google.com, pub-2709829493138336, DIRECT, f08c47fec0942fa0

ลำพูน-นทีแจ้งจับ ผู้ใช้เฟสบุ๊ก ชัด ราชวงษ์ ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา

ลำพูน-นทีแจ้งจับ ผู้ใช้เฟสบุ๊ก
ชัด ราชวงษ์ ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา

เมื่อเวลา 9.00 น. วันที่ 6 มกราคม 65 นายนที มีเดช เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.ไกรลาศ สุวีระ ร้อยเวร สภ.เมืองลำพูน กรณีเฟสบุ๊ค ชัด ราชวงษ์ โฟสต์ “ระวังนักข่าวปลอม ชื่อนที แอบอ้างขอเงินเลี้ยงปีใหม่ นักข่าวตัวจริงเขาไม่รู้เรื่อง.?

ซึ่งเรื่องดังกล่าว ทางสมาคมผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชน จังหวัดลำพูน ได้ออกมาแถลงการณ์ว่าข้อความที่ ชัด ราชวงษ์ ได้โฟสต์ลงไปนั้นไม่เป็นความจริงเป็นข้อความเท็จ นายนที มีเดช มีตำแหน่งในสมาคมผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชน จังหวัดลำพูน ในตำแหน่งปฎิคม และเป็นผู้สื่อข่าว นสพ.ลำพูนนิวส์ อีกด้วย พร้อมเรียกร้องให้ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อการโพสต์ข้อความเท็จ ทำให้ นายนที ได้รับความเสียหายทำให้ผู้อื่นเกลียดชัง ประกาศเมื่อ วันที่ 4 มกราคม 65 ที่ผ่านมา

ล่าสุดเฟสบุ๊ก ชัด ราชวงษ์ ได้ลบโพสต์นี้ออกแล้ว แต่ยังไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด

ซึ่ง นายนที มีเดช ยืนยันจะเอาเรื่องถึงที่สุด เพื่อศักดิ์ศรีตัวเองและครอบครัว ทำให้เสียชี่อ
เป็นอย่างมาก หลายคนที่ไม่รู้ความจริงเข้าใจผิดคิดว่าตนเองเป็นคนไม่ดี

สำหรับคดีนี้ พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียก ผู้ใช้เฟสบุ๊ก ชัด ราชวงษ์ มารับทราบข้อกล่าวหา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท

…………
ทีมข่าวไทยเกอร์นิวส์ จังหวัดลำพูน รายงาน

นครราชสีมา – โผล่อีกเพจดังเฟชบุ๊คแชร์คลิปสายสื่อสารพาดร่องสะพานหน้าโรงเรียนโคราชด้านผอ.โรงเรียนหวั่นความปลอดภัยวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไข

นครราชสีมา – โผล่อีกเพจดังเฟชบุ๊คแชร์คลิปสายสื่อสารพาดร่องสะพานหน้าโรงเรียนโคราชด้านผอ.โรงเรียนหวั่นความปลอดภัยวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไข

วันที่ 21 ธันวาคม 2564 จากกรณีเพจเฟชบุ๊ค อยากดังเดี๋ยวจัดให้รีเทริน์ Part 2 ได้โพสคลิปพร้อมข้อความว่าอีกกี่สะพานกี่พื้นที่ ที่สร้างกันและสุ่มเสี่ยงต่ออันตรายของประชาชนผู้ใช้งาน ตอนสร้างเค้าไม่อ่านไลน์กลุ่มสรุป สิ่งที่ดีที่สุดให้กับประชาชนอ่ออ อันนี้ เสร็จเป็น ครึ่งปีแล้วครับ ฝากคุณบรรจงด้วย เด็ก ต้องใช้ข้ามมาโรงเรียน พิกัด หน้าโรงเรียนบ้านโนนสัง ต.โพนทอง อ.สีดา จ.นครราชสีมา ส่วนเนื้อหาภายในคลิปนั่นมีเด็กนักเรียนกำลังเดินลงสะพานลอยลงมาพร้อมมีสายสื่อสารพาดร่องสะพานเป็นสิ่งกีดขว้าง ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่หน้าโรงเรียนบ้านโนนสัง ต.โพนทอง อ.สีดา จ.นครราชสีมา พบว่าเป็นสะพานลอยที่อยู่บริเวณหน้าโรงเรียนพอดีและบริเวณทางขึ้นสะพานฝั่งหน้าโรงเรียนมีสายสื่อสารซึ่งพาดผ่านร่องสะพานจนเป็นสิ่งกีดขว้างให้กับผู้ใช้สะพานลอยแถมเป็นจุดที่อยู่หน้าโรงเรียน ซึ่งทางผู้อำนวยการโรงเรียนก็หวั่นเรื่องความปลอดภัยของเด็กนักเรียนเป็นอย่างมากและอยากให้หน่วยงานเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วน

โดยนายสุนทร ไพรงาม ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโนนสัง เปิดเผยว่า ในส่วนของปัญหาสะพานลอยหน้าโรงเรียนตนก็ได้รับทราบแล้ว แต่ตอนนี้เนื่องจากสถานการณ์โควิด 19 ที่ผ่านมา ในโรงเรียนก็ได้มีการแบ่งการเรียนการสอน โดยจะมีนักเรียนมาเรียนอยู่ครึ่งเดียวในโรงเรียน ส่วนการใช้สะพานลอยของเด็กนักเรียนนั่นก็มีส่วนใช้อยู่บ้างแต่ไม่เยอะมาก ซึ่งอย่างไรก็ตามตนก็ยังมีเป็นห่วงอยู่ในการสะพานลอยหน้าโรงเรียนนี้ เพราะก็มีเด็กนักเรียนที่ผู้ปกครองพาเดินข้ามมาบ้าง อีกส่วนก็เดินข้ามถนนเอาเพราะทราบว่ามีปัญหาดังกล่าวนี้อยู่ ทั้งนี้ตนก็อยากวอนให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มาดำเนินการปรับปรุงแก้ไข เพื่อความสะดวกและปลอดภัยของคนที่ใช้สะพานลอยหน้าโรงเรียนไม่ว่าจะเป็นเด็กนักเรียนหรือประชาชนทั่วไปก็ตาม

ด้านนายสมศักดิ์ สืบสวน รองผู้จัดการด้านเทคนิคการไฟฟ้าบัวใหญ่ เปิดเผยว่า สำหรับที่ปรากฏในคลิปข่าวนั้นตนขอชี้แจ้งก่อนว่าสายดังกล่าวที่พาดลอดร่องสะพานนั้นเป็นสายสื่อสาร ไม่ใช่สายไฟฟ้าแต่อย่างใด ซึ่งสายไฟฟ้าทางการไฟฟ้าได้ยกระดับขึ้นที่สูงและประเมินว่าปลอดภัยแล้วเรียบร้อย ส่วนการดำเนินการตอนนี้ทางไฟฟ้าเองได้แจ้งกับทางบริษัทสื่อสารค่ายต่างๆให้มารื้อถอนสายสื่อสารต่างๆที่กีดขว้างทางเดินสะพานลอยแล้วโดยให้ดำเนินการแล้วเสร็จก่อนวันที่ 27 ธันวาคม 2564 และจะทำหนังสือเพิ่มให้กับทางบริษัทสื่อสารต่างๆเพิ่มเติมอีกว่าหากยังไม่มาดำเนินการรื้อถอนตามกำหนด ทางการไฟฟ้าและกรมทางหลวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะทำการรื้อถอนทั้งหมดเพื่อความสะดวกและปลอดภัยกับผู้ใช้สะพานลอยดังกล่าวนี้

ภาพ- ข่าว / อภิรักษ์ ศรีอัศวิน ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครราชสีมา

สระแก้ว – ชาวบ้านวังสมบูรณ์ร้องเรียนถนนเชื่อมต่อทางหลวง 317 ก่อสร้างใหม่ รถใหญ่เข้า-ออกไม่ได้ เรียกร้องให้แก้ปัญหาเร่งด่วน

สระแก้ว – ชาวบ้านวังสมบูรณ์ร้องเรียนถนนเชื่อมต่อทางหลวง 317 ก่อสร้างใหม่ รถใหญ่เข้า-ออกไม่ได้ เรียกร้องให้แก้ปัญหาเร่งด่วน

สระแก้ว – ชาวบ้านพื้นที่ อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว ร้องเรียนถนนเชื่อมต่อทางหลวงชนบทกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 317 สระแก้ว-จันทบุรี บริเวณตลาดวังสมบูรณ์ ที่กำลังก่อสร้างใหม่ ออกแบบก่อสร้างทำให้รถใหญ่เข้า-ออกไม่ได้ เรียกร้องให้แก้ปัญหาเร่งด่วน
เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงาน ชาวบ้านในพื้นที่ ต.วังสมบูรณ์ อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว ร้องเรียนปัญหาการก่อสร้างขยายถนนทางหลวงหมายเลข 317 สระแก้ว-จันทบุรี ช่วงวังสมบูรณ์-เขาแหลม ว่าถนนเชื่อมต่อทางหลวงชนบทสาย สก.3049 เส้นทางบ้านเขาสิงโต บรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 317 สระแก้ว-จันทบุรี ที่บริเวณหน้าตลาดวังสมบูรณ์ ที่กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้างใหม่ มีการออกแบบก่อสร้างเชื่อมต่อเส้นทางเป็นทางต่างระดับ ที่มีความลาดชันสูงมาก ทำให้รถใหญ่หรือรถพ่วงไม่สามารถเข้า-ออกไม่ได้ จึงเรียกร้องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้แก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน โดยหลังได้รับแจ้ง ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบจุดดังกล่าว โดยมี นายชาตรี สง่าพล นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลวังสมบูรณ์ พร้อมทีมผู้บริหารเทศบาลฯ ลงพื้นที่พูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.วังสมบูรณ์ และเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงชนบท โดยนายสำราญ มีล่อง หัวหน้าแขวงทางหลวงชนบทจังหวัดสระแก้ว กรมทางหลวงชนบท มอบหมายให้ นายวีรวัฒน์ แม่นปืน นายช่างโยธาปฏิบัติงาน และทีมเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงชนบท ลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหาดังกล่าว

ทั้งนี้ นายชาตรี สง่าพล นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลวังสมบูรณ์ กล่าวว่า ปัญหานี้ทางเทศบาลได้รับการร้องเรียนขอให้มีการแก้ไข เนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูที่จะมีการขนส่งพืชผลทางการเกษตร อาทิ มันสำปะหลัง ข้าวโพดและอ้อย ออกจากพื้นที่การเกษตรจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่และรถบรรทุกพ่วงในการบรรทุก เมื่อมีการก่อสร้างขยายทางหลวงหมายเลข 317 ซึ่งจากเดิม

จุดนี้มีพื้นที่เข้า-ออก ทางเชื่อมได้ง่าย เนื่องจากปากทางมีเนื้อที่กว้างในการเลี้ยวเข้าออกไปยังถนน แต่เมื่อขยายถนนเป็น 10 เลน บริเวณทางเชื่อมระหว่างถนนทางหลวงชนบทกับทางสายหลักมีการก่อสร้างเลนคู่ขนาน ทำให้การเลี้ยวเข้าออกจึงทำได้ลำบาก จึงประสานทางการไฟฟ้าฯ มาย้ายเสาไฟฟ้าออก ส่วนทางเชื่อมกับทางหลวงชนบทไปบ้านซับสิงโต ที่ทำเป็นทางลาดชันขึ้นไปหาถนนสายเดิมนั้น ตอนนี้เกิดปัญหาในการเลี้ยวเข้า-ออก และอาจมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ จึงประสานให้หน่วยงานกรมทางหลวงและแขวงทางหลวงชนบท มาร่วมกันรับทราบปัญหานี้

ทางด้าน นายวีรวัฒน์ แม่นปืน นายช่างโยธาปฏิบัติงาน แขวงทางหลวงชนบทจังหวัดสระแก้ว กรมทางหลวงชนบท กล่าวว่า การแก้ปัญหาดังกล่าว จะต้องมีการขุดถนนเส้นนี้ออกเพื่อลดระดับความลาดชันลงมาให้ใกล้เคียงกับถนนที่กำลังสร้างใหม่ ซึ่งทางหลวงชนทบได้ทำหนังสืออนุญาตให้กรมทางหลวงและผู้รับเหมา สามารถขุดถนนของทางหลวงชนบท ระยะทาง 30-40 เมตร เพื่อลดระดับความลาดชันได้ ซึ่งผู้รับเหมาสามารถเทคอนกรีตเชื่อมต่อไปพร้อมกับการออกแบบก่อสร้างขยายถนนไปได้เลย เพื่อลดปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ต้องใช้เส้นทางนี้เข้าออกช่วงที่มีการก่อสร้างทาง ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงาน แต่หากกรณีที่กรมทางหลวงไม่ดำเนินการจนเกิดปัญหา แขวงทางหลวงชนบทก็จะต้องเสนอตันสังกัดเพื่อขอตั้งงบประมาณขออนุญาต เพื่อดำเนินการซึ่งต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าจะดำเนินการได้ ดังนั้น กรมทางหลวงและผู้รับเหมาโครงการสามารถดำเนินการได้เลย เนื่องจากเป็นการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกันกับการขยายถนนสาย 317 ทั้งนี้ จะต้องมีการหารือเพื่อแก้ปัญหานี้ระหว่างหน่วยงานด้วยกันทันที เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ใช้ทางต่อไป

..นายยุทธนา พึ่งน้อย ผู้สื่อข่าวจังหวัดสระแก้ว

มุกดาหาร ชาวบ้านร้องให้ปรับปรุงสนามกีฬาปล่อยรกร้างมานาน

มุกดาหาร ชาวบ้านร้องให้ปรับปรุงสนามกีฬาปล่อยรกร้างมานาน

มุกดาหาร/เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 64 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านคำป่าหลาย อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร ว่าสนามฟุตบอล ซึ่งอยู่ในความดูแลของเทศบาลตำบลคำป่าหลาย ได้ปล่อยรกร้าง และนำวัว-ควายเข้ามาเลี้ยงกินหญ้าในสนามแห่งนี้มานานเกิน 10 ปี อยากให้ทางเทศบาลเข้ามาดูแลปรับปรุงให้กลับมาใช้ได้ปกติ ชาวบ้านจะได้มีที่ออกกำลังกาย เด็กและเยาวชนก็จะมีสถานที่เล่นกีฬา
นางหนูแวน รูปงาม อายุ 67 ปี บ้านเลขที่ 133 หมู่ 10 บ้านคำน้ำเที่ยง ตำบลคำป่าหลาย อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร บอกว่า สนามกีฬาแห่งนี้จำไม่ได้ว่าสร้างมากี่ปีแล้ว ปล่อยรกร้างมาหลายปี อยากจะให้ผู้นำหรือผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบเข้ามาดูแลให้ดีขึ้น อยากให้ปรับปรุง เพื่อเยาวชนเพื่อชาวบ้าน จะได้มีที่ออกกำลังกาย ที่ผ่านมาเป็นอย่างที่เห็น เป็นสนามเลี้ยงวัวเลี้ยงควาย อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามารับผิดชอบเข้ามาแก้ไข มาปรับปรุงซ่อมแซม ให้เป็นที่ออกกำลังกายไม่อยากให้รกร้างเสียงบประมาณไปเปล่า ๆ อยากให้มาปรับปรุงแก้ไขสนามกีฬาตรงนี้

ด้านนายเจริญ คำลือชัย รองนายกเทศมนตรีตำบลคำป่าหลาย กล่าวว่า เป็นความจริงที่เขาร้องเรียน ซึ่งเป็นนโยบายของผู้บริหารชุดเก่าที่ปล่อยปะละเลยรกร้าง ตามปกติแล้วจะมาออกกำลังกาย ในช่วงปีใหม่ชาวบ้านตำบลคำป่าหลายทั้ง 4 หมู่บ้าน มีการจัดแข่งขันกีฬาประเพณีทุกปี เทศบาลได้นำพนักงานเจ้าหน้าที่มาปรับปรุงเป็นช่วง ๆ ซึ่งมันก็แย้งนโยบายกับท่านนายกฯคนใหม่ ท่านก็เห็นว่ามันรกร้าง เสียดายงบประมาณที่ก่อสร้างมา ท่านก็มีนโยบายว่าจะปรับปรุงให้สะอาด ให้เป็นแหล่งสถานที่ออกกำลังกาย เล่นกีฬา ซึ่งได้มอบนโยบายให้กับทีมบริหาร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มาปรับปรุงดูแลรักษาสนามกีฬาแห่งนี้

ให้คุ้มค่างบประมาณที่ได้รับมา ซึ่งพึ่งเข้ามารับตำแหน่ง งานก็เยอะ สนามกีฬาแห่งนี้มีคนร้องเรียน เราไม่ตำนิเป็นกระจกยินดีแก้ไขปัญหา เราจะซ่อมแซมให้ดี ไม่ให้เป็นแหล่งมั่วสุมของเด็กเยาวชน ก็จะแก้ไขปรับปรุง ให้ เป็นที่ออกกำลังกายของประชาชนและชาวบ้านในชุมชนต่อไป
รองนายกเทศมนตรีตำบลคำป่าหลาย กล่าวต่ออีกว่า ส่วนงบประมาณในเทศบาลก็น้อย ตำบลคำป่าหลายมีพื้นที่ใหญ่ พื้นที่ทั้งหมดมี 17 หมู่บ้าน ปัญหาต่าง ๆ ก็เยอะ งบประมาณในการปรับปรุงซ่อมแซมสนามกีฬาก็มีน้อย ก็อยากขอไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบช่วยอุดหนุนงบประมาณ เพื่อมาซ่อมแซมสนามกีฬาแห่งนี้ ให้เป็นสนามกลาง สนามมาตรฐาน เพื่อรองรับเป็นที่อออกกำลังกาย และเป็นสถานที่แข่งขันกีฬาระดับตำบล ขอฝากไปยังหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่มีงบประมาณ ทางเทศบาลฯจะได้ทำโครงการของบประมาณมาซ่อมแซมสนามกีฬา ถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบต่อไป
หลังจากผู้สื่อข่าวได้ลงพื้น ทางเทศบาลตำบลคำป่าหลาย ได้ระดมเจ้าหน้าที่กองสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ อพปร. พนักงานเทศบาลตำบลคำป่าหลายเข้ามาทำความสะอาด ตัดหญ้า ตัดแต่งกิ่งไม้ และปรับภูมิทัศน์บริเวณสนามกีฬาดังกล่าว เพื่อความสวยงามและสามารถเข้ามาใช้กิจกรรมต่าง ๆ ในสนามกีฬาแห่งนี้ได้ตามปกติต่อไป

ไกรสมุทร นามโพธิ์ไทร/รายงานจากมุกดาหาร
081-8501177

ลำพูน-ชาวบ้านตำบลหนองหนาม ยื่นหนังสือถึงส่วนราชการ ค้านบริษัทยักษ์ใหญ่ สร้างโรงฆ่าสัตว์

ลำพูน-ชาวบ้านตำบลหนองหนาม ยื่นหนังสือถึงส่วนราชการ ค้านบริษัทยักษ์ใหญ่ สร้างโรงฆ่าสัตว์

วันที่ 9 ธันวาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในพื้นที่ศาลากลางจังหวัดลำพูน อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ชาวบ้านจาก 5 หมู่บ้าน ใน ตำบลหนองหนาม อำเภอเมืองลำพูน ได้มีการรวมตัวเพื่อยื่นหนังสือค้านสร้างโรงงานฆ่าสัตว์ในพื้นที่เกือบ 100 ไร่ ในตำบลหนองหนาม หมู่ที่ 4 บ้านต้นปัน หมู่ที่ 6 บ้านกอข่อย หมู่ที่ 3 บ้านกอลุง หมู่ที่ 5 บ้านหนองเหียง และหมู่ที่ 7 บ้านหนองเรือ เพื่อสร้างเป็นโรงฆ่าไก่ โรงฆ่าหมู โรงอาหารแปรรูป และโรงคัดไข่ พร้อมกับน้ำป้ายไวนิล ว่า “คนลำพูน เราไม่เอาโรงฆ่าสัตว์” พร้อมกับยืนเรียงแถวชูป้ายและส่งเสียงพร้อมกันว่า ไม่เอาโรงฆ่าสัตว์ เพื่อแสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนในการคัดค้านการก่อสร้างโรงงานฆ่าสัตว์ขนาดใหญ่ ของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ที่มีแผนจะมาตั้งโรงงานขนาดใหญ่ในพื้นที่ตำบลหนองหนาม

ด้านตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า การเข้ามาตั้งโรงงานดังกล่าวทำให้เกิดผลเสียระยะยาวหลายข้อ ชาวบ้านต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน ในเรื่องมลพิษ กลิ่น เสียง โดยเฉพาะเรื่องน้ำ ในเขตตำบลหนองหนาม ก็มีโรงงานหลากหลายมาสร้างแล้ว รวมไปถึงการใช้น้ำ หากมีโรงงานมาตั้งก็ต้องใช้น้ำจำนวนมากต้องเกิดปัญหาการแย่งน้ำกันอย่างแน่นอน ตามมาด้วยปัญหาแรงงาน

อาจจะก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมตามมาได้ อีกทั้งจะมีเรื่องถนนหนทางที่ชำรุดเสียหายเพราะมีการขนส่งทั้งขาเข้าขาออก พื้นที่การเกษตรถูกทำลายไปด้วย ส่วนข้อดีการตั้งโรงงาน มีเพียงน้อยนิดซึ่งไม่รู้ว่าจะดีจริงหรือไม่ เช่น เรื่องเศรษฐกิจดีมีความเจริญ หรือการได้ซื้อหมูในราคาถูก ชาวบ้านก็มีตลาดของชาวบ้านเองที่เป็นผู้ค้ารายย่อย ซึ่งมีมาตรฐานราคาอยู่ หากมีโรงงานเข้ามากลุ่มแม่ค้าเขียงหมูในตลาดก็คงต้องตกงาน อีกทั้งลูกหลานมีงานทำใกล้บ้าน หากลูกหลานคนรุ่นใหม่จบ ป.ตรี มาคิดว่าคงไม่มีใครเข้าไปทำงานรับจ้างแล่ชิ้นส่วน ล้างเลือด ล้างขี้หมู โดยได้ค่าจ้างรายวันขั้นต่ำตามที่รัฐบาลประกาศ และสวัสดิการตามกฎหมายกำหนด สำหรับการมารวมตัวกันครั้งนี้ ก็เพื่อแสดงออกอย่างชัดเจนว่าชาวบ้านไม่เอาโรงฆ่าสัตว์อย่างเด็ดขาด และจะต่อต้านทุกด้าน

รายงานข่าวแจ้งว่า ทางตัวแทนชาวบ้านได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อ เจ้าคณะจังหวัดลำพูน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจังหวัดลำพูน นายอำเภอเมืองลำพูน เพื่อชี้แจงปัญหาการสร้างโรงฆ่าสัตว์ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่คาบเกี่ยวเขตบ้านต่างๆ โดยจะมีการฆ่าสุกรวันละ 600 ตัว ฆ่าไก่วันละ 50000 ตัวต่อวัน ซึ่งชาวบ้านเล็งเห็นว่าสถานที่ไม่เหมาะสม จึงมายื่นหนังสือดังกล่าว

…………………….
กฤตยชญ์ พิงคะสัน ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดลำพูน รายงาน

สาวหล่อร้องถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บเย็บ 47 เข็ม เกือบ 2 ปี คดีไม่คืบ

สาวหล่อร้องถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บเย็บ 47 เข็ม เกือบ 2 ปี คดีไม่คืบ

ร้องนายประทีป นาคบังเกิด ทนายความศูนย์ช่วยเหลือประชาชนทางกฏหมายจังหวัดชลบุรี ถูกบุกรุกข่มขู่ในบ้านยามวิกาล และถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บเย็บถึง 47 เข็ม เกือบ 2 ปี คดีไม่คืบ แถมถูกคุกคามข่มขู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งที่มีคลิปและภาพถ่ายชัดเจน
เมื่อวันที่ 24 พ.ย.64 น.ส.กิติยา บุตรศิริ อายุ 28 ปี สาวหล่อ อยู่บ้านเลขที่ 145/57 ม.6 ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และ น.ส.นาตาลี วีแรนท์ อายุ 22 ปี พร้อมนายประทีป นาคบังเกิด ทนายความศูนย์ช่วยเหลือประชาชนทางกฏหมายจังหวัดชลบุรี ได้เข้าพบพนักสอบสวน สภ.สัตหีบ เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดีบุกรุกยามวิกาลและทำร้ายร่างกาย โดยเข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ เมื่อวันที่ 14 มี.ค.63 ว่าได้ถูกนาย ณัฐภัทร์ ดุลยประภา แฟนเก่าของ น.ส.นาตาลี บุกรุกเข้ามาในบ้านข่มขู่และตามออกไปทำร้ายร่างกายที่บริเวณหน้าห้างบิ๊กซีสาขาบางเสร่ โดยใช้วัตถุมีคมฟันเข้าที่ใบหน้าและลำตัวหลายแห่ง โดยเฉพาะที่แขนเป็นแผลฉกรรจ์เย็บถึง 47 เข็ม
โดย น.ส.กิติยา บุตรศิริ ได้กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุ นายณัฐภัทร์ ทราบข่าวว่า ตนและ น.ส.นาตาลี แฟนเก่าของนาย ณัฐภัทร์ กลับมาพักที่บ้านที่ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จึงได้ตามมาที่บ้าน เมื่อเวลา 22.00 น. ของวันที่ 14 มี.ค.63 โดยปีนรั้วเข้าไปเคาะประตูบ้านเรียกให้ตน และ น.ส.นาตาลี แฟนเก่าของนายณัฐภัทร์ ให้ออกมานอกบ้าน แต่ตนและ น.ส.นาตาลี เห็นว่านายณัฐภัทร์ มีอาวุธมีดและร้องตะโกนเสียงดังลั่นว่าให้เอาผัวใหม่ออกมาด้วยกูจะแทงผัวใหม่มึง ซึ่งนายณัฐภัทร์ เข้าใจว่าตนและ น.ส.นาตาลี เป็นแฟนกัน ตนและ น.ส.นาตาลี จึงไม่กล้าออกจากบ้าน นายณัฐภัทร์ โมโห จึงได้ใช้สีสเปรย์พ่นรถยนต์เก๋งของตนจนเกิดความเสียหายทั้งคัน ตนจึงได้โทรศัพท์แจ้ง จนท.ป้อมตำรวจบางเสร่ ให้เข้ามาระงับเหตุ เพื่อจับกุมตัวนายณัฐภัทร์ เมื่อ ตร.มาถึง นายณัฐภัทร์ กลับไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังตะโกนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ทวงเงินและทองคำอ้างว่าเป็นค่าสินสอดคืนจากอดีตแม่ยาย จน จนท.ตำรวจ ได้นำตัว นายณัฐภัทร์ ออกไปจากบ้าน

ซึ่งตนเองคิดว่าเรื่องจบไปแล้ว จึงได้ออกจากบ้านไปกับ น.ส.นาตาลี เพื่อไปซื้อของที่ห้างบิ๊กซีบางเสร่ เมื่อซื้อของเสร็จแล้ว จึงได้เดินทางออกจากห้างฯ และมาพบกับ นายณัฐภัทร์ ซึ่งถืออาวุธวัตถุมีคมยืนดักรออยู่และจู่ๆได้ปรี่เข้ามาทำร้ายฟันเข้าที่ศรีษะ ลำตัว และที่แขน จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นแผลฉกรรจ์เย็บถึง 47 เข็ม จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ ให้ดำเนินคดีกับนายนณัฐภัทร์ ตามกฏหมายจนถึงที่สุด
หลังจากแจ้งความร้องทุกข์แล้ว นายณัฐภัทร์ ยังไม่ยอมหยุดได้ข่มขู่คุกคามเพื่อให้ถอนแจ้งความ หากไม่ถอนแจ้งความจะทำร้ายตนและคนในครอบครัว จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ เพิ่มอีก 3 ครั้ง ซึ่ง จนท.ตร. ก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น จึงได้มาร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ นายประทีป นาคบังเกิด ทนายความศูนย์ช่วยเหลือประชาชนทางกฏหมายจังหวัดชลบุรี พร้อมนำหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอ ภาพนิ่ง และข้อความทางเฟสบุ๊ค ขณะเกิดเหตุ เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ เพื่อขอทราบความคืบหน้าของคดี และจากการตรวจสอบทราบว่า ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหานายณัฐภัทร์ แต่อย่างใด
ด้านนายประทีป นาคบังเกิด ทนายความฯ กล่าวว่า จะได้นำผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์ เพิ่มเติมในเรื่องของการบุกรุกในยามวิกาล เพื่อทำร้ายร่างกายเพิ่มเติมต่อไป
ทางด้านพนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้ออกหมายเรียก นายณัฐภัทร์ มาแล้ว 2 ครั้ง แต่นายณัฐภัทร์ ยังไม่ได้มาพบพนักงานสอบสวน ขณะนี้ได้เร่งดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมผลการตรวจร่างกายของแพทย์ เพื่อขอหมายศาลจังหวัดพัทยา จับกุมตัวนายณัฐภัทร์ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภาพ/ข่าว นิราช/นันฐพล/พิชญ์ฐญา ทิพย์ศรี จ.ชลบุรี
พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

เร่งล่ามือดีขโมยดูดทรายในคลองชลประทาน

เร่งล่ามือดีขโมยดูดทรายในคลองชลประทาน
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2564 เวลา10.00 น. สมาคมสื่อธรรมมาภิบาลต่อต้านคอรัปชั่น พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ 5 หน่วยงาน กรมชลประทาน

เทศบาลตำบลแม่ปั๋ง กรมอุทยานศรีล้านนา และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โหล่งขอด คณะทำงานไทยเป็นหนึ่ง ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบ บริเวณคลองแม่งัด ตำบลแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ กรณีที่มีชาวบ้านเข้าร้องเรียนว่ามีการลักลอบเข้าขุดทรายในลำคลองแม่งัด โดยไม่ได้รับอนุญาติ หลังจากเข้าตรวจสอบพื้นที่ หลายหน่วยงานลงความเห็นพ้องต้องกันว่า

เป็นการขุดไปโดยผิดกฏหมาย และได้มอบให้เทศบาลตำบลแม่ปั๋ง ในฐานะเจ้าของพื้นที่เป็นผู้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.โหล่งขอด เพื่อดำเนินการกับผู้กระทำความผิดต่อไป
ต่อมา เวลา 13.50 น. ตัวแทนจากสมาคมสื่อธรรมมาภิบาลต่อต้านคอรัปชั่น ได้นำหลักฐานการกระทำความผิดเข้าพบเจ้าพนักงานสอบสวน สภ.โหล่งขอด เพื่อมอบเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม แก่เจ้าหน้าที่ เพื่อใช้ประกอบสำนวนและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

กลุ่มคนไร้บ้านในจังหวัดเชียงใหม่กว่า 50รายบุกศาลากลางเชียงใหม่ ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าวอนช่วยจัดสรรที่อยู่

กลุ่มคนไร้บ้านในจังหวัดเชียงใหม่กว่า 50รายบุกศาลากลางเชียงใหม่ ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าวอนช่วยจัดสรรที่อยู่

เมื่อเวลา 9.00 น. วันที่ 15 พ.ย.64 นายทรงฤทธิ์ ธรรมชัย อายุ 63 ปี ประธานเครือข่ายที่อยู่อาศัยเมือง และนางน้ำทิพย์ เป่าป้อ อายุ 52 ปี ชาวชุมชนกำแพงงาม พร้อมกลุ่มคนไร้บ้านกว่า 50 ราย ถือป้ายรณรงค์ ‘’วันที่อยู่อาศัยโลก’’ เดินขบวนมายังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัด แก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยชุมชนผู้มีรายได้น้อยในจังหวัดเชียงใหม่ ขอให้รัฐบาล และคณะกรรมการนโยบายที่อยู่อาศัยแห่งชาติ ให้ความสำคัญและผลักดันการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในทุกระดับ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและการมีศักดิ์ศรีของมนุษย์ด้านที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อย
และขอให้รัฐบาล ส่งเสริมและมาตรการให้มีการกำหนดสัดส่วนของภาคประชาชน และประชาสังคมในกลไกการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในทุกระดับ
ส่วนด้านการดำเนินงานที่ดิน ที่อยู่อาศัย ขอให้กระทรวงมหาดไทยมีข้อสั่งการให้ท้องถิ่นสำรวจข้อมูลและทำแผนผู้เดือดร้อนด้านที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อย ร่วมกับองค์กรชุมชนทุกระดับอย่างมีส่วนร่วม
ขอให้กระทรวงมหาดไทยและคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกันออกกฎ/ระเบียบที่เกี่ยวข้องและสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกประเภทเป็นเจ้าภาพหลักในการจัดการและพัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อย
และขอให้กระทรวงมหาดไทยออกมาตรการและข้อกำหนดที่เอื้อต่อการดำเนินงานที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อย เช่น การลดขั้นตอนการขออนุญาตก่อสร้างอาคาร การผ่อนปรนกฎระเบียบ การลดค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ ขอให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบเพื่อการจัดรูปที่ดินตาบอด ในกรณีการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อย (โครงการบ้านมั่นคง)
นอกจากนี้นยังขอให้กระทรวงมหาดไทย จัดตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาและพัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยระดับเมืองและตำบล
นายนายทรงฤทธิ์ ธรรมชัย อายุ 63 ปี ประธานเครือข่ายที่อาศัยเมือง

กล่าวว่า การที่เดินทางมายื่นหนังสือครั้งนี้จะมีการเสนอนำนโนบายแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยในจังหวัดเชียงใหม่หลังขณะนี้พบว่ามีการไล่ที่ของชาวบ้านในชุมชนคลองแม่ข่าและที่สาธารณะ ที่วัด และเอกชน 100 กว่ารายที่เดือดร้อนดังนั้นจึงต้องการให้ทางผู้ว่าราชการเชียงใหม่ช่วยจัดสารรที่อยู่ให้กลุ่มบุคคลเหล่านี้ด้วย จะให้เช่าก็ได้ เพื่อให้พวกเขาไม่ต้องเป็นบุคคลเร่ร่อนและไร้บ้าน
โดยมีกำลังตำรวจ สภ. ช้างเผือกเข้ามารักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดหวั่นเกิดเหตุบานปลายหลังตัวแทนจะยื่นหนังสือกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่แต่ทางผู้ว่าได้มอบหมายให้ทางพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงใหม่มารับเรื่องแทนแต่กลุ่มไร้บ้านไม่ยอม โดยอ้างว่าได้เดินทางมายื่นหนังสือสองรอบแล้วไม่เคยได้พบผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถ้าหากผู้ว่าไม่ลงมารับหนังสือขอตัวแทนเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดมารับหนังสือแทน
กระทั่ง นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้ลงมารับหนังสือจากตัวแทนและผู้คุยกับกลุ่มคนไร้บ้านซึ่งหลังจากยื่นหนังสือเสร็จ
ทางนายวรวิทย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้กล่าวกับ กลุ่มคนไร้บ้านว่า จะรับเรื่องที่มีการยื่นหนังสือไว้และจะส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งแก้ไขปัญหานี้
ทำให้กลุ่มคนไร้บ้านพอใจก็จะสลายตัวและแยกย้ายกันกลับ

ฟงหวิน ศักดิ์อัศวิน–เชียงใหม่

นครราชสีมา – ชาวบ้านร้องมีนักการเมืองท้องถิ่นโคราช นำที่เรือนจำเขาพริก ไปแอบขายให้นายทหารยศพันตรีกว่า 5 ไร่ วอนให้ตรวจสอบ

นครราชสีมา – ชาวบ้านร้องมีนักการเมืองท้องถิ่นโคราช นำที่เรือนจำเขาพริก ไปแอบขายให้นายทหารยศพันตรีกว่า 5 ไร่ วอนให้ตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จาก นายราชัน ปริตรรักษ์ธำรง อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/2 ม.1 ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ชาวบ้านในพื้นที่ ว่ามีนักการเมืองท้องถิ่นในจังหวัดนครราชสีมาพร้อมพวก ได้นำที่ดินของกรมราชทัณฑ์ ที่อยู่บริเวณทางขึ้นวัดพระพุทธบาทคีรี เขาพริก บ.โนนลำไย ม.7 ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา จำนวน 5 ไร่ ซึ่งมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ไปขายต่อให้กับ พันตรี คนหนึ่ง ในราคาไร่ละ 9 หมื่นบาท โดยที่พื้นที่ดังกล่าว อยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ และได้มีการนำป้ายไวนิลสีแดงมาติดประกาศ มีข้อความว่า ที่ดินของทางราชการไม่สามารถซื้อขายหรือโอนกรรมสิทธิ์ได้ หากฝ่าฝืนจะดำเนินคดีการตามกฎหมายทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ก่อนจะมีมือดีมาทำลายเสาปูนและเคลื่อนย้ายป้ายมาติดกับต้นไม้แทน ซึ่งถือว่าเป็นการทำลายทรัพย์สินของทางราชการ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยติดตามหาความจริง เรื่องดังกล่าวด้วย เพราะรัฐเป็นหน่วยงานที่เสียหาย
นายราชัน ปริตรรักษ์ธำรง อายุ 54 ปี ชาวบ้าน เปิดเผยว่า มีกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาพร้อมพวก บุกรุกที่ดิน กรมราชทัณฑ์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่การดูแลของเรือนจำเขาพริก ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว นำมาขายต่อให้กับ พันตรี คนหนึ่ง ในราคา ไร่ละ 9 หมื่นบาท รวม 5 ไร่ เป็นเงิน 450,000 บาท ซึ่งตนได้มีการร้องไปที่กรมราชทัณฑ์ แต่ไม่มีความคืบหน้าหรือดำเนินคดีตามกฎหมายแต่อย่างใด ซึ่งตนมองว่าน่าจะมีผลประโยชน์รวมกัน เพราะมีการรื้อถอนเสาที่ปักไว้ของกรมราชทัณฑ์ พร้อมป้ายไวนิลติดประกาศ อีกทั้งยังมี หลักหมุดแนวเขตปลอมในพื้นที่ด้วย จึงอยากสอบถามไปยังกรมราชทัณฑ์ ว่าตนเป็นประชาชนคนหนึ่งที่ต้องการปกป้องพื้นที่ ไม่ให้ใครเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ หากหน่วยงานของรัฐไม่มีการดำเนินการในการหาผู้กระทำความผิดในครั้งนี้ ตนจะร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในฐานความผิด พ.ร.บ.157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ซึ่งตนพร้อมที่จะนำหลักฐานมอบให้ และจะขอต่อสู้ไปจนตัวตาย

ด้าน นายไพรัตน์ ขมินทกูล ผู้อำนวยการทัณฑสถานเกษตรอุตสาหกรรมเขาพริก เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องร้องเรียน แต่ไม่เจอตัวผู้กระทำความผิด จึงได้มีการนำป้ายมาติดประกาศว่า ที่ดินของทางราชการไม่สามารถซื้อขายหรือโอนกรรมสิทธิ์ได้ หากฝ่าฝืนจะดำเนินคดีการตามกฎหมายทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย โดยจากการตรวจสอบของกรมธนารักษ์ แจ้งมาว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความดูแลของเรือนจำเขาพริก หลังจากนี้ก็มีการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบว่ามีการบุกรุกตามที่มีการกล่าวอ้างหรือไม่ หากว่าพบมีการบุกรุกจริง เบื้องต้นจะต้องแจ้งกับผู้บุกรุกว่านี่ คือสถานที่ราชการ ให้ดำเนินการรื้อถอนออกไป ไม่สามารถที่จะเข้ามาถือครองเป็นกรรมสิทธิ์ได้ หากแจ้งแล้วไม่มีการดำเนินการรื้อถอนก็จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนพบว่ามีการรื้อถอนป้ายไวนิลที่ติดประกาศของทางราชการออก ก็ต้องมีการดำเนินการลงบันทึกประจำวัน เพื่อติดตามตัวผู้ที่ทำลายทรัพย์สินทางราชการมามาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อภิรักษ์ ศรีอัศวิน / ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครราชสีมา

เช้าวันนี้ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ตามที่ชาวบ้านสองฝั่งคลองพระอุดม ร้องเรียนผักตบชวาและวัชพืชขึ้น

ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือเจ้าของนโยบายคลองสวยน้ำใส (ทำได้เลย)
เช้าวันนี้ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่
ตามที่ชาวบ้านสองฝั่งคลองพระอุดม ร้องเรียนผักตบชวาและวัชพืชขึ้น
เต็มคลอง ขาดหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแล
ตามที่ชาวบ้านสองฝั่งคลองพระอุดมหรือ 2 ตำบล

ประกอบด้วยตำบลคูบางหลวง (ริมคลองด้านฝั่งตะวันออก) ตำบลคูขวาง (ริมคลองด้านฝั่งตะวันตก)
ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน
ปัญหาเรื่องผักตบชวาและวัชพืชขึ้นเต็มคลองเป็นเป็นแรมปีระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร
ในวันนี้ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตามที่ได้รับร้องเรียนจากประชาชน
ได้รับผลกระทบจากการดำรงชีวิตประจำวัน
ด้วยพื้นที่คลองพระอุดม
ในเขตอำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี
ปัญหาผักตบชวาและวัชพืชขึ้นปกคลุมเต็มคลอง ทำให้ส่งผลกับการดำรงชีวิตของประชาชนในพื้นที่

เพราะประชาชนในพื้นที่ใช้น้ำทางการอุปโภคบริโภคและทางการเกษตร
จึงนำปัญหาในพื้นที่ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ
และประชาชนผู้ได้รับผลกระทบฝากถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เจ้าของโครงการคลองสวยน้ำใส หรือเป็นเพียงแค่วลีเด็ดในการหาเสียงเลือกตั้งทางการเมือง

ภาพ/ข่าว -อนัน
ปทุมธานี

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com