โจรใต้บุกถล่มจุดตรวจที่ปาดี อส.และตำรวจเจ็บ 2 ชาวบ้านถูกลูกหลงเจ็บ 3

โจรใต้บุกถล่มจุดตรวจที่ปาดี อส.และตำรวจเจ็บ 2 ชาวบ้านถูกลูกหลงเจ็บ 3

นราธิวาส/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ

โจรใต้บุกถล่มจุดตรวจที่ปาดี อส.และตำรวจเจ็บ 2 ชาวบ้านถูกลูกหลงเจ็บ 3

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 1 ต.ค. 64 พ.ต.อ.อาภากร วิรุปักษ์อารักษ์ ผกก.สภ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส นายปรีชา นวลน้อย ปลัด จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่ง ร่วมเดินทางตรวจสอบเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามและระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ บุกโจมตีจุดตรวจ 3 ฝ่าย ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนจารุเสถียร เขตเทศบาลตำบลปะลุรู อ.สุไหงปาดี ส่งผลทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและ อส.บาดเจ็บ 2 นาย แถมมีชาวบ้านถูกลูกหลงบาดเจ็บอีก 3 คน เหตุเกิดในช่วงคืนที่ผ่านมา เวลา 19.30 น. แต่เจ้าหน้าที่ไม่กล้าเดินทางเข้าตรวจสอบ เกรงคนร้ายจะวางแผนลวงดักสังหารเจ้าหน้าที่

เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ ที่อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ตกอยู่ที่กองทรายตรงข้ามกับจุดตรวจ 1 ลูก เจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการเก็บกู้เอาไว้ได้ พร้อมด้วยสลักนิรภัยจำนวน 3 อัน ก่อนที่จะตรวจสอบจุดตรวจ พบที่บริเวณริมถนนหน้าจุดตรวจมีร่องรอยของระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ ที่คนร้ายขว้างใส่จุดตรวจ 3 ลูก ตกจนพื้นที่ถนนเป็นรูโหว่ และบริเวณกำแพงจุดตรวจมีร่องรอยของกระสุนปืนเอ็ม.16 และอา.ก้า.รวมทั้งสะเก็ดระเบิดพรุนทั้งแถบ ส่วนบริเวณหอคอยมีร่องรอยถูกกระสุนปืนของคนร้ายจนพรุนเช่นกัน เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวหลักฐานในที่เกิดเหตุ

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบบ้านพักของชาวบ้านที่ปลูกสร้างอยู่ด้านซ้ายมือของจุดตรวจและด้านหลังของจุดตรวจ พบว่าฝาผนังและกระจกหน้าต่างที่อยู่ด้านหน้าของบ้านพักแตก และมีกองเลือดจำนวนหนึ่งเจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบจุดที่ 2 ซึ่งห่างจากจุดแรกประมาณ 3 ก.ม. ซึ่งเป็นถนนพาดทางรถไฟ พบเสาเตือนสัญญาณรถไฟหักโคน 1 ต้น และมีร่องรอยของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในท่อแปปเหล็กทรงกลม หนัก 5 ก.ม.จุดชนวนด้วนวิทยุสื่อสาร ตกกระจายเกลื่อนพื้นถนน เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนทราบว่า ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง 4 นาย กำลังอาศัยอยู่ในจุดตรวจ ได้มีคนร้ายประมาณ 8 คน พร้อมอาวุธปืนครบมือ ได้แฝงตัวมาทางป่าตรวจข้ามจุดตรวจ โดยอาศัยก้อนทรายเป็นที่กำบัง ใช้อาวุธปืนสงครามยิงใส่หอคอยและเข้าไปในจุดตรวจจำนวนหลายชุด เจ้าหน้าที่ทั้ง 4 นาย ที่อยู่ในจุดตรวจได้ใช้บังเกอร์ปูนหน้าจุดตรวจเป็นที่กำบัง ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงปะทะตอบโต้ใส่กลุ่มคนร้าย กลุ่มคนร้ายใช้กลยุทธ์ยิงอาวุธปืนเข้าใส่สลับกับขว้างระเบิดไปป์บอมบ์ แต่โชคดีหน้าฐานเจ้าหน้าที่ได้ทำการขึงตาข่ายไว้ ทำให้ระเบิดไปป์บอมบ์ล่วงตกที่บริเวณฐานของตาข่ายริมถนน จนการปะทะผ่านไปประมาณ 10 นาที

เมื่อ ร.ท.วิรุจ นพรัตน์ ผบ.ร้อย ทพ.4814 ซึ่งตั้งฐานอยู่วัดโต๊ะเด็ง ได้รับการขอสนับสนุนเพื่อช่วยเหลือที่จุดตรวจ จึงได้นำกำลัง 1 ชป. นั่งรถยนต์หุ้มเกราะวีว่าออกจากฐาน เมื่อถึงบริเวณถนนพาดทางรถไฟ คนร้ายที่ดักซุ่มอยู่ในมุมมืดได้ใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิดที่นำไปผูกติดไว้กับเสาสัญญาณเตือนรถไฟ จนเกิดระเบิดขึ้นแต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ จึงได้เดินทางไปสนับสนุนที่จุดตรวจ กลุ่มคนร้ายเห็นดังนั้นจึงได้พากันนำกำลังล่าถอยไป

ต่อมาเมื่อเสียงปืนสงบลงเจ้าหน้าที่ได้เครียร์พื้นที่ พบว่า นายหมู่โทมะนาวี กอเดร์ 37 ปี ซึ่งประจำที่จุดตรวจถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่คิ้วขวา และ ส.ต.ต.กิตติศักดิ์ ปาหิน 21 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณซี่โครงขวา จำนวน 2 จุดและมีอาหารแน่นหน้าอกหูอื้อ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าเครียร์บ้านเรือนของชาวบ้านที่อยู่ด้านข้างและด้านหลังของจุดตรวจ พบมีชาวบ้านถูกสะเก็ดกระจกของหน้าต่างได้รับบาดเจ็บอีก 3 คน คือ น.ส.ภัทราวดี พรมชื่น 37 ปี ด.ญ.รวิดา พรมชื่น 1 ขวบ และนายเฉลิมพล พื้นผา 34 ปี จึงได้ช่วยกันนำผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 5 ราย ส่งรักษาที่โรงพยาบาลสุไหงปาดี อย่างเร่งด่วน

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดี เพื่อวางแผนดักสังหารเจ้าหน้าที่รายวัน

โจรใต้วางระเบิดตำรวจจะแนะพลีชีพ2เจ็บ4นาย

นราธิวาส/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ

โจรใต้วางระเบิดตำรวจจะแนะพลีชีพ2เจ็บ4นาย

เมื่อเวลา 14.12 น. วันที่ 28 ก.ย. 64 พ.ตอ.อดุลย์ เง๊าะ ผกก.สภ.จะแนะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายจุดชนวนระเบิดดักสังหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจรถยนต์ ฝ่ายป้องกันและปราบปราม สภ.จะแนะ บนถนนในหมู่บ้านน้ำวน ม.1 ต.ช้างเผือก มีผู้ได้รับบาดเจ็บและรถยนต์ได้รับความเสียหาย จึงสั่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถยนต์สายตรวจเสียหลักตกไปหงายท้องไปอยู่ริมถนน ห่างจากจุดระเบิดประมาณ 40 เมตร โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 6 นายที่นอนกระจัดกระจายอยู่ภายในรถและพื้นถนน เจ้าหน้าที่จึงได้รีบนำผู้ได้รับบาดเจ็บส่งรักษาที่โรงพยาบาลจะแนะ เป็นการเร่งด่วน

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบหลุมระเบิดกลางถนน ซึ่งลึกประมาณ 1 เมตร กว้าง 1.5 เมตร ที่คนร้ายได้นำระเบิดแสวงเครื่องประกอบในถังแก๊สปิกนิก หนัก 25 ก.ก. จุดชนวนด้วยแบตเตอรี่ที่คนร้ายได้ลากสายไฟไปในป่ารกทึบ ที่นำไปฝังไว้บริเวณใต้ท่อลอดกลางถนน โดยมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องตกกระจายเกลื่อนพื้นถนนและพงหญ้ารกทึบริมทาง เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลจะแนะ เพื่อดูอาการผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งต่อมาได้เสียชีวิต 2 นาย

คือ 1. 1. ร.ต.ท.ธีระศักดิ์ เครือคำ รอง สว.ป.สภ.จะแนะ และ 2. ส.ต.อ. ปริวัตร อุดม ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.จะแนะ ซึ่งถูกอนุภาพของระเบิดกระเด็นติดไปกับรถ มีบาดแผลฉกรรจ์ตามร่างการหลายแห่ง ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ซึ่งเป็นชุดป้องกันและปราบปราม สภ.จะแนะ ประกอบด้วย 1. ร.ต.ต. ชาญวิทย์ หลงหา 2. ส.ต.อ. เอกราช เย็นยีเอส 3. ส.ต.ต.เมคิน ราชหาด และ4. ส.ต.ต.พงศพัฒน์ ศรีสุข ซึ่งมีบาดแผลตามร่างการหลายแห่งแต่ไม่สาหัสมากนัก

จากการสอบสวนทราบว่า หลังจากที่ ร.ต.ท.ธีระศักดิ์ เครือคำ รอง สว.ป.สภ.จะแนะ และพวกรวม 8 นาย ได้นั่งรถยนต์กระบะ 2 คัน เดินทางไประงับเหตุประชาชนคลุ้มคลั่งในพื้นที่ เมื่อแล้วเสร็จได้พากันเดินทางกลับ สภ.จะแนะ เมื่อเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ในป่ารกทึบริมทาง ได้ใช้แบตเตอรี่จุดชนวนระเบิดที่นำไปวางไว้ใต้ท่อลอดกลางถนน จนเกิดระเบิดขึ้นในขณะที่รถยนต์ที่ ร.ต.ท.ธรีศักดิ์ รอง สว.ป.สภ.จะแนะ ขับผ่านเป็นคันแรกจนทำให้รถยนต์ลอยขึ้นจากพื้นถนนและรถยนต์ได้พลิก 2 ตลบ ไปหงายท้องล้อชี้ฟ้า และมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดี เพื่อลอบดักสังหารเจ้าหน้าที่รายวัน

รวบมือฆ่า ทุ่มด้วยรถเข็นคู่กรณีดับเหตุแค่มองหน้าไม่พอใจและถือมีดติดตัวมาด้วย

รวบมือฆ่า ทุ่มด้วยรถเข็นคู่กรณีดับเหตุแค่มองหน้าไม่พอใจและถือมีดติดตัวมาด้วย

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 13 กันยายน ที่ สภ.เมืองชลบุรี พ.ต.อ.สุขทัศน์ พุ่มพันธ์ม่วง รอง.ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.นิทัศน์ แหวนประดับ ผกก.สภ.เมืองชลบุรี ได้นำตัวนายวิสาทร ถาวรรณา อายุ 34 ปี มาสอบปากคำในข้อหาฆ่าคนตาย เนื่องมาจากเมื่อวันที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา นายวิสาทร ได้ทะเลาะเบาะแว้งกับนายสวัสดี มูลทา อายุ 42 ปี บ้านเดิมอยู่ที่ 55 หมู่ 7 ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ บริเวณหน้าห้องแถวในซอยสุรณรงค์ 12 หมู่ 3 ต.บ้านสวน อ.เมืองชลบุรี ขณะนั้นนายสวัสดี ได้ถือมีดมา นายวิสาทร จึงเข้าชกต่อยและได้ใช้รถเข็นทุ่มใส่หน้านายสวัสดี เป็นแผลฉกรรจ์ และเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ หลังจากนั้นได้หลบหนีไป ตำรวจได้ติดตามตัวมาดำเนินคดี พร้อมนำตัว ไปทำแผนบริเวณที่เกิดเหตุ โดยมีประชาชนมามุงดูกันอย่างมากมาย
นายวิสาทร ให้การรับสารภาพว่า ตนเห็นว่านายสวัสดี ได้เดินเข้ามาหาพร้อมด้วยมีด เนื่องจากมองหน้ากันแล้วไม่ถูกใจ จึงได้ป้องกันตัวเองโดยเข้าไปชกต่อยและเอารถเข็นที่จอดทิ้งไว้ข้างทางฟาดใส่เข้าบริเวณใบหน้า ไม่คิดว่าจะเสียชีวิต หลังจากนั้นได้หลบหนีไป จนกระทั่งตำรวจได้จับกุมตัวมาดำเนินคดี ในข้อหาฆ่าคนตาย

พ.ต.อ.นิทัศน์ กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุจึงได้ติดตามตัวคนร้าย จนกระทั่งสืบทราบว่าได้หลบหนีไปซุกตัวที่สุสานในพื้นที่ อ.พานทอง จ.ชลบุรี จึงได้จับกุมตัวไว้ได้ และผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่านายสวัสดี โดยใช้รถเข็นเป็นอาวุธ
ทางด้าน น.ส.นัฐิณี มูลทา อายุ 22 ปี หลานสาวผู้ตายกล่าวว่า ดีใจที่ตำรวจจับกุมตัวคนร้ายได้ อยากให้ขังตลอดชีวิตไปเลย จะได้ไม่มาก่อเหตุกับคนอื่นอีก

ภาพ/ข่าว นิราช/นันฐพล/พิชญ์ฐญา ทิพย์ศรี จ.ชลบุรี
พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

โจรใต้วางระเบิดในสวนยางโชคดีเจ้าของสวนพบแจ้งEODกู้

นราธิวาส/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ

โจรใต้วางระเบิดในสวนยางโชคดีเจ้าของสวนพบแจ้งEODกู้

เมื่อเวลา 09.05 น. วันที่ 9 ก.ย. 64 พ.ต.ท.ทีปกร ธิติชญากุล สารวัตรสอบสวน สภ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุพบวัตถุระเบิดภายในสวนยางพาราของนางผิน สุขแก้ว ซึ่งตั้งอยู่ข้างวัดประชุมชลธารา บ้านควน ม.6 ต.สุไหงปาดี จึงพร้อมด้วย พ.อ.เอกพล เลขนอก ผบ.ฉก.กรม ทพ.48 เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด ตชด.447 และชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

พบว่าจุดที่ตรวจสอบพบวัตถุระเบิด ห่างจากถนนในหมู่บ้านเข้าไปในสวนยางพารา ประมาณ 50 เมตร ซึ่งเป็นสวนยางพาราที่อยู่ติดกับสวนยางพารา ของนายพิพัฒน์ ปราบชมพู สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อ.สุไหงปาดี ซึ่งเหยียบกับดักระเบิดของคนร้ายขาขาด เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 64 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินเข้าไปตรวจสอบในสวนยางพารา ด้วยการเปิดเครื่องตรวจจับวัตถุโลหะทำการสะแกนไปตลอดเส้นทางที่เจ้าหน้าที่เดินเข้าไปยังจุดที่พบวัตถุระเบิด

และพบว่าระเบิดแสวงเครื่องดังกล่าวเป็นชนิดแบบเหยียบ ที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในท่อแปปเหล็กทรงกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5 นิ้ว หนักประมาณ 0.5 ก.ก.ที่คนร้ายนำฝังดินไว้บริเวณร่องทางเดิน แล้วนำใบยางพาราที่ร่วงมาทับปิดไว้เพื่ออำพราง เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องแรงดันน้ำพลังสูงในการยิงทำลาย พร้อมทั้งไว้เป็นรวบรวมวัตถุพยานดังกล่าวนำไปตรวจสอบ

ทางกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อนำคราบลายนิ้วมือแฝงไปเปรียบเทียบกับวัตถุพยานที่เก็บรวบรวมไว้ได้ก่อนหน้านี้ กรณีคนร้ายลอบวางระเบิดในสวนยางพารา ของนายพิพัฒน์ ปราบชมพู สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อ.สุไหงปาดี ซึ่งเหยียบกับระเบิดของคนร้ายจนขาขาด เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 64 ที่ผ่านมา ว่าเป็นคนร้ายคนเดียวกันหรือไม่อย่างไร

จากการสอบสวนทราบว่า ในขณะที่นางผิน สุขแก้ว เจ้าของสวนยางพารา กำลังเดินกรีดยางพาราภายในสวนอยู่นั้น ได้พบเห็นสิ่งผิดปกติซึ่งมีลักษณะคล้ายท่อเหล็กทรงกลมฝังอยู่ที่ผิวดิน จึงเกิดเอะใจซึ่งอาจจะเป็นระเบิดที่เกิดขึ้นกับสวนยางพารา ของนายพิพัฒน์ ปราบชมพู สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อ.สุไหงปาดี ซึ่งเป็นสวนยางพาราที่อยู่ติดกัน จึงได้เดินออกห่างและได้แจ้งประสานไปยังผู้ใหญ่บ้านให้รับทราบ เพื่อแจ้งประสานไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบดังกล่าว

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า เป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง เพื่อลอบดักทำลายประชาชนผู้บริสุทธิ์รายวัน หรือเป้าหมายเป็นกลุ่มชาวบ้านไทยพุทธในพื้นที่

นครราชสีมา – หนุ่มใหญ่วิศวกรเกิดอาการโรคซึมเศร้ากําเริบ ใช้อาวุธปืนคู่กาย 9 มม จบชีวิตตัวเอง แต่สภาพปืนตกอยู่ข้างกายมีพิรุธ ภายในคอนโด กลางเมืองโคราช

นครราชสีมา – หนุ่มใหญ่วิศวกรเกิดอาการโรคซึมเศร้ากําเริบ ใช้อาวุธปืนคู่กาย 9 มม จบชีวิตตัวเอง แต่สภาพปืนตกอยู่ข้างกายมีพิรุธ ภายในคอนโด กลางเมืองโคราช

เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ. เมืองนครราชสีมา ได้รับแจ้งเหตุพบบุคคลยิงตัวเองเสียชีวิต ที่ the city link condo ชั้น 7 หมายเลขห้อง 1694 ทับ 63 จึงเข้าตรวจสอบพร้อมกับกู้ภัยสว่างเมตตาธรรมสถาน นครราชสีมา พบผู้เสียชีวิต ใช้อาวุธปืน 9 มม.ยิงขมับตัวเอง โดยยิงปืนอยู่ตกอยู่ข้างกายมือขวากุมปืน ขัดกับภาพการเสียชีวิต อยู่ภายในห้องพัก สภาพนอนหงาย เลือกนอนหมอน สวมเสื้อสีฟ้าแขนสั้น กางเกงยีนส์ขายาว สร้างความแตกตื่นให้กับครอบครัวที่อยู่ในเหตุการณ์

จากการตรวจสอบพบว่าผู้เสียชีวิตทราบชื่อภายหลัง นายอภิรักษ์ กองจันทร์ อายุ 54 ปี ชาวจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีอาชีพเป็นวิศวกร นอนเสียชีวิตอยู่ภายในห้อง หลังจากใช้อาวุธปืนคู่กาย 9 มม.ปิดชีพของตัวเอง ภายในห้องพัก ซึ่งมีการเขียนจดหมายลาตายโดยการมอบมรดกทรัพย์สิน แบ่งออกไปหลายรายการ ให้กับภรรยาและลูก อยู่ข้างกาย ซึ่งมีภรรยาพร้อมด้วยลูก 2 คนอยู่บริเวณด้านนอกห้อง วิ่งเข้ามาดูหลังจากได้ยินเสียงปืนด้วยอาการตกใจ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่คิดว่าจะคิดสั้นแบบนี้

นายจิราวัฒน์ ภาคสุททร อายุ40 ปี เพื่อนฝั่งห้องตรงข้าม เล่าว่า ตนเองได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ดร้อง จึงเกิดอาการตกใจ จึงได้เปิดประตูออกมาดู พบเจ้าหน้าที่รปภ. ได้เข้ามาเปิดดูภายในห้องของผู้เสียชีวิต พบว่าภรรยาและลูก 2 คนกำลังยืนร้องไห้อยู่ภายในห้องนอน และได้มีการสอบถามถึงสาเหตุของการก่อเหตุติดชีวิตของตัวเองในครั้งนี้ ทราบว่าผู้ตายมีอาการโรคซึมเศร้า คิดวิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากว่าเศรษฐกิจไม่ดีรวมไปถึง covid ระบาดอยู่ในขณะนี้ ทำให้ไม่ค่อยมีงาน จึงทำให้ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง

ภาพ-ข่าว / อภิรักษ์ ศรีอัศวิน ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครราชสีมา

หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 ร่วมกับ กองกำลังนเรศวร ตำรวจพบพระ ลาดตระเวนสกัดขบวนการลักลอบนำรถยนต์ข้ามแดนผิดกฎหมาย

หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 ร่วมกับ กองกำลังนเรศวร ตำรวจพบพระ ลาดตระเวนสกัดขบวนการลักลอบนำรถยนต์ข้ามแดนผิดกฎหมาย

เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2564 เวลา 00.30 น.กำลังพลจากกองร้อยทหารราบที่ 411 กองบังคับการควบคุมหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 ร่วมกับ ชุดข่าวกรองทางทหารกองกำลังนเรศวร, ชุดปฏิบัติการการข่าวหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 , หมวดข่าวกรองทางสัญญาณที่ 1 และเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรพบพระ ออกลาดตระเวนทำการเฝ้าตรวจบริเวณถนนใกล้กับช่องทาง/ท่าข้ามธรรมชาติ บ้านวาเล่ย์ใต้ หมู่ที่ 2 ตำบลวาเล่ย์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก โดยในระหว่างการปฏิบัติภารกิจนั้น ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า จะมีกลุ่มขบวนการนำรถยนต์ลักลอบข้ามแดนไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน หน่วยจึงได้ทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจในพื้นที่เป้าหมาย สามารถตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัยจำนวน 3 คัน ลักษณะขับเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตนเพื่อขอเข้าตรวจสอบ โดยรถยนต์จำนวน 1 คัน เร่งเครื่องขับหลบหนีไปได้ จากการตรวจสอบรถยนต์ จำนวน 2 คัน ทราบรายละเอียด ประกอบด้วย

1. รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อ มิตซูบิชิ รุ่น เอ็กซ์เเพนเดอร์ สีขาว หมายเลขทะเบียน กฉ 2731 ตาก ซึ่งมี บุคคลชาย อายุ 17 ปี ภูมิลำเนาบ้านเลขที่ 91/1 หมู่ที่ 4 ตำบลพบพระ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก เป็นผู้ขับ

2. รถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่น รีโว่ สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เป็นบุคคลชาย อายุ 19 ปี มีภูมิลำเนาบ้านเลขที่ 85 หมู่ที่ 5.ตำบลพบพระ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก เป็นผู้ขับ

จากการสอบถามบุคคลดังกล่าวให้การว่า พวกตนได้ขับรถออกมาจากบ้านของ นาย วศิน ฯ เพื่อต้องการนำรถยนต์ดังกล่าวลักลอบข้ามไปยังฝั่งประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา จนกระทั่งถูกตรวจพบ

ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. ของวันที่ 6 กันยายน 2564 หน่วยได้ทำการปิดล้อม/ตรวจค้น ขยายผลการจับกุมที่บ้านเลขที่ 46/1 บ้านมอเกอร์ไทย หมู่ที่ 1 ตำบลวาเล่ย์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ตรวจพบ บุคคลชาย อายุ 26 ปี แสดงตนเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว จากการตรวจค้นภายในบ้านพบ รถยนต์กระบะต้องสงสัย ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 4 คัน ประกอบด้วย

1. รถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่น รีโว่รอคโค่ สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน
2. รถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อ ฟอร์ด รุ่น เรนเจอร์ iFBT9AR สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน

3. รถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อ ฟอร์ด รุ่น เรนเจอร์ แร็พเตอร์ สีเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน

4. รถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อ ฟอร์ด รุ่น เรนเจอร์ แร็พเตอร์ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน

หน่วยจึงได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำตัวผู้ต้องสงสัย พร้อมตรวจยึดรถยนต์ จำนวน 6 คัน ส่งให้กับ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรพบพระ เพื่อตรวจสอบ และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

(สระแก้ว) – คนงานเขมรผงะ!! พบลูกระเบิดพร้อมใช้ 2 ลูก กลางสวนยูคาฯเมืองสระแก้ว รุดแจ้งอีโอดีเก็บกู้ไปทำลายทิ้ง

(สระแก้ว) – คนงานเขมรผงะ!! พบลูกระเบิดพร้อมใช้ 2 ลูก กลางสวนยูคาฯเมืองสระแก้ว รุดแจ้งอีโอดีเก็บกู้ไปทำลายทิ้ง

สระแก้ว – ถึงกับผงะ!! คนงานกัมพูชาพบลูกระเบิดชนิดขว้างพร้อมใช้ 2 ลูก ถูกนำไปทิ้งกลางสวนยูคาฯ เมืองสระแก้ว เจ้าหน้าที่ชุดอีโอดีตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว เร่งเก็บกู้ไปตรวจสอบหาต้นตอ หลังพบใช้กล่องพัสดุชื่อดังบรรจุระเบิดมาทิ้ง คาดกลัวความผิดหลังมีการกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
” ผู้สื่อข่าวรายงาน ร.ต.อ.สุรเดช กรมแสนพิมพ์ รอง สวป.สภ.ปางสีดา จ.สระแก้ว ได้รับแจ้งว่า มีแรงงานชาวกัมพูชาพบลูกระเบิดที่พร้อมใช้งานได้ทันที จำนวน 2 ลูก จึงเดินทางลงพื้นที่ไปตรวจสอบ พร้อมประสาน ร.ต.อ.บุญเลิศ เรืองหิรัญ รอง สว.กก.สส.ภ.จว.สระแก้ว และหัวหน้าชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดสระแก้ว (EOD) และนายบุรินทร์ ล่วงเขต ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อ.เมืองสระแก้ว ที่เกิดเหตุอยู่ที่บริเวณสวนยูคาลิปตัส ทางเข้าวัดเขาดิน บ้านเขาดิน ม.4 ต.หนองบอน อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว เป็นสวนยูคาฯ เนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ เจ้าหน้าที่พบลูกระเบิดวางอยู่ในกล่องกระดาษอยู่ใต้โคนต้นยูคาฯ จึงทำการเก็บกู้พันเก็บสลักและนำออกมาจากจุดเกิดเหตุ
” ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่า ระเบิดที่พบเป็นระเบิดชนิดลูกระเบิดสังหาร ชนิดขว้าง M26 สภาพใหม่พร้อมใช้งาน ผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกา ลักษณะการทำงานเมื่อดึงสลักออก จะมีระยะเวลา 4-5 วินาทีในการขว้างออกไป และจะอนุภาพทำลายล้างรัศมีกว้างถึง 15 เมตร

” จากการสอบถาม นายบัญชา ปัญญา อายุ 51 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 4 ต.หนองบอน อ.เมืองสระแก้ว กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าของไร่ยูคาลิปตัสว่า แรงงานชาวพูชา 2 คน ที่มาทำงานตัดแต่งกิ่งต้นยูคาฯ ขณะนั้นกำลังทำงานอยู่ โดยได้พบกล่องกระดาษซึ่งเป็นกล่องส่งพัสดุของบริษัทขนส่งเคอรี่ จึงเขี่ยดูและเปิดออกดูพบว่า เป็นระเบิด จึงไปแจ้งให้มาช่วยตรวจสอบและนำไปทำลายทิ้ง เนื่องจากเกรงว่า จะมีคนได้รับอันตราย จึงประสานไปยังปลัดอำเภอและหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดมาดำเนินการ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะได้นำระเบิดส่งเก็บรักษาที่ สภ.ปางสีดา ท้องที่เกิดเหตุ และแจ้งให้เจ้าที่ทำการตรวจสอบหาที่มาเพื่อติดตามหาเจ้าของมาดำเนินการตามกฎหมาย ก่อนจะนำไปทำลายทิ้งในสถานที่ปลอดภัยของทางราชการ
” ทางด้าน พ.ต.ต.จักรี เฉิดฉิ้ม สว.(สอบสวน) สภ.ปางสีดา กล่าวว่า จากการสังเกตพบว่าที่กล่องกระดาษที่บรรจุลูกระเบิดทั้ง 2 ลูก มีข้อมูลบางส่วนและมีชื่อขนส่งเอกชนชื่อเคอรี่ ซึ่งสามารถตรวจสอบชื่อผู้ส่งและผู้รับได้ ทางพนักงานสอบสวน สภ.ปางสีดา จะได้ทำการสืบสวนว่า ผู้ใดเป็นผู้ส่งหรือเป็นผู้รับระเบิดดังกล่าว หรือมีบุคคลนำกล่องที่ทิ้งแล้วมาใช้แล้วนำมาใส่ระเบิดก่อนนำมาทิ้งในป่า ซึ่งคาดว่า อาจจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นนำมาวางทิ้งไว้เพราะเกรงกลัวความผิด เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา ฝ่ายปกครอง ตำรวจและชุมชน ได้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรมมาอย่างต่อเนื่อง และมีการจับกุมมาตลอดมา

..นายยุทธนา พึ่งน้อย ผู้สื่อข่าวจังหวัดสระแก้ว

สาวหนองบัวลำภูวัย 27 ตายเปลือยกายอยู่ในห้องปริศนา พบถุงยางอนามัยใช้แล้วเกลื่อนห้อง

สาวหนองบัวลำภูวัย 27 ตายเปลือยกายอยู่ในห้องปริศนา พบถุงยางอนามัยใช้แล้วเกลื่อนห้อง

เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 3 กันยายน 2564 ร.ต.ท.ชาญวิทย์ ศรีอนุวัติพงศ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้รับแจ้งหญิงสาวถูกฆาตกรรมเสียชีวิตเปลือยกายอยู่ภายในห้องเลขที่ 227 ชั้น 2 อาคาร เอสฟอร์ยู เลขที่ 399 / 1 หมู่ 5 ถนนศรีนครินทร์ ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.เติมรัศมิ์ จินดาวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ และกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนมูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการ เดินทางเข้าตรวจสอบ
ภายในห้องดังกล่าวได้พบร่างของผู้เสียชีวิตเป็นหญิงชื่อ น.ส.จิราพร พันวงษ์ อายุ 27 ปี ชาวหนองบัวลำภู นอนหงายเปลือยกายอยู่บนเตียงนอนในสภาพมีเลือดไหลออกทางปากและจมูก ที่ลำคอมีร่องรอยเขียวช้ำเล็กน้อย และที่บริเวณข้างเตียงได้พบถุงอนามัยใช้แล้วและซองสีชมพูตกอยู่จำนวน 2 อัน และที่หมอนที่พิงอยู่เหนือศีรษะผู้ตายได้พบว่ามีคราบเลือดติดอยู่ จึงประสานแพทย์เวรโรงพยาบาลสมุทรปราการ และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าร่วมตรวจสอบ เบื้องต้นคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 48 ชั่วโมง และจากการตรวจสอบในถังใส่ขยะสีดำที่วางอยู่ปลายเพียงได้พบถุงยาอนามัยใช้แล้วถูกทิ้งอยู่อีกจำนวน 4 อัน ที่พื้นปลายเตียงยังพบเครื่องหนีบผมไฟฟ้าตกอยู่ 1 อัน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และยังพบว่าโทรศัพท์มือถือของผู้ตายหายไป จึงมอบร่างผู้เสียชีวิตให้มูลนิธิร่วมส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลรามาสมุทรปราการ

จากการสอบถาม น.ส.ณัฐริกา การพานิช อายุ 25 ปี พนักงานดูแลอาคารดังกล่าว ได้เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีเพื่อนของผู้ตายได้โทรเข้ามาบอกว่าติดต่อผู้ตายไม่ได้มาหลายวัน จึงวานให้ตนขึ้นไปดูให้หน่อยเกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายเพราะผู้ตายพักอยู่คนเดียว ตนจึงขึ้นไปเคาะเรียกผู้ตายที่ห้องอยู่นานแต่ไม่มีเสียงตอบ และพบว่าประตูห้องไม่ได้ล็อก จึงเปิดเข้าไปดูได้เห็นผู้ตายนอนหงายเสียชิวิตอยู่บนเตียงนอนในสภาพร่างกายเปลือยเปล่า จึงได้รีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบและโทรกลับไปแจ้งเพื่อนของผู้ตายให้ทราบ
เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดได้พบว่าเมื่อเวลา 01.03 น.ของวันนี้ที่ 1 กันยายน 2564 ได้มีผู้ชายมาหาผู้ตายที่ห้อง ก่อนที่จะออกจากห้องผู้ตายในเวลา 02.30 น. ก่อนที่จะลงมาชั้นล่างและขี่รถจักรยานยนต์ออกไป โดยก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะขี่รถจักรยานยนต์ออกไปได้มีการหยุดคุยกับ รปภ. ที่รักษาความปลอดภัยอยู่หน้าอาคารดังกล่าวอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะขี่รถจักรยานยนต์ออกไป ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตาม รปภ.คนดังกล่าวมาทำการสอบสวน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าผู้ตายและชายต้องสงสัยน่าจะรู้จักกันและนัดหมายกันมาร่วมหลับนอนและคาดว่าทั้งสองน่าจะมีปากเสียงกันก่อนที่ฝ่ายชายใช้มือบีบคอผู้ตายอย่างแรงและใช้หมอกดที่ใบหน้าผู้ตายจนเสียชีวิต ก่อนที่จะรีบแต่งตัวและคว้าเอาโทรศัพท์มือถือของผู้ตายติดตัวไปก่อนเดินออกมาจากห้องผู้ตายอย่างใจเย็นก่อนที่จะลงมาขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีออกไปอย่างใจเย็น อย่างไรก็ตามต้องรอผลชันสูจนจากโรงพยาบาลรามาออกมาเสียก่อนจึงจะสรุปได้ว่าผู้ตายเสียชีวิตด้วยเหตุใดและจะได้ติดตามชายต้องสงสัยคนดังกล่าวมาทำการสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้งเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

*** ภาพ – ข่าว ก๊วก สมุทรปราการ ***

นครนายก นาทีระทึก ตำรวจไล่ล่าเบนซ์ซิ่งไล่ยิงพี่สะใภ้

นครนายก นาทีระทึก ตำรวจไล่ล่าเบนซ์ซิ่งไล่ยิงพี่สะใภ้

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กว่า20นาย ปิดล้อมตลาดดงละครรวบตัวนายเบนซ์คนร้ายหลังก่อเหตุไล่ยิงพี่สะใภ้ตัวเอง

ที่นครนายกเมื่อเวลา 17.00 น.(3ก.ย.64) นางสาวนิสาชล สังฆะ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28/4 หมู่4 ต.ศรีจุฬา อ.เมือง จ.นครนายก เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.อิสระพงษ์ สุวรรณจักร ร้อยเวรสภ.ดงละคร อ .เมือง จ.นครนายก ว่าตนเองได้ถูกน้องแฟนไล่ยิง 2 วันติด และกลัวโดนฆ่าเลยเข้าแจ้งความไว้เพื่อความปลอดภัย จากการสอบถามนางสาวนิสาชลเล่าว่าตนเองโดนตามไล่ยิงตั้งแต่เมื่อวานแต่ไหวตัวทันก็เลยไม่ได้รับอันตรายซึ่งก่อนเกิดเหตุนายเบนซ์ได้พาลูกชายของตนไปซื้อขนมนานกว่า 4 ชั่วโมง ตนเองก็เป็นห่วงและโทรตามแต่พอนายเบนซ์กลับมาส่งลูกของตนก็โวยวายพร้อมชักปืนยิงขึ้นฟ้าหลายครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้ตนคิดว่าเค้าน่าจะไม่พอใจเรื่องที่ตนพูดว่าไม่อยากให้พาใครมาที่บ้านบ่อยๆหวั่นโรคโควิด ก็เลยคิดว่านายเบนซ์คงไม่พอใจเลยเป็นปมให้เค้าโมโหและตามไล่ยิง

และตนก็ได้หนีมาตลอดจนมาถึงวันนี้ตนเองและน้องชายได้มาซื้อโรตีบริเวณตลาดดงละครโดยน้องชายของตนลงไปซื้อ ขณะเดียวกันนายเบนซ์ได้สะกดลอยตามมาอยู่ด้านหลังพร้อมกับพูดว่ามึงแจ้งความจับกูหรา พร้อมชักปืนขู่พวกตนเลยขับรถหนี นายเบนซ์ก็ขับตามไปดักที่ทางเข้าวัดมณีวงศ์เมื่อรถยนต์ผ่านมาก็ชักปืนไล่ยิงตามหลังรถยนต์ ซึ่งระหว่างนั้นได้มีรถบรรทุกพ่วงขับมาบังพอดีจึงรอดมาได้ ซึ่งนายเบนซ์ได้จี้ชิงรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านในการก่อเหตุในครั้งนี้ถึง 3 คัน ซึ่งต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตรวจได้รับแจ้งจากพลเมืองดีจากแม่ค้าขายลูกชิ้นว่านายเบนซ์ได้มาซื้อลูกชิ้นกินในตลาดดงละครซึ่งตอนนั้นนายเบนซ์ทำตัวเหมือนไม่มีเกิดอะไรขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบข่าวจึงได้นำกำลังเข้าปิดล้อมจับ แต่นายเบนซ์ไหวตัวทันแล้ววิ่งหลบหนีไปได้ใช้เวลาปิดล้อมกว่าหลายชั่วโมงแต่ไม่สามรถจับกุมตัวเบนซ์ได้ เหมือนนายเบนซ์สับขาหลอกเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นได้รับข้อมูลจากผู้กำกับ สภ.ดงละครว่านายเบนซ์จะขอเข้ามอบตัว อย่างไรก็ตามถ้านายเบนซ์เข้ามอบตัวจริงก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป..

สัมภาษณ์ นางสาวนิสาชล สังฆะ
(ผู้เสียหาย)

สัมภาษณ์ แม่ค้าที่คนร้ายมาสั่งซื้อของ

เนรมิต มงคลกิตติกานต์
รัชชานนท์ เนินใหม่
ข่าวจังหวัดนครนายก

นครราชสีมา – ตำรวจภาค 3 แถลงข่าว ส.ต.ท. ก่อเหตุใช้อาวุธปืนชิงทอง หนักกว่า 126 บาท มูลค่า 3 ล้านกว่าบาท อ้างมีหนี้สิน ประกอบกับบิดาป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง และกระดูกทับเส้น

นครราชสีมา – ตำรวจภาค 3 แถลงข่าว ส.ต.ท. ก่อเหตุใช้อาวุธปืนชิงทอง หนักกว่า 126 บาท มูลค่า 3 ล้านกว่าบาท อ้างมีหนี้สิน ประกอบกับบิดาป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง และกระดูกทับเส้น

จากกรณีโจรบุกเดี่ยวสวมชุดไรเดอร์ ฟู้ดแพนด้า พรางใบหน้าจี้ชิงทอง ห้างเพชรทองเยาวราช ภายห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาปากช่อง จ.นครราชสีมา พร้อมกับใช้ปืนยิงเจ้าของร้านบาดเจ็บสาหัส ก่อนซิ่งมอเตอร์ไซค์หลบหนี ช่วงเย็นวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยคนร้ายได้ทองรวมน้ำหนัก 126 บาท รวมมูลค่ากว่า 3,600,000 บาท ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้ว ต่อมาวันที่ 2 ก.ย.64 ตำรวจชุดสืบสวนภาค 3 สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้แล้ว ทราบชื่อ ส.ต.ท.อนุชา บุญอารักษ์ อายุ 25 ปี เป็นตำรวจตำแหน่ง ผบ.หมู่ (ป) สภ.ปากช่อง ให้การรับสารภาพว่า ลงมือก่อเหตุจริง เนื่องจากมีปัญหาหนี้สินเกี่ยวกับการพนัน โดยได้นำของกลางซ่อนไว้ที่อ่างปลาในบ้าน

ล่าสุดวันนี้ ศุกร์ที่ 3 กันยายน 2564 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค 3 ,พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา ,พ.ต.อ.มานพ ภุชชงค์ ผกก.สภ.ปากช่อง พร้อมด้วยชุดจับกุม ได้พูดคุยกับผู้ก่อเหตุคือหมู่บ็อบ ประมาณ 10 นาที ก่อนจะมีการแถลงข่าว ผลการจับกุมตัวส.ต.ท.อนุชา บุญอารักษ์ อายุ 25 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่ (ป) สภ.ปากช่อง พร้อมของกลาง เสื้อเกาะ 1 ตัว ทองรูปพรรณ 132 เส้น จำนวน 126 บาท มูลค่า 3 ล้านกว่าบาท อาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ พร้อมกระสุน โทรศัพท์ จำนวน 1 เครื่อง หมวกกันน็อค ป้ายทะเบียนรถมอไซค์ คกร 129 บุรีรัมย์ และมอเตอร์ไซค์ที่ใช้ในการก่อเหตุ

พลตำรวจโทภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เปิดเผยว่า หลังจากพบว่าลูกน้องซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงเจ้าของร้าน และเข้าไปชิงทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ตนในฐานะผู้บังคับบัญชาก็รู้สึกเสียใจและขอโทษสังคม ส่วนสาเหตุและแรงจูงใจในการก่อเหตุนั้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า มีหนี้สิน ประกอบกับบิดาป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงและกระดูกทับเส้นต้องใช้เงินในการผ่าตัด จึงได้ตัดสินใจดังกล่าว ส่วนชุด rider ของฟู้ดแพนด้านั้น ผู้ต้องหาได้ไปซื้อต่อมา ก่อนจะนำมาแต่งกายเพื่อตบตา ไม่ให้ใครจำได้ หลังจากก่อเหตุก็ได้หนีไปที่ภายในบ้านสวนบริเวณหมู่ 8 บ้านหนองตะกู ตำบลโขนงพระ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ก่อนนำทองมาซุกซ่อน ที่อ่างปลาภายในบ้าน ซึ่งหลังจากเกิดเหตุทางตำรวจก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามติดตามแกะรอยคนร้าย ที่มีลักษณะการเดินหรือมีพฤติกรรมคล้ายคนก่อเหตุ จนสามารถติดตามจับกุมได้ โดยผู้ก่อเหตุ เพิ่งย้ายมาจาก สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ มาอยู่ที่ สภ.ปากช่อง ประมาณ 7 เดือนกว่าก็ก่อเหตุ ก่อนที่จะแจ้ง 2 ข้อหา คือ ก่อเหตุชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะไปในชุมชนและพยายามฆ่า ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

ภาพ-ข่าว / อภิรักษ์ ศรีอัศวิน ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครราชสีมา