google.com, pub-2709829493138336, DIRECT, f08c47fec0942fa0

(มีคลิป) คนร้ายตัดกุญแจ งัดตู้บริจาควัดดัง อ.สารภีเชียงใหม่ 3 ตู้บริจาคใหญ่

คนร้ายตัดกุญแจ งัดตู้บริจาควัดดัง อ.สารภี เชียงใหม่ 3 ตู้บริจาคใหญ่ เอากุญแจไปด้วยไร้ร่องรอยหลักฐาน กล้องวงจรปิดวัดก็เสื่อมสภาพ เจ้าอาวาสวัดน้อยใจ เผย โดนมาหลายครั้ง ก็จับคนร้ายไม่ได้สักครั้ง คราวนี้คงต้องหาทางป้องกันตนเองให้ดีกว่านี้

เมื่อเวลา 07.28 น วันที่ 16 ก.ย. 65 ทางวิทยุกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับแจ้งว่า ที่วัดแสนหลวง ต.ยางเนิ้ง อ.สารภี เชียงใหม่ ได้ถูกคนร้ายทำการโจรกรรมตัดกุญแจและลักทรัพย์สินในตู้บริจาคของวัดจำนวน 3 ตู้ จึงได้แจ้งให้ตำรวจสายตรวจ พร้อมชุดสืบสวน สภ.สารภี เชียงใหม่ ลงตรวจสอบ

ที่วัดแสนหลวง ทางเจ้าอาวาสวัดและพระลูกวัด รวมทั้งศิษย์วัด ได้รอเจ้าหน้ที่อยู่แล้ว จากการตรวจสอบพบว่า ตู้บริจาคของวัดขนาดใหญ่ถูกคนร้ายตัดกุญแจด้านหลังและเอาเงินในตู้ไปจนหมดรวมทั้งสิ้น 3 ตู้ คนร้ายนั้นยังได้นำกุญแจที่ถูกตัดไปด้วย เพื่อไม่ให้มีหลักฐานในการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่

จากการสอบถามเจ้าอาวาสวัดและพระลูกวัด ได้ความว่า คนร้ายได้เข้ามาประมาณช่วงตี 1 คือได้ยินเสียงอยู่แต่ตอนนั้นไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงอะไร เลยไม่ได้ไปดู กระทั่งตอนเช้ามาดูก็พบว่าตู้บริจาคในวัดถูกตัดกุญแจไปแล้วทั้งสามตู้ คนร้ายเอากุญแจที่ถูกตัดไปด้วย ส่วนกล้องวงจรปิดที่วัดนั้น ก็เก่าแก่ติดตั้งมานานแล้ว 8 ปี ยังไม่ได้เปลี่ยน ตรวจสอบกล้องที่ยังใช้ได้อยู่ ดูก็ไม่พบวี่แวว คนร้าย วัดแห่งนี้คนร้ายเข้ามางัดตู้บริจาคและลักทรัพย์สินอื่นๆ หลายต่อหลายครั้ง ช่วงที่กล้องวงจรปิดดี ถ่ายหน้าคนร้ายชัดเจน ตำรวจก็มาตรวจสอบ ก็ยังจับคนร้ายไม่ได้เลย และก็เกิดเหตุหลายต่อหลายครั้ง

“ไม่เป็นไร ต่อไปนี้วัดจะป้องกันตนเองให้มากกว่านี้ จะแจ้งกรรมการวัดเพื่อขอกล้องวงจรปิดตัวใหม่ มาติดตั้งเพิ่มให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีหลักฐานเพียงพอ ให้กับเจ้าหน้าที่ในการติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีกันต่อไป เจ้าอาวาสกล่าวทิ้งท้าย.

ทรงวุฒิ ทับทอง / นิมิตร โปทา

สุราษฎร์ธานี // มือปืนโหดยิงหนุ่มท่าฉาง ฟันปลอมกระเด็นจากปาก..! ปมสังหารยังมืด .

รายงาน : น้อย บางใหญ่

เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 15 กันยายน 2565 เวลา 19.25 น. ศูนย์วิทยุ สภ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายขอให้ จนท.มาตรวจสอบด้วย หลังรับแจ้งพนักงานสอบสวนเวรได้รายงานผู้บังคับบัญชา และประสานหน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาท่าฉางร่วมเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ

เมื่อไปถึงบ้านเลขที่ 57/1 บ้านบางปอ ม.9 ต.ท่าเคย อ.ท่าฉาง บริเวณหน้าบ้านพบเสียชีวิตนอนหงายอยู่บนแคร่ไม้เป็นชาย 1 รายสภาพศพไม่ใส่เสื้อนุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีกรมท่า ทราบชื่อผู้ตายต่อในเวลามาคือนาย สราวุฒิ กู้เมือง อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 150 ม.9 ต.ท่าเคย อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี

จนท.ตำรวจได้ทำการชันสูตรศพในเบื้องต้นพบว่ามีบาดแผลถูกยิงเข้าหัวด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดจนฟันปลอมหลุดกระเด็นออกจากปากออกมาตั้งอยู่บนพื้นเป็นเหตุให้เสียชีวิตคาที่ ส่วนสาเหตุของการสังหารโหดในครั้งนี้พนักงานสอบสวนจะทำการสอบปากคำผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ และจะได้รวบรวมหลักฐานเพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป .

ผู้เสียหายถูกลักทรัพย์ขอตรวจสอบของกลางได้

ผู้เสียหายถูกลักทรัพย์ขอตรวจสอบของกลางได้

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สันป่าตอง, สภ.ป่าซาง และ สภ.เหมืองจี้ ได้ร่วมกันตรวจค้นผู้ต้องหาซึ่งก่อเหตุลักทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะในเวลากลางคืน ซึ่งก่อเหตุหลายท้องที่ ได้แก่ สันป่าตอง หนองตอง หางดง แม่วาง ป่าซาง โดยตรวจค้นพบ โทรศัพท์มือถือจำนวน 32 เครื่อง พระเครื่องและเครื่องประดับ รวม 82 รายการ

ในการนี้ถ้าผู้เสียหายต้องการตรวจสอบของกลาง ตรวจสอบได้ที่ สภ.ป่าซาง จ.ลำพูน.

ทรงวุฒิ ทับทอง

สุราษฎร์ธานี // “บิ๊กโจ๊ก” บินด่วนลงเกาะสมุย แถลงจับแก๊งยกเค้าโรงแรมทำเสียหายมหาศาล .

รายงาน : พ.ท.อำนาจ ปาทะกาญจน์

เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2565 ที่ศูนย์ปฏิบัติการ สภ.บ่อผุด จว.สุราษฎร์ธานี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่าจากกรณีเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด จว.สุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งจากเจ้าของโรงแรมบลูลากูน เดอะ ทีค วิง ตั้งอยู่ที่ ม.2 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย ซึ่งมีคนร้ายเข้าไปลักเอาทรัพย์สินภายในโรงแรมดังกล่าวจนได้รับความเสียหายมากกว่า 70 ล้านบาท ตามที่สื่อมวลชน และโซเชียลมีเดียได้นำเสนอไปแล้วนั้น

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ควบคุมดูแล การสืบสวนคดีดังกล่าว เนื่องจากเป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชนและสื่อมวลชนอย่างมากรวมทั้งเป็นคดีที่มีมูลค่าความเสียหายสูง จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 และ พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ให้เร่งทำการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุดังกล่าวนำมาดำเนินคดีโดยเร็ว

จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่เบื้องต้นทราบว่า สถานที่ตั้งของโรงแรมดังกล่าวถูกเช่าเพื่อนำไปทำเป็นโรงแรมตั้งแต่ปี 2533 ภายใต้สัญญาเช่า 30 ปี ครบกำหนดเมื่อปี 2563 โดยผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน ได้รับพื้นที่ดังกล่าวคืนพร้อมสิ่งปลูกสร้าง (โรงแรมและทรัพย์สินภายในโรงแรมทั้งหมด) เมื่อประมาณปลายปี 2564 ซึ่งทางผู้เสียหายมีการจ้างพนักงานรักษาความปลอดภัยมาดูแลในช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะปล่อยทิ้งร้างหลังจากหมดสัญญาจ้างกับพนักงานรักษาความปลอดภัย

ต่อมาเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2565 ผู้เสียหายเข้าไปตรวจดูภายในโรงแรมพบว่า มีทรัพย์สินภายในโรงแรมสูญหายไปเป็นจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 23.5 ล้านบาท จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.บ่อผุด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจนทราบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้เช่าเดิมที่เพิ่งส่งมอบที่ดินคืนให้แก่ผู้เสียหาย และวางแผนกลับมาลักเอาทรัพย์สินภายในโรงแรมดังกล่าวเพื่อนำไปขายต่อ เจ้าหน้าที่สืบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 9 ราย ประกอบด้วย

1.นายโอมชัยศักดิ์ จันทร์แจ่ม อายุ 50 ปี เป็นผู้วางแผน
2.น.ส.ณัชชา โนภูเขียว อายุ 31 ปี เป็นผู้วางแผน
3.น.ส.ขวัญใจ นิยม อายุ 40 ปี เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์
4.นายอภิพัฒน์ จันทร์แจ่ม อายุ 33 ปี บุตรชายของ นายโอมชัยศักดิ์ เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์
5. นายกฤษณะฯ หรือหนุ่ย ขำเมือง อายุ 33 ปี เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์
6. นายตูยา โชว อายุ 23 ปี สัญชาติเมียนมา เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์
7.นายมินเพียว อ่อง อายุ 20 ปี สัญชาติเมียนมา เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์
8. นายพยู อายุ 20 ปี สัญชาติเมียนมา เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์
9. น.ส.ภัคจิรา ประยูรชาญ อายุ 42 ปี เป็นผู้รับซื้อของที่ได้มาจากการลักทรัพย์

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ฯ กล่าวว่าโดยจากการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าว สามารถยึดทรัพย์สินของกลางในคดีได้หลายรายการ ได้แก่ รถที่ใช้ในการก่อเหตุ จำนวน 2 คัน รถบรรทุก 6 ล้อ จำนวน 1 คัน ชุดถังแก๊สที่ใช้ในการตัดเหล็ก จำนวน 1 ชุด ท่อนเหล็ก วงกบประตู บานหน้าต่างไม้ แผ่นเมทัลชีท ที่ได้จากการลักมาจากที่โรงแรมจำนวนมาก มูลค่าทรัพย์สินที่ถูกประทุษร้ายประมาณการในครั้งแรกประมาณ 17,548,000 บาท ขณะนี้สามารถติดตามกลับมาได้จำนวน 381 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 659,000 บาท และตรวจพบทรัพย์สินในที่เกิดเหตุที่ยังไม่สูญหายจำนวน 1,001 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,557,500 บาท สรุปความเสียหาย เบื้องต้นคิดมูลค่าประมาณ 14,334,500 บาท โดยกลุ่มผู้ต้องที่ร่วมกันก่อเหตุนี้จะถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใด ๆ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือรับของโจร” อัตราโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ฯ กล่าวว่า คดีนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างมาก เนื่องจากเป็นคดีที่มีมูลค่าความเสียหายค่อนข้างสูง ดังนั้นจึงได้สั่งการให้ทำการสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาที่ก่อเหตุโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะสามารถติดตามทรัพย์สินของผู้เสียหายคืนกลับมาให้ได้มากที่สุด จากนี้จะยังมีการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมเพื่อติดตามจับกุมผู้ร่วมก่อเหตุเพิ่มเติม รวมทั้งผู้ที่รับซื้อทรัพย์สินที่เข้าข่ายความผิดฐานรับของโจร เพื่อติดตามทรัพย์สินกลับมาให้กับผู้เสียหาย เป็นการเยียวยาความสูญเสียให้กับผู้เสียหายในเบื้องต้น .

สุราษฎร์ธานี // ฝ่ายปกครองเกาะสมุย สนธิกำลังบุกจับสถานบริการเปิดเกินเวลาเจอนักเที่ยวพกปืน-พบยาเสพติดอื้อ .

รายงาน : พจน์ คำจันทร์

เมื่อเวลา 04.30 น. ของวันที่ 25 สิงหาคม 65 นายอำเภอเกาะสมุย ได้มอบหมายให้ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงฯ นำสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอเกาะสมุยที่ 15 บูรณาการร่วมกับ ชุดปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อยป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดจังหวัดสุราษฎร์ธานี,เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ่อผุด และชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด กอ.รมน.ภาค 4 โดยทั้งหมดได้สนธิกำลังปฏิบัติการตรวจร้านดรีมแลนด์ ตั้งอยู่ที่ 191/2 ม.2 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย ตามแนวทางปฏิบัติตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย และคำสั่งของนายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ฯ ตามมาตรการควบคุมสถานบริการ

ทั้งนี้ เนื่องจากได้รับการร้องเรียนมาว่าสถานบันเทิงดังกล่าวเปิดให้บริการเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด และยังมีการมั่วสุมนำยาเสพติดมาจำหน่ายภายในร้าน โดยก่อนเข้าจับกุมได้ทำการส่งสายลับเข้าสืบสวนที่สถานบันเทิงดังกล่าวที่ยังเปิดให้บริการถึงตี 04.30 น. ซึ่งเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด พบว่าภายในสถานบันเทิงพบนักเที่ยวชาวไทยกว่า 150 คน เข้ามาใช้บริการอยู่ภายในร้าน นอกจากนี้ยังพบเห็นว่ามีการเสพยาเสพติดภายในร้าน และทางร้านมีการให้บริการบารากู่อีกด้วย เมื่อได้ข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจนจึงปฏิบัติการจู่โจมสถานบันเทิงละเมิดกฎหมายทันที

ซึ่งเจ้าหน้าที่ร่วมจับกุมผู้ต้องหาดำเนินคดีทั้งหมด 3 ราย ประกอบด้วย ผู้ต้องหารายที่ 1 นายภูวนัย อายุ 45 ปี ผู้จัดการร้านพร้อมของกลางใบเสร็จคิดเงิน ลงรายการเวลา 02.03 และเครื่องสูบบารากู่ โดยกล่าวหาว่า เปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต, จำหน่ายสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลาที่กฎหมายกำหนด, รับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของอันตนยังมิได้เสียภาษี หรือของต้องจำกัดหรือของต้องห้ามหรือที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิได้ผ่านศุลกากร และยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้มีการนำอาวุธปืนและยาเสพติดเข้าไปในสถานบริการ ผู้ต้องหาที่ 2 นายวงศธร อายุ 29 ปี พร้อมของกลาง เคตามีน บรรจุในถุงพลาสติกใสแบบดึงเปิดรูดปิด น้ำหนัก 1.35 กรัม ยาอี จำนวน 12 เม็ด และกล่องไฟแช๊กไฟฟ้าจำนวน 1 กล่อง โดยกล่าวหาว่า จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (เคตามีน, ยาอี) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย โดยกระทำเพื่อการค้า และผู้ต้องหารายที่ 3 นายปิยะนันท์ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนพกสั้น ขนาด .357 มม. ยี่ห้อสมิธแอนด์เวสสัน จำนวน 1 กระบอก ลูกกระสุนปืนขนาด .357 มม. จำนวน 6 นัด และซองพกในแบบหนังสีดำจำนวน 1 ซอง โดยกล่าวหาว่า พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือไม่มีเหตุอันควรและพกพาเข้าไปในสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด ดำเนินดดีตามกฎหมายต่อไป .

สุราษฎร์ธานี // สางบัญชีแค้น..! หนุ่มฉกรรจ์วัย 28 แบกลูกซองยาวยิงหนุ่มใหญ่วัย 49 ดับกลางสวนปาล์ม .

รายงาน : พจน์ คำจันทร์

วันที่ 15 ส.ค. 2565 เวลา 10.00 น. ศูนย์วิทยุ สภ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ฯ รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายนสวนปาล์มน้ำมัน หลังเกิดเหตุร้อยเวรได้รายงานผู้บังคับบัญชา และประสาน จนท.กู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาพุนพิน ร่วมตรวจสอบ ที่เกิดเหตุอยู่ในสวนปาล์มน้ำมันพื้นที่บ้านเงิน ม.3 ต.น้ำรอบ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี พบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ใส่เสื้อยืดสีฟ้า กางเกงวอร์มขายาวสีน้ำเงิน สภาพศพนอนหงายจมกองเลือด มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเข้าบริเวณลำตัว

ทราบชื่อผู้ตายคือนายสมหมาย กลางรักษ์ อายุ 49 ปี บ้านเลขที่ 3/2 ม.3 ต.หนองไทร อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี สอบสวนทราบว่าขณะผู้ตายกำลังใส่ปุ๋ยปาล์มได้มีคนร้ายเป็นชายวัยฉกรรจ์ใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงจนนายสมหมาย เสียชีวิตจากนั้นได้หลบหนีไป

ล่าสุดข่าวแจ้งว่าผู้ก่อเหตุได้เข้ามอบตัวที่ สภ.พุนพิน แล้วทราบชื่อนายธนศักดิ์ สุวรรณจิตร อายุ 28 ปี บ้านอยู่ ม.3 ต.น้ำรอบ อ.พุนพิน โดย จนท.ตำรวจได้นำตัวไปค้นอาวุธปืนลูกซองยาวที่ใช้ในการก่อเหตุได้ในบ้าน จากการให้ปากคำของผู้ก่อเหตุทราบว่าเมื่อประมาณ 10 ปีก่อนผู้ตายกับผู้ก่อเหตุเคยมีปัญหาถึงขั้นลงมือทำร้ายร่างกายกัน โดยผู้ก่อเหตุได้เก็บสะสมความแค้นมาโดยตลอด

กระทั่งสบโอกาสเห็นผู้ตายกำลังใส่ปุ๋ยอยู่ในสวนปาล์มจึงใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงจนเสียชีวิต และได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทางพนักงานสอบสวน สภ.พุนพิน จะทำการสอบปากคำเพิ่มเติม และแจ้งข้อหาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป .

สุราษฎร์ธานี // รอง ผวจ.สุราษฎร์ฯ เปิดแถลงข่าวจับแก๊งค้ายานรกของกลางเพียบ .

รายงาน : สฤษดิ์ เสือทับทิม

วันนี้ (14 ส.ค.65) เวลา 10.30 น. นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี มอบหมายให้ นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ดำเนินการแถลงข่าว การจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญของจังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 3 ราย พร้อมของกลาง ยาบ้า จำนวน 276,442 เม็ด โดยมี พันตำรวจเอกสมบัติ ฉ่ำแสง รอง ผบก.ภวจ.สฎ ร้อยโท สมเดช ศรีกาญ มทบ.45 ร้อยตำรวจตรีสรงค์ จิตติ์นิยม รอง สว(ป) ร้อย ตชด.417 นางสาวศริญดา ปาลคะเชนทร์ ป้องกันจังหวัด และชุดปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อย ป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดจังหวัดสุราษฎร์ธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมในการแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย

สำหรับการดำเนินการจับกุมในครั้งนี้ เป็นการดำเนินการภารกิจต่อเนื่องจากคดี นายไกรฤกษ์ หรือไข่เล็ก ศักดา ที่ถูกเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการฯจับกุมตัวพร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 176,000 เม็ด และ ไอซ์ จำนวน 3 กิโลกรัม ในพื้นที่ อ.พุนพิน และ อ.คีรีรัฐนิดม เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา ที่ได้ทำการจับกุมเครือข่ายแก็งยาเสพติดเจ้าสัว (นามแฝง) ซึ่งเป็นแก็งยาเสพติดรายใหญ่ของภาคใต้ โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการติดตามเครือข่ายยาเสพติดของเจ้าสัว เพื่อนำมาขยายผลต่อ ในการขจัดปัญหายาเสพติด ที่เป็นบ่อเกิดของความเสื่อมเสียในทุกด้านมิติของประเทศ

จนกระทั่งชุดปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อยป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามียาเสพติดจำนวนมาก ในเครือข่ายของเจ้าสัว มาพักไว้ที่บ้านของเอ็นฯ ซึ่งจากการติดตามจนดำเนินการจับกุม นายเอ็นฯ พร้อมพวกอีก 2 คน ที่เป็นผู้นำยาเสพติคจากพื้นที่อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช นับล้านเม็ด มาเก็บรักมาไว้ที่บ้านของนายเอ็นฯ เพื่อรอจำหน่ายตามคำสั่งเจ้าสัว โดยใช้เฟสบุ๊คชื่อ โก โบ ริ ในพื้นที่อำเภอ
บ้านนาสารและพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ภายหลังการรวบรวมพยานหลักฐานจนแน่ชัดเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ให้สายลับทำการล่อซื้อยาเสพติดจำนวน 5 ถุง (1,000เม็ด) ในราคา 15,000 บาท จนกระทั่งได้จับกุมตัวผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย คือ 1.นายพิพัฒน์ พัฒน์สิงห์ หรือเหน่ง อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86 ม.1 ต.ควนสุบรรณ อ.นาสาร จ.สุราษฎร์ธานี 2. นาวาริน วังฉาย หรือเอ็น อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71 ม.1 ต.ควนสุบรรณ อ.นาสาร จ.สุราษฎร์ธานี และนายศิริ เรืองสิริวงศ์ หรือกั๊ก อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84/3 ม.4 ต.ควนสุบรรณ อ.นาสาร จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมกลางยาบ้า 26,442 เม็ด

และตรวจยึดวัสดุห่อหุ้มยาบ้าพันด้วยเทปกาวสีน้ำตาลห่อหุ้มด้วยกระดาษสาสีน้ำตาล ประมาณเกือบ 200 แพ็ค คิดเป็น ยาบ้าประมาณ 2,000,000 เม็ด ที่ผู้ต้องหาอาจจะดำเนินการจำหน่ายและส่งไปยังเครือข่ายในพื้นที่ต่างๆ ในก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าชุดจับกุมของจังหวัดสุราษฎร์ธานี อยู่ระหว่างการสืบสวน เพื่อขยายผลไปยังผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายยาเสพติดรายอื่นๆต่อไป

สุราษฎร์ธานี // หนุ่มหึงโหด..! กระหน่ำยิงสาวเชียงราย 8 นัด ลั่นปืนเจาะอกตัวเองตายตาม เซ่นรักสีดำ .

รายงาน : สฤษดิ์ เสือทับทิม

เมื่อเวลา 01.06 น. ของคืนที่ผ่านมา (14 ส.ค.) ศูนย์วิทยุ สภ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต หลังรับแจ้งได้รายงานผู้บังคับบัญชา และประสานไปยังเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสยามร่วมใจปู่อินทร์พระแสง ร่วมตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นร้านข้าวต้มโต้รุ่งชื่อร้านน้องออย อยู่บริเวณสี่แยกพระแสง ม.1 ต.อิปัน อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี พบผู้เสียชีวิต 1 รายเป็นหญิง สภาพศพนอนหงายในซุ้มไม้ไผ่ ใส่เสื้อยืดแขนยาวสีแดง กางเกงขาสั้นสีดำ ทราบชื่อคือนางสาวลักษิกา แซ่หลี อายุ 38 ปี พื้นเพเดิมเป็นชาว จ.เชียงราย มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าบริเวณใต้ราวนม อก และซี่โครงด้านซ้าย รวม 8 นัด เลือดไหลท่วมกายเสียชีวิตคาที่ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นชาย
กู้ภัยนำส่ง ร.พ พระแสงทราบชื่อนายวิชิต สุดี อายุ 49 ปี บ้านเลขที่ 28/4 ม.4 ต.สินเจริญ อ.พระแสง
จ.สุราษฎร์ธานี มีบาดแผลโดนยิงเข้าราวนมด้านซ้ายตัดขั้วหัวใจ 2 แผล และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

จากนั้นร้อยเวรได้มอบหมายให้ จนท.กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายส่งชันสูตรต่อที่แผนกนิติเวช ร.พ.สุราษฎร์ธานี ส่วนสาเหตุในการสังหารครั้งนี้สันนิษฐานว่ามาจากพิษรักแรงหึง ซึ่งพนักงานสอบสวนจะทำการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป .

ภาพ : สยามร่วมใจปู่อินทร์พระแสง

ชุมพร // แทงหนุ่มใหญ่ดับกลางสวนทุเรียนเมืองชุมพร ปมสังหารยังมืด

รายงาน : ภุชงค์ ทองมี

วันที่ 8 สิงหาคม 2565 เวลาประมาณ 08.30 น. สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตที่ถนนสายหนองหอยโข่ง ม.6 ต.บ้านนา อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ และได้ร่วมกับแพทย์เวร รพ.ชุมพร ร่วมตรวจสอบ

ในที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตเป็นชายหนึ่งรายทราบชื่อ ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายนิวัฒน์ บรรจงการ อายุ 55 ปี อยู่ที่ 5/5 ม.6 ต.บ้านนา อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร จากการชันสูตรพบผู้เสียชีวิตนอนเสียชีวิตอยู่ในลักษณะนอนหงาย ไม่สวมเสื้อ สวมใส่กางเกงยีนส์ขาสั้น รองเท้าเตะสีดำ พบร่องรอยคราบเลือดบริเวณ หน้าท้อง พบลักษณะบาดแผลบริเวณบริเวณกลางหน้าอกจำนวน 2 แผล มีรอยบาดแผลบริเวณขาด้านขวาอีก 1 แผล พบเสื้อลายพราง และอาวุธ ปืนยาวขนาด .22 ไม่พบแม็กกาซีน และกระสุนบรรจุอยู่ในรังเพลิง ข้างลำตัวผู้ตาย

จากการตรวจสอบกระเป๋าคาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต ตกอยู่บริเวณข้างรถยนต์กระบะยี่ห้อ อีซูซุ สีขาวทะเบียน กฉ 3941 ชุมพร พบ ยารักษาโรค และยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าเมทแอมเฟตามีน) ชนิดเม็ดสีแดง จำนวน 1 เม็ด อยู่ภายในกระเป๋า จากการตรวจสอบรถยนต์กระบะยี่ห้อ อีซูซุ สีขาวทะเบียน กฉ 3941 ชุมพร จอดอยู่ริมถนนในที่เกิดเหตุ พบ คราบเลือดภายในรถบริเวณ เบาะด้านหน้าทั้งสองข้าง ประตูฝั่งผู้ขับขี่ และเพดานรถ ตรวจค้นพบ ซองแม็คกาซีนปืน ขนาด .22 จำนวน 2 แม็กกาซีน มีกระสุน 7 นัดบรรจุอยู่จำนวน 1 แม็กกาซีน และกระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 14 นัดอยู่กล่อง 1 กล่อง ที่บริเวณช่องเก็บของระหว่างเบาะรถด้านหน้า พบของใช้ส่วนส่วนตัวและ เอกสารรถบริเวณ ช่องเก็บด้านหน้า

นางสังวรณ์ บรรจงการ ภรรยาผู้ตายแจ้งว่า เมื่อ วันที่ 7 สิงหาคม 2565 เวลา 21.30 น ผู้ตายได้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุมาจากบ้านพัก เพียงลำพังจะไปที่สวนทุเรียน และไม่กลับมาบ้านจนกระทั่งตอนเช้าจึงทราบเหตุ เจ้าหน้าที่พฐ.จ.ชุมพร และแพทย์ รพ.ชุมพร ตรวจสอบจึงได้นำศพผู้เสียชีวิตไปตรวจที่ รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ชุดสืบสวนสอบสวนดำเนินการสืบสวนติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป .

สุราษฎร์ธานี // หนุ่มฆ่าเมียท้อง 3 เดือนเครียด..!ผูกคอคาห้องขัง สภ.คีรีรัฐฯ ชดใช้กรรม.

รายงาน : พจน์ คำจันทร์

จากกรณีช่วงเช้าวานนี้ (30 มิ.ย. 65) ศูนย์วิทยุ 191 สภ.คีรีรัฐนิคม รับแจ้งเหตุคนถูกยิงเสียชีวิต ที่บ้านถ้ำผึ้ง หมู่ 10 ต.กะเปา อ.คีรีรัฐนิคม ที่เกิดเหตุริมถนนในสวนยางพาราพบศพ น.ส.จันทรัตน์ สวนกูล อายุ 22 ปี ภูมิลำเนาเดิมอยู่ ต.คลองฉนวน อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี ถูกยิงเสียชีวิตข้างรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ จนท.พบปลอกกระสุนลูกซองตกอยู่ในที่เกิดเหตุ โดยภายหลังทราบว่าผู้ตายได้ตั้งท้อง 3 เดือนแล้ว

สำหรับผู้ก่อเหตุคือนายวัฒนา สาพิทักษ์ ซึ่งเป็นสามีผู้ตายหลังก่อเหตุได้หลบหนีไป ในเวลาต่อมาญาติได้พาเข้ามอบตัวกับตำรวจ และยึดอาวุธปืนลูกซองยาวที่ใช้ก่อเหตุเอาไว้ได้ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การสารภาพ และอ้างว่าฝ่ายหญิงด่าบุพการีทำให้บันดาลโทสะใช้อาวุธปืนยิงจนเสียชีวิตคาที่

ผู้สื่อข่าวรายงานล่าสุดว่าวันนี้ (1 ก.ค.65) ช่วงเช้าตรู่ จนท.ที่รับผิดชอบห้องควบคุมผู้ต้องหาได้ทำภารกิจส่วนตัวในห้องน้ำเมื่อออกมาเวลา 06.04 น.ก็พบว่านายวัฒนา ได้ใช้สายร่มของกางเกงกีฬาผูกคอตัวเองกับลูกกรงจึงพยายามเข้าไปช่วยเหลือแต่ผู้ตัองหาได้เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อเปิดกล้องวงจรปิดตรวจสอบพบว่าขณะเกิดเหตุนายวัฒนา อยู่ในห้องขังเพียงคนเดียวไม่มีคนอื่น

จากนั้นได้ปีนขึ้นไปใช้สายร่มกางเกงกีฬาผูกกับเหล็กลูกกรง และได้ทิ้งตัวลงมาจนกระทั่งเสียชีวิต ส่วนสาเหตุคาดว่าเกิดจากความเครียด และเสียใจที่ฆ่าภรรยาตัวเองพร้อมลูกในท้อง ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะทำการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง และประสานไปยัง จนท.กู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาคีรีรัฐนิคม นำร่างส่งชันสูตรเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com