google.com, pub-2709829493138336, DIRECT, f08c47fec0942fa0

นครราชสีมา – ชาวบ้าน 3หมู่บ้าน ตำบลแก้งสนามนาง อำเภอแก้งสนามนาง จังหวัดนครราชสีมา เรียกร้องขอทวงคืนงบประมาณ โครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ที่ถูกตัดงบประมาณไป วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบ

นครราชสีมา – ชาวบ้าน 3หมู่บ้าน ตำบลแก้งสนามนาง อำเภอแก้งสนามนาง จังหวัดนครราชสีมา เรียกร้องขอทวงคืนงบประมาณ โครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ที่ถูกตัดงบประมาณไป วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบ

วันที่ 31 กรกฎาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีชาวบ้านศูนย์กลาง หมู่1,บ้านโนนรัง หมู่2,บ้านหนองสะเดา หมู่6 ตำบลแก้งสนามนาง อำแก้งสนามนาง จังหวัดนครราชสีมา ที่ได้รับความเดือดร้อน จากการที่ชุดคณะอนุกรรมาธิการท้องถิ่น และเงินอุดหนุนที่จัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้เห็นชอบตัดงบประมาณ ได้ออกมาเรียกร้องขอท่วงคืนงบประมาณ โครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ความยาว 3,100 เมตร กว้าง 6 เมตร งบประมาณกว่า 9,365,000 บาท ระหว่างถนนบ้านศูนย์กลางเชื่อมต่อไปยังถนนบ้านหนองสะเดา ตำบลแก้งสนามนาง อำเภอแก้งสนามนาง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อมาบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากในการสัญจรไป-มา และขนถ่ายพืชผลการทางเกษตรออกมาส่งในตัวอำเภอแก้งสนามนาง จังหวัดนครราชสีมา
นางเยาวภา ศิริเปรมกุล ตัวแทนชาวบ้าน เล่าว่า ถนนตอนนี้แย่มาก เวลาตนทางไปทำนาก็จะใช้เส้นทางนี้เป็นประจำ ถ้าเวลาฝนตกจะไม่สามารถใช้ถนนเส้นนี้ได้ เนื่องจากเละกลายเป็นโคนลูกเด็กเล็กแดงไปโรงเรียนลำบากทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง จึงอยากวิงวอนรัฐบาลให้ลงมาช่วยจัดสรรงบประมาณทำถนนให้ด้วย เนื่องจากชาวบ้านรอมานาน 30 ปี ถนนบางจุดก็เกือบจะขาดแล้ว

ด้านนายสราวุธ จรมั่งนอก ประธานสภาอบต.แก้งสนามนาง เปิดเผยว่า จากที่เคยได้งบประมาณสร้างถนน อยู่ดีๆก็ถูกตัดไป ชาวบ้านจึงออกมารวมตัวกันเพื่อจะของบประมาณคืน จึงอยากให้ทางรัฐบาลช่วยตรวจสอบและของบประมาณคืนมา เพื่อสร้างถนนให้กับประชาชนที่สัญจรผ่านไปมาสะดวก เนื่องจากถนนเส้นทางนี้จะเชื่อมต่อจากอำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ จึงอยากได้งบประมาณที่ถูกตัดไปมาสร้างถนนให้กับประชาชน จึงอยากได้งบประมาณถนนกลับคืนมา
อยากไรก็ตาม ชาวบ้านจึงอยากขอให้คณะกรรมาธิการงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ได้ทบทวนและจัดสรรคืนงบประมาณดังกล่าว ที่สำนักงบประมาณ ได้ผ่านความเห็นชอบโครงการดังกล่าวแล้ว คืนให้กับประชาชนในพื้นที่ต่อไป

ข่าวนครราชสีมา

ชาวบ้านกว่า 200 หลังคาเรือน บุกร้อง ผวจ.ชลบุรี ไม่มีน้ำประปาใช้มากว่า 30 ปี ต้องซื้อน้ำใช้ทั้งที่อยู่ห่างประปาไม่เท่าไร

ชาวบ้านกว่า 200 หลังคาเรือน บุกร้อง ผวจ.ชลบุรี ไม่มีน้ำประปาใช้มากว่า 30 ปี ต้องซื้อน้ำใช้ทั้งที่อยู่ห่างประปาไม่เท่าไร

จากกรณี ที่มีชาวบ้าน 200 ครัวเรือน ทนเดือดร้อนกว่า 30 ปี ไม่มีน้ำประปาใช้ ทั้งที่อยู่ห่างการประปาไม่กี่กิโลเมตร แต่ไม่เคยได้ใช้น้ำประปากว่า 30 ปี ร้องหน่วยงานแล้วไม่เคยมีใครสนใจ เทศบาลฯ เคยลงมาสำรวจแล้วก็เงียบไป วอนสื่อช่วยเป็นกระบอกเสียงให้ชาวบ้านด้วย ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านหมู่ 4 ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พบชาวชุมชน SR กว่า 50 คน เป็นตัวแทนกลุ่มชาวบ้านชุมชนดังกล่าว ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ยังไม่มีระบบน้ำประปาเข้ามาในหมู่บ้านนานกว่า 30 ปีแล้ว ทั้งๆ ที่มีการประชาคมหมู่บ้านไปแล้วหลายครั้งแต่เงียบหายไปทุกครั้ง ซึ่งหมู่บ้านใกล้ๆ กันมีน้ำประปาใช้ได้แบบปกติ ส่วนพวกตนต้องซื้อน้ำรถ เที่ยวละ 170 บาท มาใช้อย่างต่อเนื่อง
นางสาวไพรินทร์ โพธิ์ศรีจันทร์ อยู่บ้านเลขที่ 143 ม.4 ต.หนองปลาไหล กล่าวว่าตนและพวกชาวบ้านอาศัยอยู่ในชุมชนแห่งนี้ มาหลายสิบปีแล้ว และต้องซื้อน้ำจากรถมาใช้ อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง เกือบทุกบ้านซึ่งพวกตนเองแปลกใจทั้งๆ ที่อยู่ในเขตเทศบาลตำบลหนองปลาไหล แต่กลับไม่มีประปาใช้ ตอนช่วงเลือก ตั้งทางเทศบาลและสมาชิกสภาจังหวัด ก็รับปากพวกชาวบ้านเป็นอย่างดี ถ้าได้รับเลือกเข้าไปจะเสนอเป็นโครงการเร่งด่วน สุดท้ายก็เงียบหายไป
คืบหน้าวันนี้ 18 ก.ค.65 เวลา 11.00 น. กลุ่มชาวบ้านชาวชุมชน SR กว่า 50 คน เป็นตัวแทนกลุ่มชาวบ้านชุมชนดังกล่าวกว่า 50 คนประมาณ 200 หลังคาเรือน ได้เดินทางมายังศาลากลางจังหวัดชลบุรีเพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนกับ นายทิศนุ ธีระนุกูล ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชลบุรี

จากการสอบถาม นายบุญมี ศรีสุข ตัวแทนชุมชน SR ได้เล่าว่าท่าน ผวจ.ชลบุรี ได้รับเรื่องไว้แล้วและอยากให้ดำเนินการช่วยชาวบ้านด้วย จากนี้คงต้องรอว่าจะดำเนินการได้เมื่อไร จากนี้กลุ่มชาวบ้านก็จะรอใช้น้ำประปา ซึ่งตอนนี้ทางเทศบาลฯ ได้เสนอน้ำให้ใช้ก่อนซึ่งทางชาวบ้าน ได้เคยนำน้ำไปใช้แล้วปรากฏว่าใช้ไม่ได้ เพราะน้ำมีกลิ่นเหม็นเน่าใช้ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายชาวบ้านก็ต้องซื้อน้ำใช้อีกเหมือนเดิม ถึงได้เดือดร้อนกันมากขนาดนี้ตอนนี้ได้แค่รอว่าจะได้ใช้น้ำตอนไหน
ทางด้านนายทิศนุ ธีระนุกูล ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชลบุรี ได้เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้รับเรื่องร้องเรียนไว้แล้ว และจะได้รายงานให้ทาง ผวจ.ชลบุรี ทราบและประสานไปยังทางปลัดอวุโส อ.บางละมุง ให้ทราบแล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไขปรับปรุงให้ชาวบ้าน เพื่อให้มีน้ำประปาใช้อย่างรวดเร็วต่อไป

ภาพ/ข่าว นิราช/นันฐพล/พิชญ์ฐญา ทิพย์ศรี
พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

ชาวบ้านกลุ่มชาติพันธุ์รวมตัวประท้วง เจ้าหน้าที่รัฐไม่เอาเหมืองแร่

ชาวบ้านกลุ่มชาติพันธุ์รวมตัวประท้วง
เจ้าหน้าที่รัฐไม่เอาเหมืองแร่

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.65 เวลา 0900 กลุ่มราษฎรบ้านหัวลา บ้านห้วยมะกอกน้อย หมู่ที่ 4 หย่อมบ้านห้วยตะพาบ ตำบลสันติคีรี และหมู่ที่ 2 บ้านห้วยโป่งน้ำร้อน ตำบลแม่โถ อำเภอแม่ลาน้อย และพื้นที่ใกล้เคียง ต.สันติคีรี อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 100 คน (ไม่ทราบแกนนำ) ได้รวมตัวกันภายในหมู่บ้าน บริเวณทางแยกบ้านหัวลา เพื่อยื่นหนังสือให้กับเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน และตัวแทนกลุ่มสัมปทานเหมืองแร่ ที่เข้ามาในพื้นที่เพื่อจัดทำเวทีประชาพิจารณ์สัมปทานเหมืองแร่ฟลูออไรด์ ของบริษัท ยูนิเวอร์แซลมายนิ่ง จำกัด ซึ่งได้รับจดทะเบียนคำขอประทานบัตรที่ 3/2538 ตั้งอยู่ใน หมู่ที่ 4 ต.สันติคีรี อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งกลุ่มราษฎรฯ หวั่นว่าจะส่งผลกระทบด้านสุขภาพประชาชนและ สิ่งแวดล้อม

ตลอดจนวิถีชีวิตของคนในชุมชน เนื่องจากการขอสัมปทานดังกล่าวกลุ่มราษฎรในพื้นที่ไม่ทราบข้อมูลใด ๆ เนื่องจากทางอุตสาหกรรมจังหวัด และบริษัทที่ได้รับสัมปทานไม่มีการแจ้งแก่ประชาชน หรือข่าวสารเกี่ยวกับผลกระทบของโครงการนี้แต่อย่างใด จึงไม่อยากให้มีการเริ่มต้นทำกิจกรรมเหมืองแร่ฟลูออไรด์ ของบริษัทดังกล่าวที่แน่ๆในอนาคตชาวบ้านจะต้องได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไมได้ ชาวบ้านจึงขอเรียกร้องให้ยุติการทำเหมืองแร่ดังกล่าว

เกียรติศักดิ์ รักสัตย์ /เกียรติยศ รักสัตย์ ทิมข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน Cr.ขอบคุณแหล่งข่าวทุกท่าน

มุกดาหาร ตัวแทนพรรคเสรีรวมไทยติดตามโครงการทุจริตที่ยื่นต่อ ป.ป.ช.

มุกดาหาร ตัวแทนพรรคเสรีรวมไทยติดตามโครงการทุจริตที่ยื่นต่อ ป.ป.ช.

มุกดาหาร/ เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 65 ร.ต.ต.สุเทียน ทองโสม ผู้ชำนาญการประจำตัว นายแพทย์ประสงค์ บูรณ์พงศ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อรองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ทำหน้าที่ประจำศูนย์ประสานงานพรรคเสรีรวมไทย จังหวัดมุกดาหาร เข้ายื่นหนังสือติดตามความคืบหน้า กรณีชาวบ้าน ข้าราชการ พนักงาน และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ได้ยื่นเรื่องร้องเรียน ว่านายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่จำนวน 4 โครงการ โดยมีนางสาว กนกวรรณ ฐานผดุง พนักงานธุรการ สำนักงาน ป.ป.ช. จังหวัดมุกดาหาร มารับหนังสื่อดังกล่าว โดยโครงการทุจริตดังกล่าวได้ยื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช. ตั้งแต่ เดือน กรกฎาคม 2564

ร.ต.ต.สุเทียน ทองโสม กล่าวว่า ติดตามความคืบหน้า กรณีชาวบ้าน ข้าราชการ พนักงาน และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ยื่นเรื่องกรณีผู้รับบริหาร อบจ.มุกดาหาร ได้ดำเนินการตามโครงการขุดลอกห้วย 4 โครงการ ซึ่งโครงการดังกล่าวจากการลงพื้นที่ร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. จังหวัดมุกดาหาร ได้สอบถามรายละเอียดในพื้นที่เกิดเหตุ ก็ได้พูดเป็นเสียงเดียวกัน ผู้รับเหมาที่ทาง อบจ. มุกดาหาร ให้ไปดำเนินการนั้น เข้าไปดำเนินการก่อนที่จะอนุมัติโครงการ และไม่ผ่านประชาคม รวมไปถึงไม่มีเจ้าหน้าที่กองช่าง อบจ. ไปร่วมตรวจควบคุมงานด้วย จึงเห็นว่าโครงการนี้ส่อไปในทางทุจริต ก็เลยมายื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. ช่วงต้นเดือน กรกฎาคม 2564 มาจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีคำตอบ ก็เลยยื่นติดตามเรื่อง เพื่อตอบให้สังคมได้รับรู้รับทราบว่า ขบวนการดำเนินการของ ป.ป.ช. ประจำจังหวัดมุกดาหาร ได้ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว

ร.ต.ต.สุเทียน ทองโสม กล่าวต่ออีกว่า เรื่องที่ 2 อบจ. มุกดาหาร มีการปรับปรุงซ่อมแซมของโรงพยาบาลสนาม เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในโรงพยาบาลสนาม ส่อไปในทางทุจริตหลายรายการ ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุแล้ว ปรากฏว่าพัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เอามาใช้ราคามันแพงกว่าราคาท้องตลาด 2-3 เท่า อีกอย่างคุณภาพก็ไม่ดี ไม่ได้มาตรฐาน และเรื่องที่ 3 นายก อบจ.มุกดาหาร ได้นำรถยนต์ของทางราชการไปใช้ส่วนตัว แล้วเอาไปจอดที่บ้าน เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ทางกระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศให้ถือปฎิบัติในเรื่องของการนำรถส่วนกลางไปใช้ส่วนตัว หรือเอาไปใช้ที่บ้าน โดยไม่มีกิจอันสมควร ซึ่งต่อกระทรวงมหาดไทย หนังสือที่ 0808.2/บ ลงวันที่ 22 ม.ค.2562 เรื่องหลักเกณฑ์และการใช้รถยนต์

สำหรับ เรื่องที่ 4 ซึ่งก่อนหน้านั้นได้ยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ปรากฏว่า ท่าน ผวจ. ได้มีหนังสือสั่งการไปถึงท้องถิ่นจังหวัด ไปถึงนายอำเภอเมือง และถึงนายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหาร ในเรื่องของฝ่ายบริหารของเทศบาลเมืองมุกดาหาร ปล่อยให้เอกชนทำรั้วปิดถนนไม่ให้พี่น้องประชาชนในชุมชนตาดแคน 1 , 2 และ 3 ใช้สัญจร ซึ่งถนนตรงนั้นชาวบ้านใช้สัญจรไป-มา ประมาณ 20-30 ปีแล้ว ที่ผ่านมาปล่อยให้เอกชนปิดถนนดังกล่าว ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน และซอยตาดแคน 16/1 ได้นำงบประมาณไปทำถนนคอนกรีตเสริมเหล็กในพื้นที่ของเอกชน ซึ่งส่อไปในทางทุจริต จึงได้มาติดตามความคืบหน้าทั้ง 4 โครงการ
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าว ทาง ป.ป.ช. ประจำจังหวัดมุกดาหาร ดำเนินการรายงานเป็นหนังสือให้ทราบภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือ เพื่อใช้ประกอบเป็นข้อมูลรายงาน พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ประธานคณะกรรมาธิการการป้องการ และปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ทราบดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

รายงานจากมุกดาหาร

ศรีสะเกษ !! นายทะเบียนกลาง ขีดเส้น 90 วัน เคลียร์เงินผีให้จบ

ศรีสะเกษ !! นายทะเบียนกลาง ขีดเส้น 90 วัน เคลียร์เงินผีให้จบ


จากกรณีชาวบ้านที่เป็นสมาชิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย (สชสท.) รวมตัวกันกว่า 100 คน บุกศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมไปยัง นายวัฒนา พุฒิชาติ ผวจ.ศรีสะเกษ กรณีทางสมาคมฯ จ่ายเงินสงเคราะห์ล่าช้า และค้างจ่ายกว่า 175 ล้านบาท เรียกร้องให้ตรวจสอบการบริหารงานและเส้นทางการเงินภายในสมาคมฯ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสสุจริต ขณะที่ ดร.สามัคคี เดชกล้า นายก สชสท. ได้ออกมาชี้แจงยอมรับจ่ายเงินล่าช้าจริง อ้างเหตุมีคนตายเพิ่มสูงขึ้น 3 เท่า

ต่อมา นายวัฒนพล อนุพันธ์ นายก อบต.ตาเกษ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีละเกษ ในฐานะนายทะเบียนประจำท้องที่ ได้ลงนามในหนังสือสั่งการให้ นายก สชสท.พร้อมคณะกรรมการ หรือกรรมการยกชุด หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 18 ก.พ. ที่ห้องประชุมสำนักงานสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย (สชสท.) ต.ตาเกษ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ นางกุสุมา พนอนุอุดมสุข ผอ.กองส่งเสริมสถาบันครอบครัว กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะนายทะเบียนกลาง เปิดเผยว่า การฌาปนกิจสงเคราะห์เป็นการเก็บเงินสงเคราะห์ตามจำนวนของสมาชิกที่เสียชีวิต โดยตามข้อบังคับของสมาคมฯ ระบุว่าเก็บรายละ 20 บาท แต่ปรากฏว่าอัตราจำนวนผู้เสียชีวิตมีจำนวนสูงกว่า 900 ราย หากเก็บเงินกับสมาชิกรายละ 20 บาท สมาชิกก็จะต้องส่งเงินสงเคราะห์เข้าสมาคม จำนวนสูงถึงรายละกว่า 18,000 บาท ซึ่งปัจจุบัน สมาคมฯเก็บกับสมาชิกเพียงปีละ 5,000 บาท ถึงแม้จะเก็บน้อยกว่าเพื่อไม่ให้สมาชิกกระทบ แต่เป็นการดำเนินงานที่ขัดต่อกฎหมาย และไม่สามารถระบุได้ว่า จะได้รับเงินสงเคราะห์รายละเท่าไหร่ และจะหักเงินสงเคราะห์ของผู้เสียชีวิตล่วงหน้าไม่ได้ เป็นการดำเนินงานที่ไม่ถูกต้อง ทำไม่ได้ ซึ่งปรากฏว่าทางสมาคมฯได้กำหนดจำนวนเงินสงเคราะห์ที่จะได้รับเมื่อเสียชีวิตแล้ว เป็นการดำเนินการที่ขัดกับ พ.ร.บ.การฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ.2545 ที่กำหนดว่าเราไม่สามารถให้คำยืนยันได้ว่าต้องจ่ายเงินสงเคราะห์เท่าไหร่ เพราะสมาคมต้องเก็บเงินสงเคราะห์มาก่อน พร้อมหัก 3 เปอร์เซ็น เป็นค่าใช้จ่ายของสมาคมฯ ตามกฎหมาย ซึ่งในฐานะนายทะเบียนกลาง ได้ว่ากล่าวตักเตือน พร้อมจะดำเนินการตามระเบียบกฎหมาย และจะเปิดให้คณะกรรมการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาให้ถูกต้องตามกฎหมาย ภายใน 90 วัน จากนั้นจะมีการประชุมใหญ่สมาชิก ซึ่งจะมีการเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่หรือไม่ ขึ้นอยู่กับมติที่ประชุม.


****************
ทีมข่าว จ.ศรีสะเกษ // รายงาน

 

พนักงานนิติบุคคลคอนโดฯ พาราไดซ์ พาร์ค จอมเทียน เรสซิเด้นซ์ พร้อมลูกบ้านชาวต่างชาติหวั่นไม่ปลอดภัย เข้าแจ้งความร้องทุกข์

พนักงานนิติบุคคลคอนโดฯ พาราไดซ์ พาร์ค จอมเทียน เรสซิเด้นซ์ พร้อมลูกบ้านชาวต่างชาติหวั่นไม่ปลอดภัย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ถูกบริษัทเอาท์ซอร์ซที่จ้างให้มาบริหารจัดการพื้นที่คอนโดฯ นำชายฉกรรจ์นับ 10 คนมาข่มขู่ พร้อมกักขังหน่วงเหนี่ยวกดดันให้ลาออก หวังความเป็นธรรมปรากฏ

มีรายงานว่า น.ส.วาน สุดางาม อายุ 42 ปี พร้อมด้วย Mr.Martin Leander Petersen อายุ 60 ปี นักธุรกิจชาวเดนมาร์ก ซึ่งทั้งสองเป็นคณะกรรมการนิติบุคคลอาคารชุด พาราไดซ์ พาร์ค จอมเทียน เรสซิเด้นซ์ ได้เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานกับ ร.ต.ท.ณัชพล แสงสี พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา หลังเกิดความหวั่นวิตกว่าจะไม่ปลอดภัยและเกิดอันตรายกรณมีข้อพิพาทกับบริษัทตัวแทนที่ได้จ้างวานมาให้บริการจัดการงานนิติบุคคลของอาคารชุด

โดย น.ส.วาน เล่าว่า ทางคณะกรรมการบริหารนิติบุคคลอาคารชุด พาราไดซ์ พาร์ค จอมเทียน เรสซิเด้นซ์ ได้ทำการว่าจ้างบริษัท พีค ฟาซิลิตี้ส์ แมเนจเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนท์ จำกัด ให้มาบริหารงานนิติบุคคลอาคารชุด โดยจะมีพนักงานของนิติบุคคลรวม 3 คน ปฏิบัติควบคู่กับทีมงานของบริษัทดังกล่าว แต่ปรากฏว่าที่ผ่านมาตัวแทนบริษัทได้เดินทางมาเข้าร่วมประชุมเพียง 2-3 ครั้งเท่านั้น มิหนำซ้ำยังนำคนจากบริษัทตนเข้ามาเรียนงานกับทางนิติบุคคลฯ อย่างต่อเนื่องซึ่งไม่ตรงต่อวัตถุประสงค์ในการจัดจ้าง

ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการนิติบุคคลได้มีการจัดประชุมคณะกรรมการในวันที่ 27 มกราคม 2565 และเห็นว่าการทำงานไม่เป็นไปตามเป้าหมายจึงได้ยกเลิกสัญญาจ้างต่อบริษัทดังกล่าวเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2565 ต่อมาในวันที่ 29 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา

ทางบริษัทจะมีการส่งเจ้าหน้าที่ของตนเข้ามายึดพื้นที่สำนักงาน พร้อมทั้งควบคุมระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ โดยกระทำการเปลี่ยนรหัสผ่านคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ และยังทำการเปลี่ยนลูกบิดประตูสำนักงานนิติบุคคล ฯ พร้อมทั้งนำเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยภายนอกมาเฝ้าประตูสำนักงานนิติบุคคล ฯ ตลอด 24 ชั่วโมง โดยพลการ พร้อมทั้งกล่าวอ้างต่อลูกบ้านว่าพนักงานนิติบุคคลและคณะกรรมการมีการกระทำผิด จะดำเนินการตรวจสอบระบบการเงิน ฯลฯ พร้อมนำตัวพนักงานนิติบุคคลไปกักขังไว้ที่ห้องประชุมอาคาร 2 และออกคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นเวลา 30 วัน โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้าใดๆ ทำให้กลุ่มลูกบ้านชาวต่างชาติเกิดความไม่สบายใจ วิตกกังวล ต่อการกระทำ ของทางบริษัท บริหารดังกล่าว จึงพากันมาร้องเรียนและสอบถามถึงเหตุผลที่เปลี่ยนแปลงพนักงานนิติบุคคลทั้ง 3 คน กันเป็นจำนวนมาก ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 16.00 น.

ต่อมาในเวลา 17.00 น. ในวันเดียวกันนั้นทางบริษัทบริหารได้เข้ามาพร้อมชายฉกรรจ์แปลกหน้ากว่า 10 คน เข้ามาตรึงพื้นที่นิติบุคคล ฯ ซึ่งมองว่าเป็นพฤติกรรมข่มขู่และรู้สึกไม่ปลอดภัยต่อชีวิต และ ทรัพย์สิน ต่อเจ้าของร่วม และ ผู้พักอาศัย จึงอยากขอความเป็นธรรมต่อสังคมหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาช่วยเหลือพวกตนเองที่ได้รับความเดือดร้อนทั้งที่ปฏิบัติงานตามหน้าที่ ด้วยความวิตกว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินเพราะต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัว จึงเดินทางเข้าแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานดังกล่าวด้วยเช่นกัน

นนทบุรี ลูกสาวร้องพ่อถูกญาติทำร้ายสาหัส

นนทบุรี ลูกสาวร้องพ่อถูกญาติทำร้ายสาหัส

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 7 ก.พ.65 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียน จากน.ส.ศศิชา นาคจาด อายุ 26 ปี ว่าพ่อถูกญาติกันทำร้ายร่างกายใช้มีดปาดคอและฟันหลังได้รับบาดเจ็บสาหัส นอนรักษาตัวไอซียู ร.พ.พระนั่งเกล้า
นางรพีพรรณ เกษศรีสังข์ อายุ 52 ปี

ภรรยาผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ช่วงบ่ายวันที่ 6 ก.พ.65 ที่ผ่านมา ขณะที่กำลังนั่งรีดผ้าอยู่ในบ้าน ซอยหลังวัดแจ้งศิริสัมพันธ์ ถนน นนทบุรี 1 ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี ได้มีนาย ตั้ม อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นญาติบ้านอยู่ติดกัน นั่งดื่มเหล้า กับภรรยาและเพื่อน รวม 3 คน จนเมาก่อนจะเดินขึ้นมากล่าวหาว่า ตนเอาเรื่องไปบอกกับญาติคนอื่นๆว่า นางปู เพื่อนคนก่อเหตุเอาเครื่องซักผ้าเอาตู้เย็นมาตั้งหน้าบ้านเกะกะทางเดิน ซึ่งตนพยายามอธิบายว่า ไม่เคยพูดและไม่อยากยุ่งเกี่ยว จนมีปากเสียงกัน ก่อนที่นาย ตั้ม กลับไปบ้านเอามีดพร้า มาข่มขู่ นายสุธี นาคจาด สามี ที่นอนหลับอยู่ในห้อง ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย ได้ตื่นออกมา นายตั้ม จึงใช้มีดปาดคอ 1 แผล ฟันที่คาง 1 แผล และฟันเข้ากลางหลัง 1 แผล จนได้รับบาดเจ็บ สามี ได้วิ่งออกไปขอความช่วยเหลือเพื่อนบ้านพาส่งโรงพยาบาล หลังเกิดเหตุได้เข้าแจ้งความตำรวจสภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี ให้ดำเนินคดี

น.ส.ศศิชา นาคจาด อายุ 26 ปี ลูกสาวผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ ต้องย้ายมาอยู่บ้านญาติกันที่อำเภอบางบัวทอง เพราะอยู่ไม่ได้ มีเพียงเสื้อผ้าติดตัวมาคนละชุด เพราหลังเกิดเหตุช่วงเย็น นายตั้ม ได้เอาปืนมาข่มขู่พี่ชาย จนต้องหนีกันออกมา กลัวจะไม่ปลอดภัย ที่บ้านมีแม่ พ่อ พี่ชาย และหลานเด็กๆอีก 3 คน เวลานายตั้ม กินเหล้าเมาชอบหาเรื่องจนคนในระเวกนั้นไม่มีใครกล้ายุ่งด้วย กลัวจะถูกทำร้าย ตนอยากให้ตำรวจมาจับตัวไปดำเนินคดีโดยเร็ว จึงได้โพสต์เฟสบุ๊คขอความช่วยเหลือ

สาโรจน์ สว่างศรี / นนทบุรี

ตำบลแม่สะเรียง ตำบลแม่ยวม ตำบลแม่คง เข้าแจ้งร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวว่าได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบ จากการประกอบกิจการของนายทุนผู้มีอำนาจ

เมื่อวันที่ 4 กพ.2565 ได้มีตัวแทนชาวบ้านพร้อมประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนชาวอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอนหลายตำบลคือตำบลแม่สะเรียง ตำบลแม่ยวม

ตำบลแม่คง เข้าแจ้งร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวว่าได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบ จากการประกอบกิจการของนายทุนผู้มีอำนาจ มากว้านซื้อที่ดินบริเวณริมสองฝั่งแม่น้ำยวมและทำการขุดดินเป็นบ่อขนาดใหญ่และขนาดเล็กจำนวนมากตลอดแนวน้ำพร้อมเอาดินที่ขุดได้มาถมปิดแม่น้ำยวมเพื่อเบี่ยงเบนทางน้ำไหลตามธรรมชาติ แต่ทำให้น้ำไหลผ่านเข้าไปในที่ดินกรรมสิทธิ์ของตนที่ขุดเป็นหลุมรองรับไว้เพื่อดักทรายที่ไหลมากับน้ำและดำเนินธุรกิจขายทราย มาตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี
ปัจจุบันทางน้ำได้เปลี่ยนทิศทางจนไม่เหลือสภาพกลายเป็นผืนดินอันกว้างใหญ่มหึมา และการที่น้ำเปลี่ยนทิศทางเป็นแนวใหม่ก็ถูกนายทุนดังกล่าวได้ยื่นเรื่องต่อหน่วยงานเจ้าท่า”หวงกันสิทธิ์”เพื่อไม่ให้ชาวบ้านบุกรุกหรือเข้าไปหาปลาได้
จากการกระทำดังกล่าวเมื่อถึงช่วงน้ำหลากก็จะทำให้มวลน้ำแนวใหม่ไหลเข้ากัดเซาะที่ดินทำกินของชาวบ้านเสียหายกลายเป็นแม่น้ำตลอดแนว บางรายมี

ที่ดิน 6 ไร่หายไป 2 เหลือเพียง 4 ไร่ บางรายหายไปเป็น 10ไร่ และเมื่อทนไม่ไหวก็จะถูกนายทุนปีบซื้ที่ดินนั้นอในราคาถูกเพราะไม่มีทางเลือก จนเดี๋ยวนี้มีชาวบ้านยอมขายให้เป็นร้อยๆไร่
ผู้สื่อข่าวได้ประสานกับนายสังคม คัดเชียงแสน นายอำเภอแม่สะเรียง กล่าวว่าเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่ตนจะมารับตำแหน่ง ที่ผ่านมาไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ปัญหาให้ประชาชนแต่อย่างใด โดยตนได้ทำหนังสือรายงานต่อผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และทางจังหวัดได้ทำหนังสือตอบรับเรื่องดังกล่าวแล้ว พร้อมทั้งได้อำนวยความสะดวกจัดเจ้าหน้าที่พาผู้สื่อข่าวเข้าตรวจสอบสถานที่ปรากฏตามภาพที่แทบไม่เหลือสภาพของแม่น้ำยวมอยู่เลย

ปทุมธานีแม่พาลูกสาววัย20 ปีที่ถูกคนร้ายฉุดไปข่มขืนเข้าพบปวีณาให้ช่วยเหลือ

ปทุมธานีแม่พาลูกสาววัย20 ปีที่ถูกคนร้ายฉุดไปข่มขืนเข้าพบปวีณาให้ช่วยเหลือ

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 20 ม.ค. 65 ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ถนนรังสิต-นครนายก (คลอง7) ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี น.ส.ก้อย (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี นักศึกษาสาว ปี 1 มหาวิทยาลัยชี่ดังย่านปทุมธานี เดินทางมาพร้อมกับ แม่ เพื่อร้องขอความช่วยเหลือต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี หลังจากที่ตัวเองขับรถจักรยานยนต์กลับบ้านหลังจากที่เลิกทำงานแล้ว แต่ถูกคนร้าย 2 คน ขับรถกระบะปาดหน้า บริเวณคลองแอน8 หลังวัดดอนใหญ่ ต.ลำลูกกา อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี แล้วลงมากระชากขึ้นรถ ให้ใช้แมสปิดตาไม่ให้เห็นทาง แล้วขับไปบ้านพักฝ่ายชายย่านคลอง 9 แล้วข่มขืน ก่อนที่จะเอาโทรศัพท์และเงินสดจำนวนหนึ่งไป ก่อนไหว้ขอชีวิต หลังเกิดเหตุคนร้ายได้พาหญิงสาวมาปล่อยทิ้งไว้บริเวณโรงปูนคลอง9 โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 ม.ค. 65 เวลา 21.00 น.
ส่วนน.ส.ก้อย (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี นักศึกษา ปี1 มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 65 เวลาประมาณ 21.00 น. หลังเลิกงานพาร์ทไทม์ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี ตนได้ขับมอไซด์กลับบ้านโดยใช้เส้นทางลัดมาทางคลองแอน8ซึ่งจะใช้เส้นทางนี้เป็นประจำ เมื่อขับมาถึงบริเวณกลางทางคลองแอน8 ก่อนถึงสี่แยกมุ่งหน้าไปทางวัดดอนใหญ่ ตนสังเกตว่ามีรถกระบะสีดำยกสูง ขับตามหลังมา ขับมาปาดหน้าเมื่อตนหยุดรถมีคนร้ายเป็นชาย 2 คน รูปร่างอ้วน 1คน ผอม 1 คน ผิวดำแดง อายุประมาณ 30 ปี ลงมาจากรถกระบะและบังคับขู่ให้ขึ้นรถกระบะ จากนั้นคนร้าย รูปร่างผอม ที่นั่งมาด้วยได้ขับมอไซด์ของตนตามรถกระบะไป ส่วนตนถูกบังคับให้นั่งอยู่กับคนร้าย รูปร่างอ้วน ตนยกมือไหว้ขอชีวิตว่า พี่อย่าทำอะไรหนูเลย ปล่อยหนูไป ถ้าพี่อยากได้อะไรให้พี่เอาไปเลย คนร้ายแสดงท่าทีไม่พอใจและพูดว่าเริ่มหงุดหงิดแล้วนะถามเยอะเดี๋ยวจะไม่ได้กลับบ้าน ด้วยความกลัวตนจึงไม่กล้าที่จะขัดอะไรมากเพราะกลัวถูกฆ่า เมื่อขับมาถึงบริเวณเส้นทางคลอง9 ระหว่างวัดสมุหราฎษร์กับวัดลานนา ร้ายร้ายได้ขู่ให้เอาแมสปิดตาไว้เพื่อไม่ให้เห็นทางอยู่นาน เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุคนร้ายได้โทรศัพท์ติดต่อเพื่อนที่ขับมอไซด์ของตนตามมาว่าให้รออยู่ที่ทางโค้งแต่ไม่รู้ว่าโค้งตรงไหน จากนั้นคนร้ายได้ให้ตนลงมาจากรถกระบะและให้จับบ่าคนร้ายเดินเข้าไปห้ามเปิดแมสคนร้ายใช้กุญแจเปิดห้องเข้าไปและให้ตนนั่งลง ตนได้ยินเสียงคนร้ายคล้ายกับดมอะไรสักอย่างก่อนลงมือข่มขืน ตอนนั้นตนไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะสั่นกลัวไปหมดได้แต่ร้องไห้และยกมือไหว้ขอชีวิตแต่คนร้ายก็ไม่ยอม หลังจากที่ข่มขืนตนเสร็จ คนร้ายออกไปนอกห้องและตนได้ยินเสียงรถมอไซด์มาจอด ตนจึงแอบเปิดแมสดูภายในห้องสังเกตเห็นว่ามีที่นอนกับพัดลมส่วนสิ่งของอื่นมีแต่ตนต้องรีบปิดแมสเพราะกลัวคนร้ายจะมาเห็น จากนั้นคนร้ายได้พาออกมาจากบ้านและให้ขึ้นไปนั่งบนรถกระบะเหมือนเดิม ก่อนนำมาปล่อยทิ้งไว้บริเวณโรงปูนคลอง9 เวลาประมาณ 22.50 น. และยึดโทรศัพท์กับเงินในกระเป๋าที่มีติดตัว 300 กว่าบาท จากนั้นคนร้ายได้จดเบอร์โทรศัพท์ให้ น.ส.ก้อย พร้อมกับบอกว่าพรุ่งนี้เช้าให้ตนโทรศัพท์ไปหาคนร้ายหากต้องการโทรศัพท์ของตนคืนก่อนให้ตนเปิดแมส ส่วนคนร้ายอีกคนขับรถมอไซด์ของตนตามมาคืนให้ แต่ตนไม่รู้ทางคนร้ายบอกให้ตนขับเลี้ยวซ้ายไปตามทางจนตนเจอป้ายวัดดอนใหญ่และขับเลียบคลองมากระทั่งมาออกเส้นทางธัญบุรีคลอง8 เวลาประมาณ 23.12 น. จึงได้ไปขอยืมโทรศัพท์ร้านก๋วยเตี๋ยวโทรแจ้งแฟนและแม่ทราบ พาเข้าแจ้งความทันที ซึ่งตอนนี้สภาพจิตใจตนย่ำแย่และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังฝั่งอยู่ในใจอยู่ตลอดจนทุกวันนี้ กลัวไม่กล้าออกไปไหนคนเดียวเพราะยังตามตัวผู้กระทำมาดำเนินคดีไม่ได้เกรงจะเป็นอันตราย จึงมาติดต่อมูลนิธิปวีณาฯให้ช่วยเหลือด้วย
ด้านนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้เดินทางพา น.ส.ก้อย (นามสมมุติ) ไปพบ พ.ต.อ.วิวัฒน์ อัศวะวิบูลย์ ผกก.สภ.ลำลูกกา เพื่อให้ปากคำและหลักฐานเพิ่มเติม และเร่งติดตามตัวคนร้ายทั้ง 2 คน มาดำเนินคดี และอยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยติดกล้องวงจรปิด หรือไฟส่องสว่างเส้นทางนี้ให้มากๆ เพราะเปลี่ยวมากและมืด เพื่อทำให้ประชาชนปลอดภัย และ ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก

อนันต์/ปทุมธานี/ภาพ/ข่าว
สญชัย คล้ายแก้ว รายงาน

สมาคมสื่อธรรมาภิบาลต้านคอรัปชั่น ยื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรม ที่กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8

วันนี้ (12 ม.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8 นายกตตน์ชยณัฐ เหลียวตระกูล เลขานุการนายกสมาคมสื่อธรรมาภิบาลต้านคอรัปชั่น พร้อมนายด้วย นายปริญญา จิตติเจษฎาภรณ์ ที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการตำรวจ และฝ่ายกฎหมายสมาคมฯ เข้าพบ พล.ต..ท.อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8

เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรม กรณี มีผู้ร้องเรียนมายังสมาคมฯว่า มีมูลนิธิอาสาบรรเทาภัยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ นาย ก ขอสงวนชื่อ กับ ร้อยตำรวจเอกอาทร ทองนาค พนักงานสอบสวน สภ.ขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ในข้อหาปลอม ดวงตรา รอยดวงตรา ของมูลนิธิอาสาบรรเทาภัยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากทางมูลนิธิฯดังกล่าวได้นำตราโล่เขนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ดวงตราพระมหาพิชัยมงกุฏ มาใช้ เป็นตราสัญญาลักษณ์ของมูลนิธิฯเมื่อทางสมาคมได้รับหนังร้องเรียนจึงทำหนังสือไปตรวจสอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับดวงตราทั้งสองและได้รับหนังสือตอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑.สำนักราชเลขาธิการ เรื่องดวงตราพระมหาพิชัยมงกุฎ ไม่ปรากฏ ว่ามูลนิธิอาสาบรรเทาภัย ไม่เคยขอพระบรมราชานุญาติเชิญพระมหาพิชัยมงกุฎไปประกอบเป็นเครื่องหมายของมูลนิธิฯ ๒.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ปรากฎว่ามูลนิธิอาสาบรรเทาภัยฯเคยได้รับอนุญาตใช้เครื่องตราโล่เขน ( เครื่องหมายรูปพระแสงดาบเขนและโล่)เมื่อทางสมาคมฯได้รับหนังสือตอบจากสองหน่วยงานแล้วได้ทำหนังสือถึง พลตำรวจตรี วันไชย เอกพรพิชญ์ ผบก.จว.นครศีธรรมราช ในขณะนั้นว่าทางมูลนิธิอาสาบรรเทาภัยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้ขอพระบรมราชนุญาติใช้ตราพระมหาพิชัยมงกุฎและตราโล่เขนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุใด พนักงานสอบสวนจึงรับแจ้งความในคดีนี้ได้และเหตุใดเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ว่าดวงตราทั้งสอง ที่มูลนิธิฯนำไปใช้นั้นไม่ได้รับอนุญาต จึงไม่ดำเนินคดีกับมูลนิธิอาสาบรรเทาภัยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทางสมาคมฯนำเรื่องร้องเรียนเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราชตั้งแต่ปี 2556 แต่หลังจากแจ้งความแล้วทางเจ้าหน้าตำรวจไม่มีการดำเนินการใด ๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตามในส่วนของผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ระบุ ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางตำรวจ รับเรื่องไว้และสอบถามข้อเท็จจริงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปรวมทั้ง ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีพฤติกรรมละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่รวมทั้ง ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีพฤติกรรมละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่
ขณะที่ นายกตตน์ชยณัฐ เหลียวตระกูล เลขานุการนายกสมาคมสื่อธรรมาภิบาลต้านคอรัปชั่น และนายปริญญา จิตติเจษฎาภรณ์ ที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการตำรวจกล่าวภายหลังเข้าพบผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวถึงการเดินทางมาร้องเรียนในครั้งนี้ ทางสมาคมฯ เรียกร้องขอความเป็นธรรมให้ผู้ต้องหาในคดีนี้และจะดำเนินคดี มาตรา 112 กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องปล่อยให้มูลนิธิฯใช้ตราพระมหาพิชัยมงกุฎ โดยไม่ได้ขอพระบรมราชานุญาต ซึ่งเป็นการแอบอ้างเบื้องสูงและจะแจ้งความดำเนินคดี 157 เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแต่ ผบก.ถึงพนักงานสอบสวน หากไม่ได้คำตอบในวันพรุ่งนี้และเตรียมร่างฟ้องศาลอาญาทุจริตภาค 8 ต่อไป

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com