอัตราการเสียชีวิตและผู้ป่วยรุนแรงลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากการจัดกิจกรรมเชิงรุก kick off รณรงค์ให้ประชาชนฉีดวัคซีนด้วยการเคาะประตูบ้านซึ่งผลตอบรับเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ความครอบคลุมในการฉีดวัคซีนตอนนี้ เกินกว่า 60% แล้ว
ทั้งนี้สำนักงานจังหวัดนราธิวาสได้ชี้แจงการจัดกิจกรรมเนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ พระบามสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมาหภูมิพลอดุลเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติและวันพ่อแห่งชาติ ในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ ทางด้าน กกต.นราธิวาสรายงานการใช้สิทธิและผลการนับคะแนนเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลจังหวัดนราธิวาสซึ่งมีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 416,034 ราย ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 321,304ราย คิดเป็นร้อยละ 77.23% ซึ่งอำเภอรือเสาะมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของจังหวัดนราธิวาส คิดเป็นร้อยละ 84.23 ซึ่งเป็นสำเร็จร่วมกันที่ทำได้เกินเป้าหมายในขณะมีฝนตกตลอดเวลา เป็นการแสดงถึงความตื่นตัวของประชาชนในการที่ออกมาเลือกตั้งระดับท้องถิ่นที่มีความใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุดและเป็นภาคภูมิของชาวนราธิวาสร่วมกัน

สุราษฎร์ธานี // เร่งสำรวจพื้นที่เศรษฐกิจ อ.ชัยบุรี ในการเข้ารับพิจารณาเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง SEDZ ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐ .

ไทเกอร์นิวส์ สุราษฎร์ธานี
ศูนย์ข่าวภาคใต้ตอนบน

รายงาน : พจน์ คำจันทร์

ปัจจุบันจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เร่งดำเนินการหาแนวทางเขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง (SEDZ) ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG Economy Model ตามที่รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย ขับเคลื่อนการพัฒนาเชิงพื้นที่ (Area Based) เป็นแนวทางเขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง (Suficiency Economy Development Zones : SEDZ) สืบเนื่องจากสถานการณ์วิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วงปี 2563 – 2564 ส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ โดยเฉพาะวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้ GDP ของประเทศไทยติดลบถึง 6.2 % และมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตที่เกิดจากปัญหาภัยพิบัติน้ำท่วมและน้ำแล้งทำให้การลงทุนจากภาคเอกชนชะลอตัวหนี้ครัวเรือนอาจเพิ่มขึ้นไปถึง 93 % ณ สิ้นปี 2564 โดยพบว่าคนไทยมีหนี้เพิ่มขึ้นถึง 14.3 ล้านล้านบาท ซึ่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี นั้นมีหลายพื้นที่ที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการพัฒนาตามโครงการดังกล่าว

นายศักดาพร รัตนสุภา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ ณ ที่ทำการสหกรณ์ไทรทอง จำกัด บ้านควนสินชัย ม.5 ต.ไทรทอง อ.ชัยบุรี เพื่อรับมอบนโยบายสรุปผลการดำเนินงานของสหกรณ์ฯ โดยมี นายสุกิจ มีพริ้ง นายอำเภอชัยบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ จากนั้นรองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังพื้นที่แปลงรวมเพื่อพิจารณาตามความเหมาะสมในการขับเคลื่อนแนวทางเขตเศรษฐกิจพอเพียงฯ SEDZ ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ ที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยว่าจะสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนได้หรือไม่ พร้อมสำรวจพื้นที่เศรษฐกิจอื่นๆของอำเภอชัยบุรี ที่มีหลายมิติที่อาจจะสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนได้

เช่น สระน้ำ 200ไร่ ไร่นาผสมผสานแบบเศรษฐกิจพอเพียงที่มีเนื้อที่กว่า 33ไร่ อีกทั้งมีศาสนสถานที่สำคัญของอำเภอ อย่างวัดถ้ำหอมหรือวัดถ้ำหอมธรรมาราม บรรยากาศร่มรื่นโอบล้อมด้วยธรรมชาติ และมีองค์พระสีวลี หรือ พระฉิมพลี บริเวณหน้าถ้ำ ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของประชาชนในอำเภอและจังหวัดใกล้เคียง อีกทั้งมีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางธรรมชาติ อย่างน้ำตกผาแดง และน้ำตกอโศก ที่เป็นน้ำแหล่งท่องเที่ยวชุมชนมีสายน้ำให้นักท่องเที่ยวได้เล่นตลอดทั้งปี และที่สำคัญของอำเภอชัยบุรีแห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของเกษตรกรรม อย่างกล้วยหอมทองที่เป็นพืชเศรษฐกิจ ทั้งนี้กล้วยกล้วยหอมทองปกติชาวบ้านจะส่งเป็นกล้วยดิบที่ยังไม่แปรรูปทั่วประเทศแล้ว ที่นี่ยังมีการนำกล้วยหอมทองที่ตกเกรดมาผลิตเป็นกล้วยฉาบหลากรสไว้ให้ประชาชนได้เลือกซื้อ ส่วนที่ไม่สามารถจำหน่ายได้ กลุ่มสตรีสหกรณ์ไทรทอง จะนำไปเป็นอาหารสัตว์แทน

จะเห็นได้ว่าอำเภอชัยบุรี มีความพร้อมที่จะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ และสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบผจญภัยเชิงธรรมชาติ ทั้งนี้การพิจารณาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียงฯ ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี จะต้องมีการพิจารณาอีกครั้งตามความเหมาะสม เพื่อการพัฒนาชุมชนให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด และสามารถสร้างงานสร้างรายได้ อีกทั้งเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน เพื่อชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้ต่อไปในอนาคต .

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com