google.com, pub-2709829493138336, DIRECT, f08c47fec0942fa0

แม่เลี้ยงเดี่ยว ร้องสื่อไม่ได้รับ ความเป็นธรรม เรียกร้องสิทธิ์ให้บุตรที่เกิด หลังจากไร้การเยียวยา เหมือนเช่นที่เคยส่งเสีย เลี้ยงดูเดือนละ 60,000 บาท.

# แม่เลี้ยงเดี่ยว ร้องสื่อไม่ได้รับ ความเป็นธรรม เรียกร้องสิทธิ์ให้บุตรที่เกิด หลังจากไร้การเยียวยา เหมือนเช่นที่เคยส่งเสีย เลี้ยงดูเดือนละ 60,000 บาท.

หลังจับได้ ไปแอบไปมีสัมพันธ์รักใหม่ทิ้งให้แม่เลี้ยงเดี่ยวมีความทุกข์ใจ และอับอาย อดทนจนต้องออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม ให้กับบุตรผู้ที่เกิดมายังไม่รู้จักหน้าตาพ่อ กับผอ. ข้าราชการระดับสูง. นาย ถนอมพจน์. (นามสกุลสมมุติ)
หลังจากจับได้ว่าไปมีสัมพันธ์รักใหม่ แล้ว กับโยนความผิดให้แม่เลี้ยงเดี่ยวกล่าวหาใส่ร้ายซึ่งทำให้เจ็บช้ำน้ำใจมาก ว่าภรรยาที่เคยอยู่กินฉันสามีภรรยา ว่าไปคบชู้มั่วชาย ซึ่งทำให้แม่เลี้ยงเดี่ยวต้องออกมาร้องสื่อหาความชัดเจน และยังบอกกับคนอื่นว่าตัวเองเป็นหมัน อีก กับ ผอ.ข้าราชการระดับสูงที่กะจะตีซิ่งโดยไม่เหลียวแล

แม่เลี้ยงเดี่ยวเล่าให้กับผู้สื่อข่าวฟังด้วยความคับแค้นและน้ำตาโดยที่แม่เลี้ยงเดี่ยวไม่เคยสร้างปัญหาแต่กลับมองและใส่ร้ายเพื่อที่จะให้หลุดพ้นหวังจะไปสร้างรังรักใหม่ครอบครัวกับหญิงอื่น. อยู่ในเขตจังหวัดอุดรธานี ซึ่งตัวเองเป็นผอ.รักษาพื้นที่เขตอยู่ใน จังหวัดขอนแก่น พื้นเขตดูแลแถวอำเภอน้ำพอง

โดยแม่เลี้ยงเดี่ยวเล่าทั้งน้ำตาและความคับแค้นใจ ซึ่งได้เล่า เล่าย้อนหลังอดีตให้ฟังก่อนว่า ผอ. คนนี้ได้มาล่อลวงหว่านล้อมให้หลงรักแสดงตัว โสด แสดงใบหย่าหมายให้ตัวเองบริสุทธิ์เพื่อที่จะได้หัวใจและได้ครอบครองรักจนหนำใจ โดยแม่เลี้ยงเดี่ยวในขณะนั้น ทำงานเปิดร้านอาหารและเป็นครูสอนทำอาหารก็จะมี ผอ.วนเวียนมาทักทายเป็นสม่ำเสมอในขณะนั้น จึงทำให้ตนหลงเชื่อจนตายใจในที่สุด

แม่เลี้ยงเดี่ยว จึ่งขอความเป็นธรรมให้กับบุตรที่เกิดมาแล้ว กำลังโตยิ่งต้องมีค่าใช้จ่าย. ตามลำดับ ต้องมีการเลี้ยงดู ต้องมีค่าใช้จ่ายสูง ในการเลี้ยงดู ค่านม ค่าอาหาร ค่าที่พัก หลายๆอย่างซึ่งยังไร้อนาคตเด็ก และผู้ที่ดูแล

โดยก่อนหน้านั้นแกล้งหลอกทำเป็นซื้อบ้านใหม่ให้อยู่. ในขณะที่เขาจับได้ว่าตัวเองไปมีสัมพันธ์รักใหม่กับไล่เขาออกจากบ้านที่เคยอยู่กินฉันสามีภรรยา

แม่เลี้ยงเดี่ยวจึงได้ร้องไปถึงหน่วยงานต้นสังกัดทำทุกวิถีทางซึ่งมีการ แอบ อัดคลิปเสียงในการสนทนาซึ่งผอ.ปากแข็งปฏิเสธทุกข้อกล่าวหากับ ผู้บังคับบัญชา (หัวหน้า) โดยคิดว่าแม่เลี้ยงเดี่ยวคงไม่มีปัญญาที่จะทำอะไรได้โดยบอกว่าตัวเองเป็นถึงข้าราชการระดับสูง
มีการโทรพูดคุยข่มกับญาติพี่น้องในลักษณะข่มขู่ๆ ยั่วยุแถนิ่มๆเป็นหมัน

หลังจากแม่เลี้ยงเดี่ยวรวมทั้งญาติพี่น้องได้หลักฐานพอที่จะเรียกร้องขอความเป็นธรรม. โดยนำไปแจ้งให้เจ้าหน้าที่ได้รับรู้ถึงพฤติกรรมของข้าราชการระดับสูงท่านนี้. และต้องการให้มารับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองได้ก่อกระทำไว้โดยเฉพาะเด็กที่ยังต้องการพ่อ และคนที่มารับผิดชอบ ค่าใช้จ่าย ค่าเลี้ยงดู ทั้งหมด และต้องการพูดคุยเจรจาอย่าหลบหนีหน้า จึงออกมาร้องสื่อ ขอความเป็นธรรมรับผิดชอบให้ด้วย เพื่อที่จะให้ ชัดเจน และ ได้ดำเนินคดีตามขั้นตอน ของกฎหมายบ้านเมืองไว้เป็นเบื้องต้นต่อไป

สระแก้ว- นายกอบต.ดูแลประชาชน ตาหลังในจนครบวาระ ” หลังจากมีการร้องเรียนผ่านสื่อโซเชียล”ก่อนหมดวาระเรื่องถนนหนทางเป็นหลุมเป็นบ่อจนได้รับความเสียหายไม่สามารถใช้การได้ “

สระแก้ว- นายกอบต.ดูแลประชาชน ตาหลังในจนครบวาระ ” หลังจากมีการร้องเรียนผ่านสื่อโซเชียล”ก่อนหมดวาระเรื่องถนนหนทางเป็นหลุมเป็นบ่อจนได้รับความเสียหายไม่สามารถใช้การได้ ”

ผู้สื่อข่าวรายงาน นายอนันต์ งอนชัยภูมิ นายกอบต.ตาหลังใน และนางบังอร บัววิชัย รองนายก อบต.ทั้งนายบรรจงรองนายกและคณะผู้บริหาร อบต.” หลังได้รับเรื่องร้องเรียน ทางโซเชียล เรื่องถนนเป็นหลุมเป็นบ่อได้รับความเสียหาย ” นายกอบต.ตาหลังใน อำเภอวังน้ำเย็นจังหวัดสระแก้ว จึงเรียกประชุมก่อนหมดวาระและ ประสานงาน หน่วยที่เกี่ยวข้องลงไปแก้ไข ให้กับพี่น้องประชาชน ตำบลตาหลังใน อำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว เป็นการเร่งด่วนและได้รับการแก้ไขจนเป็นที่พอใจ ของชาวบ้านตำบล. ตาหลังใน อำเภอวังน้ำเย็น ที่ได้มีโอกาส ใช้ถนนดีๆ

โดยไม่ต้องลุยน้ำ ลุยโคลนในช่วงหน้าฝน “อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีการโพสต์ปัญหาดังกล่าวในสื่อโซเชียล ” ด้านรองนายกนางบังอร ได้ชี้แจง พร้อมเข้าดำเนินการแก้ไขทันที กรณีชาวบ้านเดือดร้อน เรื่องถนนหนทาง ” ถือว่า เป็นความโชคดีของชาวบ้าน ม.10 บ้านประตูโขง ตำบล.ตาหลังใน อำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว ที่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที ก่อนหมดวาระ ที่ผ่านมา ของนายกอบต.ตาหลังใน อำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว.

นายยุทธนา พึ่งน้อย ผู้สื่อข่าวจังหวัดสระแก้ว

ศรีสะเกษ เสื่อม !! กำนันเฒ่าวัย 57 ปี สุดวิปริต ลวงเหลนวัย 15 ปี เข้ารีสอทร์ทถ่ายคลิปแบล็คเมย์ แม่ร้องสื่อนานเกือบครึ่งปีคดีไม่คืบ

ศรีสะเกษ เสื่อม !! กำนันเฒ่าวัย 57 ปี สุดวิปริต ลวงเหลนวัย 15 ปี เข้ารีสอทร์ทถ่ายคลิปแบล็คเมย์ แม่ร้องสื่อนานเกือบครึ่งปีคดีไม่คืบ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 29 ก.ย. น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี พร้อมด้วย น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี บุตรสาว ซึ่งยังเรียนอยู่ชั้น ปวช.ปี 3 สถาบันแห่งหนึ่ง ชาว อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ เข้าร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าวว่า บุตรสาวตน คือ น.ส.บี ถูก นายเขียว หรือกำนันเขียว (นามสมมุติ) อายุ 57 ปี กำนันตำบลแห่งหนึ่ง ใน อ.ขุนหาญ ลวงไปข่มขืนกระทำชำเราที่รีสอร์ท และได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.ขุนหาญ เมื่อเดือน พ.ค. 64 ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้เวลาผ่านไปนานเกือบครึ่งปีแล้วคดีไม่คืบหน้า
น.ส.เอ เล่าว่า ตนมีสามีและลูก 2 คน เป็นชาย 1 คน อายุ 3 ขวบ และ หญิง 1 คน อายุ 17 ปี เมื่อช่วงประมาณปี 2562 ขณะที่ น.ส.บี อายุครบ 15 ปีบริบูรณ์ ได้มี นายเขียว ซึ่งเป็นเครือญาติและมีบ้านอยู่ฝั่งตรงกันข้าม มีตำแหน่งเป็นกำนัน และมีภรรยาแล้ว ได้ออกอุบายชักชวน น.ส.บี ไปเกี่ยวหญ้าที่สวน โดยบอกว่าจะมีน้องชายและแม่ออกไปด้วย จากนั้น น.ส.บี จึงยอมขึ้นรถไปด้วย เมื่อขับรถออกจากบ้านไปได้ไม่นาน กำนันเขียว ได้หยิบขวดน้ำดื่มยื่นให้ น.ส.บี พร้อมกำชับให้ดื่มน้ำ เมื่อ น.ส.บี ได้ดื่มน้ำไปแล้ว ได้มีความรู้สึกง่วงนอนสะลึมสะลือ จากนั้นก็หลับไปไม่รู้ตัว และมารู้สึกตัวอีกทีปรากฏว่ามานอนเปลือยกายอยู่ในรีสอร์ทพร้อมกับกำนันเขียว ซึ่งกำนันเขียว ได้พูดจาข่มขู่ไม่ให้นำเรื่องนี้ไปบอกใคร ไม่เช่นนั้นจะนำคลิปที่แอบถ่ายไว้ขณะร่วมเพศ ไปประจานให้อับอาย ซึ่ง น.ส.บี รู้สึกช็อกร้องไห้และหวาดกลัวพูดอะไรไม่ออก โดยหลังจากนั้นมา กำนันเขียว ก็ใช้คำขู่เดิมเพื่อขอร่วมหลับนอนกับ น.ส.บี มานานเกือบ 2 ปี ด้วยความเป็นแม่ตนรู้สึกถึงความผิดปกติของลูก เพราะค่อนข้างซึม เงียบเหงา พูดน้อยและไม่ค่อยร่าเริง จึงพยายามเค้นถามแต่ น.ส.บี ก็บอกว่า ไม่มีอะไร
ต่อมาเมื่อวันที่ 19 พ.ค. เวลาประมาณ 09.00 น. ขณะที่ น.ส.บี กำลังฝึกงานที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ใน อ.ขุนหาญ กำนันเขียว ได้โทรศัพท์มาชักชวนไปรีสอร์ท โดยนัดพบกันเวลา 13.00 น. เมื่อถึงเวลา กำนันเขียว ได้ขับรถยนต์มาจอดรับแล้วพาไปเข้ารีสอร์ท ในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จากนั้นได้กระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง ในขณะนั้น น.ส.บี ทนพฤติกรรมของ นายเขียว ไม่ไหวและอยากหลุดพ้นออกจากวงจรอุบาทนี้ เมื่อรู้พิกัดที่ตั้งรีสอร์ทแล้ว น.ส.บี จึงได้โทรศัพท์มาแจ้งให้ตนไปช่วยเหลือ เมื่อไปถึงที่รีสอร์ทดังกล่าว ถึงกับช็อกเมื่อพบว่า กำนันเขียว อยู่กับลูกสาวตนในห้องสองต่อสอง ไม่คาดคิดว่าคนใกล้ตัวและยังเป็นเครือญาติกัน จะทำร้ายกันได้ลงคอขนาดนี้ ไม่เว้นแม้กระทั่งหลาน เหลน โดย กำนันเขียว กล่าวแต่เพียงว่าขอโทษ พร้อมหันไปต่อว่า น.ส.บี ว่า “ไม่น่าทำกับตาอย่างนี้ โทรไปบอกแม่ทำไม”
จากนั้นตนได้พาลูกสาว ไปตรวจภายในที่ รพ.ขุนหาญ เพื่อเป็นหลักฐาน และเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.ขุนหาญ เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายเขียว จนถึงที่สุด แต่แล้วเวลาก็ผ่านเลยไปจนเกือบครึ่งปีแล้ว เรื่องดังกล่าวยังไม่คืบหน้า ประกอบกับ กำนันเขียว ยังมีพฤติกรรมเรื่องเพศบ่อยครั้ง และมีเรื่องลักษณะนี้อยู่เป็นประจำ จึงได้เข้าร้องทุกข์กับสื่อมวลชนเพื่อเป็นสื่อกลางในการช่วยเหลือต่อไป.

*************
ข่าว/ภาพ…… บุญทัน ธุศรีวรรณ ศรีสะเกษ

ปราจีนบุรี เข้าแถวแจ้งความท้าวแชร์โกงกินวอนคืนเงิน

ปราจีนบุรี เข้าแถวแจ้งความท้าวแชร์โกงกินวอนคืนเงิน

วันที่26กย.64กลุ่มลูกแชร์บ้านแชร์พิชญากว่า10รายเดินทางมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสภ.กบินทร์บุรี ลูกแชร์ต่างพากันหอบเอกสารหลักฐานการโอนเงินให้ท้าวแชร์จำนวนเงินหลักพันบาทถึงหมื่นบาทแต่ละคนบอกว่าเงินที่ส่งแชร์นั้นเป็นเงินที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงกว่าจะได้มาลำบากในช่วงการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 อยากได้เงินก้อนมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันยุคข้าวยากหมากแพงท้าวแชร์ยังนิ่งเฉยบอกว่าให้รอก่อนกำลังจะทยอยจ่ายให้มาตลอดแต่ก็ไม่ได้เงินคืนแม้แต่บาทเดียวโทรศัพท์หาก็ไม่รับสายไปหาที่บ้านก็ไม่พบตัว จึงพากันมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเพื่อให้ติดตามท้าวแชร์นำเงินมาคืนลูกแชร์ทุกคน

นางสาว.น้ำผึ้ง นามสมมุติ(ขอสงวนชื่อและนามสกุล)หนึ่งในลูกแชร์กล่าวว่าที่ผ่านมาตนกับเพื่อนๆได้พยายามพูดคุยกับท้าวแชร์พิชญาแต่ถูกบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอดซึ่งทำให้ทุกคนหมดความเชื่อมั่นในตัวท้าวแชร์แล้วจึงพากันมาแจ้งความลงบันทึกไม่เป็นหลักฐาน อยากให้ทางตำรวจติดต่อท้าวแชร์คนดังกล่าวนำเงินมาคืนอยู่กับลูกแชร์ทุกคนเดือดร้อนและต้องการใช้เงินก้อนนั้น

ตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ สภ.สุวรรณภูมิ กรณีเพจหมอปลาช่วยด้วย ร้องให้ช่วยชีวิตลูกหลานชาวร้อยเอ็ดพ้นนรก จากศูนย์สงเคราะห์และฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด

ตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ สภ.สุวรรณภูมิ กรณีเพจหมอปลาช่วยด้วย ร้องให้ช่วยชีวิตลูกหลานชาวร้อยเอ็ดพ้นนรก จากศูนย์สงเคราะห์และฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด จ.กาญจนบุรี

วันนี้ พล.ต.ต.ไพโรจน์ มังคลา ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด มอบหมายให้ พ.ต.อ.ศิรสัณห์ เยื้อนสงวนชัย รอง ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด ลงพื้นที่ สภ.สุวรรณภูมิ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเพจหมอปลาช่วยด้วย และสื่อมวลชนต่าง ๆ ร้อง ผวจ.กาญจนบุรี ให้ช่วยตรวจสอบศูนย์สงเคราะห์และฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด วัดท่าพุราษฎร์บำรุง อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี
พ.ต.อ.ศิรสัณห์ เยื้อนสงวนชัย รอง ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.ณภัทรพงศ์ สมใจ ผกก.สภ.สุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า มีผู้ปกครองของผู้ป่วยเสพยาเสพติดมีความประสงค์จะนำบุตรหลานส่งบำบัดฟื้นฟู ซึ่งพบว่า ศูนย์สงเคราะห์และฟื้นฟูวัดท่าพุราษฎร์บำรุง จ.กาญจนบุรี รับบำบัดผู้ฟื้นฟูเสพยาเสพติด ซึ่งมีนายจิตติ เศษวงศ์ อาสาสมัครตำรวจชุมชนสุวรรณภูมิ (อส.ตร.) เป็น ผู้ประสานงาน ตามความสมัครใจของผู้ปกครองที่อยากให้ลูกหลานได้รับการบำบัดฟื้นฟู แต่ไม่อยากให้มีคดีความหรือมีประวัติในการเสพยาเสพติด และมีผู้ปกครองชาวร้อยเอ็ดที่ส่งบุตรหลานเข้าบำบัดฟื้นฟู ในปัจจุบันประมาณ 60 คน และผู้ปกครองหลายคนยืนยันว่า สมัครใจส่งบุตรหลานเข้ารับการบำบัดฟื้นฟูเอง โดยไม่เกี่ยวข้องกับ สภ.สุวรรณภูมิแต่อย่างใด
ศูนย์สงเคราะห์และฟื้นฟูวัดท่าพุราษฎร์บำรุง จ.กาญจนบุรี มีหลักสูตรการฟื้นฟู 1 ปี เป็นหลักสูตร กิน นอน ประจำ หากผู้ป่วยรายใดหรือผู้ปกครองของผู้ป่วยประสงค์จะส่งผู้ป่วยไปบำบัดพื้นฟูการเสพยาก็แสดงความจำนงค์ได้ ค่าใช้จ่ายในการเข้าฟื้นฟูที่มูลนิธิดังกล่าว มีดังนี้
1. ค่าใช้จ่ายให้กับมูลนิธิ 1 ปี 10,000 บาท รวมค่าใช้จ่ายใน 1 เดือนแรก อีก 2,000 บาท รวมเป็น12,000 บาท
2. ค่าบริการ ค่ายานพาหนะ ของอาสาสมัครตำรวจชุมชน 12,000 บาท
3. ค่าใช้จ่ายรายเดือนที่ผู้ปกครองต้องจ่ายให้กับมูลนิธิ วันละ 60 บาท เฉลี่ยประมาณ เดือนละ 1,800
– 2,000 บาท ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ มูลนิธิ จะประสานกับผู้ปกครองของผู้ป่วยโดยตรง เป็นรายเดือนหรือแล้วแต่จะตกลงกัน
4. ค่าใช้จ่ายตามที่จ่ายให้กับมูลนิธิและค่าบริการยานพานะของอาสาสมัครตำรวจชุมชน ผู้ปกครองหรือผู้ป่วย จะต้องจ่ายในวันเดินทางถึงมูลนิธิ
ขั้นตอนการเข้ารับการบำบัด
1. ผู้ป่วยหรือผู้ปกครองผู้ป่วยประสงค์จะส่งเข้ารับการบำบัดซึ่งส่วนมากผู้ป่วยจะมีอาการคุ้มคลั่งหรือ จะทำลายทรัพย์สินหรือทำร้ายผู้อื่น ผู้ปกครองก็จะโทรศัพท์มายังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยเหลือ
2. เมื่อผู้ป่วยหรือผู้ปกครองยินยอมสมัครใจจะส่งเข้าฟื้นฟู อาสาสมัครตำรวจชุมชนสุวรรณภูมิ ก็จะอำนวยความสะดวก โดยการนำผู้ป่วยไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลภูมิลำเนาว่า มีโรคติดต่อต้องห้าม ที่มูลนิธิกำหนดไว้หรือไม่ หากไม่มีทาง อาสาสมัครตำรวจชุมชนสุวรรณภูมิจะมาขอหนังสือรับรองการส่งตัวจาก สภ.สุวรรณภูมิ ว่าเป็นบุคคลในพื้นที่ ที่มีความประสงค์จะเข้ารับการบำบัดหรือผู้ที่ผู้ปกครองร้องขอ จากนั้น อาสาสมัครตำรวจชุมชนสุวรรณภูมิ ก็จะใช้ยานยานพานะส่วนตัวควบคุมตัวไปส่งที่มูลนิธิดังกล่าว ซึ่งส่วนมากผู้ปกครองจะเดินทางไปด้วย

3. ในระหว่างการบำบัดฟื้นฟู อาสาสมัครตำรวจชุมชนสุวรรณภูมิก็จะประสานงานกับผู้ปกครองให้ทราบถึงความเป็นอยู่ของผู้ป่วย ในช่วงที่รับผู้ป่วยรายอื่น ๆ ไปส่งหรือรับฝากสิ่งของเครื่องใช้ไปมอบให้ผู้ป่วยด้วย โดยส่วนของข้าราชการตำรวจ สภ.สุวรรณภูมิ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นแต่เพียงอำนวยความสะดวกให้คำแนะนำผู้ป่วย ผู้ปกครอง เท่านั้น อย่างไรก็ตามในทางจิตวิทยาแล้ว การสืบทราบประวัติการเลี้ยงดูผู้ป่วย ส่วนมากจะเป็นผู้ที่ได้รับการเลี้ยงดูแบบตามใจ และจิตใจอ่อนแอ มีปัญหาเรื่องความประพฤติ ไม่เชื่อฟังผู้ปกครองหรือญาติในวันที่นำตัวไปส่งมูลนิธิ ส่วนมากจะมีอาการเสพติดขั้นรุนแรง
ขบวนการบำบัดฟื้นฟู มี 2 ลักษณะ ดังนี้
1. การบังคับบำบัด วิธีการเป็นไปตาม พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 โดยเป็นกรณีที่ผู้ต้องหาไม่สมัครใจฟื้นฟู และเจ้าหน้าที่ตรวจพบ ก็จะจับกุมส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ส่งต่อให้ศาลพิจารณามีคำสั่งฟื้นฟู หากผู้ต้องหาปฏิบัติตามเงื่อนไขการฟื้นฟูของศาลก็ไม่ต้องฟ้องต่อศาล ผู้ต้องหาก็จะไม่มีประวัติการต้องคดี
2. การสมัครใจบำบัด แยกเป็น 2 กรณีย่อย ดังนี้
2.1 กรณีผู้ป่วยสมัครใจบำบัดเอง ก็สามารถแสดงตัวต่อ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เพื่อตรวจร่างกายว่าเป็นผู้ป่วยในระดับใด หากมีระดับการเสพติดขั้นสูงขึ้น ก็จะส่งบำบัดฟื้นฟูในระดับ รพ.อำเภอ หรือ รพ.จังหวัด หรือ รพ.ศูนย์ที่ใหญ่ขึ้นต่อไป
2.2 กรณีได้รับการร้องขอจากผู้ปกครองหรือตัวผู้เสพเอง ก็สามารถแสดงตัวต่อตำรวจหรือฝ่ายปกครองเพื่อเข้าอบรมบำบัดฟื้นฟูเป็นช่วงๆ เช่น โครงการฟ้าใส,โครงการวิวัติพลเมือง หรือเข้ารับการบำบัดฟื้นฟูกับมูลนิธิ หรือองค์กรเอกชน อย่างเช่น กรณีที่เป็นคลิปข่าวพาดพิง สภ.สุวรรณภูมิ ในขณะนี้
พ.ต.อ.ศิรสัณห์ เยื้อนสงวนชัย รอง ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีโครงการชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน/หมู่บ้าน ส่งเสริมให้ชุมชนเข้มแข็ง เกิดกระบวนการป้องกันแก้ไขและบำบัดยาเสพติด โดยการมีส่วนร่วมของคนในหมู่บ้านและชุมชน และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 มีโครงการนาคาพิทักษ์รักษ์ประชา เพื่อดูแลชุมชนในการป้องกันเหตุอาชญากรรมอันเกิดจากผู้ป่วยจิตเวช ที่มีสาเหตุจากการใช้สารเสพติด เพื่อปกป้องพี่น้องประชาชนและลูกหลานให้ห่างไกลจาก ยาเสพติด

ถนนพังชาวบ้านสุดทนปักป้ายตามหาหน่วยงานรับผิดชอบ

ถนนพังชาวบ้านสุดทนปักป้ายตามหาหน่วยงานรับผิดชอบ

จากกรณีที่เฟสบุ๊คของ ต้นปราการ ได้ขึ้นข้อความและรูปว่า สมุทรปราการป้ายติดประกาศตามหาผู้รับผิดชอบถนนสายคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ แยกเข้าจากถนนเทพารักษ์ ซึ่งพบว่ามีผู้หวังดีนำป้ายมาติดไว้ หลังจากชาวบ้านที่ต้องใช้ถนนเส้นนี้เดือดร้อนหนักมายาวนานเป็นสิบปี แต่กลับไม่ทีหน่วยงานไหนจริงใจใส่ใจแก่ปัญหาให้กับชาวบ้าน จนล่าสุดพบว่ามีป้ายดังกล่าวมาติดไว้ แบะคาดว่าหลังจากนี้ป้ายก็จะหายไป เหลือแต่คำถามว่าหน่วยงานไหนจะมาแก้ไข หลังจากที่ข้อความและรูปภาพโพสต์ขึ้นบนโซเชียลได้พักเดียว ได้มีคนเข้ามาคอมเม้นท์แสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก
ล่าสุดเมื่อช่วงสายของวันนี้ที่ 18 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบถนนเส้นดังกล่าวพบว่าเป็นถนนที่เข้ามาจากถนนบางนาตราดหลักกิโลเมตรที่ 19 มุ่งหน้าคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิที่จะออกไปทางด้านถนนเทพารักษ์ และถนนสุขุมวิท ที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ บางพลี และบางปู หลังจากที่วิ่งเข้ามาจากถนนบางนาตราดได้เพียงไม่ถึงกิโลเมตรก่อนที่จะเบี่ยงออกถนนเทพารักษ์เลียบคอสะพาน

ได้พบว่าถนนเส้นดังกล่าวเป็นหลุมเป็นบ่อขนาดใหญ่ โดยที่ริมถนนมีป้ายประกาศปักไว้มีข้อความว่า ตามหาผู้รับผิดชอบถนนเส้นนี้ชาวบ้านเดือดร้อนมากพังทั้งปีทั้งชาติ และมีรูปผู้หญิงสวมใส่ชุดสีกากี คล้าย น.ส.นันทิดา แก้วบัวสาย นายก อบจ.สมุทรปราการ อยู่บนป้ายดังกล่าวโดยใช้สีดำคาดตาเอาไว้ ส่วนด้านล่างมีโลโก้สัญลักษณ์ของ อบต.บางปลา โลโก้ อบจ.สมุทรปราการ และโลโก้ของ กรมทางหลวงชนบท ติดอยู่ ส่วนอีกป้ายมีข้อความว่า ถนนดาวอังคาร พังทั้งปีไม่มีคนรับผิดชอบ พร้อมด้วยรูปชุดมนุษย์อวกาศ ปักอยู่ริมถนน
จากการสอบถามหนุ่มวินรถจักรยานยนต์รับจ้างที่ตั้งวินอยู่บริเวณดังกล่าว ได้เล่าว่า ถนนเส้นนี้เป็นหลุมเป็นบ่อมาหลายเดือนแล้ว เพราะมีการมาขุดวางสายไฟใต้ดิน ประจวบเหมาะกับช่วงนี้มีฝนตกลงมาทุกวันทำให้น้ำท่วมขัง เคยมีบางหน่วยงานเอาดินและปูนมากลบหลุมให้แต่ก็อยู่ไม่นานเพราะว่าน้ำมันซึมเข้าด้านล่างได้ปูนมันก็ล่อนออกไป เป็นแบบนี้มานานแล้วโดยเฉพาะช่วงหน้าฝนจะเป็นแบบนี้บ่อยมาก ก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหมั่นมาดูบ่อย ๆ หน่อยหรือแก้ไขให้มันจริงจังหน่อยมันจะได้ใช้งานได้นาน ๆ เพราะเวลาฝนตกรถก็วิ่งลำบาก ส่วนป้ายที่เห็นตนก็ไม่ทราบว่าใครเอามีปักตอนไหน ตนออกมาวิ่งวินตรงนี้ตั้งแต่ตี่สี่ครึ่งก็เห็นว่ามีป้ายมาปักก่อนแล้ว เคยมีหน่วยงานมาดูแล้วแต่ทำไม่จบ แบบว่าทำแล้วก็ทำอีก ก็อยากให้ทำดี ๆ ที่เดียวให้มันจบเลย
ต่อมาเมื่อช่วงบ่ายของวันเดียวกันผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดดังกล่าวอีกครั้งได้พบว่ามีคนงานของบริษัทที่มารับเหมาขุดวางท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้ถนนบริเวณดังกล่าวพังเสียหายได้เอาคนงานมีทำการซ่อมแซมผิวการจราจรในจุดดังกล่าวให้แล้วโดยการนำยางมะตอยสำเร็จรูปมาทำการปิดหลุมและปรับผิวการจราจรให้ชั่วคราวเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในเบื้องต้นก่อน

*** ก๊วก สมุทรปราการ ***

มุกดาหาร ชาวบ้านสุดทนร้องสื่อโรงงานยางฯ ปล่อยน้ำเสียลงที่นา

มุกดาหาร ชาวบ้านสุดทนร้องสื่อโรงงานยางฯ ปล่อยน้ำเสียลงที่นา

มุกดาหาร/เมื่อวันที่ 14 กันยายน 64 ผู้สื่อข่าวได้รับการแจ้งจากชาวบ้านคำป่าหลาย หมู่ 10 ต.คำป่าหลาย อ.เมือง จ.มุกดาหาร ว่ามีโรงงานลักลอบปล่อยน้ำเสียลงที่นา ส่งกลิ่นเหม็นทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ที่บริเวณทุ่งนาของชาวบ้าน หมู่ 10 ต.คำป่าหลาย อ.เมือง จ.มุกดาหาร ซึ่งจากการเข้าไปตรวจสอบน้ำอยู่ในทุ่งนา มีสีเขียว เป็นฟอง มีกลิ่นเหม็น เมื่อน้ำไหลลงไปในทุ่งนา ยิ่งทำให้เห็นชัดขึ้น เนื่องจากน้ำมีสีที่ต่างกันมาก ชาวบ้านในพื้นที่บอกว่า น้ำที่ไหลมา จากโรงงานแห่งหนึ่งในพื้นที่ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ ส่วนใหญ่จะลักลอบปล่อยน้ำเสียในช่วงเวลาเช้าและกลางคืน โดยเฉพาะช่วงเวลาฝนตกจะปล่อยน้ำเสียลงเป็นจำนวนมาก ทำให้น้ำเน่าและบางครั้งทำให้ปลารวมทั้งหอยในทุ่งนาลอยตายเป็นจำนวนมาก
นายเสริม กัณหา อายุ 65 ปี ชาวบ้านเจ้าของที่นา บอกว่า ตอนนี้ตนเองได้รับความเดือดร้อนมากจาการปล่อยน้ำเสียของโรงงานยางพาราแห่งนี้

เพราะตั้งแต่มีโรงงานนี้ขึ้นมาโรงงานชอบปล่อยน้ำเสียลงมาที่บริเวณที่นาที่อยู่บริเวณโรงงานตลอด ผลกระทบนั้นหลักๆคือหอย ปลา และสัตว์น้ำที่อยู่บริเวณนั้นเริ่มตาย ข้าวที่ปลูกไว้ก็มีผลผลิตที่ไม่ดี อย่างเช่นข้าวเหนียวที่เก็บเกี่ยวมาเวลาเอาไปนึ่งแล้วนำมารับประทานมันจะไม่เกาะตัว ข้าวจะแข็งมาก ตัวเองก็เคยไปร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังพอมาถึงหน้าฝนปีนี้ก็มีการปล่อยน้ำเสียอีก
ชาวบ้านเจ้าของที่นา ยังบอกอีกว่า เมื่อ1ปีผ่านมา ได้มีเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ลงมาตรวจสอบปัญหาการปล่อยน้ำเสีย แต่พอผ่านมาปีนี้ ก็มีการลักลอบปล่อยน้ำเสียอีก ซึ่งปัญหาโรงงานปล่อยน้ำเสียแบบนี้ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนเป็นปัญหามานานนับเป็นปีที่ 2แล้ว แต่ก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนสามารถเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านได้ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาแก้ไขอย่างจริงจัง ไม่ใช่พอมีการร้องเรียน ก็เพียงลงมาตรวจสอบแล้วเรื่องก็เงียบหายไป

ไกรสมุทร นามโพธิ์ไทร/รายงานจากมุกดาหาร
081-0501177

จังหวัดลำพูน ลงพื้นที่ตรวจตราร้านอาหาร สถานประกอบการร้านค้า ในพื้นที่อำเภอเมืองลำพูน ที่ได้รับการร้องเรียน พบสถานประกอบการร้านค้ากระทำความผิดตามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดลำพูน จำนวน 2 ร้าน ส่งดำเนินคดี

ค่ำวันที่ 9 ก.ย. 64 เวลา 19.30 น. ชุดปฏิบัติการ ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคจังหวัดลำพูน (ศปก.จ.ลพ.) ร่วมกับ ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดลำพูน “พยัคฆ์เทวี” , ชุดปฏิบัติการ ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอเมืองลำพูน (ศปก.อ.เมืองลำพูน), ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอเมืองลำพูน “บัวขาว” ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจตราร้านอาหาร สถานประกอบการ ร้านค้า ในพื้นที่อำเภอเมืองลำพูน ที่ได้รับการร้องเรียน พบว่าร้านค้า ในเขตพื้นที่ตำบลบ้านกลาง จำนวน 2 ร้าน ได้มีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และปล่อยปละละเลยให้มีการนั่งดื่มในบริเวณสถานที่จำหน่าย จึงได้แจ้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้เจ้าของร้านทราบว่า การกระทำดังกล่าว เป็นความผิดตามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดลำพูน ที่ 75/2564 ลงวันที่ 19 ก.ค. 64 และควบคุมตัวเจ้าของร้าน ส่งพนักงานสอบสวน สภ.นิคมอุตสาหกรรม ต่อไป

กฤตยชญ์ พิงคะสัน ผู้สื่อข่าวประจำวันจังหวัดลำพูน รายงาน

พังงา – ชาวบ้านโวยสี่แยกทางไปแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังขอบถนนเต็มไปด้วยหลุมบ่อ เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง

พังงา – ชาวบ้านโวยสี่แยกทางไปแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังขอบถนนเต็มไปด้วยหลุมบ่อ เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง

ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านและผู้ใช้รถใช้ถนนว่า บนถนนสายเมืองพังงา-อำเภอตะกั่วป่า บริเวณสี่แยกวัดเหนือหรือสี่แยกวัดชนาธิการาม ต.นบปริง อ.เมืองพังงา มีสภาพเป็นหลุมเป็นบ่อข้างทางสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ใช้รถใช้ถนนและผู้ที่อาศัยทำมาค้าขายริมทางทำให้เกิดอุบัติเหตบ่อยครั้ง และน้ำที่ขังในหลุมกระเซ็นใส่ โดยถนนสายนี้อยู่ในความรับผิดชอบของแขวงทางหลวงพังงา เป็นถนนสายหลักสู่การท่องเที่ยวในพื้นที่อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วป่าและอำเภอกะปง สี่แยกนี้เป็นทางแยกไปสู่แหล่งท่องเที่ยวแนวธรรมชาติและผจญภัยชื่อดังของจังหวัดพังงา ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกสองแพรก ล่องแก่งสองแพรก นั่งช้างชมธรรมชาติ และกิจกรรมแนวผาดโผน ผจญภัยต่างๆ ซึ่งในช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยววันละนับพันคน
จากการตรวจสอบพบว่าเป็นถนนลาดยาง 2 เลนวิ่งสวนกันตรงบริเวณสี่แยก ที่ริมถนนทุกด้านจะเป็นหลุมเป็นบ่อทั้งเล็กและใหญ่มีน้ำขังเต็มไปหมด

ซึ่งหากผู้ใช้รถหลบลงข้างทางก็จะตกหลุมทันที สอบถามชาวบ้านบอกว่าต้องรับสภาพแบบนี้มานานหลายปีแล้ว ที่ผ่านมามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง บางครั้งรถมอเตอร์ไซค์หลบรถใหญ่ตกหลุมล้มลงบาดเจ็บก็มี รถเก๋งรถกระบะก็ตกหลุมล้อแม็กซ์ แตกเป็นประจำ ส่วนพ่อค้าแม่ขายริมทางก็ดดนน้ำในหลุมกระเซ็นใส่เป็นประจำ พอชาวบ้านร้องเรียนไปที ทางหลวงก็แค่นำดินนำหินมากลบครั้งหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่การแก้ไขปัญหาถาวร จึงอยากให้แขวงทางหลวงพังงา มาลงพื้นที่แก้ปัญหาแบบถาวรให้กับชาวบ้านต่อไป

ขนกวรรณ พรหมทองผู้สื่อข่าวพังงาโทร082-1569162

นนทบุรี แม่ร้องผ่านสื่อ หลังลูกสาววัย 19 ปี ฉีดวัคซีนแล้วเสียชีวิตปริศนา

นนทบุรี แม่ร้องผ่านสื่อ หลังลูกสาววัย 19 ปี ฉีดวัคซีนแล้วเสียชีวิตปริศนา

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 8 ก.ย.64 น.ส.ณัฐรดา เชยวัดเกาะ อายุ 41 ปี ได้เดินทางเข้าเเจ้งความกับ พ.ต.ท.สงคราม บัวพันธุ์ สารวัตรสอบสวน สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี กรณี น.ส.อรกัญญา เชยวัดเกาะ อายุ 19 ปี บุตรสาว ศึกษาอยู่ที่พงษ์สวัสดิ์พาณิชยการ ชั้น ปวช.ปี3 ได้ไปฉีดวัคซีนแอสต้าเซนเนก้าเมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา แล้วเสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 ก.ย.เมื่อนำศพไปชันสูตรที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ร.พ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติรังสิต แพทย์ระบุว่า ไม่ปรากฏสาเหตุการเสียชีวิตที่เเน่ชัด จึงทำให้ทุกคนครอบครัวติดใจการเสียชีวิตเป็นอย่างมากและต้องการเรียกร้องขอความเป็นธรรมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยตั้งสวดพระอภิธรรมศพที่วัดลาดปลาดุก ศาลา4 ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี

น.ส.ณัฐรดา เเม่ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า เมื่อวันวันที่ 18 ส.ค.ตนกับลูกสาวเดินทางไปฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าเข็มแรกที่ SCG บางซื่อ หลังฉีดเสร็จตนก็ไม่ได้มีผลข้างเคียงอะไรมาก แค่ปวดที่เเขนเล็กน้อย แต่ลูกสาวกลับมีไข้ขึ้นสูงถึง 40 องศา ตนจึงโทรปรึกษาญาติที่ทำงานเกี่ยวกับสาธารณสุข ญาติบอกเพียงแค่ว่าอาจเป็นผลข้างเคียงไม่น่าจะเป็นอะไร

และจากนั้นลูกสาวก็ป่วยมาตลอด จนกระทั่งวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา ลูกสาวกำลังยืนตากผ้าอยู่ที่บ้าน จู่ๆก็เป็นลม หมดสติ แฟนของลูกสาวจึงโทรแจ้ง 191 เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงปรากฏว่าลูกสาวได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งตนและครอบครัวติดใจสาเหตุการเสียชีวิตเป็นอย่างมาก เพราะปกติลูกสาวร่างกายเเข็งเเรง ไม่มีโรคประจำตัวแต่อย่างใด ที่ผ่านมาก็เป็นเสาหลักของครอบครัว ทำงานหาเงินจุนเจือครอบครัว อีกทั้งยังมีลูกสาววัย 4 ปี ที่กำลังจะเติบโต แต่ตอนนี้ต้องกำพร้าแม่ไปอย่างวันไม่วันกลับ ขณะที่ผลการชันสูตรของแพทย์ระบุว่า ลูกสาวเสียชีวิตเฉียบพลันโดยไม่ปรากฎสาเหตุแน่ชัด ตนจึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบและให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวของตนด้วย โดยจะทำการสวดพระอภิธรรมศพ 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 6-8 ก.ย. ซึ่งคืนนี้เป็นคืนที่ 3 และจะทำการฌาปนกิจวันพฤหัสบดีที่ 9 ก.ย.เวลา 17.00 น.

สาโรจน์ สว่างศรี / จ.นนทบุรี

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com