google.com, pub-2709829493138336, DIRECT, f08c47fec0942fa0

วิสามัญผู้ต้องหาฆ่าสมุนทิ้งศพในป่าประกาศไม่ยอมมอบตัวแถมยิงใส่ตำรวจก่อนโดนยิงสวนดับกลางทุ่งนา

ข่าว วิสามัญผู้ต้องหาฆ่าสมุนทิ้งศพในป่าประกาศไม่ยอมมอบตัวแถมยิงใส่ตำรวจก่อนโดนยิงสวนดับกลางทุ่งนา

////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
วันที่ 16 สิงหาคม 2564 เวลา 11.30 น พ.ต.อ.พันธ์เพ็ชร เหล่ากำเนิดเพชร ผกก.สส.ภ.จ.อุดรธานี สั่งการให้ พ.ต.ท.อรรคพล ยี่เกาะ สว.สส.ภ.จ.อุดรธานี นำกำลังติดตามจับกุมนายทองสุข ศรีสมภาร อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 195 หมู่ 6 บ้านนาคำหลวง ต.นาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ จ 180/2564 ลงวันที่ 11 สิงหาคม 2564 ข้อหา “ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในหมู่บ้าน หรือทางร่วมกันซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย” หลังก่อเหตุยิงนายบรรจง ดีตูม อายุ 47 ปี ราษฎรบ้านโนนทับช้าง ต.นาพู่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี เสียชีวิตและนำศพไปทิ้งในป่าบ้านดงใหญ่ ต.เชียงหวาง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี แล้วหลบหนี ประกาศไม่ยอมมอบตัว ขอสู้แบบเสือ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ที่ผ่านมา

พ.ต.ท.อรรพล ยี่เกาะ สว.สส.ภ.จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า ตำรวจได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า พบนายทองสุข ผู้ต้องหาหลบอยู่ตามเถียงนา บ้านนาสีนวล ต.โคกกลาง อ.เพ็ญ จึงนำกำลังออกไปตรวจสอบที่ทุ่งนาทางทิศตะออก โดยกระจายกำลังค้นหา พบนายทองสุขขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า สกูปปี้ สีแดง หมายเลขทะเบียน คพต 445 อุดรธานี ไปตามเส้นทางถนนลูกรัง ตำรวจได้เรียกให้หยุดเพื่อจับกุม แต่นายทองสุขไม่ยอมจอด และได้ขี่จักรยายนต์หลบหนี ด้วยความเร่งรีบรถได้เสียหลักตกลงไปในคลองน้ำริมถนน แต่นายทองสุขทิ้งรถวิ่งหลบหนีไปกลางทุ่งนา และพบตำรวจยืนดักหน้า นายทองสุขไม่ยอมจำนน ได้ชักปืนออกมายิงตำรวจ 3 นัด ตำรวจยิงสวนถูกนายทองสุขล้มลงเสียชีวิต จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
ต่อมาเวลา 13.00 น. พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.ศักดา เหมือนโพธิ์ พ.ต.อ.สมภพ สังข์กรทอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.ชลิต ศรีหานู ผกก.สภ.เพ็ญ อัยการจังหวัดอุดรธานี ปลัดอำเภอเพ็ญ ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวร รพ.เพ็ญ ร่วมกันชันสูตรพบ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. ที่ต้นขาซ้าย 1 นัด และกลางหน้าอก 4 นัด พบอาวุธปืน .32 ลูกโม่ ของผู้ตาย ตกอยู่ข้างมือขวา ภายในลูกโม่พบกระสุน 3 นัด ปลอกกระสุน 3 นัด และให้อาสากู้ภัยสว่างเมธาธรรม จุดอำเภอเพ็ญ นำศพไปเก็บไว้ที่ รพ.เพ็ญ

พ.ต.ท.อรรคพล เปิดเผยต่อว่า หลังเกิดเหตุ ตำรวจสืบสวนสอบสวนพยาน และรวบรวมหลักฐาน อนุมัติศาลขอออกหมายจับ และจับกุมนายตะวัน เจริญศรี อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 195 หมู่ 6 ต.นาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี ลูกสมุนนายทองสุข ข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย” และแจ้งข้อหา นายหนุ่ย นามสมมติ อายุ 16 ปี ข้อหา “ ช่วยซ่อนเร้นศพ ย้ายหรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย” ตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานีที่ จ 181/2564 ลงวันที่ 11 สิงหาคม 2564

จากการสอบสวน นายตะวันและนายหนุ่ย ลูกสมุนนายทองสุข สารภาพว่า วันเกิดเหตุคืนวันที่ 9 สิงหาคม นายทองสุข ได้ไปดุด่าสั่งสอนนายบรรจง ที่บ้าน เพราะเบี้ยวไม่จ่ายค่ายาบ้า เสร็จแล้วกลับออกไป ต่อมานายทองสุข ได้ให้ตนไปเรียกนายบรรจง ไปพบที่บ้านนายอี้ ลูกชายนายทองสุข ซึ่งอยู่ไม่ไกลกับบ้านนายบรรจง โดยนายทองสุข สั่งให้นายบรรจงใส่เสื้อเกาะ เพื่อทดลองยิงปืน ปรากฏว่ากระสุนทะลุเสื้อเกาะเข้าหน้าอกซ้ายนายบรรจงบาดเจ็บ พวกตนนำผู้บาดเจ็บนั่งจักรยานยนต์แบบซ้อนสามไปส่งโรงพยาบาล แต่นายบรรจงเสียชีวิตระหว่างทาง นายทองสุข จึงนำรถปิกอัพโตโยต้า วีโก้ สีดำ ทะเบียน ผฉ 7361 อุดรธานี นำศพไปทิ้งป่าแล้วหลบหนี
พ.ต.ท.อรรคพล เปิดเผยอีกว่า ตำรวจต้องรีบติดตามจับกุมนายทองสุขให้ได้โดยเร็ว เพราะนายทองสุขมีอาวุธปืน ประกาศไม่ยอมมอบตัว ขอสู้อย่างเสือ และจะไปตามยิงคู่อริในหมู่บ้านอีก เมื่อพบตัวนายทองสุข ก็ไม่ยอมมอบตัว เปิดฉากยิงใส่ตำรวจก่อน 3 นัด จึงถูกตำรวจยิงโต้ตอบ เพื่อป้องกันตัว พบว่ากระสุนถูกนายทองสุข ค่อยๆ ทรุดลง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ทางด้านนายอี้ นามสมมติ อายุ 17 ปี ลูกชายนายทองสุข และน้าชาย ได้เดินทางมาให้ปากคำกับตำรวจพนักงานสอบสวน ให้การว่า พ่อกับแม่แยกกันอยู่มาประมาณ 1 ปี พ่อมามีภรรยาใหม่อยู่ที่บ้านโนนทับช้าง ใกล้กับบ้านตน หลังเกิดเหตุ พ่อได้หลบหนีไม่ยอมมอบตัว พ่อเคยโทรศัพท์ไปหาภรรยาใหม่ ซึ่งตนได้คุยโทรศัพท์กับพ่อด้วย ตนบอกให้พ่อมามอบตัว แต่พ่อก็ไม่ยอมมอบ กระทั้งถูกตำรวจวิสามัญ ตนไม่ติดใจในการเสียชีวิตของพ่อ เพราะตำรวจทำตามหน้าที่ ดังกล่าว

////////////////////////
นายกฤษดา จันทร์ดวง ผุ้สื่อข่าว จ.อุดรธานี 0804141617

โจรใต้วางระเบิดชุดลาดตระเวน3ฝ่ายที่รือเสาะ

นราธิวาส/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ

โจรใต้วางระเบิดชุดลาดตระเวน3ฝ่ายที่รือเสาะ

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 12 ส.ค. 64 ร.ต.อ.ปธาน หวังทอง รองสารวัตรสอบสวน สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวน 3 ฝ่าย ชุดปฏิบัติการไตรมิตร ที่สนธิกำลังร่วมระหว่าง ร้อย ทพ.4611 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รือเสาะ และเจ้าหน้าที่กองร้อยอาสารักษาดินแดน อ.รือเสาะ ริมถนนชุมชนศรีทักษิณ ม.2 ต.รือเสาะออก จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พ.ต.อ.ชาตรี รัตนคช ผกก.สภ.รือเสาะ พ.อ.ทรงเดช สุกนุ้ย ผบ.ฉก.ทพ.46 พ.ต.ท.สัญญา จันทร์ดำ สว.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

พบที่บริเวณพุ่มไม้รกทึบริมทางซึ่งเป็นกำแพงรั่วลวดหนามของชาวบ้าน ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายลอบวางระเบิด ถูกอนุภาพของระเบิดจนเตียนโล่ง และมีซากชิ้นส่วนของสะเก็ดระเบิดแสวงเครื่อง ที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สปิกนิก หนัก 25 ก.ก. จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร อาทิ เหล็กตัดสั้น ซากชิ้นส่วนของถังแก๊สปิกนิด วงจรวิทยุสื่อสาร เป็นต้น ตกกระจายเกลื่อนพื้นถนนและพงหญ้ารกทึบริมทาง ห่างไปประมาณ 40 เมตร พบรถยนต์หุ้มเกราะยี่ห้อนิสสัน นาวาร่า ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน อยู่ในสภาพมีคราบกองดินและเศษกิ่งไม้กระเด็นไปติดอยู่ที่บริเวณหลังคา ฝากระโปรงหน้าและตัวถังด้านซ้ายจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุชุดปฏิบัติการไตรมิตร ที่สนธิกำลังระหว่างร้อย ทพ.4611 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รือเสาะ และเจ้าหน้าที่กองร้อยอาสารักษาดินแดน อ.รือเสาะ จำนวน 15 นาย โดยมี รถ จยย. 3 คัน ของ อส. รวม 6 นาย ขี่และซ้อนท้ายนำขบวน และมีรถยนต์กระบะ 1 คัน ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รือเสาะ 4 นาย และรถยนต์หุ้มเกราะยี่ห้อนิสสัน นาวาร่า 1 คัน ของ ร้อย ทพ.4611 จำนวน 5 นาย ขับตามขบวนเพื่อไปตั้งจุดตรวจจุดสกัดลอย ที่บริเวณทางแยกกุโบร์ชุมชนศรีทักษิณ ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 180 เมตร

เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ในป่ารกทึบริมทาง ได้ใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิด ที่คนร้ายนำไปตั้งไว้ที่บริเวณพุ่มไม้รกทึบริมทางซึ่งเป็นกำแพงรั่วลวดหนามของชาวบ้าน จนเกิดระเบิดขึ้นในขณะที่รถยนต์หุ้มเกราะคนที่ 3 แล่นผ่านมา แต่โชคดีรัศมีการทำลายล้างของอนุภาพระเบิดได้หักเหขึ้นท้องฟ้า ทำให้เจ้าหน้าที่รอดตายไปได้อย่างหวุดหวิด

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า เป็นฝีมือการกระทำของสมาชิกแนวร่วมผู้ก่อเหตุรุนแรง เพื่อต้องการดักสังหารเจ้าหน้าที่รายวัน

กาฬสินธุ์คุมตัวสัตวบาลทำแผนฆ่าภรรยาทิ้งศพหมกพงหญ้าเผยลงมือฆ่าสุดโหด

กาฬสินธุ์คุมตัวสัตวบาลทำแผนฆ่าภรรยาทิ้งศพหมกพงหญ้าเผยลงมือฆ่าสุดโหด

ตำรวจกาฬสินธุ์ คุมตัวสัตวบาล สำนักงานปศุสัตว์อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพหลังก่อเหตุฆ่าภรรยาช่างเสริมสวย เผยพฤติกรรมลงมือสุดโหด บีบคอ มัดเชือก ตอกตะปูที่หัว ก่อนห่อศพมาทิ้งอำพรางในพงหญ้าข้างถนน เบื้องต้นสารภาพเมาสุรา สาเหตุจากความหึงหวงและมีปากเสียงกันรุนแรงจึงตัดสินใจปลิดชีพ
ความคืบหน้ากรณีพบศพหญิงสาวนิรนามอายุประมาณ 30-40 ปี ถูกฆ่าโหดมัดมือห่อศพทิ้งหมกพงหญ้าข้างถนนสายนาไคร้-มุกดาหาร บริเวณบ้านขุมขี้ยาง ต.กุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ กระทั่งเจ้าหน้าที่ทราบคือนางสาววาสนา หาหลัก อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112 หมูที่ 6 ต.หนองสูงใต้ อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร ซึ่งเป็นช่างเสริมสวย ก่อนเข้าคุมตัวนายรณรัฐ โพธิผล อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นคบหากับผู้เสียชีวิตฉันสามีภรรยา และมีตำแหน่งเป็นเจ้าพนักงานสัตวบาล สำนักงานปศุสัตว์อำเภอหนองสูง จ.มุกดาหาร เบื้องต้นยอมรับว่าก่อเหตุฆ่าภรรยาจริง สาเหตุเกิดจากการหึงหวง และอ้างว่าได้โทรศัพท์นัดภรรยาออกมาที่ศาลาริมถนนสายนาไคร้-มุกดาหาร บริเวณขุมขี้ยาง ต.กุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ เพื่อพูดคุยกัน แต่เกิดมีปากเสียงกันจึงบีบคอในรถใช้ค้อนทุบหัวจนเสียชีวิตแล้วนำศพไปทิ้ง
ล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 5 สิงหาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายรณรัฐมาสอบสวนอย่างละเอียดที่สภ.หนองสูง จ.มุกดาหาร นานกว่า 4 ชั่วโมง โดยพล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ร่วมสอบปากคำ กระทั่งนายรณรัฐ ยอมรับสารภาพความจริงว่า ไม่ได้โทรศัพท์นัดนางสาววาสนาออกมา แต่ลงมือฆ่าภายในบ้านเช่าที่ ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร ก่อนนำศพขึ้นรถมาทิ้งอำพรางที่พงหญ้าใกล้กับทางเข้าวัดป่าราชพฤกษ์ บ้านขุมขี้ยาง ต.กุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์
จากนั้นเวลา 16.00 น.พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.วิทยา เย็นจิตร รอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.บัณฑิต สิงหประชา ผกก.สภ.กุฉินารายณ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.กุฉินารายณ์ ชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ ชุดสืบสวน สภ.หนองสูง และชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 คุมตัวนายรณรัฐ โพธิผล อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาฆ่านางสาววาสนา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพภายบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 5/1 บ้านคำชะอี ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร ซึ่งเป็นบ้านที่นายรณรัฐ เช่าพักอาศัย

โดยการทำแผนในวันเกิดเหตุ นายรณรัฐได้โทรศัพท์นัดนางสาววาสนา ซึ่งคบหาและไปมาหาสู่กันฉันสามีภรรยามานั่งดื่มเหล้าที่บ้านเช่าหลังดังกล่าว ระหว่างนั่งดื่มกิน เกิดทะเลาะมีปากเสียงกัน เนื่องจากต่างคนต่างระแวงหึงหวงกัน จนถึงขั้นลงไม้ลงมือ นายรณรัฐอ้างถูกนางวาสนาตบหน้าก่อน ซึ่งด้วยความโมโห นายรณรัฐได้ลุกขึ้นเตะไปที่หน้านางสาววาสนา 1 ครั้ง จนหน้าหงายแล้วขึ้นนั่งค่อมร่าง ใช้มือบีบคอจนแน่นิ่ง
จากนั้นถลกเสื้อขึ้นมาคลุมหัวไว้ ก่อนนำเชือกมามัดมือไพล่หลัง และเอาเชือกมัดขายึดกับคอ เพื่อกดตัวให้งอ ก่อนนำตะปูมาตอกฝังที่ไว้หน้าผาก 2 ครั้ง แต่สามารถตอกเข้าเพียง 1 ดอก แล้วนำผ้าห่มมาคลุมศพ เอาขึ้นกระโปรงหลังรถเก๋งขับออกไปนำไปทิ้งริมถนนตัดใหม่ สายนาไคร้-มุกดาหาร ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมต่อกันระหว่าง อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์กับ อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร แล้วขับรถกลับมาที่บ้านเช่าหลังดังกล่าว แต่ไม่กล้านอน ไปขอนอนที่ก้องร้อย อส.และวันต่อมาเข้าไปเก็บข้าวของที่เช่าบ้านหลังเกิดเหตุ และไปเช่าบ้านหลังใหม่ในตัว อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร อาศัย จนกระทั่งเวลาผ่านมาหลายวันก็ถูกตำรวจตามจับตัวได้ดังกล่าว

พ.ต.อ.วิทยา เย็นจิตร รอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการสอบปากคำนายรณรัฐ รับสารภาพว่า ได้คบหาไปมาหาสู่กันกับผู้เสียชีวิตฉันสามีภรรยามาประมาณ 1 ปีเศษ และที่ผ่านมาทะเลาะกันบ่อยครั้ง เพราะต่างคนต่างระแวงหึงหวงกัน หลายครั้งทะเลาะเลิกกัน แต่ก็กลับมาคบกันใหม่ จนล่าสุดทะเลาะกันและแยกกันอยู่ โดยนายรณรัฐได้อาศัยอยู่ที่บ้านเช่าหลังเกิดเหตุ ส่วนนางสาววาสนาอยู่ที่ร้านเสริมสวยในตัว อ.หนองสูง ในวันเกิดเหตุ 31 กรกฎาคม 2564 นายรณรัฐได้ชวนนางสาววาสนามาดื่มเหล้าที่บ้านเช่าช่วงเวลา 18.00 น.จากนั้นทั้งสองคนทะเลาะกัน และลงมือทำร้ายร่างกายกัน ก่อนที่นายรณรัฐจะเตะและบีบคอนางสาววาสนาแน่นิ่ง นำเชือกมามัด ถลกเสื้อขึ้นไปคลุมศีรษะ ใช้ตะปูตอกที่หัวซ้ำอีก และนำผ้าห่มมาห่อศพนำไปทิ้งบริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งหลังจากทำแผนเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ เบื้องต้นแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย และเคลื่อนย้าย ปิดบัง ซ่อนเร้นศพ
ด้านนายจำเนียร หาหลัก อายุ 69 ปี พ่อผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ลูกสาวคบหานายรณรัฐมาประมาณ 1 ปี แต่ไม่ได้แต่งงานหรือจดทะเบียนสมรส เพราะทั้งสองต่างเคยมีครอบครัวมาก่อน ที่ผ่านมามีปากเสียงกันบ่อยครั้ง และล่าสุดก็ลงไม้ลงมือจนมีการแจ้งความดำเนินคดี ต่อมาลูกสาวบอกว่าจะไปทำงานที่ จ.สกลนคร ซึ่งตนก็โล่งใจคิดว่าคงไม่กลับมาคบกับนายรณรัฐอีก กระทั่งมาทราบข่าวร้ายว่าลูกสาวถูกนายรณรัฐฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม จึงเสียใจอย่างมาก ส่วนตัวไม่ขออสิกรรม และไม่ให้อภัย และให้ตำรวจดำเนินคดีถึงที่สุด

กาฬสินธุ์รวบแล้วสัตวบาลปศุสัตว์หนองสูงมุกดาหารฆ่าภรรยาทิ้งศพหมกพงหญ้า

กาฬสินธุ์รวบแล้วสัตวบาลปศุสัตว์หนองสูงมุกดาหารฆ่าภรรยาทิ้งศพหมกพงหญ้า
ตำรวจกาฬสินธุ์ตามรวบเจ้าพนักงานสัตวบาลสำนักงานปศุสัตว์อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร

ก่อนเหตุฆ่าโหดภรรยาช่างเสริมสวยเชือกมัดห่อผ้าทิ้งอำพรางพงหญ้าข้างถนน พร้อมคุมตัวไปสอบปากคำ เบื้องต้นสารภาพก่อเหตุจริง เนื่องจากหึงหวงและมีปากเสียงกัน
ความคืบหน้ากรณีพบศพหญิงสาวนิรนามอายุประมาณ 30-40 ปี ถูกฆ่าโหดมัดมือห่อศพทิ้งหมกพงหญ้าข้างถนนสายนาไคร้-มุกดาหาร บริเวณบ้านขุมขี้ยาง ต.กุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ โดยหลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าถูกฆ่าเสียชีวิตมาจากที่อื่นแล้วนำศพมาทิ้งอำพรางคดี
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 5 สิงหาคม 2564 พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ มอบหมายให้ พ.ต.อ.วิทยา เย็นจิตร รอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ เข้าติดตามคดี โดยมี พ.ต.อ.บัณฑิต สิงหประชา ผกก.สภ.กุฉินารายณ์ รายงานความคืบหน้า
โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่สืบพบเบาะแสและได้รับแจ้งจากประชาชนใน ต.หนองสูงใต้ อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร ซึ่งอยู่เขตรอยต่อกับพื้นที่ ต.กุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ว่า มีญาติเป็นหญิงหายตัวออกจากบ้านแล้ว 7 วัน จึงได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมนำภาพรูปพรรณผู้เสียชีวิตให้กับญาติดู ซึ่งญาติยืนยันว่าเป็นคนเดียวกันและจากการตรวจสอบภาพจากเฟสบุ๊คหญิงสาวคนดังกล่าว ซึ่งเป็นการโพสต์ภาพครั้งล่าสุดพบว่า มีลักษณะตรงกัน โดยเฉพาะภาพขณะในเสื้อแขนกุดสีชมพู บริเวณหน้าอกมีข้อความภาษาอังกฤษ “Note to Self…และ “RELAK”ซึ่งเหมือนกันกับเสื้อที่เจ้าหน้าที่พบในศพผู้เสียชีวิตที่คลุมศีรษะไว้ ทราบคือนางสาววาสนา หาหลัก อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112 หมูที่ 6 ต.หนองสูงใต้ อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร ซึ่งเป็นช่างเสริมสวย ชุดสืบสวนจึงเร่งติดตามตัวผู้ต้องสงสัย ซึ่งเป็นสามีของผู้เสียชีวิต และทำงานอยู่ในสำนักงานปศุสัตว์อำเภอหนองสูง จ.มุกดาหาร

กระทั่งต่อมาเวลา 11.30 น.เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ ชุดสืบสวน สภ.กุฉินารายณ์ ชุดสืบสวนสภ.หนองสูง และชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 พบตัวนายรณรัฐ โพธิผล อายุ 50 ปี ซึ่งมีตำแหน่งเป็นเจ้าพนักงานสัตวบาลสำนักงานปศุสัตว์อำเภอหนองสูง จ.มุกดาหาร และเป็นสามีผู้เสียชีวิตขณะกำลังขับรถเก๋งมาล้างบริเวณหน้าสภ.หนองสูง
เจ้าหน้าที่จึงควบคุมไว้ เบื้องต้นนายรณรัฐ รับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุฆ่านางสาววาสนา ภรรยาจริง โดยวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 4 ทุ่ม วันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตนได้โทรศัพท์นัดภรรยาออกมาพูดคุยตกลงกันที่ศาลาริมทางถนนสายนาไคร้-มุกดาหาร บริเวณบ้านขุมขี้ยาง ต.กุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งใกล้กับจุดเกิดเหตุทิ้งศพ ซึ่งได้ให้ภรรยาเข้ามาในรถ ก่อนจะมีการปากเสียงกับเรื่องการหึงหวง เพราะที่ผ่านมาโทรศัพท์ภรรยามีเบอร์โทรแปลกเข้ามาหาหลายครั้ง อีกทั้งภรรยายังหาว่าตนมีผู้หญิง ด้วยความโมโหตนจึงบีบคอภรรยาแล้วลากลงจากรถเตะที่ใบหน้า ใช้ค้อนทุบหัว นำผ้าห่มและเชือกในรถมัดคลุมนำศพแล้วนำไปทิ้งบริเวณพงหญ้าข้างถนน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงคุมตัวไปสอบสวน และเตรียมทำแผนประกอบรับสารภาพต่อไป

โจรใต้บุกถล่มชุดจรยุทธ์ทหารพรานมีกว่า15คนตัดไฟก่อนยิง M79 ข้ามจากมาเลย์

นราธิวาส/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ

โจรใต้บุกถล่มชุดจรยุทธ์ทหารพรานมีกว่า15คนตัดไฟก่อนยิง M79 ข้ามจากมาเลย์

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 3 ส.ค.64 พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 พ.อ.ทวีรัตน์ เบญจาทิกุล ผบ.ฉก.กรมทหารพรานที่ 45 พ.อ.อายุพันธ์ กรรณสูต ผบ.ชค.ปชด.พ.ต.อ.สุธาเวชช์ ธารีไทย ผกก.สภ.ตากใบ นายสังคม เกิดก่อ นายอำเภอตาก เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมเดินทางไปตรวจสอบ เหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนนานำชนิดและใช้ระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ บุกโจมตีที่ตั้งของหน่วยจรยุทธ์ กองร้อยทหารพรานที่ 4514 ช่วยสนับสนุนชุดควบคุมป้องกันชายแดน ในการปฎิษัติหน้าที่เฝ้าระวังการลักลอบข้ามแดนตามช่องทางธรรมชาติ ซึ่งตั้งฐานชั่วคราวที่ริมแม่น้ำสุไหงโก-ลก ช่วงบริเวณบ้านแฆแบะ ม.1 ต.นานาค อ.ตากใบ เหตุเกิดในช่วงเวลา 02.19 น.ของวันที่ 3 ส.ค. 64 ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 1 นาย ได้รับบาดเจ็บ 4 นาย

ล่าสุดจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า สายไฟฟ้าส่องสว่างที่เดินสายอยู่บริเวณหน้าที่ตั้งถูกตัดขาด และบริเวณรายรอบที่ตั้งมีร่องรอยคนร้ายขว้างระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ จำนวนกว่า 10 ลูก และมีปลอกกระสุนปืนสงครามนานาชนิดทั้ง เอ็ม.16 อา.ก้า.และลูกซอง ตกกระจายเกลื่อนกว่า 50 ปลอก ส่วนเต้นท์ของเจ้าหน้าที่ทหารพราน จำนวน 5 หลัง ที่มีกำลังพลประจำอยู่ 8 นาย ถูกกระสุนปืนของคนร้ายพรุน จนเต้นท์ผ้าใบที่กาง 1 ในจำนวน 5 หลัง ปลิวว่อนเกือบที่จะหลุดออกจากเสาหลักที่ใช้กางไว้ โดยเฉพาะเต้นท์หลังที่ 3 ซึ่งอยู่กลางสุดมีศพของ อส.ทพ.เกียรติขจร นาคดี นอนจมกองเลือดอยู่ในสภาพถูกกระสุนปืนของคนร้ายพรุนไปทั้งร่าง เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยเมืองตากใบ นำร่าง อส.ทพ. เกียรติขจร นาคดี ส่งโรงพยาบาลตากใบ เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง

จากการสอบสวนทราบว่า ในช่วงก่อนเกิดเหตุขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารพรานชุดจรยุทธ์ กองร้อยทหารพรานที่ 4514 กรมทหารพรานที่ 45 จำนวน 8 นาย กำลังแยกย้ายกันปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ได้มีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 15 คน พร้อมอาวุธปืนครบมือและระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ แยกกำลังออกเป็น 3 ชุด ชุดที่ 1 และชุดที่ 2 ได้แฝงตัวมากับความมืดโดยลักลอบข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลก มาจากฝั่งประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีความกว้างประมาณ 50 เมตร โดยชุดที่ 1 ได้แอบลักลอบตัดกระแสไฟฟ้าส่องสว่างที่ติดตั้งไว้บริเวณหน้าที่ตั้งของเจ้าหน้าที่ทหาร จากนั้นคนร้ายที่ 2 ได้อาศัยความมืดแฝงตัวโอบล้อมที่ตั้ง พร้อมใช้อาวุธปืนสงครามเอ็ม.16 อาก้า.และไปป์บอมบ์ขวางใส่ที่ตั้งของเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งเป็นเต้นท์ 5 หลังที่กางไว้ข้างรกป่ารกทึบริมพรมแดน แถมคนร้ายชุดที่ 3 ซึ่งแอบซ่อนตัวท่ามกลางความมืดอยู่ฝั่งประเทศมาเลเซีย ได้ใช้อาวุธปืนเอ็ม.79 ยิงใส่ที่ตั้งของเจ้าหน้าที่ทหาร แต่กระสุดพลาดเป้ามาตกที่บริเวณหินกะชุที่นำมาเรียงไว้ริมตลิ่ง แล้วจากนั้นคนร้ายที่ 3 ก็ได้ใช้อาวุธปืนสงครามยิงข้ามฝั่งจากประเทศมาเลเซีย เพื่อมิให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานออกมายิงต่อสู้ จนทั้ง 2 ฝ่ายได้เปิดฉากยิงปะทะกันเป็นละลอกๆนานกว่า 15 นาที จ.ส.อ.กฤษฎา แซ่บุ๋น หน.ชุด ได้วิทยุไปยังหน่วยควบคุมป้องกันชายแดน ที่ตั้งฐานอยู่ อ.ตากใบ และรายงานเหตุที่เกิดขึ้นต่อ พ.อ.ทวีรัตน์ เบญจาทิกุล ผบ.ฉก.กรมทหารพรานที่ 45 ให้รับทราบ เพื่อขอกำลังสนับสนุน กลุ่มคนร้ายดูท่าทีว่าไม่สามารถบุกโจมตีที่ตั้งของชุดจรยุทธ์ ที่มีมาตรการตั้งรับที่ดี จึงได้อาศัยความมืดถอนตัวหลบหนีเข้าฝั่งประเทศมาเลเซีย จากนั้น พ.อ.ทวีรตน์ เบญจาทิกุล ผบ.ฉก.กรมทหารพรานที่ 45 ได้ช่วยกันลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก เป็นการเร่งด่วน

ส่วนรายชื่อเจ้าหน้าที่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บประกอบด้วย 1. จ.ส.อ.กฤษฎา แซ่บุ๋น ถูกสะเก็ดระเบิดน่องขวาด้านซ้าย 2. อส.ทพ.มานะ เร็วสูงเนิน ถูกอัดแรงของระเบิดไปป์บอมบ์มีอาการแน่นหน้าอก 3.อส.ทพ.วุฒินันนท์ ภารกิจ ถูกสะเก็ดระเบิดตาข้างขวาและหัวไหล่ด้านซ้าย 4. อส.ทพ.วิทวัฒน์ อินทะระนก ได้รับบาดเจ็บนิ้วเท้าด้านขวาขาด ซึ่งล่าสุดทั้ง 4 นาย อาการปลอดภัยแล้ว

ด้าน พ.อ.ทวีรัตน์ เบญจาทิกุล ผบ.ฉก.กรมทหารพรานที่ 45 กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับว่าเป็นคนสูญเสียของกำลังพล ที่กลุ่มคนร้ายมักฉวยโอกาสก่อเหตุ เพื่อเป็นการตอบโต้ที่เจ้าหน้าที่ได้วิสามัญนายรอซาลี หลำโสะ ซึ่งมีหมายจับ ป.วิ อาญา 9 หมายในพื้นที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่ทหารมีมาตรการและแผนตั้งรับในการตอบโต้กลุ่มคนร้าย ที่ตนได้เน้นย้ำไว้เสมอ จนกลุ่มคนร้ายไม่สามารถที่จะโจมตีที่ตั้งของเจ้าหน้าที่ทหารได้ตามเป้าที่ตั้งไว้

นอกจากนี้แล้วในช่วงคืนที่ผ่านมาเวลาไล่เลี่ยกัน คนร้ายได้นำระเบิดแสวงเครื่องที่บรรจุใส่ไว้ในท่อแปปเหล็กทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 5 นิ้ว ยาว 12 นิ้ว ไปผูกติดไว้กับเสาไฟฟ้าริมถนนสายตากใบ สุไหงโก-ลก ช่วงบริเวณบ้านสะหริ่ง ม.1 ต.โฆษิต และได้จุดชนวนจนส่งผลทำให้เสาไฟฟ้าขาด 1 ต้น แต่โชคดีสายไฟฟ้าได้พยุงเสาไฟให้เอียงไปในไหล่ทาง ไม่ได้สร้างความเสียหายต่อการจราจร และจากการตรวจสอบในช่วงเช้า พบว่า ระเบิดแสวงเครื่องลูกดังกล่าวทำงานสมบูรณ์ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจสอบพบตัวจุดชนวนระเบิดแต่อย่างใด แต่ทำให้กระแสไฟฟ้าในพื้นที่รอยต่อ อ.ตากใบกับ อ.สุไหงโก-ลก ประชาชนไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้เป็นการชั่วคราว ซึ่งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.ตากใบ จะเร่งซ่อมแซมเพื่อให้กลับมาใช้งานตามปกติ

โจรใต้วางระเบิดนายอำเภอสุคิรินในพื้นที่ยี่งอ อส.เจ็บเล็กน้อย1นาย

นราธิวาส/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ

โจรใต้วางระเบิดนายอำเภอสุคิรินในพื้นที่ยี่งอ อส.เจ็บเล็กน้อย1นาย

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 31 ก.ค. 64 พ.ต.ท.มานพ หนูหอม สารวัตรสอบสวน สภ.ยี่งอ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดรถยนต์กระบะหุ้มเกราะของนายอรุณ ศรีใส นายอำเภอสุคิริน ที่ริมถนนสายยี่งอ มะรือโบตก ช่วงบริเวณบ้านต้นตาล ม.2 ต.จอเบาะ ทำให้รถยนต์หุ้มเกราะได้รับความเสียหาย และ อส.ที่ทำหน้าที่คอฟเวอร์ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 1 นาย จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.วรงค์ เกิดสวัสดิ์ ผกก.สภ.ยี่งอ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

พบที่บริเวณเนินดินริมถนนถูกอนุภาพของระเบิด จนกองดินและต้นไม้ที่รกทึบเตียนโล่งในรัศมีกว้าง 2 เมตร ไปตกอยู่บนถนนและป่ารกทึบริมทาง โดยมีซากเศษชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สปิกนิก หนัก 20 ก.ก. จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร ได้ตกคลุกเคล้าไปทั่วบริเวณ เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

ส่วนคนเจ็บ คือ อส.มะเซาตี นิมุ นายอรุณ ศรีใส นายอำเภอสุคิริน ได้นำคนเจ็บส่งรักษาเร่งด่วนที่โรงพยาบาลยี่งอเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา โดยถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ที่บริเวณนิ้วชี้และนิ้วกลางด้านซ้าย ก่อนที่นายอรุณ ศรีใส นายอำเภอสุคิริน ได้นำรถยนต์กระบะหุ้มเกราะ 4 ประตู สีบรอนส์ ทะเบียน 8 กช 4108 กทม.ไปยัง สภ.ยี่งอ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณประตูหน้า ประตูหลัง และหลังคาด้านซ้ายมือของคนขับได้รับความเสียหายเป็นรูโหว่จำนวนหลายจุด

โดยนายอรุณ ศรีใส นายเภอสุคิริน เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุได้นำกำลัง อส.รวม 4 นาย โดยมี อส.อารงค์ ยะโก๊ะ เป็นพลขับ และมี อส.ชัยณรงค์ อนุรักษ์ อส.ศราวุธ เป็นแก้ว และ อส.มะเซาตี นั่งคอฟเวอร์ออกจากที่ว่าการ อ.สุคิริน เพื่อไปเยี่ยมบุตรในพื้นที่ อ.รือเสาะ เมื่อเสร็จภารกิจได้นั่งโดยสารรถยนต์เพื่อกลับที่ว่าการ อ.สุคิริน เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ในป่ารกทึบริมทาง ได้ใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิดแบบเร่งด่วน ที่นำไปซุกไว้บริเวณกองเนินดินริมถนน จนเกิดระเบิดขึ้นในขณะที่รถยนต์หุ้มเกราะที่ตนนั่งโดยสารมา และสะเก็ดระเบิดได้กระเด็นไปถูกรถยนต์หุ้มเกราะได้รับความเสียหาย ส่วน อส.มะเซาตี ที่นั่งกระบะหลังถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณนิ้วได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยดังกล่าว

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่คาดว่า เป็นฝีมือการกระทำของสมาชิกแนวร่วมกลุ่มนายอาดัม เจ๊ะเลาะ ซึ่งเป็นแกนนำระดับปฏิบัติการณ์ที่เคลื่อนไหวก่อเหตุร้ายอยู่ในพื้นที่ โดยมีเป้าหมายเพื่อดักสังหารเจ้าหน้าที่กองกำลัง แต่บังเอิญนายอรุณ ศรีใส นายอำเภอสุคิริน ได้นั่งรถยนต์กระบะหุ้มเกราะขับผ่านมา จึงถูกคนร้ายจุดชนวนระเบิดเพื่อดักสังหารดังกล่าว

ปราจีนบุรี ชุดสืบสวนตามรวบผัวทำร้ายภรรยากับลูกวัย4เดือน

ปราจีนบุรี ชุดสืบสวนตามรวบผัวทำร้ายภรรยากับลูกวัย4เดือน

วันที่26กค.64 พ ต.อ.มาโนช กัณเกลา ผกก.สภ กบินทร์บุรี สั่งการให้ พ.ต.ต.สุรวิชญ์ สุวรรณรัตน์(สว.)สส.สภ.กบินทร์บุรี นำกำลังไปจับกุมนายชาญชัยใจใส ที่บ้านเลขที่ 39 หมู่ 8 ต.บ้านนา อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ก่อนหน้านี้นายชาญชัย ได้ทำร้ายร่างกาย น.ส.กัลยากร วงษ์มณี อายุ 36 ปี และลูกชายวัย4เดือนเมื่อวันที่23กค.ที่ผ่านมาภรรยาและลูกได้รับบาดเจ็บตามร่างกายหลายแห่งตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วนั้นวันนี้ พล.ต.ท.รอย อิงค์ไพโรจน์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรักษาการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 สั่งการให้ พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรีสั่งการให้ พ.ต.อ.มาโนช กัณเกลา ผกก.สภ.กบินทร์บุรี สืบหาตัวนายแมน สามีทำร้ายภรรยาและลูกมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว วันนี้ชุดสืบสวน สภ.กบินทร์บุรีนำโดย พ.ต.ต.สุรวิชญ สุวรรณรัตน์ สารวัตรสืบสวน

นำกำลังไปที่บ้านเลขที่ 39 หมู่ 8 ต.บ้านนา อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี พบนายแมนหรือนายชาญชัย ใจใส กำลังนั่งอยู่กับเพื่อนภายในบ้านหลังดังกล่าวมาสอบสวน พ ต.อ.มาโนช กัณเกลา ผกก.สอบปากคำด้วยตัวเอง นายชาญชัยให้การว่าได้ทำร้ายภรรยาและลูกจริงตามที่เสนอข่าวออกไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น สาเหตุเครียดไม่ได้ทำงานและเสพยาเสพติดมาก่อน ยอมรับผิดและขอโทษในสิ่งที่ทำไป อยากฝากถึงภรรยาว่าสำนึกผิดแล้วและอยากขอโทษกับสิ่งที่ทำลงไปวันนี้ได้ให้สัญญากับทางตำรวจว่าจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเด็ดขาดและอยากให้ภรรยาให้อภัยในสิ่งที่ตนทำลงไป จากการตรวจฉี่พบฉี่สีม่วง ตำรวจจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนข้อหาเสพยาเสพติดเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

TIGER NEWS REPORT

 

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com