google.com, pub-2709829493138336, DIRECT, f08c47fec0942fa0

คอหวยไม่พลาด แห่ส่องเลขเด็ดในอ่างน้ำมนต์ไอ้ไข่ ส่วนสาวใต้มาแปลก ขอโชคลาภแบบไม่ธรรมดา ขอลัดคิวให้ได้โชคลาคก่อนคนอื่น

นครนายก -โค้งสุดท้าย คอหวยแห่ส่องเลขเด็ดอ่างน้ำมนต์ไอ้ไข่ วัดเลขธรรมกิตติ์

คอหวยไม่พลาด แห่ส่องเลขเด็ดในอ่างน้ำมนต์ไอ้ไข่ ส่วนสาวใต้มาแปลก ขอโชคลาภแบบไม่ธรรมดา ขอลัดคิวให้ได้โชคลาคก่อนคนอื่น

ที่นครนายก ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบริเวณวัดเลขธรรมกิตติ์ ต.บางอ้อ อ บ้านนา จ.นครนายก ได้มีนักท่องเที่ยวและบรรดานักเสี่ยงโชคพากันมากราบไหว้สักการะ ขอพร หลวงปู่เผื่อน ศักดิ์สิทธิ์ และกราบนมัสการ พระครูปลัดไพรัตน์ ปภากโร เจ้าอาวาสวัดเลขธรรมกิตติ์ และได้พากันไปกราบไหว้ขอพรไอ้ไข่ องค์ใหม่ใหญ่เท่าคนจริง และองค์ท้าวเวสุวรรณ ที่มีบรรดานักเสี่ยงโชคนั้น ได้โชคลาภกลับไปหลายต่อหลายคนแล้ว ก็พากันมาขอโชคลาภกันต่อเนื่องยิ่งใกล้วันหวยออกและตรงกับวันหยุดก็จะมีบรรดานักเสี่ยงโชคพากันมาส่องดูเลขเด็ดในอ่างน้ำมนต์กันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งครั้งนี้ต่างคนต่างเห็นเลขในอ่างน้ำมนต์ลอยเด่น 3 ตัว มีเลข 718 บางคนก็พากันตีเป็นตัวเลขต่างๆนาๆ ตามที่ตนเองเห็น บางคนก็พากันถ่ายภาพคู่กับองค์ไอ้ไข่

ทางด้าน นางสาวยินดี นาคงาม อายุ 45 ปี ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช เดินทางมากลับเพื่อนๆ และพี่ๆ มาจุดธูปขอโชคลาภ แต่การขอโชคลาภของเธอนั้นไม่ธรรมดา แปลกกว่าคนอื่นๆเพราะระหว่างไหว้ขอพรไอ้ไข่ ก็ได้พูดออกมาดังๆว่า ขอให้ตนเองได้โชคลาภหรือสำเร็จผลก่อนคนอื่นได้มั้ย ขอลัดคิวก่อน จากคิวที่ร้อยกว่า ก็ขอให้มาเป็นคิวที่หนึ่งหรือที่สองก็ได้ จากนั้นก็ได้พูดภาษาใต้กับไอ้ไข่ ตามประสาคนใต้ ก่อนเดินทางกลับโดยได้เลขธูป 225 ซึ่งตรงกับเลขในใจที่เธอชอบ พร้อมบอกว่าถ้าเป็นตามที่ตนเองขอ จะกลับมาอีกครั้ง

เนรมิต มงคลกิตติกานต์
รัชชานนท์ เนินใหม่
ข่าวจังหวัดนครนายก

คอหวยไม่พลาด แห่ส่องเลขเด็ดในอ่างน้ำมนต์ไอ้ไข่ ส่วนสาวใต้มาแปลก ขอโชคลาภแบบไม่ธรรมดา ขอลัดคิวให้ได้โชคลาคก่อนคนอื่น

นครนายก -โค้งสุดท้าย คอหวยแห่ส่องเลขเด็ดอ่างน้ำมนต์ไอ้ไข่ วัดเลขธรรมกิตติ์

คอหวยไม่พลาด แห่ส่องเลขเด็ดในอ่างน้ำมนต์ไอ้ไข่ ส่วนสาวใต้มาแปลก ขอโชคลาภแบบไม่ธรรมดา ขอลัดคิวให้ได้โชคลาคก่อนคนอื่น

ที่นครนายก ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบริเวณวัดเลขธรรมกิตติ์ ต.บางอ้อ อ บ้านนา จ.นครนายก ได้มีนักท่องเที่ยวและบรรดานักเสี่ยงโชคพากันมากราบไหว้สักการะ ขอพร หลวงปู่เผื่อน ศักดิ์สิทธิ์ และกราบนมัสการ พระครูปลัดไพรัตน์ ปภากโร เจ้าอาวาสวัดเลขธรรมกิตติ์ และได้พากันไปกราบไหว้ขอพรไอ้ไข่ องค์ใหม่ใหญ่เท่าคนจริง และองค์ท้าวเวสุวรรณ ที่มีบรรดานักเสี่ยงโชคนั้น ได้โชคลาภกลับไปหลายต่อหลายคนแล้ว ก็พากันมาขอโชคลาภกันต่อเนื่องยิ่งใกล้วันหวยออกและตรงกับวันหยุดก็จะมีบรรดานักเสี่ยงโชคพากันมาส่องดูเลขเด็ดในอ่างน้ำมนต์กันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งครั้งนี้ต่างคนต่างเห็นเลขในอ่างน้ำมนต์ลอยเด่น 3 ตัว มีเลข 718 บางคนก็พากันตีเป็นตัวเลขต่างๆนาๆ ตามที่ตนเองเห็น บางคนก็พากันถ่ายภาพคู่กับองค์ไอ้ไข่

ทางด้าน นางสาวยินดี นาคงาม อายุ 45 ปี ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช เดินทางมากลับเพื่อนๆ และพี่ๆ มาจุดธูปขอโชคลาภ แต่การขอโชคลาภของเธอนั้นไม่ธรรมดา แปลกกว่าคนอื่นๆเพราะระหว่างไหว้ขอพรไอ้ไข่ ก็ได้พูดออกมาดังๆว่า ขอให้ตนเองได้โชคลาภหรือสำเร็จผลก่อนคนอื่นได้มั้ย ขอลัดคิวก่อน จากคิวที่ร้อยกว่า ก็ขอให้มาเป็นคิวที่หนึ่งหรือที่สองก็ได้ จากนั้นก็ได้พูดภาษาใต้กับไอ้ไข่ ตามประสาคนใต้ ก่อนเดินทางกลับโดยได้เลขธูป 225 ซึ่งตรงกับเลขในใจที่เธอชอบ พร้อมบอกว่าถ้าเป็นตามที่ตนเองขอ จะกลับมาอีกครั้ง

เนรมิต มงคลกิตติกานต์
รัชชานนท์ เนินใหม่
ข่าวจังหวัดนครนายก

(มีคลิป) ผาเมือง จับชายต้องสงสัยพร้อมยาเสพติด ชายแดนเชียงดาว

ผาเมือง จับชายต้องสงสัยพร้อมยาเสพติด ชายแดนเชียงดาว

ห้วงบ่ายวันที่ 31 ต.ค. 65 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 5 จัดกำลังพล ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนเฝ้าตรวจ บริเวณ ช่องทางร้อยล้าน ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ตรวจพบชายต้องสงสัย จำนวน 1 คน สะพายกระสอบดัดแปลง เข้ามาในพื้นที่รับผิดชอบ หน่วยจึงได้แสดงตัว เพื่อขอทำการตรวจค้น ผลการปฏิบัติตรวจพบยาบ้า จำนวน 124,000 เม็ด, เฮโรอีน จำนวน 8 ขวดสปอนเซอร์ น้ำหนักรวม 14.24 กรัม และฝิ่นดิบ น้ำหนักรวม 4.8 กิโลกรัม บรรจุอยู่ภายในกระสอบดัดแปลงดังกล่าว หน่วยจึงได้นำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรนาหวาย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

ทรงวุฒิ ทับทอง

ร้อยเอ็ดสรุปสถานการณ์อุทกภัยวันที่31ต.ค.เตือนทางไปกาฬสินธุ์สาย214ช่วงที่1ผ่านไม่ได้ช่วงที่2ผ่านได้ช่องซ้ายกำลังเร่งระบายน้ำออก

ร้อยเอ็ดสรุปสถานการณ์อุทกภัยวันที่31ต.ค.เตือนทางไปกาฬสินธุ์สาย214ช่วงที่1ผ่านไม่ได้ช่วงที่2ผ่านได้ช่องซ้ายกำลังเร่งระบายน้ำออก

/สมนึก บุญศรี/ร้อยเอ็ด/ข่าว

เมื่อวันนี้ 31 ต.ค.2565 นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ผอ.ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่มจังหวัดร้อยเอ็ด ร.ต.อ. ตนุพล พันธ์สวัสดิ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดร้อยเอ็ด เลขาฯ รายงานสถานการณ์อุทกภัย ประจำวันที่ 31 ตุลาคม 2565 ดังนี้

1. สถานการณ์อุทกภัย

1.1 สาเหตุเกิดจากฝนตกหนักถึงหนักมากเนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่าน และอิทธิพลของพายุ “โนรู”ประกอบกับเขื่อนอุบลรัตน์ เพิ่มการระบายน้ําเป็น 54 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน ระหว่างวันที่ 12 – 16 ตุลาคม 2565ส่งผลให้เกิดสถานการณ์อุทกภัยขึ้นในพื้นที่โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ําริมแม่น้ําชีบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหายจํานวนมาก

1.2 การติดตามสถานการณ์น้ําและแนวโน้ม

ในภาพรวมระดับน้ําลดลงอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย โดยระดับน้ําในลําน้ําชีเวลา14.00 น. ยังคงสูงกว่าตลิ่ง 1.05 – 1.93 ม. ระดับน้ําลดลงจากเมื่อวาน 4 – 7 ซม. และมีแนวโน้มลดลง

ส่วนระดับน้ําในลําน้ํามูลและลําน้ําเสียวใหญ่ โดยภาพรวมมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง

1.3 แจ้งเตือนประชาชนที่จะเดินทางสัญจรในเส้นทางจังหวัดกาฬสินธุ์ – ร้อยเอ็ด ทางหลวงหมายเลข 214 ช่วงบ้านบ่อ – ท่ากลาง มีน้ําท่วมเส้นทาง ช่วง ที่ (1) กม.23+200 – กม.24+300 ระดับน้ำ 50 – 55 ซม. รถทุกชนิดผ่านไม่ได้ ช่วง ที่ (2) กม.24+400 –กม.27+800 ระดับน้ําสูง 20 – 25 ซม. รถทุกชนิดผ่านได้เฉพาะด้านซ้ายทาง (รถวิ่งสวนทางกัน)และขอให้ประชาชนใช้เส้นทางเลี่ยงน้ําท่วม ในปัจจุบัน แขวงทางหลวงกาฬสินธุ์ ร่วมกับ อบจ.กาฬสินธุ์, ศูนย์ ปภ.เขต 6 ขอนแก่น ระดมเครื่องสูบน้ํา เพื่อระบายน้ําออกจากถนน

2. ผลกระทบ

2.1 จังหวัดได้ประกาศพื้นที่ประสบสาธารณภัย/เขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย)แล้วรวม 15 อําเภอ 105 ตําบล 882 หมู่บ้าน 15,221 ครัวเรือน สิ่งสาธารณประโยชน์และพื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหาย ได้แก่ ถนน 14 สาย วัด 45 แห่ง โรงเรียน 16 แห่ง รพ.สต. 4 แห่ง ศูนย์เด็กเล็ก 2 แห่ง พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย 343,146.5 ไร่ ปศุสัตว์ 21,904 ตัว ประมง 554.75 ไร่ และมีผู้เสียชีวิต 4 ราย

2.2 กรณีได้รับผลกระทบด้านที่อยู่อาศัย (ท่วมบ้านเรือน/ท่วมทางเข้าหมู่บ้าน) ได้รับผลกระทบรวม 11 อําเภอ 35 ตําบล 146 หมู่บ้าน 5,944 ครัวเรือน 20,023 คน โดยมีผู้อพยพไปยังศูนย์พักพิงแล้วจํานวน 673 คน ในศูนย์พักพิง จํานวน 19 แห่ง ในพื้นที่อําเภอจังหาร โพนทราย โพธิ์ชัย เชียงขวัญ และธวัชบุรี

ทั้งนี้ ในปัจจุบันสถานการณ์ในพื้นที่ อ.โพนทราย ได้เริ่มคลี่คลาย ยังคงมีน้ําท่วมบ้านเรือน จํานวน 12 หมู่บ้านมีผู้อพยพในศูนย์พักพิง จํานวน 120 คน (เดิม 43 หมู่บ้าน ผู้อพยพ 256 คน) และจะปิดศูนย์พักพิงฯในพื้นที่ อ.โพนทราย วันที่ 3 พ.ย. 2565

3. การดําเนินการและการให้ความช่วยเหลือ

– ในวันที่ 31 ตุลาคม 2565 อ.ศรีสมเด็จ และ ทต.ปอภาร อ.เมืองร้อยเอ็ด มอบน้ําดื่ม และสิ่งของอุปโภคบริโภค เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด

สํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดร้อยเอ็ด ฝ่ายเลขานุการศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัยฯ จังหวัดร้อยเอ็ด โทร. 043 513 097 Email: ddpm101@hotmail.com

/สมนึก บุญศรี/ร้อยเอ็ด/0885730542-ข่าว

ร้อยเอ็ดสรุปสถานการณ์อุทกภัยวันที่31ต.ค.เตือนทางไปกาฬสินธุ์สาย214ช่วงที่1ผ่านไม่ได้ช่วงที่2ผ่านได้ช่องซ้ายกำลังเร่งระบายน้ำออก

ร้อยเอ็ดสรุปสถานการณ์อุทกภัยวันที่31ต.ค.เตือนทางไปกาฬสินธุ์สาย214ช่วงที่1ผ่านไม่ได้ช่วงที่2ผ่านได้ช่องซ้ายกำลังเร่งระบายน้ำออก

/สมนึก บุญศรี/ร้อยเอ็ด/ข่าว

เมื่อวันนี้ 31 ต.ค.2565 นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ผอ.ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่มจังหวัดร้อยเอ็ด ร.ต.อ. ตนุพล พันธ์สวัสดิ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดร้อยเอ็ด เลขาฯ รายงานสถานการณ์อุทกภัย ประจำวันที่ 31 ตุลาคม 2565 ดังนี้

1. สถานการณ์อุทกภัย

1.1 สาเหตุเกิดจากฝนตกหนักถึงหนักมากเนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่าน และอิทธิพลของพายุ “โนรู”ประกอบกับเขื่อนอุบลรัตน์ เพิ่มการระบายน้ําเป็น 54 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน ระหว่างวันที่ 12 – 16 ตุลาคม 2565ส่งผลให้เกิดสถานการณ์อุทกภัยขึ้นในพื้นที่โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ําริมแม่น้ําชีบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหายจํานวนมาก

1.2 การติดตามสถานการณ์น้ําและแนวโน้ม

ในภาพรวมระดับน้ําลดลงอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย โดยระดับน้ําในลําน้ําชีเวลา14.00 น. ยังคงสูงกว่าตลิ่ง 1.05 – 1.93 ม. ระดับน้ําลดลงจากเมื่อวาน 4 – 7 ซม. และมีแนวโน้มลดลง

ส่วนระดับน้ําในลําน้ํามูลและลําน้ําเสียวใหญ่ โดยภาพรวมมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง

1.3 แจ้งเตือนประชาชนที่จะเดินทางสัญจรในเส้นทางจังหวัดกาฬสินธุ์ – ร้อยเอ็ด ทางหลวงหมายเลข 214 ช่วงบ้านบ่อ – ท่ากลาง มีน้ําท่วมเส้นทาง ช่วง ที่ (1) กม.23+200 – กม.24+300 ระดับน้ำ 50 – 55 ซม. รถทุกชนิดผ่านไม่ได้ ช่วง ที่ (2) กม.24+400 –กม.27+800 ระดับน้ําสูง 20 – 25 ซม. รถทุกชนิดผ่านได้เฉพาะด้านซ้ายทาง (รถวิ่งสวนทางกัน)และขอให้ประชาชนใช้เส้นทางเลี่ยงน้ําท่วม ในปัจจุบัน แขวงทางหลวงกาฬสินธุ์ ร่วมกับ อบจ.กาฬสินธุ์, ศูนย์ ปภ.เขต 6 ขอนแก่น ระดมเครื่องสูบน้ํา เพื่อระบายน้ําออกจากถนน

2. ผลกระทบ

2.1 จังหวัดได้ประกาศพื้นที่ประสบสาธารณภัย/เขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย)แล้วรวม 15 อําเภอ 105 ตําบล 882 หมู่บ้าน 15,221 ครัวเรือน สิ่งสาธารณประโยชน์และพื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหาย ได้แก่ ถนน 14 สาย วัด 45 แห่ง โรงเรียน 16 แห่ง รพ.สต. 4 แห่ง ศูนย์เด็กเล็ก 2 แห่ง พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย 343,146.5 ไร่ ปศุสัตว์ 21,904 ตัว ประมง 554.75 ไร่ และมีผู้เสียชีวิต 4 ราย

2.2 กรณีได้รับผลกระทบด้านที่อยู่อาศัย (ท่วมบ้านเรือน/ท่วมทางเข้าหมู่บ้าน) ได้รับผลกระทบรวม 11 อําเภอ 35 ตําบล 146 หมู่บ้าน 5,944 ครัวเรือน 20,023 คน โดยมีผู้อพยพไปยังศูนย์พักพิงแล้วจํานวน 673 คน ในศูนย์พักพิง จํานวน 19 แห่ง ในพื้นที่อําเภอจังหาร โพนทราย โพธิ์ชัย เชียงขวัญ และธวัชบุรี

ทั้งนี้ ในปัจจุบันสถานการณ์ในพื้นที่ อ.โพนทราย ได้เริ่มคลี่คลาย ยังคงมีน้ําท่วมบ้านเรือน จํานวน 12 หมู่บ้านมีผู้อพยพในศูนย์พักพิง จํานวน 120 คน (เดิม 43 หมู่บ้าน ผู้อพยพ 256 คน) และจะปิดศูนย์พักพิงฯในพื้นที่ อ.โพนทราย วันที่ 3 พ.ย. 2565

3. การดําเนินการและการให้ความช่วยเหลือ

– ในวันที่ 31 ตุลาคม 2565 อ.ศรีสมเด็จ และ ทต.ปอภาร อ.เมืองร้อยเอ็ด มอบน้ําดื่ม และสิ่งของอุปโภคบริโภค เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด

สํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดร้อยเอ็ด ฝ่ายเลขานุการศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัยฯ จังหวัดร้อยเอ็ด โทร. 043 513 097 Email: ddpm101@hotmail.com

/สมนึก บุญศรี/ร้อยเอ็ด/0885730542-ข่าว

กลุ่มหนุ่ม-สาว เชื่อขอเลขเด็ดไม้กะเท้า-มีด หลวงพ่อพัง กลางงานกฐินขณะชาวบ้านเต้นรำวงวนรอบหลวงพ่อพัง

อุทัยธานี31-10-65 กลุ่มหนุ่ม-สาว เชื่อขอเลขเด็ดไม้กะเท้า-มีด หลวงพ่อพัง กลางงานกฐินขณะชาวบ้านเต้นรำวงวนรอบหลวงพ่อพัง

เมื่อเวลา 9.00 น.ของวันที่ 31 ต.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานที่ วัดบ้านใหม่ หมู่ 2 ต.เขากวางทอง อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี พบชาวบ้านต่างพื้นที่และนอกพื้นรวมทั้งกลุ่มวัยรุ่นหนุ่ม-สาว เดินทางมาร่วมงานบุญกฐินที่วัดบ้านใหม่ โดยมีคณะชาวบ้านที่ชอบรำวงได้แห่งองค์กฐินมาถึงหน้าวัด พร้อมกับแห่กฐินรำวง วนรอบวิหารหลวงพ่อพัง เนื่องจากหลวงพังเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์และยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้านที่เคารพนับถือมาอย่างยาวนาน ล่าสุดขณะชาวบ้านวนรอบหลวงพ่อพัง ได้มีกลุ่มวัยรุ่นชายล้วนขึ้นมาจุดธูปกราบไหว้หลวงพ่อพังกลางงาน เชื่อขณะทำพิธีขอโชคลาภจะศักดิ์สิทธิ์ พร้อมยกไม้กะเท้ากับมีด ขึ้นเหนือหัวเชื่อช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัย ไม่พอได้เห็นเลขที่ไม่กะเท้าและมีด ของหลวงพัง ซึ่งเป็นของรักของหวงของหลวงพ่อพังตอนมีชีวิตอยู่ ได้เลขที่มีด 012 ส่วนไม้กะเท้า 312 บางคนก็เห็น 319 และ 316

ทั้งนี้ไม่พอ ได้มีกลุ่มสาวๆได้เสี่ยงเลขที่ปลายประทัด เลข 189 29 ส่วนเลขปิงปองชาวบ้านที่มาร่วมงานได้เสี่ยงเลขเจ้าแม่ตะเคียน ได้เลข 528 พร้อมกับนำแป้งมาทาเจ้าแม่ตะเคียนเพื่อหาดูตัวเลขเพิ่มไปเสี่ยงดวงสำหรับคนที่ชอบเรื่องตัวเลข ซึ่งเป็นความเชื่อของชาวบ้าน

โดยมีอธิการพิสิษฐ์ สุทฺธิจิตฺโต เจ้าอาวาสวัดบ้านใหม่ พร้อมพระสงฆ์ คุณชมสรณ์ คำพา เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมกับเครือญาติ และนักใจบุญกฐินมากมาย ที่มาร่วมงานในครั้งนี้

ส่วนบรรยากาศภายในงานได้มีผู้ใจบุญทำอาหารมาเลี้ยงโรงทานให้กับประชาชนที่มาร่วมงานกฐินที่วัดใหม่ ทั้งนี้ทางวัดบ้านใหม่ขอเชิญพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคีเพื่อสมทบทุนปูพื้นศาลาอเนคประสงค์ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ยังขาดปัจจัยอีกมาก จึงขอเชิญชวนพระพุทธศาสนิกชนหรือผู้ใจบุญทั้งหลาย ร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี ในครั้งนี้

สำเนา ทองศรี รายงาน

นครนายก – โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน ไปทอดถวายยังที่ชุมนุมสงฆ์ ณ วัดเขาชะโงก

นครนายก – โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน ไปทอดถวายยังที่ชุมนุมสงฆ์ ณ วัดเขาชะโงก

เมื่อวันนี้ 30 ตุลาคม 2565 ที่วัดเขาชะโงก ตำบลพรหมณี อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก พระครูสันติคีรีรักษ์ เจ้าคณะตำบลพรหมณี เจ้าอาวาสวัดเขาชะโงก พร้อมคณะสงฆ์ คณะกรรมการวัด ร่วมกับคณะเจ้าภาพ ได้จัดพิธีทอดกฐิน-ทอดผ้าป่าสามัคคี ประจำปี 2565 เพื่อนำปัจจัยสมทบทุนสร้างอุโบสถ และบูรณะเสนาสนะถาวรวัตถุภายในพระอาราม

ในโอกาสที่ พลเอกหญิง สมเด็จพระขนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐิน ให้ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โดย พลโท ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เชิญไปทอดถวายยังที่ชุมนุมสงฆ์ ณ วัดเขาชะโงก (วัดพระพุทธฉาย ในพื้นที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า) ตำบลพรหมณี อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก โดยมี นายทหารระดับสูง และพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมพิธีจำนวนมาก

จากนั้น พันตรีสุเมธา-คุณปัญจรัตน์ อิ่มสำราญ ประธานกฐินสามัคคี พร้อมคณะร่วมทอดกฐินสามัคคีตลอดจน พุทธศาสนิกชนชาวนครนายก ร่วมทำบุญบริจาคจตุปัจจัยสมทบยอดกฐินสามัคคี ซึ่งในพิธีได้มีการถวายผ้าป่าสามัคคี สมทบกฐินสามัคคี เจ้าภาพเข้าถวายผ้ากฐินพร้อมบริวารทั้งหลายทั้งปวง แด่ประธานสงฆ์
ในการทอดกฐิน-ทอดผ้าป่าสามัคคี ของวัดเขาชะโงกในครั้งนี้ได้ จตุปัจจัยจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าและผู้มีจิตศรัทธายอดรวมทั้งสิ้น 1,049,871.50 บาท (หนึ่งล้านสี่หมื่นเก้าพันแปดร้อยเจ็ดสิบเอ็ดบาทห้าสิบสตางค์) จึงขออนุโมทนาบุญ กับผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ด้วย

เนรมิต มงคลกิตติกานต์
รัชชานนท์ เนินใหม่
ข่าวจังหวัดนครนายก

นครนายก – โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน ไปทอดถวายยังที่ชุมนุมสงฆ์ ณ วัดเขาชะโงก

นครนายก – โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน ไปทอดถวายยังที่ชุมนุมสงฆ์ ณ วัดเขาชะโงก

เมื่อวันนี้ 30 ตุลาคม 2565 ที่วัดเขาชะโงก ตำบลพรหมณี อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก พระครูสันติคีรีรักษ์ เจ้าคณะตำบลพรหมณี เจ้าอาวาสวัดเขาชะโงก พร้อมคณะสงฆ์ คณะกรรมการวัด ร่วมกับคณะเจ้าภาพ ได้จัดพิธีทอดกฐิน-ทอดผ้าป่าสามัคคี ประจำปี 2565 เพื่อนำปัจจัยสมทบทุนสร้างอุโบสถ และบูรณะเสนาสนะถาวรวัตถุภายในพระอาราม

ในโอกาสที่ พลเอกหญิง สมเด็จพระขนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐิน ให้ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โดย พลโท ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เชิญไปทอดถวายยังที่ชุมนุมสงฆ์ ณ วัดเขาชะโงก (วัดพระพุทธฉาย ในพื้นที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า) ตำบลพรหมณี อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก โดยมี นายทหารระดับสูง และพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมพิธีจำนวนมาก

จากนั้น พันตรีสุเมธา-คุณปัญจรัตน์ อิ่มสำราญ ประธานกฐินสามัคคี พร้อมคณะร่วมทอดกฐินสามัคคีตลอดจน พุทธศาสนิกชนชาวนครนายก ร่วมทำบุญบริจาคจตุปัจจัยสมทบยอดกฐินสามัคคี ซึ่งในพิธีได้มีการถวายผ้าป่าสามัคคี สมทบกฐินสามัคคี เจ้าภาพเข้าถวายผ้ากฐินพร้อมบริวารทั้งหลายทั้งปวง แด่ประธานสงฆ์
ในการทอดกฐิน-ทอดผ้าป่าสามัคคี ของวัดเขาชะโงกในครั้งนี้ได้ จตุปัจจัยจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าและผู้มีจิตศรัทธายอดรวมทั้งสิ้น 1,049,871.50 บาท (หนึ่งล้านสี่หมื่นเก้าพันแปดร้อยเจ็ดสิบเอ็ดบาทห้าสิบสตางค์) จึงขออนุโมทนาบุญ กับผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ด้วย

เนรมิต มงคลกิตติกานต์
รัชชานนท์ เนินใหม่
ข่าวจังหวัดนครนายก

บก.ต้น คู่แผ่นดิน สุดทน ทวงคืนศักดิ์ศรีสื่อ หอบเอกสารบุกสถาบันอิศรา ชี้แจงข้อเท็จจริง ลั่นอย่าเขียนข่าวโคมลอย ควรลงข่าวข้อมูลตามจริง ผู้เสียหายไม่สนุก

บก.ต้น คู่แผ่นดิน สุดทน ทวงคืนศักดิ์ศรีสื่อ
หอบเอกสารบุกสถาบันอิศรา ชี้แจงข้อเท็จจริง
ลั่นอย่าเขียนข่าวโคมลอย ควรลงข่าวข้อมูลตามจริง ผู้เสียหายไม่สนุก

หากต้องการได้ข้อมูลจริงต้องลงพื้นที่หน่อย :
วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม 2565 เวลา 09.00 น. นายกิตติศักดิ์ ศิริคลังเจริญรุ่ง (ต้น คู่แผ่นดิน) หอบเอกสารชี้แจงสถาบันอิศรา กรณีที่สถาบันอิศรา ลงข่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม 2565 ข้อความว่า “โชว์แชทไลน์ ! แฉสื่อท้องถิ่นอุดรฯ แอบอ้างชื่อ ปธ.ป.ป.ช. ขู่เรียกเงิน จนท.รัฐ 3 แสน” เพจ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตแห่งประเทศไทย” โชว์ข้อความแชทไลน์ แฉสื่อท้องถิ่น จ.อุดรธานี อ้างชื่อ ปธ.ป.ป.ช. ขู่กรรโชกหน่วยงานรัฐขอค่าโฆษณา 3 แสนบาท รอตรวจสอบข้อเท็จจริง
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ต.ค. 2565 เพจ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตแห่งประเทศไทย” ได้เผยแพร่ กรณีที่เจ้าของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ปราบปรามการทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช. แสดงพฤติกรรมขู่กรรโชกทรัพย์ จากเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่งจำนวน 300,000 บาท เพื่อเป็นค่าโฆษณาหนังสือพิมพ์ที่ตนเป็นบรรณาธิการอยู่ แลกกับการไม่นำเสนอข่าวขุดคุ้ยความไม่ปกติของโครงสร้าง และยังมีการกล่าวอ้างว่าตนมีความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ระดับสูงทั้งในระดับภาคและจังหวัดที่สามารถสั่งการได้เพราะได้รับการแต่งตั้งมาจาก พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช.
เพจ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตแห่งประเทศไทย” ยังระบุด้วยว่า จากการตรวจสอบกรณีนี้ พบว่าก่อนหน้านี้ทางบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นดังกล่าว ได้มีการส่งหนังสือไปยังหน่วยงานรัฐเพื่อขอข้อมูลและเอกสารการดำเนินการโครงการ ตาม พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารฯ และได้มีหนังสือร้องเรียนถึงพฤติกรรม ไม่นำไปเผยแพร่ให้ประโยชน์แก่ทางราชการ แต่กลับนำไปเผยแพร่ในลักษณะว่ามีการฮั้วงานทำให้หน่วยงานเสียหาย “เรื่องนี้ยังต้องรอการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากทางสำนักงาน ป.ป.ช. ต่อไป” เพจ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตแห่งประเทศไทย” ระบุ
จากข่าวดังกล่าวที่สถาบันอิศรานำมาเสนอในเว็บไซต์นั้น ผู้สื่อข่าวสถาบันอิศรากล่าวว่า ได้คัดลอกข่าวดังกล่าวมาจากเพจ ”ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” ที่โพสต์ข่าว เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2565 บรรณาธิการหนังสือพิมพ์คู่แผ่นดินจึงเข้าตรวจสอบที่เพจ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” พบว่าข่าวที่ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” ได้นำมาลงข่าวนั้น เป็นข่าวเก่าที่เพจ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” ได้ลงข่าวไว้เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 ซึ่งบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คู่แผ่นดิน ได้เดินหน้าแจ้งความดำเนินคดีกับแอดมินเพจ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” และอีกหลายเพจที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ซึ่งคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดี สภ.เมืองอุดรธานี และพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)
ถึงการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการล่าช้า แต่บรรณาธิการหนังสือพิมพ์คู่แผ่นดิน ก็ยังคงติดตามกับเจ้าพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีอยู่ตลอด มานำเสนอข่าวความคืบหน้าเป็นระยะ และในข่าวดังกล่าวมีประชาชนที่กดไลน์กดแชร์จำนวนมาก ซึ่งบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คู่แผ่นดินก็ได้ยื่นฟ้องลูกเพจ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” หลายสิบคดี เพื่อกลั่นกรองว่าเครือข่ายแอดมินเพจ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” มีใครบ้าง ประมาณ 7 เดือน ที่บรรณาธิการหนังสือพิมพ์คู่แผ่นดินต่อสู้กับอิทธิพลมืด เดินหน้าแจ้งความดำเนินคดี พร้อมยื่นฟ้องลูกเพจดังกล่าว ต่อมาแอดมินเพจ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” จึงได้ลบข่าวดังกล่าวออกจากเพจ
และกว่า 15 เดือน ที่ผ่านมาบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คู่แผ่นดิน ต่อสู้กับอิทธิพลมืด ต่อสู้กับข่าวปลอม และติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง พบว่ามีบุคคลที่อ้างตนเองเป็นสื่อมวลชน ทั้งที่ไม่มีเว็บไซต์ข่าว และไม่เคยจัดพิมพ์หนังสือพิมพ์หรือจัดพิมพ์เพียงปีละ 1-2 ฉบับ เพื่อหาคอลัมน์ถวายพระพร อ้างตัวเองเป็นประธานเครือข่ายองค์กรปราบปรามทุจริตต่างๆ ทั้งที่ไม่ได้จดแจ้งหรือ รับรองจากหน่วยงานราชการ อ้างตนเองเป็นเครือข่ายสตรอง หรือเครือข่าย ป.ป.ช. แต่งกายให้น่าเกรงขามเพื่อให้ประชาชนทั่วไป รวมทั้งผู้ประกอบการและหน่วยงานราชการเชื่อว่าเป็นหน่วยงานที่เข้ามาตรวจสอบ แท้ที่จริงเป็นโจรแอบแฝงมาในคราบเครือข่ายหน่วยงานต่างๆ โดยบุคคลกลุ่มดังกล่าวไม่มีอาชีพที่สามารถก่อให้เกิดรายได้ และในการเข้าตรวจสอบโครงการก่อสร้างต่างๆของรัฐ ทั่วประเทศนั้นต้องมีค่าใช้จ่ายโดยเป็นเงินค่าใช้จ่ายส่วนตัว ทั้งค่าน้ำมัน ค่าอาหาร ค่าที่พัก ต้องใช้ทรัพย์สินส่วนตัว กลุ่มบุคคลพวกนี้ได้เงินจากที่ใดมาเป็นค่าใช้จ่าย ก็คงเดินหน้านำเสนอข่าวหรือไลน์สดแฉพฤติกรรมทุจริตกลโกงของหน่วยงานราชการต่างๆเพื่อให้เกิดความกลัว แล้วย้อนกลับไปเรียกรับเงินจากผู้ประกอบการ และหน่วยงานราชการต่างๆ ภายหลัง กลุ่มบุคคลจำนวน 5-6 คนที่บรรณาธิการพร้อมเครือข่ายผู้สื่อข่าวได้คอยเฝ้าระวังติดตามความเคลื่อนไหวอยู่นั้นอาจเป็นแอดมินเพจ “ชมรม STRONG

ต้านทุจริตประเทศไทย” และเพจอวตารที่เกี่ยวข้องเข้ามาแอบแฝงอยู่
ข่าวที่เพจ “ชมรม STRONG ต้านทุจริตประเทศไทย” ลงข่าวเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2565 ก็เป็นข่าวเก่าที่นำกลับมาลงซ้ำใหม่ ต่างกันแค่เพียงรูปพาดหัวข่าวที่นำมาลงใหม่นั้น ไม่ใส่ภาพถ่ายบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คู่แผ่นดิน แต่ก็ยังคงภาพด้านหลังไว้เช่นเดิม คงมีเพียงเจตนาดิสเครดิต ให้ร้าย ใส่ความ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์คู่แผ่นดิน ในห้วงที่หนังสือพิมพ์ คู่แผ่นดิน จัดงาน ครบรอบ 12 ปี และเนื่องจากเกรงกลัวบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คู่แผ่นดิน ไล่แจ้งความและไล่ฟ้องจึงได้เลี่ยงภาษาบาลีเยี่ยงศรีธนญชัย
หากประชาชน ผู้ประกอบการ หรือหน่วยงานราชการใด พบเห็นกลุ่มบุคคลในลักษณะเช่นนี้ หรือมีพฤติกรรมดังกล่าว หรือมีข้อมูลการเรียกรับเงินแจ้งเข้ามาได้ที่ inbox เฟสบุ๊คหนังสือพิมพ์คู่แผ่นดิน เฟสบุ๊ค ต้น คู่แผ่นดิน เว็บไซต์ เพจข่าว ยูทูป หนังสือพิมพ์คู่แผ่นดิน ได้ อย่าปล่อยให้บุคคลที่มีภัยต่อสังคมส่วนรวมทำความผิดซ้ำซากจนกลายเป็นความเคยชิน
นายกิตติศักดิ์ ศิริคลังเจริญรุ่ง (ต้น คู่แผ่นดิน) กล่าวว่า ฝากถึงหน่วยงานราชการพยายามอย่าทำผิดกฎหมาย ให้ดำเนินการโครงการก่อสร้างให้โปร่งใส ถูกต้องตามระเบียบ และไม่ควรบุกรุกที่สาธารณะ ที่ป่าไม้ ฯลฯ โดยไม่ขออนุญาต ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้กลุ่มมิจฉาชีพแอบแฝงเข้ามากรรโชกทรัพย์เรียกรับผลประโยชน์ แลกกับการไม่ติดตามเปิดโปงการดำเนินโครงการต่างๆ วอนประชาชน ผู้ประกอบการ ข้าราชการ อย่าทำผิดและอย่าเห็นผู้กระทำผิดจนกลายเป็นความเคยชินให้แจ้งข่าวแจ้งความดำเนินคดีกับผู้แอบแฝงสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นให้หมดไปจากแผ่นดินดีกว่า หากหน่วยงานราชการไม่ได้กระทำความผิด กลุ่มที่แอบแฝงเรียกรับเงินก็ไม่สามารถเรียกรับผลประโยชน์ได้ และที่สำคัญหน่วยงานเจ้าหน้าที่บ้านเมืองหลายๆท่าน รวมถึงเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.อีกหลายท่านก็ทราบพฤติกรรมดังกล่าวของบุคคลกลุ่มนี้แต่ก็ยังไม่มีการดำเนินการปราบปรามขั้นเด็ดขาด
หนังสือพิมพ์คู่แผ่นดิน ขออยู่เคียงข้างความถูกต้องต่อสู้กับอิทธิพลมืด และเป็นหน่วยงานที่มีตัวตนจริงสามารถติดต่อสอบถามความจริงหรือแจ้งข่าวร้องทุกข์ร้องเรียนได้ พร้อมนำเสนอทุกข่าวตามความจริง พร้อมรับผิดชอบทุกการกระทำ พร้อมรับผิดชอบทุกข่าวที่นำเสนอ ตอบสังคมได้ทุกเรื่อง ไม่เงียบหาย ไม่หลบหนี เว็บไซต์หนังสือพิมพ์คู่แผ่นดินลงข่าวทุกวัน หนังสือพิมพ์คู่แผ่นดินจัดพิมพ์หนังสือพิมพ์ทุกเดือน มีหนังสือพิมพ์ย้อนหลังทุกเดือน ส่วนคดีความและข่าวปลอมดังกล่าวจะได้ติดตามเพื่อนำเสนอความคืบหน้าให้ทราบทางเว็บไซต์ เพจข่าว ยูทูป และทางหน้าหนังสือพิมพ์คู่แผ่นดิน ต่อไป

ร้อยเอ็ด พิธีทอดผ้าป่าสมทบทุนโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย ถวายเป็นพระราชกุศล

ร้อยเอ็ด พิธีทอดผ้าป่าสมทบทุนโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย ถวายเป็นพระราชกุศล

จังหวัดร้อยเอ็ดทอดผ้าป่าสมทบทุนโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย ประจำปี 2565 ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต

/สมนึก บุญศรี/ร้อยเอ็ด/ข่าว

วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม 2565 เวลา 08.45 น. นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานในพิธีทอดผ้าป่าสมทบทุนโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย ประจำปี 2565 ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต ณ วัดบึงพระลานชัย พระอารามหลวง จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมี นายชนาส ชัชวาลวงศ์ และ นายสนอง ดลประสิทธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วย ข้าราชการทุกหมู่เหล่า และพสกนิกรจังหวัดร้อยเอ็ด เข้าร่วมพิธี ซึ่งมี พระพรหมวชิรโสภณ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 เจ้าอาวาสวัดบึงพระลานชัย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

ภายในพิธีประธาน ได้จุดธูปเทียนเครื่องมนัสการบูชาพระรัตนตรัย ถวายความเคารพ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้นได้อัญเชิญผ้าไตรพระราชทานไปที่ต้นผ้าป่า และถวายเครื่องไทยธรรมแด่พระสงฆ์สมณศักดิ์ 10 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล จนเสร็จพิธี

ทั้งนี้ ในการทอดผ้าป่าพระราชทาน ประจำปี 2565 นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมด้วย ข้าราชการ และประชาชนชาวจังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมกันทำบุญน้อมถวายวัดบึงพระลานชัย พระอารามหลวง เบื้องต้น 763,604 บาท เพื่อนำไปเป็นทุนการศึกษาแก่พระภิกษุ สามเณร และทำนุบำรุงพระศาสนา ต่อไป

/สมนึก บุญศรี/ร้อยเอ็ด/0885730542-ข่าว
ประชาสัมพันธ์-ภาพ

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com