ตำรวจสันกำแพงฉับไว ติดตามตัวผู้ก่อเหตุแทงคนตายมารับโทษได้อย่างรวดเร็ว

ตำรวจสันกำแพงฉับไว ติดตามตัวผู้ก่อเหตุแทงคนตายมารับโทษได้อย่างรวดเร็ว

ตำรวจสันกำแพงฉับไว ติดตามตัวผู้ก่อเหตุแทงคนตายมารับโทษได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อค่ำวันที่ 23 มีนาคม 2566 โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.ณัฐพล จันมะโน ผกก.สภ.สันกำแพง, พ.ต.ท.เบน วงศ์เครือ รอง ผกก.ปฯ, พ.ต.ท.เกียรติศักดิ์ ผัดก๋า รอง ผกก.สส.ฯ,พ.ต.ท.บุญธรรม หาจัตุรัส รอง ผกก.(สอบสวน)ฯ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สันกำแพง จว.เชียงใหม่ ติดตามตัว 2 ผู้ก่อเหตุแทงผู้อื่นตาย เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 เวลา 19.20 น. ที่ ม.7 ซ. 11 ต.ทรายมูล อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ มารับโทษได้อย่างรวดเร็ว

พฤติการณ์คดี ตามวันเวลาเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเเจ้งเหตุมีผู้ถูกอาวุธมีดแทงได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงไปตรวจที่เกิดเหตุ ทราบว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำตัวผู้บาดเจ็บส่ง รพ.สันกำแพง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา สืบเนื่องจากผู้ตายได้มีปากเสียงกับแฟนสาว แฟนของผู้ตายจึงโทรเรียกเพื่อนชาย(กิ๊ก) มารับบริเวณหอพัก โดยเพื่อนชาย(กิ๊ก) ผู้ต้องหาที่ 1 มากับ ผู้ต้องหาที่ 2 พอผู้ต้องหาทั้งสองมาถึง เนื่องด้วยมีอาการเมาสุราและไม่พอใจผู้ตาย จึงได้เข้าไปในห้องพักที่เกิดเหตุและเรียกหาผู้ตาย ซึ่งในขณะนั้นผู้ตายอยู่ในห้องนอน เมื่อผู้ตายเดินออกมาจากห้องนอน ผู้ต้องหาทั้งสองได้ร่วมกันใช้อาวุธมีดและกรรไกรแทงผู้ตายบริเวณจุดสำคัญจำนวนหลายแผล จนได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตที่ รพ.สันกำแพงในเวลาต่อมา

จากนั้นได้ขับขี่จักรยานยนต์หลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสอง ได้ที่หอพัก ในเขต อ.สารภี จว.เชียงใหม่ นำตัวส่ง พงส.สภ.สันกำแพง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

ตำรวจสันกำแพงฉับไว ติดตามตัวผู้ก่อเหตุแทงคนตายมารับโทษได้อย่างรวดเร็ว

ตำรวจสันกำแพงฉับไว ติดตามตัวผู้ก่อเหตุแทงคนตายมารับโทษได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อค่ำวันที่ 23 มีนาคม 2566 โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.ณัฐพล จันมะโน ผกก.สภ.สันกำแพง, พ.ต.ท.เบน วงศ์เครือ รอง ผกก.ปฯ, พ.ต.ท.เกียรติศักดิ์ ผัดก๋า รอง ผกก.สส.ฯ,พ.ต.ท.บุญธรรม หาจัตุรัส รอง ผกก.(สอบสวน)ฯ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สันกำแพง จว.เชียงใหม่ ติดตามตัว 2 ผู้ก่อเหตุแทงผู้อื่นตาย เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 เวลา 19.20 น. ที่ ม.7 ซ. 11 ต.ทรายมูล อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ มารับโทษได้อย่างรวดเร็ว

พฤติการณ์คดี ตามวันเวลาเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเเจ้งเหตุมีผู้ถูกอาวุธมีดแทงได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงไปตรวจที่เกิดเหตุ ทราบว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำตัวผู้บาดเจ็บส่ง รพ.สันกำแพง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา สืบเนื่องจากผู้ตายได้มีปากเสียงกับแฟนสาว แฟนของผู้ตายจึงโทรเรียกเพื่อนชาย(กิ๊ก) มารับบริเวณหอพัก โดยเพื่อนชาย(กิ๊ก) ผู้ต้องหาที่ 1 มากับ ผู้ต้องหาที่ 2 พอผู้ต้องหาทั้งสองมาถึง เนื่องด้วยมีอาการเมาสุราและไม่พอใจผู้ตาย จึงได้เข้าไปในห้องพักที่เกิดเหตุและเรียกหาผู้ตาย ซึ่งในขณะนั้นผู้ตายอยู่ในห้องนอน เมื่อผู้ตายเดินออกมาจากห้องนอน ผู้ต้องหาทั้งสองได้ร่วมกันใช้อาวุธมีดและกรรไกรแทงผู้ตายบริเวณจุดสำคัญจำนวนหลายแผล จนได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตที่ รพ.สันกำแพงในเวลาต่อมา

จากนั้นได้ขับขี่จักรยานยนต์หลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสอง ได้ที่หอพัก ในเขต อ.สารภี จว.เชียงใหม่ นำตัวส่ง พงส.สภ.สันกำแพง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

ศรีสะเกษ ตร.เร่งล่าโจรใจบาปขโมยตู้บริจาคฉกเงินวัดโยนทิ้งข้างทาง

เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 66 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบหลังได้รับแจ้งจาก พระครูวินัยธรศักดิ์มนตรี ปภัสโร เจ้าอาวาสวัดศรีสมบูรณ์รัตนาราม บ้านหนองแคน ต.สำโรง อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ว่า ถูกคนร้ายแอบย่องขโมยตู้รับบริจาค ซึ่งเป็นตู้สแตนเลส หายไปจำนวน 2 ตู้ ซึ่งเมื่อวันที่ 10 มี.ค. 66 ที่ผ่านมา ชาวบ้านพบถูกทิ้งอยู่ที่กลางทุ่งนา ระหว่าง บ้านสำโรงใหญ่-บ้านแต้ พื้นที่ ต.สำโรง อ.อุทุมพรพิสัย จำนวน 1 ตู้ สภาพถูกงัดด้วยของแข็งพังเสียหาย ภายในตู้ไม่พบทรัพย์สินเงินทองใดๆ ซึ่งทางวัดได้มอบหมายให้คณะกรรมการวัดเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.กิตติศักดิ์ พิมพ์สังกุล รอง สว.(สอบสวน) สภ.อุทุมพรพิสัย ไว้แล้ว

ต่อมาเมื่อวันที่ 19 มี.ค. 66 นายแสงทอง สุขเหลือง ผู้ใหญ่บ้านสวนฝ้าย หมู่ 17 แจ้งว่าพบตู้บริจาคของทางวัดถูกทิ้งไว้ริมถนนสาย บ้านส้มป่อยน้อย-โพธิ์ศรีสุวรรณ ต.สำโรง อ.อุทุมพรพิสัย อีก 1 ตู้ ทางวัดจึงมอบหมายให้ นายแสง กระจ่าง อายุ 77 ปี กรรมการวัด เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.กฤษฏ์ กันแก้ว รอง สว.(สอบสวน) สภ.อุทุมพรพิสัย นำเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ

จากการตรวจสอบสภาพถูกงัดด้วยของแข็งได้รับความเสียหาย ภายในตู้ไม่พบทรัพย์สินเงินทองใดๆ เหลือเพียงตู้เปล่า คาดว่าคนร้ายงัดเอาเงินในตู้แล้วโยนทิ้งตู้บริจาคไว้ข้างทาง อย่างไรก็ตามกรรมการวัดแจ้งว่า โดยปกติตู้บริจาคแต่ละตู้ จะมีญาติโยมและผู้ใจบุญร่วมทำบุญหยอดตู้ ประมาณตู้ละ 1,000-2,000 บาท จึงเร่งตรวจสอบลายนิ้วมือ พร้อมกับตรวจสอบกล้องวงจรปิดของทางวัดเพื่อหาเบาะแสคนร้าย ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้ในเร็วๆนี้

ทีมข่าว จ.ศรีสะเกษ // รายงาน

สตูล โหดยิงรัวกระหน่ำหน้าบ้านโต๊ะอิหม่ามกว่า 15 นัด ตำรวจเร่งแกะรอยปมยิงโหด

สตูล โหดยิงรัวกระหน่ำหน้าบ้านโต๊ะอิหม่ามกว่า 15 นัด ตำรวจเร่งแกะรอยปมยิงโหด คาดเป็นคนเคลียเจรจาปัญหาคนในหมู่บ้าน

วันที่ 19 มีนาคม 2566 มีเหตุการณ์ยิงกราดที่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 8 ตำบลปามล์พัฒนา อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล เวลา 04.40 น.ซึ่งเป็นบ้านนายอับดุลฆอนี สามารถ อายุ 70 ปี เป็นโต๊ะอิหม่าม มัสยิดดาวะตุลอิสลาม เป็นผู้นำศาสนามาไม่ต่ำกว่า 17 ปี พบมีว่าคนร้ายใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิด ปลอกกระสุนตกหล่นอยู่ 15 ปลอก บริเวณบนนถนนหน้าบ้านและประตูกระจกด้านหน้าเป็น รู จำนวน 5 นัดบริเวณฝาพนังบ้านกำแพงปูนเป็นรู จำนวน 3 นัด ทะลุเข้าไปในบ้าน ถูกตู้เสื้อผ้า 3 นัด โต๊ะวางทีวี 3 นัด และโดนพัดลม 1 นัด รวมเป็น 15 นัด โดยคนในบ้านอยู่กัน 5 คนปลอดภัยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ และที่สำคัญโต๊ะอิหม่ามไปออกดาวะต่างงจังหวัด โดยภายในบ้านมีเพียงภรรยาและลูกสาว และหลานเป็นเด็กเล็ก 2 คน ปลอดภัย ล่าสุดชุดพิสูตรหลักฐานจังหวัดสตูล ลงพื้นที่เข้าตรวจสถานที่เกิดเหตุเก็บวัตถุพยานสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีต่อไป



พร้อมกันนี้นายอับดุลฆอนี สามารถ อายุ 70 ปี เป็นโต๊ะอิหม่าม เจ้าบ้าน เปิดเผยว่า ตนเองไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกับใคร เป็นคนนิสัยตรงๆและก่อนหน้านี้เคยไปเป็นคนเจรจากับปัญหาทางสังคมในพื้นที่ เพราะตนเองเป็นผู้นำศาสนาจึงมีคนเคารพนับถือ เมื่อมีเรื่องเดือดร้อนใจ ก็ไปเป็นคนกลางเคลียปัญหา เช่นแก้ปัญหาของคนในพื้นที่เคลียเรื่องแบ่งมรดก และไปเป็นคนกลางเจรจาเรื่องวัยรุ่นขโมยลูกปามล์ ส่วนเรื่องอื่นๆน่าจะไม่มี ส่วนปมการเกิดเหตุมีคนร้ายมายิงถึงหน้าบ้าน ก็ยังสับสนว่า ไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจ แต่วอนทางตำรวจเร่งแกะรอยเรื่องนี้ โดยตนเองและครอบครัวผวากลัวเป็นอย่างมาก


นายณัฐพงศ์ โกละกะ ปลัดอำเภอมะนัง กล่าวว่า คดีนี้ต้องเร่งสืบสวนหาเบาะแส โดยปล่อยเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไปว่าทำอย่างไร เพราะหน้าบ้านผู้โดนยิงมีกล้องวงจรปิด ต้องแกะรอย ส่วนตัวที่รู้จักโต๊ะอิหม่ามคนนี้เป็นคนตรง คนดี และไม่มีพิษมีภัยกับใคร ต้องปล่อยเป็นหน้าที่ทางตำรวจต่อไป


นางสาวสุนิสา สามารถ อายุ 35 ปี กล่าวว่า ตกใจและได้ยินเสียงกระสุนปืนดัง จึงพยามอย่าให้คนในบ้านออกมา เพราะในบ้านมีลูกเขย มีแม่ มีตนเอง และลูกชายอายุ 3 ขวบ ผู้หญิง อายุ 8 ขวบซึ่งทางลูกสาวตื่นขึ้นมา จึงตั้งสติรีบปลุกทุกคนในบ้าน จากนั้นก็จับลูกทั้ง2 คนพลิกไปมาดูตามร่างกาย เพื่อหวั่นว่าโดยอะไรหรือเปล่า จากนั้นก็ออกมาดูหน้าบ้านตกใจ รอยกระสุนยิงเข้ามาในบ้าน โดยลักษณะบ้านเป็น 2 ชั้น มี 2 ห้องนอนห้องแรกลูกชายนอนกับตนเองและแฟน ส่วนลูกสาวคนโตนอนกับคนยาย ส่วนหน้าบ้านคืนเกิดเหตุไม่ได้มานอน กลับไปนอนในห้อง และนับว่าโชคดีเป็นอย่างมาก เช่นเดียวนางสาฝีหน๊ะ สามารถ อายุ 69 ปี ภรรยาโต๊ะอิหม่าม บอกว่า ทางคุณแม่ออกมาเข้าห้องช่วงประมาณ 04.00 น,.จากนั้นจะเข้าไปนอน และได้ยินเสียงดังเหมือนประทัด ทั้งปังๆๆ ประมาณ 4 ครั้ง ตกใจ ลุกออกมาดูเดินมาหน้าบ้าน เห็นฝุ่นสะเก็ดจึงเปิดไฟเปิดม่าน เห็นรู้กระสุนจึงโทรแจ้ง 191 ทันที และอยากวอนทางตำรวจช่วยตามจับคนร้าย ยันทางบ้านไม่เคยมีเรื่องกับใคร

ด้านนายวินัย พุทรักษ์ 36 ปี เพื่อนบ้านในระแวก กล่าวว่า ก็ตกใจได้ยินเสียงปืนยิงรัวๆๆดังมาก จึงไม่กล้าออกมาดู พอรุ่งเช้าออกมาดูพบว่าบ้านข้างๆโดนยิง และในส่วนตัวทางโต๊ะอิหม่ามที่เรารู้จักนั้น เป็นคนตรง คนดี เป็นผู้นำทางศาสนาที่ดี จึงงงว่ามีเหตุการณ์มายิงบ้านนี้ได้อย่างไร
เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบรถเก๋งมีการขับนำมาชี้เป้าและมีรถจักรยานยนต์ขับตามมาคาดว่านะจะเป็นกลุ่มมือปืนขี่ตามมา จากนั้นมีการยิงกระหน่ำ แต่อย่างไรก็ต้องรอคำสอบสวนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป

นิตยา แสงมณี  ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดสตูล

สุราษฎร์ธานี// โปลิสพุนพิน โชว์ผลงานรวบหนุ่มขับเบนซ์ ได้ยาบ้า-ไอซ์ เพียบ นั่งคอตกหมดอนาคตรับชะตากรรม.

รายงาน : พจน์ คำจันทร์

วันที่ 18 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 13.30 น. ภายใต้การอำนวยการสั่งการของพล.ต.ต.ศรัญญู ชำนาญราช ผบก.ภ.จว.สุ
ราษฎร์ธานี,พ.ต.อ.ไพศาล สังข์เทพ รอง ผบก.ฯ,พ.ต.อ.สมบัติ ฉ่ำแสง รอง ผบก.ฯ,พ.ต.อ.ณัฐชนนท์ เกิดก่อ รอง ผบก.ฯ พ.ต.อ.ปิยะพงษ์ บุญแก้ว ผกก.สภ.พุนพิน,พ.ต.ท.ศุภกิจ ประยูรบุตร รองผกก.สส.,พ.ต.ท.เสวี เวชพิทักษ์ รอง ผกก.สอบสวนฯ พ.ต.ท.สุพจน์ เทือกสุบรรณ รองผกก.ป.ฯ และ จนท.ชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ต.มานิตย์ ทองชั่ง สารวัตรสืบฯ สภ.พุนพิน และพวก

ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายพยุงศักดิ์ หรือแจ็ค อินทสุภา อายุ 38 ปี ได้ที่บ้านเลขที่ 26/1 ม.2 ต.หัวเตย อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี จับได้พร้อมของกลางเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ซุกซ่อนอยู่ในสะพายสีดำที่สะพายอยู่ ตรวจค้นด้านในมียาบ้า 2 เม็ด,ไอซ์บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส 2 ถุง รวมน้ำหนัก 1.75 กรัม จากนั้นได้ทำการตรวจค้นรถยนต์ของนายพยุงศักดิ์ เป็นรถยี่ห้อเมอร์เซเดสเบนซ์ ป้ายทะเบียน จค 7127 กรุงเทพฯ พบยาบ้าจำนวน 6 ก้อน รวมประมาณ 60,000 เม็ด ซุกช่อนอยู่ในที่เก็บของท้ายรถเก๋ง และได้ทำการตรวจค้นในบ้านพักพบยาบ้าซุกช่อนรวมกันอยู่ในกล่องกระดาษอีกจำนวน 34,000 เม็ด นอกจากนั้นยังมีไอซ์แบ่งใส่ถุงซิปอีก 5 ถุง น้ำหนักรวม 10.40 กรัม พร้อมเครื่องชั่งดิจิตอล-อุปกรณ์การเสพ โดยของกลางทั้งหมดถูกวางอยู่ในตู้เสื้อผ้าภายในห้องนอน

สำหรับปฏิบัติการครั้งนี้ได้ของกลางเป็นยาบ้าจำนวน 94,002 เม็ด ไอซ์หนัก 12.15 กรัม โดยได้แจ้งข้อกล่าวหาว่าจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า,ไอซ์) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย เป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนโดยไม่ได้รับอนุญาต,เป็นผู้ขับขี่รถเสพยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ,เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน โดยผิดกฎหมาย

จากนั้นได้ตรวจยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 เป็นรถยนต์ยี่ห้อเมอร์เซเดสเบนซ์ นำส่ง ปปส.ภาค 8 และได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนสภ.พุนพิน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

สุราษฎร์ธานี// โปลิสพุนพิน โชว์ผลงานรวบหนุ่มขับเบนซ์ ได้ยาบ้า-ไอซ์ เพียบ นั่งคอตกหมดอนาคตรับชะตากรรม.

รายงาน : พจน์ คำจันทร์

วันที่ 18 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 13.30 น. ภายใต้การอำนวยการสั่งการของพล.ต.ต.ศรัญญู ชำนาญราช ผบก.ภ.จว.สุ
ราษฎร์ธานี,พ.ต.อ.ไพศาล สังข์เทพ รอง ผบก.ฯ,พ.ต.อ.สมบัติ ฉ่ำแสง รอง ผบก.ฯ,พ.ต.อ.ณัฐชนนท์ เกิดก่อ รอง ผบก.ฯ พ.ต.อ.ปิยะพงษ์ บุญแก้ว ผกก.สภ.พุนพิน,พ.ต.ท.ศุภกิจ ประยูรบุตร รองผกก.สส.,พ.ต.ท.เสวี เวชพิทักษ์ รอง ผกก.สอบสวนฯ พ.ต.ท.สุพจน์ เทือกสุบรรณ รองผกก.ป.ฯ และ จนท.ชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ต.มานิตย์ ทองชั่ง สารวัตรสืบฯ สภ.พุนพิน และพวก

ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายพยุงศักดิ์ หรือแจ็ค อินทสุภา อายุ 38 ปี ได้ที่บ้านเลขที่ 26/1 ม.2 ต.หัวเตย อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี จับได้พร้อมของกลางเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ซุกซ่อนอยู่ในสะพายสีดำที่สะพายอยู่ ตรวจค้นด้านในมียาบ้า 2 เม็ด,ไอซ์บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส 2 ถุง รวมน้ำหนัก 1.75 กรัม จากนั้นได้ทำการตรวจค้นรถยนต์ของนายพยุงศักดิ์ เป็นรถยี่ห้อเมอร์เซเดสเบนซ์ ป้ายทะเบียน จค 7127 กรุงเทพฯ พบยาบ้าจำนวน 6 ก้อน รวมประมาณ 60,000 เม็ด ซุกช่อนอยู่ในที่เก็บของท้ายรถเก๋ง และได้ทำการตรวจค้นในบ้านพักพบยาบ้าซุกช่อนรวมกันอยู่ในกล่องกระดาษอีกจำนวน 34,000 เม็ด นอกจากนั้นยังมีไอซ์แบ่งใส่ถุงซิปอีก 5 ถุง น้ำหนักรวม 10.40 กรัม พร้อมเครื่องชั่งดิจิตอล-อุปกรณ์การเสพ โดยของกลางทั้งหมดถูกวางอยู่ในตู้เสื้อผ้าภายในห้องนอน

สำหรับปฏิบัติการครั้งนี้ได้ของกลางเป็นยาบ้าจำนวน 94,002 เม็ด ไอซ์หนัก 12.15 กรัม โดยได้แจ้งข้อกล่าวหาว่าจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า,ไอซ์) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย เป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนโดยไม่ได้รับอนุญาต,เป็นผู้ขับขี่รถเสพยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ,เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน โดยผิดกฎหมาย

จากนั้นได้ตรวจยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 เป็นรถยนต์ยี่ห้อเมอร์เซเดสเบนซ์ นำส่ง ปปส.ภาค 8 และได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนสภ.พุนพิน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

สุราษฎร์ธานี// โปลิสพุนพิน โชว์ผลงานรวบหนุ่มขับเบนซ์ ได้ยาบ้า-ไอซ์ เพียบ นั่งคอตกหมดอนาคตรับชะตากรรม.

รายงาน : พจน์ คำจันทร์

วันที่ 18 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 13.30 น. ภายใต้การอำนวยการสั่งการของพล.ต.ต.ศรัญญู ชำนาญราช ผบก.ภ.จว.สุ
ราษฎร์ธานี,พ.ต.อ.ไพศาล สังข์เทพ รอง ผบก.ฯ,พ.ต.อ.สมบัติ ฉ่ำแสง รอง ผบก.ฯ,พ.ต.อ.ณัฐชนนท์ เกิดก่อ รอง ผบก.ฯ พ.ต.อ.ปิยะพงษ์ บุญแก้ว ผกก.สภ.พุนพิน,พ.ต.ท.ศุภกิจ ประยูรบุตร รองผกก.สส.,พ.ต.ท.เสวี เวชพิทักษ์ รอง ผกก.สอบสวนฯ พ.ต.ท.สุพจน์ เทือกสุบรรณ รองผกก.ป.ฯ และ จนท.ชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ต.มานิตย์ ทองชั่ง สารวัตรสืบฯ สภ.พุนพิน และพวก

ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายพยุงศักดิ์ หรือแจ็ค อินทสุภา อายุ 38 ปี ได้ที่บ้านเลขที่ 26/1 ม.2 ต.หัวเตย อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี จับได้พร้อมของกลางเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ซุกซ่อนอยู่ในสะพายสีดำที่สะพายอยู่ ตรวจค้นด้านในมียาบ้า 2 เม็ด,ไอซ์บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส 2 ถุง รวมน้ำหนัก 1.75 กรัม จากนั้นได้ทำการตรวจค้นรถยนต์ของนายพยุงศักดิ์ เป็นรถยี่ห้อเมอร์เซเดสเบนซ์ ป้ายทะเบียน จค 7127 กรุงเทพฯ พบยาบ้าจำนวน 6 ก้อน รวมประมาณ 60,000 เม็ด ซุกช่อนอยู่ในที่เก็บของท้ายรถเก๋ง และได้ทำการตรวจค้นในบ้านพักพบยาบ้าซุกช่อนรวมกันอยู่ในกล่องกระดาษอีกจำนวน 34,000 เม็ด นอกจากนั้นยังมีไอซ์แบ่งใส่ถุงซิปอีก 5 ถุง น้ำหนักรวม 10.40 กรัม พร้อมเครื่องชั่งดิจิตอล-อุปกรณ์การเสพ โดยของกลางทั้งหมดถูกวางอยู่ในตู้เสื้อผ้าภายในห้องนอน

สำหรับปฏิบัติการครั้งนี้ได้ของกลางเป็นยาบ้าจำนวน 94,002 เม็ด ไอซ์หนัก 12.15 กรัม โดยได้แจ้งข้อกล่าวหาว่าจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า,ไอซ์) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย เป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนโดยไม่ได้รับอนุญาต,เป็นผู้ขับขี่รถเสพยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ,เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน โดยผิดกฎหมาย

จากนั้นได้ตรวจยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 เป็นรถยนต์ยี่ห้อเมอร์เซเดสเบนซ์ นำส่ง ปปส.ภาค 8 และได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนสภ.พุนพิน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

รวบแล้วน้องชายนักร้องดังวงลาบูนูนเอี่ยวพวกรวม5คนฆ่าโหด4ศพอำพรางทิ้งบึงและแม่น้ำโก-ลก

นราธิวาส/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ

รวบแล้วน้องชายนักร้องดังวงลาบูนูนเอี่ยวพวกรวม5คนฆ่าโหด4ศพอำพรางทิ้งบึงและแม่น้ำโก-ลก

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 13 มี.ค.66 ที่ห้องโถงชั้น 1 อาคารตำรวจภูธร จ.นราธิวาส พล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พ.ต.อ.สุธน สุขวิเศษ รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พ.ต.อ.ดิเรก โฉมยงค์ รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พ.ต.อ.สมใจ สิงห์เกลี้ยง ผกก.สภ.แว้ง พ.ต.อ.ฉลอง เล็กน้อย ผกก.สภ.บูเก๊ะตา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 5 คน ประกอบด้วย 1.นายมาหะมะ สุวรรณอายิ หรือ วัง บ้านเลขที่ 11 ม.4 ต.แว้ง อ.แว้ง จ.นราธิวาส 2.นายอัสรี เจ๊ะกอ หรือ ยี บ้านเลขที่ 1 ม.4 ต.
แว้ง อ.แว้ง จ.นราธิวาส 3.นายอีชัน เจ๊ะนาแว หรือ ปาดัง อยู่บ้านเลขที่ 594 ม.4 ต.แว้ง อ.แว้ง จ.นราธิวาส 4.นายเมธาวัตร อรุณ หรือ อาท ซึ่งเป็นน้องชายของนายเมธี อรุณ นักร้องดังวงลาบานูน อยู่บ้านเลขที่ 118 ม.1 ต.แม่ดง อ.แว้ง จ.นราธิวาส และ 5.นายณัฐวุฒิ แวอับดุลเลาะ หรือ มิง อยู่บ้านเลขที่ 208 ม.10 ต.มาโมง อ.สุศิริน จ.นราธิวาส ในคดีร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงทำให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 4 คน ประกอบด้วย 1. นายมูฮัมหมัดอาลียะ เราะห์มัด อายุ 38 ปี 2.นายนิเฮง ประเปะ อายุ 27 ปี 3. นายอัสวี มือลี อายุ 19 ปี และ 4.นายมูห์เซ็น ยะโกะ อายุ 33 ปี เหตุเกิดคาบเกี่ยวในวันที่ 21 และ 22 ก.พ. 66 ที่ผ่านมา
ซึ่งแยกเป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียชีวิต 3 คน คือ นายมาหะมะ นายอัสรี และนายอีซัน ซึ่งใช้อาวุธปืทนพก ขนาด 9 ม.ม.และอาวุธปืนลูกซอง ส่วนผู้ที่นำศพไปทิ้งอำพราง หรือ ซ่อนเร้น จำนวน 2 คน คือ นายเมธาวัตร และนายณัฐวุฒิ หลังก่อเหตุแล้วเสร็จ นายเมธาวัตร นายณัฐวุฒิ และพวกอีก 2 คน ที่ยังหลบหนี ได้ร่วมกันเคลื่อนย้ายศพผู้เสียชีวิต 3 คน คือ นายมูฮัมหมัดอาลียะ นายนิเฮง ประเปะ และนายอัสวี ใส่ท้ายรถยนต์เก๋ง วิ่งออกจากบ้านเกิดเหตุไม่มีเลขที่ซึ่งตั้งอยู่ในสวนปาล์ม บ้านก่อซอ ม.4 ต.แว้ง อ.แว้ง นำไปมิ้งในบึงจือแร ม.1 ต.แม่ดง เมื่อแล้วเสร็จนายเมธาวัตร ได้กลับมาที่บ้านไม่มีเลขที่ดังกล่าวซึ่งตั้งอยู่ในสวนปาล์ม โดยได้ใช้รถยนต์กระบะของตนเองยี่ห้อโตโยต้า สีน้ำตาล ทะเบียน บง 4747 นราธิวาส ร่วมกับนายณัฐวุฒิ และเพื่อนหลบหนีอีก 2 คน ช่วยกันนำร่างของนายมูห์เซ็ง ขึ้นรถยนต์กระบะ แล้วนายเมธาวัตร ขับรถยนต์กระบะของตนเอง โดยบมีนายอัสรี นั่งด้านข้าง นำศพนายมูห์เซ็ง ไปทิ้งในแม่น้ำโก-ลก ช่วงบริเวณบ้านไอร์ปาเซ ม.7 ต.ฆอเลาะ อ.แว้ง ซึ่งตลอดทางจะมีคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุซึ่งยังหลบหนีเป็นคนขับรถ จยย.และมีนายอัสรี นั่งซ้อนท้ายไปตลอดทาง
โดย พล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ให้การรับสารภาพและประจักษ์พยานที่นำไปตรวจสอบตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ มีผลตรวจออกมาชัดเจนถึงพฤติกรรมของคนร้ายแต่ละคน ที่ตรวจสอบพบในบ้านจุดเกิดเหตุ ซึ่งมีทั้งคราบเลือก ปลอกกรนะสุนปืน

รวมทั้งคราบลายนิ้วมือที่ติดไว้ตามบริเวณต่างๆ ส่วนผู้ต้องหาที่ถูกให้การซักทอด เจ้าหน้าที่อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อติดตามจับกุมมาดำเนินคดี
นอกจากนี้ในส่วนของปมเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ มาจากปัญหาส่วนตัว ที่กลุ่มของผู้เสียชีวิตทั้ง 4 คน มีความขัดแย้งเรื่องส่วนตัวกับบุตรชายของนายมาหะมะ หรือ วัง 1 ใน 3 มือปืน ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านไม่มีเลขที่ที่ตั้งอยู่ในสวนปาล์ม หลังจากที่นายมาหะมะ ทราบเรื่อง จึงได้โทรศัพท์พูดคุยกับ 4 ผู้เสียชีวิต และ 4 ผู้เสียชีวิตได้ร่วมเดินทางออกมาจาก อ.สุไหงโก-ลก เพื่อไปพบกับนายมาหะมะ หรือ วัง ที่บ้านจุดเกิดเหตุ และได้มีการพูดคุยกัน แต่ไม่สามารถจะตกลงกันได้ นายมาหะมะ หรือ วังและพวก จึงได้ใชอาวุธปืนยิงผู้เสียชีวิตทั้ง 4 คน คาบ้านพักไม่มีเลขที่จุดเกิดเหตุ ซึ่งตั้งอยู่ในสวนปาล์ม แล้วนายมาหะมะและพวก จึงได้ช่วยกันอำพรางศพไปมิ้งที่บริเวณดังกล่าวทั้ง 2 จุด จนเจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนสอบสวนและจับกุมคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุได้ 5 คน ส่วนที่เหลืออีก 2 คน จะมีการติดตามจับกุมมาลงโทษต่อไป
///////////////////////// 13 มีนาคม 2566

!!สาวสมุทรปราการ!! ใช้อาวุธมีดแทงแฟนหนุ่มดับคาห้องพัก ย่านสถานบันเทิงดังท่าขี้เหล็ก

!!สาวสมุทรปราการ!! ใช้อาวุธมีดแทงแฟนหนุ่มดับคาห้องพัก ย่านสถานบันเทิงดังท่าขี้เหล็ก

/////////////////////////////////////////////////////
เมื่อพรุ่งเช้าของวันที่ 9 มี.ค.66 เวลา 04.30 น. สมาคมกู้ภัยไม่แสวงหาผลกำไรท่าขี้เหล็ก ได้รับแจ้งเหตุจากเจ้าหน้าที่รัฐของทางการท่าขี้เหล็กว่ามีเหตุชาวไทยถูกแทงตาย บริเวณห้องพักแห่ง บ.สันทรายลื้อ หนึ่งใกล้ๆ สถานบันเทิงดังจึงรีบรุดไปที่เกิดเหตุดังกล่าวตามที่ได้รับแจ้ง เมื่อไปถึงบริเวณห้องพักที่เกิดเหตุชั้น 2 พบหญิงสาวชาวไทย 1 คน ยืนร้องไห้และร่างของผู้เสียชีวิตนอนตายอยู่บนเตียงมีบาดแผลถูกแทงบริเวณลำตัวเลือดไหลทะลักออกปากเจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวร่างผู้เสียชีวิตส่งโรงพยาบาลท่าขี้เหล็กเพื่อชันสูตรหาสาเหตุการตายในครั้งนี้
จากการตรวจสอบข้อมูลตามทะเบียนราษฏร์ของทางเจ้าหน้าที่ของทางการไทย

ทราบว่าชายชาวไทยที่ถูกแทงตายในต่างแดนภายหลังชื่อ นายต้น อเนกทรัพย์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่12/1 ม.4 ต.ท่าสัก อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ และคนที่ก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงนายต้นตาย คือ น.ส.กิตติยา (แฟนสาว) ไม่ทราบนามสกุล อายุ 28 ปี เป็นชาว จ.สมุทรปราการ เจ้าหน้าที่เมียนมาจึงได้จับกุมสาวชาวไทยผู้ก่อเหตุแทงแฟนหนุ่มเสียชีวิตดำเนินคดีตามกฏหมาย เบื้องต้นคาดว่ามาจากการทะเลาะกันในเรื่องส่วนตัว ส่วนประวัติของผู้ตายเคยตกเป็นผู้ตกต้องหาในคดีฆ่าผู้อื่นตาย ในเขตท้องที่ สภ. สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ เมื่อปี 2559 และถูกจับในคดีครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย ปี 2562 ส่วนคดีแอบลักลอบเล่นการพนัน ปี 2561 เป็นคดีในท้องที่ สภ.สำโรงเหนือทั้ง 3 คดี

/////////////////////////////////////////////////////////
ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก – ตร.ชายแดน
บก.เจี๊ยบแม่สายนิวส์ออนไลน์ //// รายงาน ////

เชียงใหม่ จับขบวนการค้าไม้เถื่อนรายใหญ่ตั้งโรงงานแปรรูปกลางป่า

เชียงใหม่ จับขบวนการค้าไม้เถื่อนรายใหญ่ตั้งโรงงานแปรรูปกลางป่า

ตำรวจปทส.สนธิกำลัง , ตำรวจตระเวนขายแดน , เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปพ. บก.สส.ภ.5 และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทลายโรงงานแปรรูปไม้กลางป่าจับกุมตัวขบวนการค้าไม้เถื่อนพร้อมของกลางไม้แปรรูปหลายรายการ กระสุนปืนสงครามและกระสุนปืนเครื่องยิงลูกระเบิด ตรวจค้นในกระท่อม พบอุปกรณ์ระบบกล้องวงจรปิดที่ขบวนการค้าไม้เถื่อนลงทุนติดไว้เพื่อสังเกตการณ์เจ้าหน้าที่เข้ามาในพื้นที่

ฏิบัติการสืบสวนปราบปรามประจำจังหวัดเชียงใหม่ กก.4 บก.ปทส. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.33 , เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ปพ.บก.สส.ภาค 5 , เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่วาง , เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอแม่วาง และ เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชม.13 เข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านไม้กลางป่า ซึ่งมีการตั้งโรงงานแปรรูปไม้ เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ขานและป่าแม่วาง พื้นที่บ้านสันปูเลย หย่อมบ้านตีนหม่อน ต.ดอนเปา อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ขณะเข้าตรวจค้นคนงานที่กำลังทำงานวิ่งหนี แตกกระเจิงไปคนล่ะทิศและอาศัยความชำนาญในพื้นที่หลบหนีไปได้หลายคนเจ้าหน้าที่สามารถตามจับกุมตัวได้ 1 คน ทราบชื่อนายประเวศ เรือนหลวง อายุ 49 ปีชาวบ้าน หมู่ 1 ต.ดอนเปา อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่อีกชุดได้ตรวจค้นพื้นที่รอบๆพบ ไม้สักแปรรูป,ไม้ประดู่) แปรรูป,และไม้ซ้อแปรรูปรวมทั้งหมด 13 แผ่น และอุปกรณ์การแปรรูปไม้หลายรายการเช่น โต๊ะแท่นวงเดือน , สว่านไฟฟ้า , เครื่องฉลุไม้ไฟฟ้า , เลื่อยมือ , เครื่องขัดไม้ไฟฟ้า นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตรวจค้นในบ้านหลังดังกล่าว พบลูกกระสุนปืน ขนาด 5.56 มม.100 นัด,กระสุนปืนไรเฟิล 16 นัด , กระสุนเครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด 40 มม. 1 ลูก,ซองกระสุนปืน เอ็ม 16 รวม 2 อัน และอุปกรณ์ระบบกล้องวงจรปิด 1 ชุด

เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ทำไม้หวงห้ามโดยมิได้รับอนุญาตฯ,ทำการแปรรูปไม้, มีไม้หวงห้ามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,ทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ,มีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด ส่งพนักงาน สภ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ดำเนินคดี

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรของผู้ต้องหาเคยพัวพันกับการค้ายาเสพติดหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปปลูกบ้านไม้อยู่กลางป่าทุรกันดาร ห่างจากชุมชนประมาณ 6 กม.และได้ลักลอบตัดต้นไม้ในพื้นที่นำมาปลูกบ้านและส่งไม้แปรรูปไปจำหน่ายให้กับลูกค้าขาประจำโดยจ้างแรงงานเป็นชาวบ้านในพื้นที่จนกลายเป็นขบวนการค้าไม้เถื่อนรายใหญ่ในพื้นที่ นอกจากนี้นายประเวศ ยังได้ลงทุนติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดรอบๆพื้นที่โดยใช้ไฟฟ้าจากเครื่องปั่นไฟฟ้า เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ ที่จะเข้ามาจับกุมตัว หากพบเจ้าหน้าที่เข้ามาในพื้นที่ก็จะหลบไปอยู่พื้นที่อื่นจึงรอดจากการถูกจับหลายครั้ง.