สุราษฎร์ธานี // สาวเมียนมาร์ เครียด..! ผูกคอดับคาขนำ .

สุราษฎร์ธานี // สาวเมียนมาร์ เครียด..! ผูกคอดับคาขนำ .

ไทเกอร์นิวส์ สุราษฎร์ธานี
ศูนย์ข่าวภาคใต้ตอนบน

รายงาน : น้อย บางใหญ่

วันที่ 12 ธันวาคม 2564 เวลา 10.00 น. ศูนย์วิทยุ 191 สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุจากพลเมืองดีว่าคนผูกคอตายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบด้วย จากนั้น ร.ต.อ.ทะนงค์ศิลป์ ขนายน้อย พนักงานสอบสวนเวรได้รายงาน พ.ต.อ.นิพล ชาตรี ผกก.สภ.เมืองสุราษฎร์ฯ และผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น และประสานศูนย์กู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ฯ ร่วมตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุบริเวณแคมป์คนงานก่อสร้างอยู่หลังปั้มเอสโซ่ ซ.โกเตง ม.2 ต.วัดประดู่ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี ผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 ราย สภาพศพใช้เชือกไนล่อนสีขาวผู้คอกับเสาขนำ ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้า นุ่งผ้าถุงลายดอก เท้าด้านซ้ายยกขึ้นเกยบนพื้นขนำ

ทราบชื่อผู้ตายคือนาง วี อายุ 40 ปี ที่อยู่ 70/7 ม.2 ต.มะขามเตี้ย อ.เมืองสุราษฎร์ธานี เป็นคนงานของบริษัท ดรัณท์ เอสเตท จำกัด จากการสันนิษฐานคาดว่าผู้ตายมีความเครียดส่วนตัว และได้ตัดสินใจฆ่าตัวตายดังกล่าว จากนั้นพนักงานสอบสวนเวรได้มอบหมายให้ จนท.กู้ภัยนำศพสังชันสูตรต่อที่แผนกนิติเวชโรงบาลสุราษฎร์ธานี เพื่อให้แพทย์ระบุถึงสาเหตุการตายที่แท้จริงต่อไป .

โจรใต้วางระเบิดทหาร รปภ.พระสงฆ์บิณฑบาตที่รือเสาะเจ็บ2นาย

นราธิวาส/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ

โจรใต้วางระเบิดทหาร รปภ.พระสงฆ์บิณฑบาตที่รือเสาะเจ็บ2นาย

เมื่อเวลา 06.27 น. วันที่ 11 ธ.ค. 64 ร.ต.อ.ดนัย ยังอภัย รองสารวัตรสอบสวน สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายจุดชนวนระเบิดดักสังหาร เจ้าหน้าที่ทหารพรานชุด รปภ.พระสงฆ์เดินบิณฑบาต สังกัดกรมทหารพรานที่ 46 ที่บริเวณถังใส่ขยะข้างตู้น้ำมันหยอดเหรียญ ซึ่งเป็นข้างบนเลขที่ 153 ถนนรือเสาะสนองกิจ ม.10 ต.รือเสาะ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.อภิสฤษฎิ์ มณีโชติ ผกก.สภ.รือเสาะ พ.ต.ท.สัญญา จันทร์ดำ หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
พบจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นถังใส่ขยะพลาสติกสีฟ้าของเทศบาลตำบลรือเสาะ ซึ่งมีขนาดบรรจุ 200 ลิตร ที่วางไว้ข้างตู้น้ำมันหยอดเหรียญ ถูกอนุภาพของระเบิดได้รับความเสียหาย ตกกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นถนน และมีตู้น้ำมันหยอดเหรียญ 1 ใน 2 ตู้ ได้รับความเสียหายล้มลงมากองกับพื้นถนน ส่วนอาคารไม้ชั้นเดียวที่บริเวณกันสาดด้านหน้า ซึ่งเป็นจุดที่วางตู้น้ำมันหยอดเหรียญ ถูกอนุภาพของระเบิดจนหลังคากันสาดด้านหน้าและประตูบ้านไม้ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ยังมีรถยนต์เก๋งยี่ห้อมาสด้า สีขาว ทะเบียน กต 3734 ยะลา ซึ่งจอดอยู่ฝั่งเดียวกับจุดระเบิดซึ่งห่างเพียง 3 เมตร ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหายที่บริเวณฝากระโปรงหน้า ส่วนบริเวณบนถนนเจ้าหน้าที่พบเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่อง ที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สปิกนิก หนัก 25 ก.ก. จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร ตกกระจัดกระจายเกลื่อนในรัศมี 30 เมตร ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย เพื่อนทหารได้นำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลรือเสาะไปก่อนหน้าแล้ว ทราบชื่อ คือ 1.อส.ทพ.อนันต์ รัตนบุรี 2.อส.ทพ.ฤทธิพร ทองแก้ว ซึ่งทั้ง 2 นาย มีอาการแน่นหน้าอกและหูอื้อ เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ทหารพรานชุด รปภ.พระสงฆ์ สังกัดกรมทหารพรานที่ 46จำนวน 5 นาย ได้เดินเท้ากระจายกำลังกันกัน รปภ.พระสงฆ์วัดราษฎร์สโมสร เดินบิณฑบาตจากชาวบ้าน โดยเจ้าหน้าที่ทหารเดินนำนาย 1 นาย และเดินตามหลัง 1 นาย ส่วนอีก 3 นาย จะเดินฝั่งตรงกันข้ามปิดท้าย และเมื่อพระเดินบิณฑบาตแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่ทหารก็จัดกำลังรูปแบบเดิมในการ รปภ.พระสงฆ์เพื่อเดินทางกลับวัด เมื่อถึงบริเวณดังกล่าวขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารพราน 1 นาย เดินนำหน้า และพระสงฆ์ 2 รูป เดินตามหลัง และเมื่อพระงสงฆ์ทั้ง 2 รูปเดินผ่านเลยไปประมาณ 15 เมตร ระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายได้นำไปซุกซ่อนไว้ในถุงพลาสติกสีดำขนาดใหญ่ ที่คนร้ายได้นำไปพิงไว้ปะปนกับขยะข้างถังใส่ขยะพลาสติกสีฟ้าขนาดบรรจุ 200 ลิตรของเทศบาลตำบลรือเสาะ ได้เกิดระเบิดขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานที่เดินฝั่งตรงกันข้ามกับพระสงฆ์ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย และทรัพย์สินของชาวบ้านได้รับความเสียหาย
ด้านพระเมธีปัญญา วุฒิโม พระลูกวัดราษฎร์สโมสร เปิดเผยว่า ขณะที่กำลังเดินกลับวัดห่างจากจุดระเบิดไม่เกิน 30 เมตร ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นจึงได้หันไปดูพบความเสียหาย และมีอาการตกใจเล็กน้อยจึงได้เดินออกมาจากจุดเกิดเหตุพบว่าตนเองปลอดภัย ส่วนพระลูกวัดอีก 1 รูปที่เดินตามหลังเหมือนกับถูกแรงอัดของระเบิดจนล้มลงกับพื้น จนหัวเข่าถลอกได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า เป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง เพื่อลอบดักสังหารเจ้าหน้าที่และสร้างสถานการณ์ร้ายรายวันให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่จะไล่กล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้จุดดังกล่าว เพื่อติดตามดูพฤติกรรมของคนร้าย ซึ่งเชื่อว่ากล้องวงจรปิดสามารถบันทึกพฤติกรรมของคนร้ายเอาไว้ได้ เพื่อเป็นแนวทางในการสืบสวนสอบสวนในการติดตามจับกุมมาลงโทษตามกฏหมายต่อไป

สุราษฎร์ธานี // หนุ่มใหญ่เป็นศพลอยขึ้นอืดในคลองหลังหายไป 3 วัน ตร.ไม่ฟันธงอุบัติเหตุหรือฆาตกรรม เร่งสางคดี .

ไทเกอร์นิวส์ สุราษฎร์ธานี
ศูนย์ข่าวภาคใต้ตอนบน

รายงาน : เอก อนุชา

วันที่ 10 ธันวาคม 2564 เวลา 09.40 น. ศูนย์วิทยุ สภ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบผู้เสียชีวิตลอยน้ำพื้นที่ ม.16 ต.ตะกุกเหนือ อ.วิภาวดี จากนั้นพนักงานสอบสวนเวรได้รายงานผู้บังคับบัญชา และประสาน จนท.กู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาวิภาวดี ร่วมตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตเป็นชายสภาพขึ้นอืดลอยน้ำทราบชื่อคือนายสุริยันต์ ไกรเลิศ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 44 หมู่ 11 ต.ตะกุกเหนือ อ.วิภาวดี

สอบสวนได้ความว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้มาตกปลาที่ท่าน้ำตาม่อน เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 6 ธันวาคม ที่ผ่านมา จากนั้นได้สูญหายไป โดยทางญาติพยายามตามหา แต่ไม่สามารถติดต่อนายสุริยันต์ ได้ กระทั่งญาติได้ตามหาที่ท่าน้ำจึงได้พบกระเป๋าเป้ คันเบ็ด และรองเท้าของผู้ตายวางอยู่แต่ไม่เจอตัวจึงได้แจ้งความคนหายไว้จนพบว่ากลายเป็นศพเสียแล้ว จากนั้นพนักงานสอบสวนได้มอบหมายให้ จนท.กู้ภัย นำศพส่งชันสูตรที่โรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์ระบุสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริง และทำการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องเพื่อความกระจ่างของคดีต่อไป .

ภาพ-ข้อมูล : กุศลศรัทธา สฎ.

สุราษฎร์ธานี // โหดรับอรุณ..! มือปืนระเบิดขมับหนุ่มเจ้าของรถทัวร์บ้านนาสาร ปมสังหารยังมืด .

ไทเกอร์นิวส์ สุราษฎร์ธานี
ศูนย์ข่าวภาคใต้ตอนบน

รายงาน : น้อย บางใหญ่

วันที่ 7 ธันวาคม 2564 เวลา 06.34 น. ศูนย์วิทยุ สภ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุฆ่ากันตาย หลังรับแจ้ง พ.ต.ท.ภัทรพงศ์ เพชรมีแก้ว พนักงานสอบสวนเวร ได้รายงานผู้บังคับบัญชา และประสาน จนท.กู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาบ้านนาสาร โดยมีนายทรงศิลป์ ชูช่วยสุวรรณ กำนันตำบลพรุพี ร่วมตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุในตลาดพรุพรี ม.1 ต.พรุพรี อ.บ้านนาสาร พบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 รายนอนเสียชีวิตอยู่กลางลานดินร้านค้าหมู่บ้าน ใส่เสื้อยืดสีเหลือง กางเกงขาสั้นสีฟ้า ไม่สวมรองเท้า ทราบชื่อเวลาต่อมาคือนายณัฐเชษฐ์ ศรีสุวรรณ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 221 ม.1 ต.พรุพรี อ.บ้านนาสาร จากการพิสูจน์ศพเบื้องต้นมีบาดแผลถูกยิงบริเวณศรีษะด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด บริเวณบาดแผลมีรอยเลือดแห้งกรังคาดว่าเสียชีวิตมาแล้ว 2-3 ชั่วโมง ขณะเกิดเหตุไม่มีพยานเห็นแต่อย่างใด

จากข้อมูลเชิงลึกทราบว่าผู้ตายเป็นคนค่อนข้างมีฐานะทำธุรกิจด้านรถทัวร์-รถตู้ ท่องเที่ยว ส่วนประเด็นในการสังหารคาดว่ามาจากปัญหาเรื่องส่วนตัว และธุรกิจที่ไม่เปิดเผย แต่ยังไม่ตัดประเด็นใดๆทิ้งไป ส่วนรายละเอียดอื่นๆพนักงานสอบสวนจะทำการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป .

ปราจีนบุรี แม่ใจยักษ์ทิ้งทารกเพศชายยัดถังขยะห้องน้ำ บขส

ปราจีนบุรี แม่ใจยักษ์ทิ้งทารกเพศชายยัดถังขยะห้องน้ำ บขส
แม่บ้าน บขส.กบินทร์ ผงะ พบศพทารกเพศชายห่อด้วยเสื้อใส่ถุงพลาสติกทิ้งในถังขยะห้องน้ำ โล่แจ้งตำรวจ

เมื่อช่วงเวลา 08.30 น. วันนี้ พ.ต.ท.สุชาติ แย้มศักดิ์ สารวัตรเวร สภ.กบินทร์บุรี ได้รับแจ้งว่า แม่บ้าน สถานีเดินรถขนส่งผู้โดยสาร (บขส.) กบินทร์บุรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี พบศพเด็กทารกเพศชายอายุประมาณ 8 ถึง 9 เดือนถูกนำมาทิ้งในขณะเข้าไปทำความสะอาด หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปสอบสวน
ในที่เกิดเหตุ บริเวณห้องน้ำผู้โดยสารที่อยู่ภายในอาคารสถานี เป็นห้องน้ำหญิงในถังขยะพบศพทารกเพศชายอายุในครรภ์ราว 8 ถึง 9 เดือน ถูกห่อด้วยเสื้อสีเทาใส่ในถุงพลาสติกอีกชั้น เบื้องตนคาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาประมาณไม่เกิน 6 ชั่วโมง จึงให้ อาสาสมัครกู้ภัยสัจจะพุทธธรรมแห่งประเทศไทยกบินทร์บุรี นำส่ง รพ.กบินทร์ เพื่อให้แพทย์ชันสูตรอีกครั้ง เบื้องตนคาดว่าน่าจะเป็นทารกที่เกิดจากการคลอดแล้วเสียชีวิตจากผู้เป็นแม่ที่มารอขึ้นรถเพื่อเดินทาง แต่เกิดคบลอดกะทันหันเด็กอาจเสียชีวิต หรือไม่ แต่ด้วยความตกใจหรืออายจึงใช้เสื้อห่อลูกใส่ถุงพลาสติกมาทิ้งในถังขยะแล้วหลบหนีไป

ซึ่งทางสถานี บขส.กำลังไล่ตรวจหาแม่รายนี้จากกล้องวงจรปิด แต่ยังไม่พบ
จากการสอบถาม นางสาวชุติมณฑ์ พิญญะไทย อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16 ต.เมืองเก่า อ.กบินทร์บุรี จงปราจีนบุรี ซึ่งเป็นแม่บ้านและเป็นผู้พบศพทารกเล่าว่า ขณะที่ตนเข้าไปทำความสะอาด เมื่อยกถังขยะเพื่อจะนำขยะไปทิ้งมีความรู้สึกว่าหนักผิดปกติจึงเปิดออกดุถึงกับตกใจเพราะเห็นศพทารกถูกห่อผ้าใส่ถุงพลาสติกจึงแจ้งทาง ผู้ใหญ่ให้ทราบเพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบดังกล่าว

ตำรวจบางบ่อรวบยกทีมฆ่าทิ้งน้ำเด็ก3ขวบ จากกรณีพบศพเด็กชาย อายุประมาณ 3 ปี เสียชีวิตภายในน้ำ บริเวณใต้สะพานคลองชวดพร้าว ถนนรัตนโกสินทร์ 200 ปี

ตำรวจบางบ่อรวบยกทีมฆ่าทิ้งน้ำเด็ก3ขวบ
จากกรณีพบศพเด็กชาย อายุประมาณ 3 ปี เสียชีวิตภายในน้ำ บริเวณใต้สะพานคลองชวดพร้าว ถนนรัตนโกสินทร์ 200 ปี

หมู่ที่ 4 ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ โดยที่มีร่องรอยพกช้ำตามลำตัว คล้ายถูกทำร้ายร่างกาย โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งศพเด็กชายคนดังกล่าว ไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวช เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง เหตุเกิดเมื่อ ช่วงเที่ยงวันที่ 9 พ.ย.64 ที่ผ่านมา โดยในขณะนั้นทางตำรวจยังไม่ฟันธงว่าเป็นการทำร้ายร่างกาย เนื่องจากร่องรอยที่พบตามตัวยังไม่มีความชัดเจน ต้องรอดูผลจากนิติเวชรพ.รามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ ก่อนว่าเสียชีวิตด้วยเหตุใด กระทั้งมาทราบว่าเสียชีวิตเพราะจมน้ำ และเด็กติดเชื้อโควิด -19แต่ตำรวจยังไม่ทราบว่าเด็กเป็นใคร ในพื้นที่ สภ.บางบ่อ และสภ.ในเขต จ.สมุทรปราการ 5 สถานี และนครบาล 2 สถานี ที่ใกล้เคียง ไม่มีการรับแจ้งเด็กหาย ประกอบช่วงนั้นน้ำ ในคลองมีกระแสน้ำแรง เชื่อมต่อกับคลองใหญ่ๆหลายคลองโยเฉพาะคลองพระองค์ไชยานุชิต ที่เป็นคลองที่มีน้ำมากและไหลแรง ฝ่ายสืบสวนลงพื้นแคมป์คนงานก่อสร้าง ที่ใกล้เคียงกับแนวคลองที่สามารถเชื่อมมาจุดเกิดเหตุได้ ว่ามีเด็กหลายหรือไม่ อาจเป็นคนต่างด้าว ที่ผิดกฎหมาย เมื่อเด็กหายไม่กล้าแจ้งความ ก็ได้ แต่ก็ไม่พบตัว ซึ่งตำรวจไม่ลดละที่จะสืบหาผู้ปกครองของเด็ก
กระทั้ง เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 14 พ.ย.2564 พ.ต.อ.กฤษณัฐ วงษ์กล้าหาญ ผกก.สภ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ พร้อมดัวยฝ้ายสืบสวน ได้นำหมายศาลจังหวัดสมุทรปราการ เลขที่594/2564, 595/2564, 596/2564,ลงวันที่13 พ.ย.2564เข้าทำการจับกุม นส.อนิสรา จีนสมบูรณ์ อายุ27 ปี นายเรวัติ์ จีนสำราญ อายุ48 ปี นส.ววราภรณ์ อิ่มสมบูรณ์อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาที่ลงมือก่อเหตุ ฆ่าเด็ก ชายดังกล่าว ทั้งหมด ได้ที่บ้านพัก ย่านบางขุนเทีย กทม. พร้อมของกลางเป็นรถจักรยานยนต์ Honda PCXสีขาว ทะเบียน 1กบ 9663 ร้อยเอ็ด ที่ผู้ต้องหาใช้ในการนำตัวเด็กไปทิ้งที่คลองชวดพร้าว ในเขต อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ก่อนจะควบคุมตัวมาที่ สภ.บางบ่อ เพื่อสอบปากคำ กระทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่าเด็กแล้วนำมาทิ้งน้ำจริง
พ.ต.อ.กฤษณัฐ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตำรวจได้รับการติดต่อจาก น.ส.นิดา เสถียรเพียร อายุ 29 ปี ซึ่งพักอาศัยอยู่ย่านบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ว่า เด็กคนดังกล่าว เป็นลูกของตัวเอง ชื่อ ดช.วรภัทร กลัดเงิน หรือน้องบาส อายุ 3 ปี ซึ่งตนเองได้ฝากเลี้ยงไว้กับเพื่อน ตำรวจจึงติดตามหาเพื่อนมาทำการสอบสวน กระทั้งทราบว่า แม่ได้นำน้องบาสมาฝากเลี้ยงกับ นส.ววราภรณ์ อิ่มสมบูรณ์ ซึ่งอาศัยอยู่กับเพื่อนสนิทที่เป็นสาวทอม ชื่อนส.อนิสรา จีนสมบูรณ์ อาชีพรับทำความสะอาดตามบ้าน ช่วงเกิดเหตุวันที่ 8 พ.ย.54 ทั้ง2คน ได้ไปรับจ้างทำความสะอาดที่ บ้านพักแห่งหนึ่งย่านถนนหทัยราษฎร์ เขตมีนบุรี แต่ระหว่างนั้นเด็กเด็กดื้อและซน สาวทอม จึงลงมือทุบตี จนเด็กแน่นิ่งไปหลาย ชม.

ซึ่งทั้งคู่คิดว่าเด็กได้เสียชีวิต จึงนำเด็กขึ้นซ้อนรถจักรยานยนต์ Honda PCXสีขาว ทะเบียน 1กบ 9663 ร้อยเอ็ด ไปมาหา นายเรวัต ซึ่งเป็นพ่อของ ของ นส.นริศรา ที่บ้านพักย่านบางแค และปรึกษากันได้ความว่าจะเอาเด็กไปทิ้งที่บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา แต่ขณะที่ขี่รถจักรยานยนต์มาตามถนนบางนาตราด ได้เลี้ยวเข้าถนน รัตนโกสินทร์ 200 ปี เพราะเห็นว่าเป็นที่เปลี่ยวและมืด และนำศพเด็กมาทิ้งโดยเข้าใจว่าเด็กเสียชีวิตแล้ว จากนั้นกลับไปทำงานตามปกติ
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพจำนวน 3 จุด คือจุดที่ 1 บริเวณ เป็นบ้านที่เข้าไปรับทำความสะอาด ย่านถนนหทัยราษฎร์เขตมีนบุรี ซึ่งเป็นจุดที่ สาวทอมได้ทำร้ายทุบตี น้องบาส จนสลบแน่นิ่ง จุดที่ 2 บริเวณ บ้านพัก ของนายเรวัต ซึ่งเป็นจุดที่วางแผนปรึกษาเรื่องการนำเด็กมาทิ้ง และจุดที่ 3 บริเวณคลองชวดพร้าว ถนนรัตนโกสินทร์ 200 ปี อำเภอบางบ่อจังหวัดสมุทรปราการซึ่งเป็นจุดที่นำเด็กมาทิ้งลงในคลอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องจากเด็กมีผล ติดเชื้อโควิด 19 ตำรวจ จึง นำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็กทั้งหมด ไปตรวจหาเชื้อ covid19 กระทั่งพบว่าแม่ของเด็ก ติดเชื้อโควิค 19 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องปิดสถานีตำรวจ สภ.บางบ่อ ชั่วคราว ประมาณ1 ชม. เพื่อทำการ ฉีดพ่น ฆ่าเชื้อโควิด

*** ภาพ – ข่าว ก๊วก สมุทรปราการ ***

3 ทรชน รุมขืนใจสาวชงเหล้าพร้อมถ่ายคลิป ตร.รวบ ได้ 2 หลบหนี 1 เร่งล่าตัว

3 ทรชน รุมขืนใจสาวชงเหล้าพร้อมถ่ายคลิป ตร.รวบ ได้ 2 หลบหนี 1 เร่งล่าตัว
สาววัย 27 ชาวสระแก้ว ถูก “3 ทรชน” ติดต่อทางไลน์หลอกจ้างชงเหล้า ก่อนรุมโทรมพร้อมถ่ายคลิปขณะรุมข่มขืน แจ้ง ตร. ตามล่าได้ 2 เหลืออีก 1

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 23 ต.ค.64 น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี สาวเอนเตอร์เทนชงเหล้า ชาวจังหวัดสระแก้ว พักอยู่ในห้องเช่าแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้ถูกล่อลวงไปรุมโทรม ได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.พัฒนนันท์ สมนวล รอง สว.สอบสวน สภ.สัตหีบ ให้ติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี ตามกฏหมาย
โดย น.ส.บี กล่าวว่า ได้รับการติดต่อทางไลน์ ชื่อ kritsada ให้ไปเอนเตอร์เทรนชงเหล้า ชม.ละ150 บาท ในบ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จึงเดินทางไปตามที่นัดหมาย พบชาย 3 คน นั่งดื่มสุราและเสพยาเสพติดกันอยู่ เมื่อเสิร์ฟเหล้าได้สักครู่ ชายทั้ง 3 คน ได้ช่วยกันจับตัวและร่วมกันบังคับรุมโทรมข่มขืนตน และถ่ายคลิปขณะร่วมเพศไว้ โดยตนเองไม่กล้าขัดขืน เนื่องจากกลุ่มชายดังกล่าวได้ข่มขู่ไว้ จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี กับผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คน ให้ถึงที่สุด ซึ่งต่อมา พ.ต.อ.ปัญญา ดำเล็ก ผกก.สภ.สัตหีบ ได้สั่งการให้ จนท.ตร.ชุดสืบสวน สภ.สัตหีบ ติดตามผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฏหมาย จนสามารถติดตามผู้ก่อเหตุได้ 2 คน คือ นายชาญณรงค์ หิรัญ อายุ 33 ปี และนายกฤษดา โตเจริญ อายุ 37 ปี ส่วนอีก 1 คน นาย อานนท์ พวงเถียน อายุ 33 ปี อยู่ในระหว่างหลบหนี ซึ่งคาดว่า จะสามารถติดตามจับกุมตัวได้ ในเร็วๆ นี้
นายชาญณรงค์ หิรัญ (บี) อายุ 33 ปี หนึ่งในผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับพวกข่มขืนจริง โดยก่อนเกิดเหตุ ได้ติดต่อ น.ส.บี ผ่านทางไลน์ เมื่อมาถึงบ้าน นายกฤษดา โตเจริญ อายุ 37 ปี (ตุน) ได้บอกว่าชอบผู้หญิงคนนี้ ก่อนไล่ให้ทุกคนออกไปและได้หลับนอนกับ น.ส.บี ในห้องนอน

เมื่อสำเร็จความใคร่ ได้เรียกตนกับ นาย อานนท์ พวงเถียน (เอ ) อายุ 33 ปี เข้าไปเวียนข่มขืนต่อ ซึ่งยอมรับว่า เป็นความจริงตามที่ผู้เสียหายให้การ แต่ไม่มีเจตนาที่จะพามาข่มขืน ซึ่งยังรู้สึกโกรธพี่ ทำไมถึงทำกับหญิงที่ตนเองจีบ เช่นนี้ได้
พ.ต.อ.ปัญญา ดำเล็ก ผกก.สภ.สัตหีบ จึงได้สั่งการให้ชุดสืบสวน นำโดย พ.ต.ท.สุพรรณ ใจหาญ สว.สส. ออกติดตาม จนสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้ว 2 ราย คือ นายชาญณรงค์ และนายกฤษดา ส่วนนายอานนท์
หลบหนีไปได้ อยู่ในระหว่างการรวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายจับ ซึ่งในคดีนี้แม้
นายชาญณรงค์ จะให้การปฏิเสธว่าได้ซื้อบริการจากหญิงสาวรายนี้ เป็นเงิน 400 บาท ซึ่งขัดแย้งต่อคำให้การของผู้เสียหาย เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา และเสพยาเสพติดให้โทษ เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย ต่อไป

ภาพ/ข่าว นิราช/นันฐพล/พิชญ์ฐญา ทิพย์ศรี จ.ชลบุรี
พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

โจรใต้ฮึดสู้ดับอีก1รวมเป็น5ที่ยุทธการฮูแตยือลอวันนี้

นราธิวาส/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ

โจรใต้ฮึดสู้ดับอีก1รวมเป็น5ที่ยุทธการฮูแตยือลอวันนี้

สำหรับความคืบหน้ากรณีเปิดยุทธการปิดล้อมไล่ล่ากองกำลังติดอาวุธ กลุ่มนายรอมือลี กาแจกาซอ ในพื้นที่ป่าพรุบ้านฮูแตยือลอ ม.6 ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย. 64 ถึงปัจจุบัน เป็นเวลายาวนานถึง 11 วัน ของชุดปฏิบัติการพิเศษร่วม จ.นราธิวาส ในการบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงตามขั้นตอนปฏิบัติจากเบาไปหาหนัก ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 2 นาย คือ ร.ท.กฤษณะ เพ็ชรจำรัส ผู้บังคับหมวดเครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด 60 ม.ม.กองร้อยทหารราบที่ 151 กองพันที่ 1 และ อส.ทพ. วัฎจักร พรหมนุ้ย รอง ผบ.ชป.ร้อย ทพ.4603 กรมทหารพรานที่ 46 เสียชีวิต และกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต 4 คน ประกอบด้วยนายอัฎฮาร์ ยูกะ นายฮาซัน สามะ นายอับดุลเลาะ อูแล และนายบารูวัน กือจิ นั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 7 ต.ค. 64 จากการเปิดแผนยุทธการในครั้งนี้มีความเข้มข้นต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่สามารถกำชับพื้นที่ป่าพรุให้แคบลง จนกลุ่มกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่แยกย้ายกันหลบหนีไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวหลบหนีเจ้าหน้าที่ได้สะดวก โดยเจ้าหน้าที่ได้ปรับแผนด้วยการใช้กำลังพลในการกระจายกำลังกันโอบล้อมพื้นที่ สลับสับเปลี่ยนเวรยามตลอด 24 ช.ม. โดยเฉพาะเวลากลางคืนซึ่งกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่ถือว่ามีความชำนาญพื้นที่กว่า จะอาศัยช่วงเวลาดังกล่าว แอบเล็ดรอดออกจากพื้นที่ป่าพรุ ซึ่งกำลังอีกส่วนหนึ่งจะกระจายกำลังกันเดินเท้าลาดตระเวนบนถนนเขตรอยต่อกับหมู่บ้านฮูแตยือลอ ม.6 ต.บาเร๊ะใต้ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้สมาชิกกองกำลังกลุ่มหัวรุนแรงที่เคลื่อนไหวอยู่รอบนอกแนวยุทธการ มาช่วยเหลือในการหลบหนี ซึ่งในตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษร่วม จ.นราธิวาส ได้เปิดฉากปะทะกับกลุ่มคนร้ายเสียงดังสนั่นหวั่นไหวเป็นละลอกๆ ซึ่งมีอยู่ จำนวน 4 ถึง 5 คน

และเจ้าหน้าที่สามารถวิสามัญคนร้ายเสียชีวิตอีก 1 คน พร้อมยึดอาวุธปืน เอ็ม.16 ได้จำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าเคลียร์พื้นที่จุดปะทะได้ เนื่องจากยังมีกลุ่มคนร้ายที่หลบซ่อนตัวอยู่ใกล้บริเวณดังกล่าว อีกจำนวน 2 ถึง 3 คน พร้อมเปิดฉากใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่เป็นระยะๆ

ซึ่งศพผู้เสียชีวิตในเบื้องต้น คาดว่าเป็นศพของนายมะสะกรี อูแล บ้านเลขที่ 338 ม.7 ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส มีหมายจับ ป วิ อาญา 7 หมาย ประกอบด้วย 1.วางระเบิดป้องจุดตรวจต้นไทร ม.6 ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ เมื่อ 20 ก.ค.60 , 2. ยิงนางนิตยา แก่นเรืองและบุตรสาวเสียชีวิต เมื่อ l ส.ค.61 , 3.ยิงชาวบ้านเสียชีวิต 6 มิ.ย. 62 , 4. ยิง ส.ท.เอกอัมรินทร์ ศรีรักษา เสียชีวิต เมื่อ 28 ก.พ. 62 , 5. โจมตีฐาน ฉก.นราธิวาส 32 ระเบิดเสาไฟฟ้าเขตเทศบาลตำบลบาเจาะ เมื่อปี 62 , 6. วางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารฐานปฏิบัติการส้มป่อย ขณะลาดตระเวนบนถนนสายเพชรเกษม เมื่อปี 62 , และ 7. วางระเบิดชุด อีโอดี กก.สส.ภ.จว.นราธิวาส เสียชีวิต เมื่อ 28 ต.ค. 56 และนายมะสะกรี อูแล ยังเป็นน้องชายของนายอับดุลเลาะ อูแล ซึ่งมีหมายจับ ป วิ อาญา 5 หมายจับ ที่เสียชีวิตจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ในป่าพรุบ้านฮูแตยือลอ ม.6 ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 64 ที่ผ่านมาด้วย

แต่ถึงอย่างไรก็ตามเมื่อเจ้าหน้าที่สามารถเคลียร์พื้นที่จุดปะทะได้ จะให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ และเร่งนำร่างผู้เสียชีวิตส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อให้แพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนที่จะให้ญาติมายืนยันตัวตน ก่อนที่จะมอบศพผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

ญาติมารับร่างไร้วิญญาณ4ผู้ก่อเหตุรุนแรงหลัง จนท.นำออกจากยุทธการฮูแตยือลอ

นราธิวาส/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ

ญาติมารับร่างไร้วิญญาณ4ผู้ก่อเหตุรุนแรงหลัง จนท.นำออกจากยุทธการฮูแตยือลอ

เมื่อเวลา 21.30 น. ของคืนวันที่ 3 ต.ค. 64 เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติพิเศษร่วม จ.นราธิวาส ได้เข้าเครียร์พื้นที่ป่าพรุ หลังเปิดแผนยุทธการฮูแตยือลอ ม.6 ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส จนทั้ง 2 ฝ่ายได้เปิดฉากปะทะเป็นละลอกๆยืดเยื้อเป็นเวลา 6 วัน พบกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต 4 คน พร้อมทั้งได้ตรวจยึดของกลางเป็น อาวุธปืนเอ็ม.16 จำนวน 2 กระบอก อาวุธปืน อา.ก้า.1 กระบอก ระเบิดขว้าง 2 ลูกและเครื่องกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง และเจ้าหน้าที่ได้นำศพผู้ก่อเหตุรุนแรง จำนวน 4 คน ที่เสียชีวิตจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ ส่งให้แพทย์โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ทำการชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียด ก่อนที่จะมอบให้ญาติมารับศพไปประกอบพิธีทางศาสนา

และในระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังชันสูตรพลิกศพกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงอยู่นั้น ได้มีเครือญาติและชาวบ้าน ประมาณ 70 คน ได้ร่วมกันมายืนเพื่อรอรับศพไปประกอบพิธีทางศาสนา แต่เจ้าหน้าที่และแพทย์ต้องทำการชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียด ซึ่งแต่ละศพต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควร ทำให้กลุ่มเครือญาติและชาวบ้านไม่พอใจ และได้ตะโกนส่งเสียงดังเป็นระยะๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่มอบศพแก่ทางเครือญาติโดยเร็ว โดยอ้างว่าจะรีบนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนาภายใน 24 ช.ม.หลังจากที่ได้เสียชีวิต จนเจ้าหน้าที่และคณะกรรมการคุ้มครองสิทธิ มนุษยชน จชต.พร้อมด้วยคณะประสานงานระดับพื้นที่ของแม่ทัพภาค 4 ได้พูดคุยเจรจากับเครือญาติ เพื่อสร้างความเข้าใจถึงกระบวนการทำงาน และจะเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็วตามขั้นตอน จนเครือญาติและชาวบ้านต่างเข้าใจและได้สงบสติอารมณ์

จากนั้นเจ้าหนาที่จึงอนุญาตให้เครือญาติมายืนตัวตนผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ราย ก่อนที่จะนำขึ้นรถยนต์กระบะไปประกอบพิธีทางศาสนา ประกอบด้วย 1.นายอัฎฮาร์ ยูกะ บ้านเลขที่ 175 ม.7 ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส มีหมายจับ ป. วิ อาญา 1 หมาย ซึ่งได้ปะทะกับเจ้าหน้าที่ในการปิดล้อมตรวจค้น เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 57 2.นายฮาซัน สามะ บ้านเลขที่ 36 ม.5 ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ที่ได้มีการถอนหมายจับ 1 หมาย

เหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่ ต.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 55 3.นายอับดุลเลาะ อูแล บ้านเลขที่ 338 ม.7 ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส มีหมายจับ ป. วิ อาญา 5 หมาย คือ 1. ยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.บาเจาะ เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 57 , นำระเบิดไปวางริมถนนบ้านกาเยาะมาตี เจ้าหน้าที่ได้เก็บกู้และนำไปแกะตรวจสอบที่ ฉก.นราธิวาส 32 และได้เกิดระเบิดขึ้นเจ้าหน้าที่เสียชีวิตและบาดเจ็บปี 58 , ส่วนปี 62 ถูกออกหมายจับก่อนเหตุ 3 หมาย ก่อเหตุ 5 ครั้งคือ วางระเบิดกำแพงบ้านพักตำรวจ สภ.บาเจาะ , ขว้างระเบิดใส่กำแพงแขวงการทางบาเจาะ , โจมตีฐาน ฉก.นราธิวาส 32 เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 61 , วางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารฐานปฏิบัติการบ้านส้มป่อย อ.บาเจาะ ขณะลาดตระเวนเส้นทาง และ วางระเบิดชุด อีโอดี กก.สส.ภ.จว.นราธิวาส ขณะเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 56

ส่วนกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงคนที่ 4 คือ นายบารูวัน กือจิ 35 ปี บ้านเลขที่ 180/2 ม.7 ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส มีหมายจับ 1 หมายและได้ถูกถอนหมายจับ 6 หมาย โดยหมายจับ 1 หมายคือ ยิงจุดตรวจหลัง สภ.บาเจาะ วันที่ 14 ก.พ. 64 ส่วนหมายจับที่ถูกถอน 6 หมาย ประกอบด้วยด้วย 1.เหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงอาคารที่อำการแขวงทางบาเจาะ เมื่อ 30 ต.ค. 49 , 2.คนร้ายปล้นอาวุธปืน ชรบ.ในพื้นที่ ต.บาเจาะ เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 49 , 3. นำระเบิดจำนวน 3 ลูกไปวางไว้ในพื้นที่ อ.บาเจาะ และได้เกิดระเบิดขึ้น เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 50 , 4. เหตุวางระเบิดทหารเสียชีวิต 3 นายบาดเจ็บ 7 นาย บ้านดูกู ม.7 ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ เมื่อวันที่ 30 พ.ค.48 , 5. เหตุฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 50 และ 6. ปล้นอาวุธปืนบ้านเลขที่ 102 ม.2 ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 48

นอกจากนี้หลังจากเครือญาติได้นำรถยนต์กระบะมารับศพผู้เสียชีวิตทั้ง 4 คน ที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางเครือญาติและชาวบ้านกว่า 100 คน ได้พาแห่ศพผู้เสียชีวิตทั้ง 4 คน มาประกอบพิธีทางศาสนา โดยฝังศพที่กูโบร์ดูดูสุเหร่า อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส

ป่วนนราไม่เลิกยิงขบวนรถไฟที่รือเสาะหัวรถจักรเสียหายจนแล่นไม่ได้

นราธิวาส/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ

ป่วนนราไม่เลิกยิงขบวนรถไฟที่รือเสาะหัวรถจักรเสียหายจนแล่นไม่ได้

เมื่อเวลา 17.05 น. วันที่ 3 ต.ค. 64 พ.ต.อ.ชาตรี รัตนคช ผกก.สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ได้รับการแจ้งประสานจากนายสถานีรถไฟบาลอ อ.รามัน จ.ยะลา มีเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่ขบวนรถไฟที่ 454 วิ่งต้นทางจากสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก จรดปลายทางสถานีรถไฟยะลา ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่ขบวนรถไฟจนไม่สามารถวิ่งรับส่งผู้โดยสารได้ โดยขบวนรถไฟดังกล่าวมาจอดที่สถานีรถไฟบาลอ จึงสั่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปตรวจสอบ พบว่ารถไฟขบวนดังกล่าวมีด้วยกัน 5 โบกี้ โดยหัวรถจักรดีเชลหมายเลข 4145 มีร่องรอยถูกกระสุนปืนไม่ทราบชนิดและขนาดที่บริเวณหัวรถจักรด้านซ้าย จำนวน 6 จุด โดยเฉพาะที่บริเวณท่อลม บี.พี.รั่ว จนหัวรถจักรไม่สามารถแล่นลากขบวนได้ นอกจากนี้กระสุนปืนของคนร้ายยังถูกตู้โดยสารซึ่งติดกับหัวรถจักร จำนวน 1 จุด เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐาน

จากการสอบสวนนายพนาเวช จันทร์หิน พขร.ทราบว่า ในขณะที่ทำเวลาขบวนออกจากสถานีรถไฟรือเสาะ ประมาณ 2 ก.ม.เมื่อถึงหลักกิโลเมตรที่ 1065 ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงใส่หัวรถจักร จำนวน 1 ชุด

ตนจึงได้ก้มหมอบพร้อมทั้งได้รีบทำเวลานำขบวนไปจอดที่สถานีรถไฟบาลอ อ.รามัน ซึ่งระหว่างการนำขบวนรถไฟไปจอดที่สถานีรถไฟบาลอนั้น เจ้าหน้าที่สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนประจำขบวนรถไฟ ได้ใช้อาวุธปืนประจำการยิงซุ่มไปยังป่าข้างทางที่รกทึบ ซึ่งคาดว่ากลุ่มคนร้ายแฝงตัวอยู่ก่อนที่ตนจะควบคุมขบวนรถไฟที่มีอาการขัดข้องต่อระบบห้ามล้อไปจอดยังจุดหมาย โดยที่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด พร้อมได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามระดับชั้นและแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเป็นที่เรียบร้อย จึงได้มีการประสานไปยังสถานีรถไฟยะลา เพื่อขอหัวรถจักรสำรอง มาลากขบวนรถไฟถึงจุดหมายปลายทาง

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า เป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง เพื่อสร้างสถานการณ์ร้ายรายวัน รวมไปถึงเป็นการเบี่ยงเบนเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ถอยร่นกำลังที่กำลังเปิดยุทธการปิดล้องกองกำลังติดอาวุธในพื้นที่บ้านฮูแตยือลอ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส