google.com, pub-2709829493138336, DIRECT, f08c47fec0942fa0

จังหวัดนนทบุรีประชุมคณะทำงานเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดในพื้นที่ทั้ง 6 อำเภอ

จังหวัดนนทบุรีประชุมคณะทำงานเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดในพื้นที่ทั้ง 6 อำเภอ

วันนี้( 9 มี.ค.65) ที่ห้องประชุมงามวงศ์วาน ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี นายอภิชัย อร่ามศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เป็นประธานประชุมคณะทำงานเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดในพื้นที่ โดยที่ประชุมมีการพิจารณาปรับเปลี่ยนแผนค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและมีการรายงานผลการปฏิบัติการป้องกันปราบปรามยาเสพติดผ่านระบบ Google Forms พร้อมกันนี้ได้มีการปรับปรุงผลการสำรวจสภาพปัญหายาเสพติดในระดับหมู่บ้าน/ชุมชน โดยข้อมูลสภาพปัญหายาเสพติดจำแนกรายจากเขตอำเภอ/เทศบาลทั้งหมด 18 แห่ง จำหนวนหมู่บ้าน/ชุมชนที่ไม่มีปัญหายาเสพติดคิดเป็น 83.69 % ปัญหาผู้เสพคิดเป็น 12.59 % ผู้ค้า 0.57 % และผู้เสพและผู้ค้าคิดเป็น 3.15 % ( จากข้อมูล ตุลาคม 2564 – มีนาคม 2565 ) ทั้งนี้การเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดในชุมชน/หมู่บ้านเพื่อเป็นช่วยเหลือพี่น้องชาวจังหวัดนนทบุรี ให้ห่างไกลจากยาเสพติด และสรุปผลการดำเนินงาน ปัญหาอุปสรรค ข้อเสนอแนะ ในการดำเนินงาน ด้านการปราบปราม ยาเสพติด ให้เป็นไปตามนโยบายการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ของสำนักงาน ป.ป.ส. และกระทรวงมหาดไทยการ ทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารสถานการณ์การแพร่ระบาด ของยาเสพติดในพื้นที่ และข้อมูลบุคคลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และกำหนดแนวทางในการประเมินสภาพปัญหายาเสพติดในระดับหมู่บ้านชุมชนเพื่อป้องกันและลดจำนวน การแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ทั้ง 6 อำเภออีกด้วย

ตำรวจน้ำมุกดาหารสนธิกำลังตรวจยึดยาเสพติด (คีตามีน) ประมาณ 69 กก.

ตำรวจน้ำมุกดาหารสนธิกำลังตรวจยึดยาเสพติด (คีตามีน) ประมาณ 69 กก.

มุกดาหาร/ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2565 เวลา 22 .00 น.โดยการนำของ พ.ต.อ.พยงศ์ เอี่ยมสกุล ผกก.10 บก.รน. ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการขนยาเสพติด (คีตามีน) เข้ามาในพื้นที่บ้านบางทรายน้อย ต.บางทรายน้อย อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ต.พงษ์พิพัฒน์ บูรณะบัญญัติ สว.ส.รน.3กก.10 บก.รน.(ตำรวจน้ำมุกดาหาร) สนธิกำลังกับฝ่ายความมั่นคงวางแผนนำกำลังดักซุ่มสังเกตการณ์อยู่ตามจุดต่างๆ ตามริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านบางทรายน้อย ต.บางทรายน้อย อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร จนกระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. พบมีเรือหางยาววิ่งมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน แล้วเข้าจอดเทียบท่าริมฝั่งแม่น้ำโขงบ้านบางทรายน้อย หมู่ที่ 11ต.บางทรายนัอย อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร หลังจากนั้นมีชายฉกรรจ์ได้ขนของซึ่งเป็นกระสอบสีดำมาวางไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ข้างเสาไฟฟ้า จากนั้นได้ขับเรือออกไปจากบริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่ที่ดักซุ่มอยู่รอคนมารับของดังกล่าว แต่ไม่พบบุคคลใดมาแสดงตนเป็นเจ้าของ จึงได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ พบกระสอบสีดำวางอยู่จำนวน 1 กระสอบครึ่ง

จึงได้นำกระสอบดังกล่าวมาตรวจสอบที่กองกำกับการ 10 กองบังคับการตำรวจน้ำ(มุกดาหาร) เมื่อตรวจสอบภายในพบเป็นยาเสพติด(คีตามีน) จำนวน 1 กระสอบครึ่ง ประมาณ 69 ถุง ถุงละ 1 กก. น้ำหนักรวมประมาณ 69 กก. จึงตรวจยึดยาเสพติด (คีตามีน) ดังกล่าวไว้เป็นของกลาง ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
เบื้องหลังการตรวจยึด เป็นข่าวสารของเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำมุกดาหาร ที่สืบทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด มาขึ้นที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บ.บางทรายน้อย จึงมีการเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวจนนำไปสู่การตรวจยึดได้ โดยยาเสพติดจำนวนดังกล่าวมีจุดหมายปลายทางภาคใต้ของไทย และส่งต่อไปยังประเทศที่สาม

ไกรสมุทร นามโพธิ์ไทร /รายงานจากมุกดาหาร
081-0501177

ตำรวจภูธร สภ.กกตูม ตรวจยึดยาบ้าจำนวนกว่า 7,969 เม็ด

ตำรวจภูธร สภ.กกตูม ตรวจยึดยาบ้าจำนวนกว่า 7,969 เม็ด

มุกดาหาร/เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2565 เวลา 19.00 น. ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.ท.สุริยา นภกรีกำแหง สวญ.สภ.กกตูม ได้รับรายงานจากแหล่งข่าวว่าจะมีการส่งมอบยาเสพติดในพื้นที่บ้านปากช่อง ต. กกตูม อ. ดงหลวง จ. มุกดาหาร จึงได้สั่งการให้ ้้พ ต.ท.จำเนียร เศษฤทธิ์ สว.สส., พ.ต.ต.สรรเสริญ ทิพย์สิงห์ สวป., ร.ต.ท.วิชัย เหล่าดิ้ม รอง สว.(ป) ด.ต.ทิมทกร เหลือศิริ ผบ. หมู่ ป.,ด.ต.สมกิจ กว้างสวาสดิ์ ผบ. หมู่ ป.,และส.ต.ต.ก้องภพ เนินสุทธิ ผบ.หมู่ ป. ลงพื้นที่ตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการส่งมอบยาบ้า ที่ริมถนนสาธารณะ ภายในหมู่บ้าน บ้านปากช่อง ม.9 ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร จึงได้วางแผนนำกำลังซุ่มสังเกตการณ์อยู่ตรงจุดที่ได้รับแจ้ง และบริเวณใกล้เคียงที่จะมีการส่งมอบยาบ้า เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบบริเวณดังกล่าว พบวัตถุต้องสงสัยห่อหุ้มด้วยกระดาษสา จำนวน 4 ห่อ

บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสซุกซ่อนอยู่ใต้ใบไม้ข้างเสาไฟฟ้า จึงได้วางกำลังดักซุ่มสังเกตการณ์ตรงจุดที่เกิดเหตุ จนถึงเวลาประมาณ 19.00 น. ไม่มีบุคคลมารับวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว จึงได้ตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุไม่พบบุคคลแสดงความเป็นเจ้าของ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบวัตถุดังกล่าวปรากฏว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จึงนำของกลางทั้งหมดมาที่ สภ.กกตูม เพื่อตรวจสอบ พบเป็นยาบ้าจำนวน 7,969 เม็ด จึงตรวจยึดยาบ้าดังกล่าวไว้เป็นของกลาง ก่อนนำส่ง พนักงานงานสอบสวน สภ.กกตูม เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ไกรสมุทร นามโพธิ์ไทร/รายงานจากมุกดาหาร
081-0501177

ทหาร-ตำรวจ จนท.ฝ่ายปกครอง แม่ฮ่องสอน รวมจับกุมผู้ถูกล่าวหา มียาบ้า 21 เม็ด ในพื้นที่ อ.ปาย

🛑ทหาร-ตำรวจ จนท.ฝ่ายปกครอง แม่ฮ่องสอน รวมจับกุมผู้ถูกล่าวหา มียาบ้า 21 เม็ด ในพื้นที่ อ.ปาย
========
🔻🔻🔻🔻
วันที่ 2 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยการอำนวยการของ พ.ต.ท.ธวัชชัย สุรินต๊ะ ผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ มอบหมายให้ ร.ต.อ.มงคล มีคุณ ผู้บังคับหมวด ตชด.3361 ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการแม่ของ ตชด.336 พร้อมกำลังพลรวม 3 นาย ร่วมกับ จนท.ตร.สส.สภ.ปาย, จนท.ทหาร ชป.ศป.ปส.ชน.ที่ 2, จนท.ตร.กก.สส.ภ.จว.มส., จนท.ทหาร ร้อย ร.723, จนท.ทหาร ฉก.ร.๗, จนท.ฝ่ายปกครอง อ.ปาย ร่วมจับกุมตัวผู้ถูกกล่าวหา 1 ราย พร้อมของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) จำนวน 21 เม็ด
โดยกล่าวหาว่ามีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
สถานที่เกิดเหตุ เพิงพักกำลังก่อสร้าง กลางทุ่งนา บ้านสบแพม หมู่ที่ 4 ต.ทุ่งยาว อ.ปาย จว.แม่ฮ่องสอน
เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ถูกกล่าวหา พร้อมของกลางส่งให้ พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรปาย จว.แม่ฮ่องสอน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ขอบคุณ ตชด.336 แม่ฮ่องสอน

แถลงข่าว จับกุมพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ พร้อมยึดทรัพย์มูลค่ากว่า 150 ล้านบาท

แถลงข่าว จับกุมพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ พร้อมยึดทรัพย์มูลค่ากว่า 150 ล้านบาท

กองทัพเรือโดย พล.ร.ท.ภิญโญ โตเลี้ยง รองเสนาธิการทหารเรือ ร่วมกับ กองบัญชาการตำรวจนครบาล และสำนักงานป้องกันเเละปราบปรามยาเสพติด ตั้งโต๊ะเเถลงข่าว ในคดีจับนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ พร้อมเครือข่าย รวมมูลค่าทรัพย์สิน กว่า 150 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2565 ณ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้มีการแถลงรายงาน ผลการปฏิบัติในการปิดล้อม ตรวจค้น เเละจับนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ คือ นายวรวัฒน์ วงศพ่าห์ พร้อมกับจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ในคดีสมคบ สนับสนุนช่วยเหลือในการค้ายาเสพติด อีกจำนวน 4 คน และสามารถตรวจยึดทรัพย์สิน ได้หลายรายการ ได้เเก่ เงินสด เงินฝากในบัญชี ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง โรงแรม รีสอร์ท ทองรูปพรรณ อาวุธปืน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เรือประเภทต่างๆ นกแก้ว ฯลฯ รวมมูลค่าทรัพย์สิน ประมาณ 150 ล้านบาท

ทั้งนี้กองทัพเรือโดย ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ ได้สั่งการให้ทัพเรือภาคที่ 1 จัดชุดปฏิบัติการ ลงพื้นที่หาข่าวเเละร่วมปฏิบัติการ ทั้งสิ้น 4 ชุด 12 นาย ปฏิบัติงานในส่วนของพื้นที่ เมืองพัทยา จว.ชลบุรี พื้นที่ อ.หัวหิน และ อ.ปราณบุรี จว.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมุ่งเน้นการหาเบาะแสจุดจอดเรือที่เป็นทรัพย์สินของผู้ต้องหา และร่วมปฎิบัติการจับกุม จับยึด รวมไปถึงการเคลื่อนย้ายและเก็บรักษาของกลาง ซึ่งในความรับผิดชอบส่วนใหญ่ จะเป็นทรัพย์สินที่เป็นเรือสปีดโบ๊ท และเจ็ตสกี

กองทัพเรือ ยังคงยืนหยัดและตั้งมั่นที่จะเป็นศัตรูของขบวนการค้ายาเสพติด และยังเตรียมพร้อมที่จะป้องกันเเละปราบปรามยาเสพติด อย่างเต็มกำลังความสามารถ ต่อไป

ภาพ/ข่าว นิราช/นันฐพล/พิชญ์ฐญา ทิพย์ศรี
พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

อำเภอไชยปราการจังหวัดเชียงใ หม่ จับหนุ่มขายยาบ้าทั่วเมือง

อำเภอไชยปราการจังหวัดเชียงใหม่
นายสำราญแสงสงค์ ข่าว
จับหนุ่มขายยาบ้าทั่วเมือง

วันที่ 4 มีนาคม 2565
พ.ต.อ.ปริญญา เพชรมี ผกก.สภ.ไซยปราการ จังหวัดเชียงใหม่พ.ต.อ.วีรวัฒน์ นิลวัฒน์ ผกก.ตม.จว.ชม., พ.ต.ท.สรัญรัฐ ชยนนท์ รอง ผกก.ป.สภ.ไชยปราการฯ ,พ.ต.ท.ชาญยุทธ ไชยมะโน รอง ผกก.สส.สภ.ไชยปราการฯ , พ.ต.ท.หญิงพัสษลพร ศุกระศร รอง ผกก.ตม.จว.ชม. , .พ.ต.ต.วันเฉลิม ทาสมบูรณ์ สว.สส.สภ.ไชยปราการฯ , พ.ต.ต.ธราธร อาภรณ์ศิริพงษ์ สว.ตม.จว.เชียงใหม่ ,พ.ต.ท.กิตติพงษ์ ชัยอนันต์ ผบ.ร้อย ตชด.334 อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ , พ.ท.ฐานพัฒน์ แสงนาค ผบ.บก.ควบคุมที่ 2 ฉก.ม.4 เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมโดย ร.ต.อ.เอกชัย ทาชมพู สวป.สภ.ไชยปราการฯ พร้อมพวกประกอบด้วย ร.ต.อ.ศิวัช ลีคำปัน ,ด.ต.สิทธัต คงเมือง , ด.ต.ชูชาติ หน่อตื่อ เจ้าหน้าที่ ตำรวจร้อย ตชด.334 ประกอบด้วย ส.ต.ท.สมชาย กันชัย เจ้าหน้าที่ทหาร บก.ควบคุมที่ 2 ฉก.ม.4 เจ้าหน้าที่ ตม.จว.ชม ประกอบด้วย ร.ต.อ.รัชทร ทักขิณะ , ร.ต.ท.กิตติภพ มะลิกา เจ้าหน้าที่ทหาร บก.ควบคุมที่ 2 ฉก.ม.4 ประกอบด้วย จ.ส.อ.วรวุฒิ ทองเกตุแก้ว , จ.ส.ต.วิสิษฐ์ นาคแก้ว เจ้าหน้าที่ทหารชุดสุนัขดมกลิ่นประกอบด้วย พลอาสาอัครริน วงค์สุรินทร์ ร่วมจับกุมนายเสี่ยวจวิ่ง แช่หย่าง อายุ 27ปี บ้านเลขที่ 2/ 1หมู่ 10ต.หนองบัว อ.ไซยปราการ
จ.เชียงใหม่

ด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) จำนวน 1เม็ด และติดตามขยายผลจับนายยงฉิ่ง แซ่เจ้า อายุ28ปี บ้านเลขที่134หมุ่10 ตำบลหนองบัว อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมยาบ้าจำนวน167เม็ด เฮโรอิน2กรัมซุกซ่อนในกระเป๋ากางเกง เจ้าหน้าที่นำตรวจปัสสาวะที่โรงพยาบาลไชยปราการ พบมีสารเสพติดในร่างกายทั้ง2คน จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

สงขลา—สะเดา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงชายแดนไทยมาเลเซียสกัดจับรถกระบะขนแรงงานเถื่อนชาวเมียนมาเต็มรถ 8 คนส่งข้ามแดนไปยังประเทศมาเลเซีย

สงขลา—สะเดา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงชายแดนไทยมาเลเซียสกัดจับรถกระบะขนแรงงานเถื่อนชาวเมียนมาเต็มรถ 8 คนส่งข้ามแดนไปยังประเทศมาเลเซีย และจับกุมผู้นำพาผัวเมียชาวไทย2 คนกอดคอกันร้องให้เมียกำลังตั้งท้องแก่7 เดือน ส่วนผัวยังพบไอซ์และยาบ้าทรุดเข่าร่ำให้ขอร้องไม่ให้จับกุม เผยขบวนการค้าแรงงานเถื่อนข้ามชาติเริ่มกลับมาอีกครั้งช่วง3เดือนแรกของปีนี้จับกุมได้แล้ว5ครั้งแรงงานเถื่อนเมียมาเกือบ100 คน

เมื่อเวลา 01.00 น.วันนี้(4มี.ค.65) พ.อ. ธนิตพนธ์ หงส์วิไล ผบ.ฉก.ร.5นาย สุรินทร์ สุริยะวงศ์ นอภ.สะเดา พ.ต.อ. บรรเทิง เหล่าเจริญ ผกก สภ สะเดา พร้อมกำลังทหารกองกำลังเทพสตรีโดยหน่วยเฉพาะกิจกรมราบที่5 ร้อยร.5021 ร่วมกับชุดเฝ้าตรวจชายแดน 4304 ร้อยตชด.437 ตำรวจ สภ.สะเดา
และ ฝ่ายปกครองอำเภอสะเดา

สกัดจับรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า วีโก้ตอนครึ่ง สีขาว หมายเลขทะเบียน บล 4908 กำแพงเพชร ที่บริเวณถนนเลียบชายแดนไทย – มาเลเซีย ใกล้กับบ้านเรือนไทย บ้านไทยจังโหลน ม.7 ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา

ขณะลักลอบขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาจำนวน8 คน เป็นผู้ชายทั้งหมดอัดแน่นมาเต็มท้ายรถกระบะ พร้อมผู้นำพาซึ่งเป็นคนไทยอีก2 คน นายเจษฎายุทธ ยะรัง หรือเจษ สัญชาติไทย ชาวต.ปริก อ.สะเดา จ.สงขลา และนางสาวสะลีฝ๊ะ หมานระโต๊ะ หรือฝ๊ะ ชาวต.เปียน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ทั้งสองคนเป็นผัวเมียกัน โดยสามีเป็นคนขับรถกระบะและภรรยานั่งข้างๆ และขณะถูกจับกุมทั้งสองคนถึงกับกอดคอกันร้องให้เนื่องจากภรรยากำลังตั้งท้องแก่7 เดือนด้วย

จากการตรวจสอบแรงงานเมียนมาทั้ง8 คนเป็นงานที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฏหมายไม่มีหนังสือเดินทาง

นอกจากนี้จากการตรวจค้นในตัวนายเจษฎายังพบยาบ้า2เม็ด และไอซ์อีก 8.50 กรัมด้วย ซึ่งให้การปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ใช่ของตัวเอง

สุดท้ายก่อนเข่าอ่อนทรุดตัวข้างรถกระบะยกมือไหว้ร่ำให้ขอร้องไม่ให้เจ้าหน้าที่จับกุม และยึดโทรศัพท์มือถืออีก3 เครื่อง

จากการสอบสวนนายเจษฎายุทธและภรรยา ให้การตรงกันว่า ได้รับการติดต่อจากนายบ่าว ไม่ทราบชื่อจริง ให้ไปรับแรงงานต่างด้าวกกลุ่มนี้บริเวณหลังวัดม่วง ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อไปส่งที่ชายแดนไทยมาเลเซียลักลอบเดินทางต่อเข้าไปยังประเทศประมาเลเซียทางช่องทางธรรมชาติ

ส่วนยาบ้าและไอซ์ก็เป็นของนายบ่าว และนายเจษฎายุทธ ยังบอกอีกว่าเพิ่งเสพยาบ้ามา3เม็ด ก่อนที่จะเดินทางไปรับชาวเมียนมากลุ่มนี้ และผลตรวจปัสสาวะก็พบสารเสพติด Amphetamine ด้วย

และจากการสอบสวน นาย แทด ออง อายุ 26 ปี หนึ่งในชาวเมียนมาที่ถูกจับกุมได้และพูดไทยได้ บอกว่า ตนทำงานอยู่ใน อ.หาดใหญ่ มา3ปี อาชีพรับจ้างส่งของ และได้รับการติดต่อจากมารดา

ซึ่งทำงานอยู่ในประเทศมาเลเซีย ผ่านระบบ Messenger ชื่อ Khin Khin เพื่อให้ตนเองเดินทางเข้าไปไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย โดยมารดาจะเป็นคนจ่ายค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด แต่ไม่ทราบว่าเท่าไหร่และเตรียมเดินทางเข้าไปยังมาเลเซียเมื่อคืนนี้แต่ก็ถูกจับกุมได้ก่อน

ส่วนชาวเมียนมาที่เหลือจากการสอบสวนผ่านล่ามทราบว่า ได้ติดกับนายหน้าสัญเมียนมา เพื่อต้องการเดินทางไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย ส่วนค่าใช่จ่ายจะจ่ายให้เมื่อสามารถเดินทางเข้าไปยังประเทศมาเลเซียได้แต่ยังไม่รู้ว่าเท่าไหร่

โดยลักลอบเข้ามาในประเทศไทยผ่านทางช่องทางธรรมชาติ ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และได้เดินทางมายังพื้นที่ อ.หาดใหญ่ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ โดยรถยนต์กระบะ สีแดง ไม่ทราบแผ่นป้านทะเบียน และพักอาศัยอยู่ห้องเช่าในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ และเมื่อคืนนี้มี นายเจษฎายุทธ และนางสะลีฝ๊ะ สองผัวเมียขับรถกระบะมารับเพื่อเดินทางต่อเข้าไปยังประเทศมาเลเซีย แต่ก็ถูกจับกุมได้ก่อนที่จะข้ามแดน

เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวทั้งหมดส่งสภ.สะเดา ดำเนินคดี โดยในส่วนของสองผัวเมียคนไทยถูกแจ้งข้อหานำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรฯ,ส่วนแรงงานชาวเมียนมา แจ้งข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำตัวเข้าสู่กระบวนการตรวจคัดกรองโควิด19

สำหรับสถานการณ์การค้าแรงงานเถื่อนข้ามชาติขณะนี้พบว่าเริ่มกลับมาอีกครั้งโดยตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมแรงงานเถื่อนชาวเมียนมาได้แล้ว 5 ครั้ง จำนวน 94 คน ทั้งในพื้นที่อ.สะเดา อ.หาดใหญ่ และอ.บางกล่ำ ขณะเตรียมส่งเข้าไปยังประเทศมาเลเซีย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงชายแดนไทยมาเลเซียได้เพิ่มมาตรการตรวจสอบทางด้านการข่าวและลาดตระเวนคุมเข้มชายแดนไทยมาเลเซียเพื่อสกัดการลักลอบค้าแรงงานเถื่อน

ภาพ/ข่าว @มณีรัตน์ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสงขลา

สงขลา—สะเดา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงชายแดนไทยมาเลเซียสกัดจับรถกระบะขนแรงงานเถื่อนชาวเมียนมาเต็มรถ 8 คนส่งข้ามแดนไปยังประเทศมาเลเซีย

สงขลา—สะเดา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงชายแดนไทยมาเลเซียสกัดจับรถกระบะขนแรงงานเถื่อนชาวเมียนมาเต็มรถ 8 คนส่งข้ามแดนไปยังประเทศมาเลเซีย และจับกุมผู้นำพาผัวเมียชาวไทย2 คนกอดคอกันร้องให้เมียกำลังตั้งท้องแก่7 เดือน ส่วนผัวยังพบไอซ์และยาบ้าทรุดเข่าร่ำให้ขอร้องไม่ให้จับกุม เผยขบวนการค้าแรงงานเถื่อนข้ามชาติเริ่มกลับมาอีกครั้งช่วง3เดือนแรกของปีนี้จับกุมได้แล้ว5ครั้งแรงงานเถื่อนเมียมาเกือบ100 คน

เมื่อเวลา 01.00 น.วันนี้(4มี.ค.65) พ.อ. ธนิตพนธ์ หงส์วิไล ผบ.ฉก.ร.5นาย สุรินทร์ สุริยะวงศ์ นอภ.สะเดา พ.ต.อ. บรรเทิง เหล่าเจริญ ผกก สภ สะเดา พร้อมกำลังทหารกองกำลังเทพสตรีโดยหน่วยเฉพาะกิจกรมราบที่5 ร้อยร.5021 ร่วมกับชุดเฝ้าตรวจชายแดน 4304 ร้อยตชด.437 ตำรวจ สภ.สะเดา
และ ฝ่ายปกครองอำเภอสะเดา

สกัดจับรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า วีโก้ตอนครึ่ง สีขาว หมายเลขทะเบียน บล 4908 กำแพงเพชร ที่บริเวณถนนเลียบชายแดนไทย – มาเลเซีย ใกล้กับบ้านเรือนไทย บ้านไทยจังโหลน ม.7 ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา

ขณะลักลอบขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาจำนวน8 คน เป็นผู้ชายทั้งหมดอัดแน่นมาเต็มท้ายรถกระบะ พร้อมผู้นำพาซึ่งเป็นคนไทยอีก2 คน นายเจษฎายุทธ ยะรัง หรือเจษ สัญชาติไทย ชาวต.ปริก อ.สะเดา จ.สงขลา และนางสาวสะลีฝ๊ะ หมานระโต๊ะ หรือฝ๊ะ ชาวต.เปียน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ทั้งสองคนเป็นผัวเมียกัน โดยสามีเป็นคนขับรถกระบะและภรรยานั่งข้างๆ และขณะถูกจับกุมทั้งสองคนถึงกับกอดคอกันร้องให้เนื่องจากภรรยากำลังตั้งท้องแก่7 เดือนด้วย

จากการตรวจสอบแรงงานเมียนมาทั้ง8 คนเป็นงานที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฏหมายไม่มีหนังสือเดินทาง

นอกจากนี้จากการตรวจค้นในตัวนายเจษฎายังพบยาบ้า2เม็ด และไอซ์อีก 8.50 กรัมด้วย ซึ่งให้การปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ใช่ของตัวเอง

สุดท้ายก่อนเข่าอ่อนทรุดตัวข้างรถกระบะยกมือไหว้ร่ำให้ขอร้องไม่ให้เจ้าหน้าที่จับกุม และยึดโทรศัพท์มือถืออีก3 เครื่อง

จากการสอบสวนนายเจษฎายุทธและภรรยา ให้การตรงกันว่า ได้รับการติดต่อจากนายบ่าว ไม่ทราบชื่อจริง ให้ไปรับแรงงานต่างด้าวกกลุ่มนี้บริเวณหลังวัดม่วง ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อไปส่งที่ชายแดนไทยมาเลเซียลักลอบเดินทางต่อเข้าไปยังประเทศประมาเลเซียทางช่องทางธรรมชาติ

ส่วนยาบ้าและไอซ์ก็เป็นของนายบ่าว และนายเจษฎายุทธ ยังบอกอีกว่าเพิ่งเสพยาบ้ามา3เม็ด ก่อนที่จะเดินทางไปรับชาวเมียนมากลุ่มนี้ และผลตรวจปัสสาวะก็พบสารเสพติด Amphetamine ด้วย

และจากการสอบสวน นาย แทด ออง อายุ 26 ปี หนึ่งในชาวเมียนมาที่ถูกจับกุมได้และพูดไทยได้ บอกว่า ตนทำงานอยู่ใน อ.หาดใหญ่ มา3ปี อาชีพรับจ้างส่งของ และได้รับการติดต่อจากมารดา

ซึ่งทำงานอยู่ในประเทศมาเลเซีย ผ่านระบบ Messenger ชื่อ Khin Khin เพื่อให้ตนเองเดินทางเข้าไปไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย โดยมารดาจะเป็นคนจ่ายค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด แต่ไม่ทราบว่าเท่าไหร่และเตรียมเดินทางเข้าไปยังมาเลเซียเมื่อคืนนี้แต่ก็ถูกจับกุมได้ก่อน

ส่วนชาวเมียนมาที่เหลือจากการสอบสวนผ่านล่ามทราบว่า ได้ติดกับนายหน้าสัญเมียนมา เพื่อต้องการเดินทางไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย ส่วนค่าใช่จ่ายจะจ่ายให้เมื่อสามารถเดินทางเข้าไปยังประเทศมาเลเซียได้แต่ยังไม่รู้ว่าเท่าไหร่

โดยลักลอบเข้ามาในประเทศไทยผ่านทางช่องทางธรรมชาติ ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และได้เดินทางมายังพื้นที่ อ.หาดใหญ่ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ โดยรถยนต์กระบะ สีแดง ไม่ทราบแผ่นป้านทะเบียน และพักอาศัยอยู่ห้องเช่าในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ และเมื่อคืนนี้มี นายเจษฎายุทธ และนางสะลีฝ๊ะ สองผัวเมียขับรถกระบะมารับเพื่อเดินทางต่อเข้าไปยังประเทศมาเลเซีย แต่ก็ถูกจับกุมได้ก่อนที่จะข้ามแดน

เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวทั้งหมดส่งสภ.สะเดา ดำเนินคดี โดยในส่วนของสองผัวเมียคนไทยถูกแจ้งข้อหานำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรฯ,ส่วนแรงงานชาวเมียนมา แจ้งข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำตัวเข้าสู่กระบวนการตรวจคัดกรองโควิด19

สำหรับสถานการณ์การค้าแรงงานเถื่อนข้ามชาติขณะนี้พบว่าเริ่มกลับมาอีกครั้งโดยตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมแรงงานเถื่อนชาวเมียนมาได้แล้ว 5 ครั้ง จำนวน 94 คน ทั้งในพื้นที่อ.สะเดา อ.หาดใหญ่ และอ.บางกล่ำ ขณะเตรียมส่งเข้าไปยังประเทศมาเลเซีย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงชายแดนไทยมาเลเซียได้เพิ่มมาตรการตรวจสอบทางด้านการข่าวและลาดตระเวนคุมเข้มชายแดนไทยมาเลเซียเพื่อสกัดการลักลอบค้าแรงงานเถื่อน

ภาพ/ข่าว @มณีรัตน์ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสงขลา

การปราบปรามและจับกุมยาบ้า ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย กว่า 3,000,000 เม็ด (2 มีนาคม 2565)

การปราบปรามและจับกุมยาบ้า ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย กว่า 3,000,000 เม็ด (2 มีนาคม 2565)

ตามที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้มีนโยบายให้มีการบูรณาการงานด้านการข่าวเพื่อความมั่นคงของพลเรือน ตำรวจ ทหาร และทุกภาคส่วน ในการดำเนินการ สกัดกั้น ปราบปราม และจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดอย่างจริงจัง ตั้งแต่พื้นที่แนวชายแดน จนถึงพื้นที่ตอนในของประเทศ นั้น มีการปราบปรามยาเสพติดที่สำคัญ ดังนี้

เหตุการณ์ที่ 1 เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2565 เวลาประมาณ 09.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง ร่วมกับ ศูนย์ปฏิบัติการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย จึงได้จัดกำลังตรวจค้น บริเวณโรงแรมเฟื่องฟ้า บ้านเวียงใต้ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย จากการตรวจค้น พบของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) บรรจุอยู่ในกระสอบ จำนวน 11 กระสอบ รวมประมาณ 2,200,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์ ยี่ห้อ นิสสัน รุ่นนาวาร่า สีบรอนซ์ พร้อมจับกุมผู้กระทำผิดเป็นชาย จำนวน 3 คน เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดยาบ้าดังกล่าว พร้อมนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

เหตุการณที่ 2 เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 เวลาประมาณ 20.30 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารจาก กองร้อยทหารม้าเคลื่อนที่เร็ว กองกำลังผาเมือง จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ กำลังลาดตระเวนตรวจพื้นที่รับผิดชอบเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายมาตามแนวป่าเขา บริเวณกิ่วคอดอยนางนอนเขตพื้นที่บ้านสันป่าสัก ตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นั้น ได้พบพ่วงข้างของรถจักรยานยนต์คันหนึ่ง ซึ่งมีผ้าคลุมจอดซุกซ่อนอยู่ในที่มืด เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจสอบ ปรากฎว่าพบ กระสอบดัดแปลงใส่สายสะพายเป็นเป้ จำนวน 9 กระสอบ วางกองอยู่ในพ่วงข้างดังกล่าว ภายในกระสอบบรรจุยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ยาบ้า) รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 1,170,000 เม็ด เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดยาบ้าดังกล่าวนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบเห็นการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือมีเบาะแสข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ขอความกรุณาได้แจ้งแก่เจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติในการปราบปรามและจับกุม อย่างเป็นรูปธรรมตามกฎหมาย อีกทั้งหากพี่น้องประชาชนมีความประสงค์จะส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยตรง ให้กับ พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 สามารถส่งข้อมูลผ่านระบบ Applications Line ชื่อ “สายตรงแม่ทัพภาคที่ 3” ID Line : ISOC3 เพื่อรับทราบข้อมูลและนำไปสู่การปฏิบัติตามกรอบของกฎหมาย สร้างความมั่นคงให้สังคมไทยสืบไป.

ทรงวุฒิ ทับทอง
คณะบรรณาธิการข่าว กองทัพภาคที่ 3
2 มีนาคม 2565

การปราบปรามและจับกุมยาบ้า ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย กว่า 3,000,000 เม็ด (2 มีนาคม 2565)

การปราบปรามและจับกุมยาบ้า ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย กว่า 3,000,000 เม็ด (2 มีนาคม 2565)

ตามที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้มีนโยบายให้มีการบูรณาการงานด้านการข่าวเพื่อความมั่นคงของพลเรือน ตำรวจ ทหาร และทุกภาคส่วน ในการดำเนินการ สกัดกั้น ปราบปราม และจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดอย่างจริงจัง ตั้งแต่พื้นที่แนวชายแดน จนถึงพื้นที่ตอนในของประเทศ นั้น มีการปราบปรามยาเสพติดที่สำคัญ ดังนี้

เหตุการณ์ที่ 1 เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2565 เวลาประมาณ 09.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง ร่วมกับ ศูนย์ปฏิบัติการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย จึงได้จัดกำลังตรวจค้น บริเวณโรงแรมเฟื่องฟ้า บ้านเวียงใต้ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย จากการตรวจค้น พบของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) บรรจุอยู่ในกระสอบ จำนวน 11 กระสอบ รวมประมาณ 2,200,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์ ยี่ห้อ นิสสัน รุ่นนาวาร่า สีบรอนซ์ พร้อมจับกุมผู้กระทำผิดเป็นชาย จำนวน 3 คน เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดยาบ้าดังกล่าว พร้อมนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

เหตุการณที่ 2 เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 เวลาประมาณ 20.30 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารจาก กองร้อยทหารม้าเคลื่อนที่เร็ว กองกำลังผาเมือง จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ กำลังลาดตระเวนตรวจพื้นที่รับผิดชอบเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายมาตามแนวป่าเขา บริเวณกิ่วคอดอยนางนอนเขตพื้นที่บ้านสันป่าสัก ตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นั้น ได้พบพ่วงข้างของรถจักรยานยนต์คันหนึ่ง ซึ่งมีผ้าคลุมจอดซุกซ่อนอยู่ในที่มืด เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจสอบ ปรากฎว่าพบ กระสอบดัดแปลงใส่สายสะพายเป็นเป้ จำนวน 9 กระสอบ วางกองอยู่ในพ่วงข้างดังกล่าว ภายในกระสอบบรรจุยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ยาบ้า) รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 1,170,000 เม็ด เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดยาบ้าดังกล่าวนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบเห็นการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือมีเบาะแสข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ขอความกรุณาได้แจ้งแก่เจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติในการปราบปรามและจับกุม อย่างเป็นรูปธรรมตามกฎหมาย อีกทั้งหากพี่น้องประชาชนมีความประสงค์จะส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยตรง ให้กับ พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 สามารถส่งข้อมูลผ่านระบบ Applications Line ชื่อ “สายตรงแม่ทัพภาคที่ 3” ID Line : ISOC3 เพื่อรับทราบข้อมูลและนำไปสู่การปฏิบัติตามกรอบของกฎหมาย สร้างความมั่นคงให้สังคมไทยสืบไป.

ทรงวุฒิ ทับทอง
คณะบรรณาธิการข่าว กองทัพภาคที่ 3
2 มีนาคม 2565

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com