google.com, pub-2709829493138336, DIRECT, f08c47fec0942fa0

ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชฐานภาค 3 ติดตามสถานการณ์พายุฝน น้ำป่าไหลหลาก และดินสไลด์ ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก

ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชฐานภาค 3 ติดตามสถานการณ์พายุฝน น้ำป่าไหลหลาก และดินสไลด์ ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก

ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน ภาค 3 ร่วมกับอำเภอชาติตระการ ติดตามสถานการณ์พายุฝน น้ำป่าไหลหลาก และดินสไลด์ โดย เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2565 เวลา 09.00 น. เกิดเหตุดินสไลด์ และต้นไม้ใหญ่โค่นล้มทับเส้นทางสายร่มเกล้า – หมั่นแสวง ตำบลบ่อภาค อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก

โดย องค์การบริหารส่วนตำบลบ่อภาค ได้จัดเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย พร้อมอุปกรณ์ เร่งเข้าดำเนินการเลื่อยตัดต้นไม้ใหญ่ และเคลื่อนย้ายก้อนหิน ดินที่สไลด์ลงมาจากภูเขาริมทาง เพื่อเคลียร์เส้นทางการจราจรให้สามารถเปิดใช้สัญจรได้โดยเร็ว ปัจจุบันสามารถเปิดเส้นทางการจราจรได้ตามปกติแล้ว

ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 38 จัดชุดบรรเทาสาธารณภัย กรมทหารพรานที่ 32 เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบวาตภัย ในพื้นที่ อ.ภูเพียง

ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 38 จัดชุดบรรเทาสาธารณภัย กรมทหารพรานที่ 32 เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบวาตภัย ในพื้นที่ อ.ภูเพียง

เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2565 พลตรี คณิศร อาสมะ ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 38 จัดกำลังพลชุดปฏิบัติการบรรเทาสาธารณภัย จาก กรมทหารพรานที่ 32 จำนวน 2 ชุดปฏิบัติการ เข้าให้การช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบวาตภัย จากพายุฝนลมกรรโชกแรง ในพื้นที่บ้านน้ำแก่น เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 30 กรกฎาคม 2565 จำนวน 2 หลังคาเรือน

ทำให้บ้านเรือนของราษฎรได้รับความเสียหาย โดยได้เข้าประสานงานกับผู้นำชุมชน หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และประชาชนบ้านน้ำแก่น เข้าร่วมให้การช่วยเหลือในครั้งนี้ด้วย ณ บ้านน้ำแก่น ตำบลน้ำแก่น อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน โดย ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 38 จัดกำลังพลร่วมกับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติ อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ในพื้นที่จังหวัดน่าน อย่างต่อเนื่อง

ร้อยเอ็ดติดเชื้อรายใหม่4ราย ใน4อำเภอสะสม40,714รายรักษาหาย9รายพยาบาล76รายเสียชีวิต0รายสะสม260ราย

ร้อยเอ็ดติดเชื้อรายใหม่4ราย ใน4อำเภอสะสม40,714รายรักษาหาย9รายพยาบาล76รายเสียชีวิต0รายสะสม260ราย

/สมนึก บุญศรี/ร้อยเอ็ด/-ข่าว

นายแพทย์ปิติ ทั้งไพศาล นพ.สสจ.ร้อยเอ็ด มอบหมายให้ จนท.รายงานสถานการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 COVID-19 จังหวัดร้อยเอ็ด ประจำวันที่ 30 กรกฎาคม 2565 ดังนี้ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ วันนี้ (ระลอก มกราคม 2565)ใน4 อำเภอจาก20อำเภอ 4 ราย ผู้ป่วยสะสม 40,714 รายรักษาหาย 9 ราย คงพยาบาล 76 ราย เสียชีวิต 0 ราย เสียชีวิตสะสม 260 ราย ยอดผู้ป่วยโควิด 19 ยืนยันสะสม ในจังหวัดร้อยเอ็ด ยอดสะสม :54,488 ราย เรือนจำ 0 ราย เสียชีวิตสะสม : 378 ราย

ข้อมูลผู้ติดเชื้อรายใหม่แยกรายอำเภอ
ใน 4อำเภอ จาก 20 อำเภอ ดังนี้
ข้อมูลผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ 4ราย ได้แก่
1.เมืองร้อยเอ็ด 1 ราย 2.ปทุมรัตต์ 1 ราย 3.อาจสามารถ 1 ราย 4.จังหาร 1 ราย
แนะนำ
ป้องกันการแพร่เชื้อและการรับเชื้อโควิด19
ควรสวมใส่แมสก์ ทุกครั้ง เมื่อต้องอยู่ร่วมกับบุคคลคนอื่น
สวมแมสก์ อยู่ห่าง ล้างมือ
ป้องกันไว้ ปลอดภัยทั้งครอบครัว

ฝ่ายสุขศึกษาและประชาสัมพันธ์ / สำนักงานสาธารณ์สุขจังหวัดร้อยเอ็ด / www.sasuk101.moph.go.th / โทs 043 511754 ต่อ 102

/สมนึก บุญศรี/ร้อยเอ็ด/0885730542-ข่าว

ชาวใต้ยะลาดีใจ รัฐบาลเพิ่มเงินสวัสดิการแห่งรัฐให้อีกคนละ 200 บาทและโครงการคนละครึ่ง เฟส 5 วงเงินคนละ 800 บาท

ชาวใต้ยะลาดีใจ รัฐบาลเพิ่มเงินสวัสดิการแห่งรัฐให้อีกคนละ 200 บาทและโครงการคนละครึ่ง เฟส 5 วงเงินคนละ 800 บาท

ยะลา- ปชช.ชาวอำเภอเบตง จังหวัดยะลา วอนรัฐบาลเพิ่มวงเงินคนละครึ่งเฟส 5 จากคนละ 800 บาทเป็น 1,500- 2,000 บาท จึงจะสามารถแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้กับ ปชช.ได้อย่างแท้จริง และจะสอดคล้องกับยุควิกฤตของแพง และอยากให้มีโครงการต่อไปเรื่อยๆ ประชาชน พ่อค้า แม่ค้า ดีใจเพราะจะช่วยทำให้ยอดขายกระเตื้องขึ้น
เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ที่ อ.เบตง จ.ยะลา ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจหลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 หรือ (คนละครึ่ง เฟส 5) วงเงินคนละ 800 บาท โดยผู้มีสิทธิ์รายเดิม สามารถยืนยันสิทธิ์ได้ในวันที่ 19 ส.ค. และรายใหม่สามารถลงทะเบียนได้ในวันที่ 19 ส.ค.เช่นกัน จากนั้นจะมีเงินโอนเข้าในแอพเป๋าตังค์ เริ่มใช้สิทธิ์ได้วันที่ 14 ก.ย.2565 และจากการสำรวจความเห็นทั้งพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนชาวในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา ต่างเห็นตรงกันว่าโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ที่รัฐให้วงเงินคนละ 800 บาทนั้นน้อยเกินไป ไม่สอดคล้องกับภาวะราคาข้าวของที่แพงขึ้นในปัจจุบัน จึงอยากให้รัฐพิจารณาเพิ่มวงเงินคนละครึ่งจาก 800 บาท เป็น 1,500 – 2,000 บาท ถึงจะสามารถแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชนได้ ส่วนร้านค้าที่ร่วมโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ โดย พบว่ามีประชาชนมาใช้บริการน้อยลง ในบางช่วงไม่มีลูกค้าเลย ส่วนประชาชนที่ได้รับสิทธิ์คนละครึ่ง บอกตรงกันว่า โครงการคนละครึ่งเป็นโครงการที่ดี เพราะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนได้ แต่เฟส 5 ที่รัฐให้วงเงินแค่คนละ 800 บาท ถือว่าน้อยเกินไปไม่สอดคล้องกับภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่แพงขึ้นเกือบทุกอย่าง จึงอยากให้รัฐพิจารณาเพิ่มวงเงินเป็นคนละ 1,500 บาทถึงจะสามารถแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนให้เข้ากับยุควิกฤตข้าวของราคาแพง และอยากให้รัฐมีโครงการแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
ขณะที่ น.ส.วาสนา เสนาจอหอ อายุ 27 ปี กล่าวว่า ช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี ลูกค้าเข้ามาใช้บริการลดลง แต่ภายหลังรัฐบาลประกาศอนุมัติ โครงการเพิ่มวงเงินให้แก่ประชาชนที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีกจำนวนคนละ 200 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 2 เดือน จะเริ่มใช้สิทธิตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.65 เป็นต้นไป ประชาชนที่ทราบข่าวก็รู้สึกดีใจมาก เพราะจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยเหลือประชาชนที่มีกำลังซื้อน้อย อีกทั้งยังเพิ่มยอดขายให้กับร้านเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมาโครงการของรัฐสามารถเข้ามาช่วยเหลือประชาชน

ทำให้ผลตอบรับดีมาก ยอดขายของที่ร้านเพิ่มขึ้น ในเฟสก่อนๆ ก็มีลูกค้ามาใช้อย่างมาก ส่วนใหญ่จะซื้อของกิน ของใช้ แต่พอหมดโครงการก็ทำให้ลูกค้าลดน้อยลง พอจะมีเฟสใหม่มาก็คาดว่าลูกค้าจะเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
ด้านชาวบ้านที่เคยมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กล่าวว่า ตนมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอยู่แล้ว และได้ติดตามข่าวของโครงการรัฐบาลตลอด พอทราบว่าจะมีการเพิ่มวงเงินให้อีกคนละ 200 บาท ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ที่รัฐบาลช่วยเหลือในช่วงเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ปกติตนได้เดือนละ 300 บาท ก็จะใช้หมดตั้งแต่ต้นเดือนเลย ตอนนี้มีเพิ่มมาอีก 200 บาท รวมเป็น 500 บาท ก็จะทำให้สามารถซื้อของได้มากขึ้น โดยส่วนใหญ่ตนจะซื้อนมให้ลูกๆและของใช้ในครัวเรือน รวมทั้งของใช้ของกินต่างๆ ซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายในครอบครัวเป็นอย่างมากถ้าจะช่วยเหลือจริงๆต้องเพิ่มวงเงินคนละครึ่งจาก 800 บาท เป็น 1,500 บาทจึงจะสามารถแบ่งเบาภาระค่าครองชีพกับยุควิกฤตข้าวของราคาแพงทุกอย่าง


ข่าว..เจษฎา สิริโยทัย อ.เบตง จ.ยะลา โทร.064-126-5593 – 080-036-2786

ต่อยอดความสำเร็จ! งานมหกรรมกัญชา-กัญชง@ ศรีราชา “ ราชาสมุนไพร” พร้อมจัดอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง 11-14 ส.ค.นี้ ที่ ศูนย์การค้าแปซิฟิค พาร์ค ศรีราชา จ.ชลบุรี

ต่อยอดความสำเร็จ! งานมหกรรมกัญชา-กัญชง@ ศรีราชา “ ราชาสมุนไพร” พร้อมจัดอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง 11-14 ส.ค.นี้ ที่ ศูนย์การค้าแปซิฟิค พาร์ค ศรีราชา จ.ชลบุรี

บัณฑิตรุ่น 1 / รุ่น 2 และ รุ่น 3 คณะวิทยาศาสตร์ สาขากัญชาเวชศาสตร์ มรภ.สวนสุนันทา จับมือร่วมกับ Golden Leaf Thailand (โกเด้น ลิฟ ไทยแลนด์ ) จัดงานมหกรรมกัญชง-กัญชา “ราชาสมุนไพร” @ ศรีราชา” ครั้งที่ 2 วันที่ 11-14 ส.ค.นี้ ที่ ศูนย์การค้าแปซิฟิค พาร์ค ศรีราชา เน้นสร้างความรู้ด้านการใช้กัญชาที่ถูกต้อง พร้อมเปิดตัวอีกหลายผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีความหลากหลาย
วันนี้ (31 ก.ค.) นายอิทธิศักดิ์ เห็นใจชน ผู้อำนวยการ Golden Leaf Thailand (โกเด้น ลิฟ ไทยแลนด์ ) พร้อมด้วย นายวาทิช ธนาวรัทนนท์ และ นายธวัช เชาวลิต นักศึกษารุ่น 1 รุ่น 2 และ รุ่น 3 คณะวิทยาศาสตร์ สาขากัญชาเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ได้ร่วมกันแถลงข่าว ถึงการเตรียมจัดงานมหกรรมกัญชา-กัญชง @ ศรีราชา“ราชาสมุนไพร” ครั้งที่ 2 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 11-14 ส.ค.นี้ ที่ บริเวณชั้น 1 ศูนย์การค้าแปซิฟิค พาร์ค ศรีราชา โดยจะเป็นการต่อยอดความสำเร็จของการจัดงานในครั้งแรก ที่สามารถสร้างความตื่นตัวในการรับรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของกัญชาและลบภาพกัญชาคือ ยาเสพติด เป็นภัยต่อชีวิต เป็นพิษต่อสังคม
ขณะที่ไฮไลต์ของการจัดงานในครั้งที่ 2 นี้ อยู่ที่การให้ความรู้แก่ประชาชนและเยาวชน ในเรื่องของการใช้กัญชาที่ถูกต้อง เพื่อให้รู้ว่า กัญชาไม่ใช่แค่เรื่องของการเมาเพียงอย่างเดียว แต่คุณประโยชน์ของกัญชาที่ไม่เมา ยังมีอีกมาก โดยเฉพาะความแตกต่างระหว่างสาร THC (มึนเมา) และ CBD (ไม่มึนเมา) ที่มีอยู่ในกัญชา โดยเฉพาะ สาร CBD ที่มีสรรพคุณทางยา ทั้งช่วยลดการอักเสบของเซล ช่วยในการนอนหลับ ทำให้หลับลึก และเสริมสร้างเรื่องภูมิคุ้มกันและการต่อต้านสารอนุมูลอิสระ ที่สามารถต่อยอด เป็นผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องสำอาง ที่จะสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศไทยได้อย่างมหาศาล
“ การจัดงานครั้งแรกเมื่อ 6 เดือนก่อน ได้รับความสนใจจากชาวศรีราชาและพื้นที่ใกล้เคียงเป็นอย่างมาก โดยในวันแรกมีประชาชนมารอเข้างานตั้งแต่ห้างฯ ยังไม่เปิดและเราจัดยาวนานถึง 6 วันซึ่งก็มีผู้เข้าชมงานจำนวนมากทุกวัน เช่นเดียวกับวิทยากรระดับประเทศที่ร่วมบรรยายให้ความรู้เรื่องของกัญชา ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกัญชาและการใช้กัญชาในการรักษาโรคที่สามารถต่อยอดได้อีกมากในอนาคตก็ ”
นายอิทธิศักดิ์ เห็นใจชน ผู้อำนวยการ Golden Leaf Thailand (โกเด้น ลิฟ ไทยแลนด์ ) ยังเผยอีกว่า การจัดงานในครั้งแรกเป็นช่วงที่รัฐบาลยังไม่ปลดล็อกกัญชาทั้งหมด แต่ให้ปลดล็อกเพียงกิ่ง ก้าน ราก และใบเท่านั้น แต่การจัดงานในครั้งที่ 2 นี้ รัฐบาลได้ปลดล็อกช่อดอกแล้ว หรือเรียกได้ว่า ปลดล็อกทั้งต้น อีกทั้งประชาชนยังสามารถปลูกกัญชาได้อย่างเสรี จึงจำเป็นที่จะต้องเน้นหนักในเรื่องการให้ความรู้ เกี่ยวกับใช้ประโยชน์จากกัญชาเป็นสำคัญ

นอกจากนั้น ภายในงาน ยังจะมีการจัดอบรมปลูกกัญชาฟรี ,การเสวนาให้ความรู้ในทุกวัน,การแสดงนวัตกรรมเกี่ยวกับกัญชา,คลีนิกกัญชาทางการแพทย์ รวมทั้งยังมีวิทยากรสำคัญอย่าง “ลุงดำ เกาะเต่า” ปราชญ์กัญชาไทย รวมทั้งการแสดงดนตรีจากศิลปินชื่อดังต่างๆ ตลอดทั้งวัน โดยวางเป้าหมายผู้เข้าร่วมงานที่จะเพิ่มมากขึ้นตามจำนวนสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่นำมาจัดแสดงและจำหน่ายซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานจาก อย.ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และยังเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจ ในเรื่องของธุรกิจ สามารถเข้ามาต่อยอดทางความคิดได้ จากการให้ความรู้และการสร้างความเข้าใจ ก่อนดำเนินธุรกิจจากวิทยากรระดับประเทศ ที่จะช่วยให้ภาพพจน์ของกัญชาดีขึ้น โดยยืนยันว่า กัญชาไม่ใช่สิ่งที่จะเสพติดได้ง่ายๆ เหมือนเช่นบุหรี่ ที่มีโอกาสติดได้ง่ายถึง 60 % , เหล้า-เบียร์ มีโอกาสติดได้มากถึง 38 % และกาแฟ 18 % ส่วนกัญชามีโอกาสติดได้แค่เพียง 8% เท่านั้น
“ ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่เปิดให้มีการปลูกและใช้กัญชาอย่างเสรี มานานถึง 46 ปี ก็พบว่าเยาวชนของเขาไอคิวติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก และในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา อุบัติเหตุและอาชญากรรม รวมทั้งปัญหาเรื่องยาเสพติดในประเทศ ก็ลดลง ไม่เว้นแม้แต่ปัญหาการหย่าล้างในครอบครัว ที่ลดน้อยลงตามไปด้วย ขณะที่ ในส่วนของ โกเด้นลิฟ เราก็ได้แจ้งไปยังสถานศึกษาต่างๆ ในพื้นที่ และหน่วยงานราชการต่างๆ หรือแม้แต่วิสาหกิจชุมชน หากสนใจที่จะศึกษา ในเรื่องของกัญชา เราก็ยินดีให้เข้าเยี่ยมชมฟาร์มกัญชาและให้ความรู้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ”
นายอิทธิศักดิ์ ยังเผยถึงความตื่นตัวของธุรกิจกัญชา ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2564 ว่าเห็นได้ชัด จากยอดการขายผลิตภัณฑ์กัญชา ที่พุ่งสูงถึง 120% และเชื่อว่า เมื่อประเทศไทยเปิดเสรีกัญชาเป็นประเทศแรกในเอเซียแล้ว จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากยุโรป ให้เดินทางมายังประเทศไทยได้เพิ่มมากขึ้นในช่วงปลายปี และจะทำให้มูลค่าการซื้อขายผลิตภัณฑ์กัญชาในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก
ทั้งนี้ รายได้หลังการหักค่าใช้จ่าย จากการจัดงานมหกรรมกัญชา-กัญชง @ ศรีราชา “ ราชาสมุนไพร”ครั้งที่ 2 จะมอบให้กับ โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา เพื่อสมทบทุน ในการจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์อีกด้วย

สตูล ทวงคืนผืนป่าในพื้นเขตป่าสงวนแห่งชาติ เข้ารื้อถอนต้นมะม่วงหิมพานต์ 15 ต้น ถอนต้นมะพร้าว จำนวน 485 ต้น รวมผลอาสิน จำนวน 500 ต้น ทันที

สตูล ทวงคืนผืนป่าในพื้นเขตป่าสงวนแห่งชาติ เข้ารื้อถอนต้นมะม่วงหิมพานต์ 15 ต้น ถอนต้นมะพร้าว จำนวน 485 ต้น รวมผลอาสิน จำนวน 500 ต้น ทันที

พ.อ.กฤศ ศรีเดชาสินธุ์ รอง ผอ.รมน.จังหวัด สตูลได้มอบหมายให้ พ.ต.ปิยะเชษฐ์ หนูฉ้ง รอง หน.กลุ่มงานประสานความมั่นคง กอ.รมน.จังหวัดสตูลพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัดสตูลเข้าร่วมสนธิกำลังร่วมกับศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 24 (ตำมะลัง สตูล) สทช.7, เจ้าหน้าที่ตามคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมและรักษาป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเลนจังหวัดสตูล 5 จังหวัดสตูล ที่ 80 /2564 ลงวันที่ 14 ตุลาคม 2564 และคำสั่งที่ 11/2565 ลงวันที่ 28 มกราคม 2565 ,ร.5 พัน.2 ,ร้อย.ตชด.436 ,ปทส.กก.6 ,ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองสตูล ตลอดจน กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ปฎิบัติการยึด ทำลาย รื้อถอน แก้ไข หรือทำประการใดแก่สิ่งที่เป็นอันตรายหรือสิ่งที่ทำให้เสื่อมสภาพในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 2 แปลง ในเนื้อที่ 56 – 0 – 88 ไร่ ท้องที่ ซอยหลังวัดมงคลมิ่งเมือง หมู่ 4 ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล จ.สตูล รื้อถอนคันดิน จำนวน 17,992.93 ลูกบาศก์เมตร

พร้อมรื้อถอนต้นมะม่วงหิมพานต์ จำนวน 15 ต้น และรื้อถอนต้นมะพร้าว จำนวน 485 ต้น รวมผลอาสินทั้งสิ้น จำนวน 500 ต้น ตามสัญญาจ้างของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จนกว่าจะแล้วเสร็จ และแปลงคดีอาญาที่ 274 (ล)/2551 เนื้อที่ 5 – 3 – 36 ไร่ ท้องที่ บ้านนาแค ม.5 ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล จ.สตูล รื้อถอนคันดิน จำนวน 1,869.08 ลูกบาศก์เมตร เสร็จสิ้นตามคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมและรักษาป่าสงวนแห่งชาติ โดยในการนี้ ได้มอบหมายให้ นายเอกชัย เถรว่อง ผอ.ศูนย์ฯ 24 (ตำมะลัง สตูล) นำเรื่องราวไปลงบันทึกประจำวันต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสตูล ไว้เป็นหลักฐานในการดำเนินการกรรมวิธีทางกฏหมายดังกล่าว

นิตยา แสงมณี // ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดสตูล

“เตรียมอุตซ่อมเจดีย์อกทะลุ”#วัดปันเส่าเชียงใหม่บูรณะพัฒนาเป็นมรดกล้านนา เมื่อเร็วๆนี้ ที่

“เตรียมอุตซ่อมเจดีย์อกทะลุ”#วัดปันเส่าเชียงใหม่บูรณะพัฒนาเป็นมรดกล้านนา เมื่อเร็วๆนี้ ที่

วัดปันเส่า โดยการดูเเลของพระมหาสง่า ไชยวงศ์ เจ้าอาวาสวัดผาลาด ทางขี้นวัดพระธาตุดอยสุเทพเชียงใหม่และพระมหาศตวรรษ ว่าที่รักษาการเจ้าอาวาสวัดปันเส่าพร้อมด้วยองค์ประชุมอันประกอบไปด้วย คณะตัวแทนของคณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณาจารย์ฝ่ายวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หัวหน้าหน่วยงานกองควบคุมโรค เชียงใหม่ อาจารย์วัลลพ นามวงศ์พรหม ผู้อาวุโสและตัวแทนจากวัดสวนดอกเชียงใหม่ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมาย รวมองค์ประชุมกว่า 11 ท่าน ที่ได้ร่วมประชุมปรึกษาหารือ หาข้อคิด ข้อแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับการดำเนินงานในระยะยาวที่จะพัฒนาปรับปรุงภูมิทัศน์ให้วัดปันเส่าเป็นหนึ่งในวัดที่อยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ ซึ่งวัดนี้เดิมเป็นวัดร้างมายาวนาน จนมาได้รับการยกวัดร้างเป็นวัดที่มีพระภิกษุจำพรรษา และทางฝ่ายสงฆ์ร่วมกับฝ่ายศรัทธาประชาชนได้ร่วมกันบูรณะซ่อมสร้าง วัดร้างกลายมาเป็นวัดพัฒนา มีศาสนสถานที่จำเป็นได้ถูกสร้างขึ้นอย่างถาวรหลายอย่าง แต่พระเจดีย์ของวัดซึ่งถูกขุดรื้อค้นแต่เดิมมาตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ.2509-2511 โดยโจรได้ขุดเอาของต่างๆในพระเจดีย์ออกไปแล้วทั้งให้เหบลือร่องรอยของการถูกขุดค้น เป็นช่องโหว่ ซึ่งต่อมาก็ได้มีการแอบขโมยขุดกันอีกในภายหลังอีกครั้ง แต่ครั้งหลัง มีผู้นำเอาปูนปิดช่องรูที่ขุดไว้ ซึ่งทางกรมศิลปากรก็ได้เข้ามาตรวจดูเเลไปบ้าง แต่ พระเจดีย์ก็ยังมีช่องโหว่จากการถูกขุดรื้อครั้งแรก จนมาถึงปัจจุบันนี้ ทางฝ่ายพระมหาสง่า ไชยวงศ์ จึงได้มีการจัดประชุมหารือกันหลายๆฝ่าย ส่วนฝ่ายของกองควบคุมโรค ที่ได้ใช้บริเวณที่เป็นธรณีสงฆ์ ใช้พื้นที่ร่วมกันกับวัดนับมาตั้งแต่ศูนย์มาเรเลียฯ.แต่เดิม จนปัจจุบันใช้เป็นศูนย์การควบคุมโรคติดต่อ และได้ย้ายไปใช้พื้นที่ด้านหลังของวัดปันเส่าบางส่วน ก็ได้ให้ความร่วมมือ ยินดีกับทางวัดเป็นอย่างดียิ่ง ในการประชุมครั้งนี้ทางฝ่ายอาจารย์ชาญณรงค์ ชึ่งเป็นวิศวกรตัวเเทนจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ได้นำเอาคลิปวีดีโอแอนนิเมชั่นมาเปิดให้ชมถึงบริเวณต่างๆของวัดในระบบสามมิติ ซึ่งชี้ให้เห็นทุกสัดส่วนบริเวณของวัดที่จะทำการพัฒนาต่อไป

โดยโครงการต่อไปนอกจากทางกรมศิลปากรจะมาอุดซ่อมองค์พระเจดีย์แล้ว ทางวัดก็จะจัดให้เป็นอุทยานพักผ่อน เป็นวิปัสนาสถาน เพื่อให้ผู้ที่มาเยี่ยมไข้ ได้เข้าวัดพักผ่อน ทำจิตใจให้สงบในสถานที่ร่มรื่นเป็นอุทยานเเห่งหนึ่งที่ช่วยเรื่องการบำบัดจิตใจได้อีกทางหนึ่งต่อไป โครงการนี้ต้องใช้ระยะเวลายาวนานพอสมควร และจะเริ่มโครงการบูรณะองค์พระเจดีย์ก่อนในช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2565 นี้เป็นต้นไป
ในนามของสื่อมวลชนจึงใคร่ขอเชิญชวนท่านทั้งหลาย ทั้งชาวไทย ช่าวต่างประเทศและคนไทยทั้งประเทศหากเเวะเวียนเยือนเมืองเชียงใหม่ ก็ขอเชิญเเวะเข้าไปชม ไปถ่ายภาพ กันในวัดปันเส่าได้โดยสะดวก ขอเพียงการเเต่งกายที่สะอาดเรียบร้อยก็ดีแล้ว..

ฟงหวินศักดิ์อัศวิน//ชียงใหม่

พะเยา จนท.ชาวบ้านระดมกำลัง ค้นหาหนุ่มพิการหาย 5 วันพบเป็นศพเละติดคาลวดหนาม ป่าท้ายหมู่บ้าน

พะเยา จนท.ชาวบ้านระดมกำลัง ค้นหาหนุ่มพิการหาย 5 วันพบเป็นศพเละติดคาลวดหนาม ป่าท้ายหมู่บ้าน

วันที่31กค65เวลา12.00น.ร.ต.อ.ศุภโชค สวนพืช รองสว.(สอบสวน) สภ.แม่กา อ.เมือง จ.พะเยา รับแจ้งมีคนพบศพผู้เสียชีวิต ในสภาพศพเน่าเฟะส่งกลิ่นเหม็น ศรีษะเหลือหนังติดกระโหลก เท้าติดลวดหนามล้อมป่าท้ายหมู่บ้านห้วยเคียน หมู่ 2 ต.แม่กา อ.เมือง จ.พะเยา หลังรับแจ้งรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลพะเยา ชุดปภ.ทต.แม่กา ชุดกู้ภัยมูลนิธิลือชาพะเยา และชุดค้นหาตำรวจ และชมรมมอเตอร์ไซค์เอ็นดูโร่พะเยา รุดไปที่เกิดเหตุพบศพนายบุญยงค์ ศรียงยศ อายุ 32 ปี บ้านเลขที่ 7/5 หมู่ 8 ต.พวา อ. แก่งหางแมว จ.จันทบุรี และเป็นคนพิการ นอนเสียชีวิตในสภาพศพสวมเสื้อกางเกงสีดำ นอนค่ำหน้ากับพื้นดินเท้าติดลวดหนาม ศพเน่าเฟะส่งกลิ่นเหม็น ศรีษะเหลือกระโหลก ที่ป่าท้ายหมู่บ้านห้วยเตียน หมู่ 2 ต.แม่กา อ.เมือง จ.พะเยา หลังจากที่ได้หายไปเมื่อวันที่27กค.ที่ผ่านมารวม 5วัน

จากการชันสูตรพลิกศพเบื้องต้นพบว่า มีบัตรประจำตัวประชาชนและบัตรประจำตัวคนพิการ สันนิษฐานว่าผู้เสียชีวิตไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้หลังจากที่เท้าติดลวดหนาม จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต

จากการสอบถามนายสาธิต เงินเย็น ผู้ใหญ่บ้าน ทราบว่าผู้เสียชีวิตเป็นคนงานสวนยางในตำบลแม่กา และจะมีอาการไม่ปกติ ได้หายไปเมื่อวะะที่27กค65ที่ผ่านมาจนญาติแจ้ง เจ้าที่ตำรวจ ชาวบ้าน ชุดกู้ภัย ปภ.ทต.แม่กา ชุดค้นหารถจักรยานยานยนต์ชมรมเอ็นดูโร่ออกค้นหาหลายวันจนพบศพในพื้นที่สวนป่าท้ายหมู่บ้านในวันนี้ หลังจากพบศพ เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิลือชา ก็ได้รีบนำศพนำไปประกอบพิธีทางศาสนา ทางญาติไม่ติดใจการเสียชีวิตแต่อย่างใด จึงนำศพ ไปฌาปนกิจต่อไป

อบต.เมืองปอน จัดกีฬาเพื่อความสัมพันธ์ต้านภัยยาเสพติดประจำปีใหม่ครั้ง1/ 2565

อบต.เมืองปอน จัดกีฬาเพื่อความสัมพันธ์ต้านภัยยาเสพติดประจำปีใหม่ครั้ง1/ 2565

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 31 ก.ค.65 นายชาคร กันตีมูล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเมื่องปอน อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ได้กล่าวต้อนรับ ส.จ ดนุภัทร์ เชียงชุม สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจัดหวัดแม่ฮ่องสอน อำเภอปาย มาเป็นประธานปิดการแข่งกีฬาฟุตบอลรายการ เมืองปอน คัพตรั้งที่ 1/2565 โดยมีทีมเข้าร่วมแข่งขันจำนวน 8 ทีม ประกอบด้วย1.เพื่อนทหาร 2.มิตรภาพ 3.พ่อบ้านใจกล้า 4.ครูประถม ขุนยวม 5.ครูดอยสน 6.สมอฟาร์ม 7.ลุ่มน้ำปอน 8.คริสเตียน ขุนยวม
ผลการแข่งขันปรากฎว่า ทีมชนะเลิศ ได้แชมป์ คือทีมเพื่อนทหาร รับถ้วยรางวัล พร้อมเงินสนับสนุนทีมจำนวน 5000 ระดับรองตามระดับ 1-2-3-4 ,รับถ้วยและงินรางสัลดังนี้ 3000 2000 1000 การจัดแข่งขันครั้งนี้

นายก ชาคร กันตีมูล ประธานอำนวยจัดการแข่งขันมอบหมายให้ นายสุดชาติ ชมชอบดี เลขานายกและนายชัยวุฒิ ชินิ เจ้าหน้าที่กองการศึกษาดำเนินการจัดการแข่งขันดังกล่าว โดยจัดการแข่งขันตั้งแต่วันที่ 29-30 ก.ค.2565
สำหรับวัตถุประสงค์การจัดแข่งขันฟุตบอลเมืองปอนคัพครั้งที่ 1/2565 เพื่อให้เด็กเยาวชนและประชาชนได้ออกกำลังกาย เพื่อให้เยาวชนแสดงทักษะของกีฬาประเภทฟุตบอล และเพื่อให้เยาวชนและประชาชนห่างไกงจากยาเสพติด มีความรักสามัมคีในหมู่บ้านชุมชนกันต่อไป

จ.ราชบุรี/เชิญชมการแข่งขันฟุตบอลและร่วมเชียร์การแข่งขันฟุตบอลVipThailand.cupครั้งที่3/2565 วันที่ 6/7 สิงหาคม2565

จ.ราชบุรี/เชิญชมการแข่งขันฟุตบอลและร่วมเชียร์การแข่งขันฟุตบอลVipThailand.cupครั้งที่3/2565
วันที่ 6/7 สิงหาคม2565

ณสนามรีสอร์ตสปอร์ตคลับอ.โพธารามจ.ราชบุรี
และสนามเทศบาลเมืองโพธาราม วัตถุประสงค์
1.เพื่อเป็นการส่งเสริมฟุตบอลวีไอพีต่างๆเพื่อสุขภาพพลานามัยที่ดี
2.เพื่อเป็นการกระชับมิตรไมตรีและความสำพันธ์ในหมู่วีไอพีต่างๆ
3.เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับบุคคลทั่วไปในการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี
ในการจัดการแข่งขันVip.thailand.cupครั้งที่3ในครั้งนี้จะมีรุ่นอายุ55/60/65ปีขึ้นไปมีทีมเข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด9ทีม
สายA

1.ทีมสุพรรณบุรี
2.ทีมสระบุรี
3.กาญจนบุรี
สายB
1.ทีมราชบุรี
2.ทีมอยุธยา
3.ทีมกรุงเทพสกายอัพ
สายC
1.ทีมนครสวรรค์
2.ทีมเชาวลิต24
3.ทีมกรุงเทพเลิฟไทยแลนด์
ทีมฟุตบอลVipราชบุรี (เจ้าภาพ)
นายวีระวิทย์ ธนาวงค์วรภัทร ประธานจัดฟุตบอลVipThailand cup
ครั้งที่3ในครั้งนี้

สุพจน์ วรสหวัฒน์จ.ราชบุรี/รายงาน

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com