นครราชสีมา – จับแล้ว ส.ต.ท.ก่อเหตุชิงร้านทองโคราช ยิงเจ้าของร้านเจ็บ ที่แท้เป็นตำรวจ สภ.ปากช่อง เจอหลักฐานซุกอ่างบัว

นครราชสีมา – จับแล้ว ส.ต.ท.ก่อเหตุชิงร้านทองโคราช ยิงเจ้าของร้านเจ็บ ที่แท้เป็นตำรวจ สภ.ปากช่อง เจอหลักฐานซุกอ่างบัว

นครราชสีมา – จับแล้ว ส.ต.ท.ก่อเหตุชิงร้านทองโคราช ยิงเจ้าของร้านเจ็บ ที่แท้เป็นตำรวจ สภ.ปากช่อง เจอหลักฐานซุกอ่างบัว

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 ก.ย.64 เวลาประมาณ 17.00 น. สภ.ปากช่อง ได้รับแจ้งเหตุชิงทรัพย์ที่ร้านห้างเพชรทองเยาวราช ภายในห้างบิ๊กซี ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มีผู้ได้รับบาดเจ็บว่า 1 ราย คือเจ้าของร้าน ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงที่แขนทะลุหลัง โดยคนร้ายได้ทรัพย์สินเป็นทองรูปพรรณจำนวน 126 บาท มูลค่าประมาณ 3.5 ล้านบาท

พนักงานร้านให้ปากคำว่า ผู้ก่อเหตุเป็นชาย 1 ราย ใส่เสื้อพนักงานส่งอาหาร ได้ใช้ขวดบรรจุวัตถุไม่ทราบชนิดมาตั้งที่ร้าน ก่อนใช้อาวุธปืนที่อยู่ในถุงดำจี้พนักงานให้นำทองใส่กระเป๋า ก่อนเจ้าของร้านใช้จังหวะที่ผู้ก่อเหตุเผลอ พยายามเข้าต่อสู้กับผู้ก่อเหตุ ก่อนมีเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นเจ้าของร้านทอง ส่วนคนร้ายวิ่งหลบหนีไป

จากการดูตำหนิรูปพรรณคนร้าย และลักษณะท่าทาง จากกล้อง CCTV ตำรวจ สภ.ปากช่อง เพื่อนร่วมงานให้ข้อมูลว่า คล้ายกับ ส.ต.ท.อนุชา บุญอารักษ์ อายุ 25 ปี ผบ.หมู่(ป.) สภ.ปากช่อง จึงได้เชิญตัวจากบ้าน หมู่ 8 ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มาสอบสวน ปากคำ ที่ สภ.ปากช่อง

พลตำรวจโทภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เปิดเผยว่า ขณะนี้ชุดสืบสวนสอบสวนสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้ว หลังตรวจสอบกล้องวงจรปิด และแกะรอยลักษณะการแต่งตัวของคนร้าย จนพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ปากช่องลงมือก่อเหตุเสียเอง เบื้องต้นพบว่าตำรวจที่ก่อเหตุชื่อ ส.ต.ท.อนุชา บุญอารักษ์ อายุ 25 ปี ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ช่วยงานสิบเวร เจ้าตัวรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดต่างๆได้ โดยรายละเอียดทั้งหมดจะมีการแถลงข่าวอีกครั้งในวันนี้ 3 ก.ย. 64

ภาพ-ข่าว / อภิรักษ์ ศรีอัศวิน ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครราชสีมา

นครราชสีมา – เกิดเหตุ โจรปล้นร้านทอง เจ้าของร้านต่อสู้ โดนยิง

นครราชสีมา – เกิดเหตุ โจรปล้นร้านทอง เจ้าของร้านต่อสู้ โดนยิง

วันที่ 1 กันยายน 2564 เวลา 18.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ปากช่องได้รับแจ้งเหตุมีบุคคลบุกร้านทองที่บริเวณร้านทองในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ตำบลปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุพบร้านทองเยาวราชบริเวณร้านกระจัดกระจายพบปลอกกระสุนขนาดจุด 38 ตกอยู่บริเวณพื้นและถุงดำ 1 ถุง ขณะเดียวกันพบผู้บาดเจ็บ 2 รายทราบชื่อคือนายดิษฐวัฒณ์ อาลัยธรรม เจ้าของร้านทองถูกยิงที่บริเวณแขนซ้ายมีบาดแผลฉกรรจ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งกันพื้นที่และได้สอบกล้องวงจรปิดภายในห้างสรรพสินค้าพบว่าผู้ก่อเหตุเป็นชาย 1 รายลักษณะร่างสูงและอ้วนสวมเสื้อพนักงานฟู้ดแพนด้าสวมโหม่งสีดำได้ก่อเหตุยิงเจ้าหน้าของร้านทองก่อนจะเข้าไปชิงทองบริเวณตู้ทองซึ่งยังไม่ทราบได้ทองไปจำนวนกี่บาทและได้ขับมอเตอร์ไซด์รุ่นฮอนด้าเวฟสีขาว ป้ายทะเบียนไม่ชัดเจนมุ่งหน้าหนีเข้าตัวเมืองปากช่อง ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งติดตามตัวคนร้ายคาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นคนในพื้นที่

จากการสอบถามนางสาวกาญจนา ฟุ้งกลางและนางสาวรุ่งทิพย์ วนิดาบรรจง พนักงานร้านทองในเหตุการณ์ เล่าว่า ตอนนั้นเป็นเวลาช่วงเย็นซึ่งพนักงานก็บริการขายทองปกติจนกระทั่งได้มีชายสวมโหม่งและใส่แว่นตาสีดำถือถุงกระเป๋าและสวมเส อเป็นพนักงานส่งอาหารฟู้ดแพนด้าได้เข้ามาในร้านและหยิบปืนไม่ทราบชนิดเข้ามาชาร์จตนเองและให้เปิดทางให้เข้าไปหยิบทอง ซึ่งทางพนักงานในร้านและเจ้าของร้านได้มีการห้ามทางคนร้ายจึงได้เอายิงมา 1 นัดซึ่งก็ถูกทางแขนของทางเจ้าหน้าร้านไป 1 นัด หลังจากนั้นทางคนร้ายก็หลบหนีออกไปจากร้าน ตอนนั้นตนตกใจอย่างมาก แต่ตอนนั้นตนคาดว่าคนร้ายไม่น่าจะได้ทองคำไปเพราะกระเป๋ายังอยู่ที่ร้านอยู่และถุงดำที่ใส่ปืนมายังตกอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย

ภาพ-ข่าว / อภิรักษ์ ศรีอัศวิน ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครราชสีมา

นครราชสีมา – ตำรวจโคราชรวบผู้ต้องหาหนีหมายจับ ฝากขังชั่วคราว เกิดอาการเครียดจัดปลิดชีพตัวเองดับคาห้องขัง

นครราชสีมา – ตำรวจโคราชรวบผู้ต้องหาหนีหมายจับ ฝากขังชั่วคราว เกิดอาการเครียดจัดปลิดชีพตัวเองดับคาห้องขัง

วันที่ 1 กันยายน 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมกองกำกับการ 3 กองบังคับการป้องกันและปราบปรามพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองนครราชสีมา ได้ร่วมจับกุมผู้ต้องหาตามหมายศาลจังหวัดนครราชสีมาเลข 1646/2546 ลงวันที่ 23 กันยายน 2546 ซึ่งการจับกุมนายสมควร บุตะเขียว อายุ 63 ปี เป็นชาวตำบลผักปัง อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ผู้ต้องกระทำความผิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ซึ่งจับกุมได้ที่ภายในบริเวณวัดป่าหนองไผ่ หมู่ 1 ตำบลหนองไผ่ อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี โดยผู้ต้องได้หนีหมายการจับกุมไปได้ 18 ปี โดยไปบวชเป็นพระอยู่ที่วัดป่าหนองไผ่

โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสภ.เมืองนครราชสีมาได้นำตัวมาจากจังหวัดอุดรธานีเพื่อนำมาฝากขังที่สภ.เมืองนครราชสีมา ไปได้ 1 ชั่วโมง ผู้ต้องหาได้เกิดอาการเครียดหลังจากถูกจับกุม จึงได้นำเสื้อมาผูกกับกรงห้องขังผูกคอตนเองจนเสียชีวิต ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เข้านำร่างผู้เสียชีวิตส่งโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาเพื่อทำการชัณสูตรในเวลาต่อมา

ด้านพันตำรวจเอกกรกฎ โปชยะวณิช ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าวที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมกองกำกับการ 3 กองบังคับการป้องกันและปราบปรามได้จับกุมตัวนายสมควร บุตะเขียว อายุ 63 ปี ซึ่งหนีไปบวชเป็นพระอยู่จังหวัดอุดรธานี โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองนครราชสีมาได้นำตัวมาฝากขังที่สภ.เมืองนครราชสีมา ทางผู้ต้องหาน่าจะเกิดจากอาการเครียดเพราะได้หนีหมายจับไป 18 ปี ซึ่งอีก 2 ปีคดีก็จะหมดอายุความ จึงได้ใช้เสื้อผูกคอกับกรงขังจนเสียชีวิต ซึ่งถือว่าเหตุการณ์นี้เป็นเหตุสุดวิสัย ส่วนรายละเอียดคดีตนก็ยังไม่ทราบเพราะว่าคดีผ่านมา 18 ปีแล้ว ก็ต้องดูสำนวนอีกครั้งว่ารายละเอียดคดีเป็นอย่างไร

ภาพ-ข่าว / อภิรักษ์ ศรีอัศวิน ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครราชสีมา

ปราจีนบุรี ตำรวจสนธิกำลัง2โรงพักไ้ล่ล่าหัวขโมยลักรถกลางป่าข้าวโพด

ปราจีนบุรี ตำรวจสนธิกำลัง2โรงพักไ้ล่ล่าหัวขโมยลักรถกลางป่าข้าวโพด

วันที่ 31สค.64ศูนย์วิทยุ191สภ.กบินทร์บุรี รับแจ้งว่ามีคนร้ายขโมยรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟสี-ดำแดงจอดอยู่หน้าเซเว่นฯสามทหารคนร้ายขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมุ่งหน้าบนถนนสาย 304 กบินทร์บุรี-นครราชสีมา ขาล่องฉะเชิงเทรา จากนั้นได้แจ้งสายตรวจจราจรสกัดจับและขอกำลังสนับสนุนจาก สภ.สระบัวสกัดจับรถคันดังกล่าวคนร้ายได้ขับรถจักรยานยนต์จอดทิ้งไว้ที่ริมถนนทางเข้าบ้านคลองร่วม ต.ลาดตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ ปราจีนบุรีจากนั้นคนร้ายได้วิ่งหนีข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่งตำรวจ15นายกระจายกำลังปิดล้อมป่าข้าวโพดริมถนนซึ่งคาดว่าคนร้ายจะวิ่งหลบหนีเข้าป่าข้าวโพดที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ

ขณะเดียวกันนายสมชายสีเขียว อายุ 38 ปี เจ้าของจักรยานยนต์ยี่ฮัอเวฟสีแดง-ดำหมายเลขทะเบียนกฉษ432ปทุมธานีขับรถตามมาถึงที่เกิดเหตุ นายสมชายกล่าวว่าช่วงกลางคืนที่ผ่านมาน้องแฟนขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไปทำงานที่เซเว่นทราบว่ารถหายเวลา11.00 น.จึงขอเปิดกล้องวงจรปิดดูจึงทราบว่ามีคนลักรถจักรยานยนต์ไปจึงแจ้งตำรวจออกสืบหาตัวคนร้ายที่ลักรถไปจนทราบว่าเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมศีรษะล้านและเคยก่อคดีลักรถมาหลายครั้งจึงติดตามจนทราบที่อยู่ของชายที่อยู่ในกล้องวงจรปิด ขณะนั้นชายคนดังกล่าวเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขับรถหนีมุ่งหน้ามายังที่เกิดเหตุและเห็นจวนตัวจอดรถทิ้งไว้วิ่งหนีเข้าป่าข้าวโพดตำรวจใช้เวลาปิดล้อมตรวจค้นในป่าข้าวโพด10นาทีจึงพบตัวชายคนดังกล่าวอยู่ท้ายป่าข้าวโพดเจ้าหน้าที่จึงทำการจับกุมชายคนดังกล่าวได้โดยละม่อมผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่าเป็นคนเอารถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมาจริงไม่ได้ลักรถคนอื่นมาเจ้าของเขาให้ยืมมาเพราะรู้จักกันทราบชื่อคนร้ายชื่อนายวสันต์ เจียมรัมย์ อายุ 49ปี อยู่บ้านเลขที่ 195ม.10 ต.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์

นายวสันต์ให้การวกวนไปมาตำรวจบอกว่านายวสันต์เป็นคนสติไม่ดี นายวสันต์กล่าวว่า ไม่ได้ขโมยรถของใครมาแต่เจ้าของให้ยืมรถเพื่อให้ขับไปหาแฟนเพราะแฟนอยู่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตนอาศัยอยู่ข้างเซเว่นฯสามทหารเห็นกุญแจรถเสียบไว้และมีคนบอกให้ยืมรถคันดังกล่าวไปตามหาแฟนจึงขับรถคันดังกล่าวออกมาไม่ได้ขโมยรถของคนอื่นแต่อย่างใดถ้าเจ้าของเขาไม่ให้ยืมตนก็ไม่กล้าที่จะเอารถของคนอื่นขับออกมาเพื่อตามหาแฟนแบบนี้ยอมรับว่าเพิ่งทำเป็นครั้งแรกต้องขอโทษด้วยจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไปที่สภ.เพื่อนำคืนเจ้าของต่อไป

ผบ.ฉก.นราฯรุดวางมาตรการ รปภ.เส้นทางรถไฟ หวังให้รถไฟขนส่งสินค้าที่ถูกบึ้มวิ่งช่วยเหลือเกษตรกร

นราธิวาส/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ

ผบ.ฉก.นราฯรุดวางมาตรการ รปภ.เส้นทางรถไฟ หวังให้รถไฟขนส่งสินค้าที่ถูกบึ้มวิ่งช่วยเหลือเกษตรกร

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 29 ส.ค. 64 พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ ผบ.ฉก.นราธิวาส พ.อ.ทวีรัตน์ เบญจาทิกุล ผบ.ฉก.กรม ทพ.45 ได้ร่วมเดินทางตระเวนไปกำชับเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ปฏิบัติหน้าที่ให้การ รปภ.สถานีรถไฟป่าไผ่ ม.5 ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็น 1 ใน จำนวน 10 สถานี ที่ขึ้นตรงต่อความรับผิดชอบของ ฉก.นราธิวาส ได้ร่วมกับชุด ชรบ.ผู้นำท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในแต่ละพื้นที่ ต้องร่วมสนธิกำลังในการตรวจสอบความเรียบร้อยเส้นทางรถไฟ ในการสร้างความเชื่อมั่นเพื่อให้ขบวนรถไฟที่ 986 ซึ่งเป็นขบวนพิเศษรับส่งสินค้าห่อวัตถุด่วน ซึ่งถูกคนร้ายลอบวางระเบิดตู้โบกี้สินค้าตู้ที่ 5 ได้รับความเสียหายเมื่อวานนี้ที่ผ่านมา เหตุเกิดหลักกิโลเมตร 1104 ระหว่างรอยต่อสถานีรถไฟป่าไผ่ กับสถานีรถไฟตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ที่มีกำหนดการทดลองวิ่งในการช่วยเหลือขนส่งสินค้าของเกษตรกรในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้กลับมาวิ่งรับส่งสินค้าอีกครั้งในวันที่ 1 ก.ย. 64 ที่จะถึงนี้ หากมาตรการในการ รปภ.ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง สร้างความเชื่อมั่นว่าจะไม่เกิดเหตุร้ายขึ้นมาอีกครั้ง

ต่อมา พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ ผบ.ฉก.นราธิวาส พ.อ.ทวีรัตน์ เบญจาทิกุล ผบ.ฉก.กรม ทพ.45 ได้ร่วมกันเดินตรวจสอบการวางมาตรการให้การรักษาความปลอดภัยเส้นทางรถไฟ ของเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ปฏิบัติหน้าที่ให้การ รปภ.สถานีรถไฟป่าไผ่ ซึ่งทุกวันในช่วงเช้าก่อนที่ขบวนรถไฟพิเศษรับส่งสินค้าห่อวัตถุด่วน จะวิ่งออกจากสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก ของทุกเช้าในช่วงเวลา 11.40 น. เจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ประจำสถานีรถไฟทั้ง 10 สถานีในเขตรับผิดชอบของ จ.นราธิวาส ต้องร่วมสนธิกำลังกับชุด ชรบ. ผู้นำท้องถิ่นและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ในการเดินตรวจสอบความเรียบร้อยเส้นทาง คอยสังเกตการณ์สิ่งแปลกปลอม เมื่อมั่นใจว่าตรวจสอบเรียบร้อยให้แจ้งเข้าสถานีที่รับผิดชอบของแต่ละแห่ง เพื่อแจ้งให้ พขร.ของขบวนรถไฟที่ 986 ซึ่งเป็นขบวนพิเศษรับส่งสินค้าห่อวัตถุด่วน ให้นำขบวนทำเวลาออกจากสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก จรดปลายทางสถานีรถไฟรือเสาะ ซึ่งเป็นเขตรับผิดชอบของพื้นที่ จ.นราธิวาส ด้วยความปลอดภัย ก่อนที่จะมีการมอบกระเช้าเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับตัวแทนของเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 ฝ่าย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการทำงาน

นอกจากนี้แล้ว พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ ผบ.ฉก.นราธิวาส พ.อ.ทวีรัตน์ เบญจาทิกุล ผบ.ฉก.กรมทหารพรานที่ 45 ได้ร่วมเดินทางไปดูการปฏิบัติงานการซ่อมรางรถไฟที่ได้รับความเสียหาย จากคนร้ายลอบวางระเบิดขบวนรถไฟที่ 986 ซึ่งเป็นขบวนพิเศษรับส่งสินค้าห่อวัตถุด่วน ที่บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 1104 โดยมีนายธเนส ตาเมืองมูล สารวัตรแขวงบำรุงทางตันหยงมัส นายรอยีมี มะรอเซะ ผอ.ศูนย์ภาค 4 และนายประชานิวัฒน์ บัวศรี ผช.สารวัตรรถจักรหาดใหญ่ ได้นำเจ้าหน้าที่แขวงบำรุงทางตันหยงมัส มาทำการซ่อมแซมจุดที่คนร้ายลอบวางระเบิด ซึ่งสร้างความเสียหายต่อหมอนคอนกรีตลองรางรถไฟ จำนวน 2 ท่อน ที่ฉีกขาดจนไม่สามารถใช้งานได้ ให้กลับคืนสู่สภาวะปกติ ซึ่ง พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ ผบ.ฉก.นราธิวาส ได้มีการมอบกระเช้าเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อเป็นขวัญกำลังใจต่อเจ้าหน้าที่แขวงบำรุงทางตันหยงมัสในครั้งนี้ด้วย

ส่วนความคืบหน้าในการติดตามกลุ่มคนร้ายต้องสงสัยที่ก่อเหตุในครั้งนี้นั้น พ.อ.ทวีรัตน์ เบญจาทิกุล ผบ.ฉก.กรมทหารพรานที่ 45 ได้เชิญและควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย ที่มีบ้านพักในละแวกจุดเกิดเหตุมาสอบสวนในเบื้องต้น ซึ่งบางรายเคยถูกเจ้าหน้าที่ทหารเข้าตรวจค้นบ้านพัก ที่เคยตกอยู่ในฐานะผู้ต้องสงสัยพัวพันกับคดีความมั่นคง แต่ยังไม่ได้รับการเปิดเผยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวหรือไม่อย่างไร แต่หากพบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเจ้าหน้าที่จะทำประวัติไว้ และปล่อยตัวไป

โจรใต้วางระเบิดแล้วยิงซ้ำขบวนรถไฟขนส่งสินค้า ตูมสนั่นโบกี้ที่5เสียหาย

นราธิวาส/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ

โจรใต้วางระเบิดแล้วยิงซ้ำขบวนรถไฟขนส่งสินค้า ตูมสนั่นโบกี้ที่5เสียหาย

เมื่อเวลา 12.25 น. วันที่ 28 ส.ค. 64 พ.ต.อ.ปิยภัทร ทองพันเลิศกุล ผกก.สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดแล้วยิงซ้ำขบวนรถไฟที่ 986 ซึ่งเป็นขบวนขนส่งสินค้าจากสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก จรดปลายทางสถานีรถไฟกรุงเทพฯ เหตุเกิดบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 1104 ระหว่างสถานีรถไฟป่าไผ่ – ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ทำให้ตู้โบกี้ขนส่งสินค้าที่ 5 จากจำนวน 8 โบกี้ได้รับความเสียหาย ซึ่ง พขร.ขบวนรถไฟ ได้ทำเวลาขบวนไปจอดที่สถานีรถไฟตันหยงมัส จึงพร้อมด้วย พ.อ.ทวีรัตน์ เบญจาทิกุล ผบ.ฉก.กรม ทพ.ที่ 45 เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

พบจุดเกิดเหตุห่างจากหัวสะพานเหล็ก ประมาณ 20 เมตร โดยมีหลุมระเบิด 2 จุด ห่างกันประมาณ 20 เมตร โดยจุดแรกเป็นบริเวณกลางรางรถไฟ มีร่องรอยก้อนหินคลุกกระเด็นกระจัดจาย เป็นหลุมลึก 1 ฟุต กว้าง 3 ฟุต ซึ่งมีเศษชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สปิกนิก หนัก 25 ก.ก. จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร ตกกระจายเกลื่อนทั่วบริเวณ และห่างไปประมาณ 10 เมตร พบหลุมระเบิดจุดที่ 2 บริเวณหมอนคอนกรีตริมไหล่ทางของรางรถไฟ โดยจุดดังกล่าวสะเก็ดระเบิดแสวงเครื่องได้กระเด็นกระจัดกระจายไปยังป่ารกทึบริมไหล่ทาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถบรรจุภาชนะที่คนร้ายประกอบระเบิดได้ ส่วนความเสียหายนั้นมีหมอนคอนกรีตได้รับความเสียหาย จำนวน 10 ต้น ส่วนรางรถไฟไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด ส่วนกรณีปลอกกระสุนปืนที่คนร้ายใช้ยิงขบวนรถไฟนั้น เจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจสอบพบในเบื้องต้น แต่จะมาตรวจสอบหาหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้ง

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปยังสถานีรถไฟตันหยงมัส เพื่อตรวจสอบความเสียหายของตู้โบกี้บรรทุกสินค้าตู้ที่ 5 ที่ พขร.ขบวนรถไฟได้นำไปจอดไว้ที่สถานีรถไฟตันหยงมัส พบว่ามีร่องรอยถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณกลางโบกี้ได้รับความเสียหาย จนพื้นไม้ที่ปูทับไว้กับบริเวณแนวทางเดิน ถูกสะเก็ดระเบิดเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ และสะเก็ดระเบิดได้กระเด็นสร้างความเสียหายถึงบริเวณหลังคาด้านในที่ติดตั้งพัดลมและหลาดไฟฟ้าส่องสว่าง โดยมีเศษซากชิ้นส่วนของเหล็กเส้นตัดสั้นจำนวนหนึ่งตกอยู่ นอกจากนี้ที่บริเวณข้างตู้โบกี้สินค้ามีร่องรอยถูกกระสุนปืนสงครามจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนนายสมนึก เพชรกาฬ พขร.ขบวนรถไฟ ทราบว่า หลังจากที่ตนทำเวลาขบวนรถไฟออกจากสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก จรดปลายทางสถานีรถไฟกรุงเทพฯเมื่อเวลา 11.40 น.เมื่อผ่านสถานีรถไฟป่าไผ่ ถึงหลักกิโลเมตรที่ 1104 ก่อนถึงสถานีรถไฟตันหยงมัสอีก ประมาณ 1 ก.ม. ตนได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นไล่เลี่ยกัน จำนวน 2 ครั้ง จนขบวนรถไฟสั่นผิดปกติ และมาได้ยินเสียงปืนจำนวนหนึ่งดังขึ้น เหมือนกับขบวนรถไฟถูกคนร้ายยิงใส่ ตนจึงรีบทำเวลานำขบวนรถไฟก่อนเพื่อเข้าสถานีรถไฟตันหยงมัสเพื่อตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในเวลาทำเวลาขบวนรถไฟเข้าสถานีรถไฟตันหยงมัส นายประเสริฐ ศรีจันทึก พนักงานรักษารถไฟขบวนดังกล่าว ได้เดินไปตรวจสอบพบว่าตู้โบกี้รถไฟตู้ที่ 5 ที่บรรทุกสินค้าผลไม้จำพวกลองกอง ถูกระเบิดได้รับความเสียหาย จึงได้รีบเดินมาแจ้งตน ก่อนที่จะทำเวลาขบวนรถไฟเข้าสถานีรถไฟตันหยงมัส และได้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวมาตรวจสอบดังกล่าว

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดี เพื่อสร้างสถานการณ์ร้ายวันให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นในพื้นที่

และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีรายงานว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์กับขบวนรถไฟขนส่งสินค้า ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้งดวิ่งขบวนรถไฟขนส่งสินค้าขบวนดังกล่าว แต่จะวิ่งรับส่งสินค้าเริ่มต้นทางจากสถานีรถไฟ จ.ยะลา จรดปลายทางสถานีรถไฟกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป

กองปราบบุกรวบ15นักพนันไฮโลกลางป่าละเมาะที่โก-ลก ฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉินเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด

นราธิวาส/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ

กองปราบบุกรวบ15นักพนันไฮโลกลางป่าละเมาะที่โก-ลก ฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉินเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 27 ส.ค. 64 ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่น ผบก.ป. ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.วริศร มัจฉา สว.กก.6 บก.ป.ร่วมกับ พ.ต.อ.เจฟฟรีย์ ไศลมานกุล ผกก.สภ.สุไหงโก-ลก นายอภินันต์ ชาจิตตะ ปลัด อ.สุไหงโก-ลก และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่ง เข้าจับกุมนักพนันไฮโลทั้งผู้ชายละผู้หญิง จำนวน 15 คน ที่บริเวณป่าละเมาะ เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งกำลังนั่งรวมกลุ่มกันแทงพนันไฮโลด้วยความนุกสนาน และเมื่อเจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเพื่อขอจับกุม ทำให้นักพนันต่างพากันวิ่งหลบหนี แต่ด้วยสภาพพื้นที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนักพนันไว้ได้ จำนวน 15 คน แยกเป็นผู้หญิง 5 คน ผู้ชาย 10 คน

ส่วนของกลางที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดมาได้ ประกอบด้วย 1. แผ่นไฮโล ขนาด 77×52 เซนติเมตร จำนวน 1 แผ่น

2. ลูกเต๋าแบบใส จำนวน 8 ลูก 3. ลูกเต๋าแบบสีขาว จำนวน 9 ลูก 4. ธนบัตรเงินไทยชนิด 1,000 บาท , ธนบัตรเงินไทยชนิด 500 บาท , ธนบัตรเงินไทยชนิด 100 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 13,400 บาท 5.อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ระบบสั่น ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีดำ จำนวน 1 ชิ้น และ 6. กล่องเหล็ก จำนวน 1 กล่อง

ซึ่งการจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องจากได้รับคำร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ ว่ามีกลุ่มบุคคลประมาณ 15 ถึง 20 คน มีการลักลอบเล่นการพนันอยู่ในป่าละเมาะ เกรงว่าอาจทำให้มีการแพร่ของโรคโควิด 19 เจ้าหน้าที่จึงได้สนธิกำลังกันเข้าตรวจสอบ และได้บุกเข้าจับกุมดังกล่าว ส่วนเจ้ามือสามารถหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปได้ ทราบชื่อต่อมาคือ นายยุทธ ไม่ทราบนามสกุล อายุประมาณ 50 ปี

เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวนักพนันทั้ง 15 คน มาทำการสอบสวนในเบื้องต้นที่ สภ.สุไหงโก-ลก โดยได้มีการใช้เครื่องมือคัดกรองในการวัดอุณหภูมิของร่างกายในเบื้องต้นทั้ง 15 คน พบว่าปกติ เจ้าหน้าที่จึงได้ซักประวัติและทำบันทึกจับกุม พร้อมทั้งแจ้งข้อหาเพื่อดำเนินคดีบุคคลทั้ง 15 คน โดยนายยุทธ เจ้ามือ และพวกอีก 1 คน คือ นายเจ๊ะอูเซ้ง สูดิง ที่จับกุมตัวได้ เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีในข้อหา จัดให้มีรับกินรับใช้ และลักลอบเล่นการพนันไฮโล โดยเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต และฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน ปี พ.ศ. 2548 มาตรา 9 วรรค 2 ห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมีการมั่วสุมกัน และฝ่าฝืนประกาศคำสั่ง จ.นราธิวาส ที่ 3606/2564 ลงวันที่ 2 ส.ค. 64 เรื่องมาตรการเฝ้าระวังป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด 19 ส่วนผู้ต้องหาอีก 14 คน เจ้าหน้าที่แจ้งดำเนินคดีในข้อหา ลักลอบเล่นการพนันไฮโลเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต และฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน ปี พ.ศ. 2548 มาตรา 9 วรรค 2 ห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมีการมั่วสุมกัน และฝ่าฝืนประกาศคำสั่ง จ.นราธิวาส ที่ 3606/2564 ลงวันที่ 2 ส.ค. 64 เรื่องมาตรการเฝ้าระวังป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด 19

สระแก้ว ตรวจตราและนำภาพผู้ต้องหาและ ผกก.โจ้ ที่หลบหนีคดีฆ่าผู้ต้องหาที่ จ.นครสวรรค์ มาติดไว้ที่บริเวณหน้าด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

สระแก้ว – เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว ตรวจตราและนำภาพผู้ต้องหาและ ผกก.โจ้ ที่หลบหนีคดีฆ่าผู้ต้องหาที่ จ.นครสวรรค์ มาติดไว้ที่บริเวณหน้าด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยเจ้าหน้าที่ตรวจเข้มรถยนต์ขนส่งสินค้า ที่เดินทางออกนอกประเทศทุกคันอย่างละเอียด สกัดการลักลอบซุกตัวข้ามไปฝั่งประเทศกัมพูชาอย่างเข้มงวด

” ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว ได้ทำการตรวจค้นพนักงานขับรถยนต์บรรทุกสินค้า ที่จะวิ่งข้ามไปส่งสินค้าในฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา อย่างเข้มงวด เพื่อสกัดการหลบหนีซุกตัวข้ามชายแดนไปฝั่งประเทศกัมพูชา ของ ผกก.โจ้และพวก หลังจากก่อเหตุซ้อมผู้ต้องหาด้วยการใช้ถุงคลุมหัวจนเสียชีวิต บนสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ โดย พ.ต.อ.รุ่ง ทองมนต์ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว ได้เดินทางมาตรวจสอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และสั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดกวดขันกรณีนี้อย่างจริงจัง เนื่องจากเป็นข้อสั่งการของผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พ.ต.อ.รุ่ง ทองมนต์ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า กรณีนี้ถือว่าเป็นกรณีอุกฉกรรจ์มาก ทาง ผบ.ตร.สั่งการให้เข้มงวดเกี่ยวกับกรณีนี้ ซึ่งจุดผ่านแดนของ จ.สระแก้ว มีทั้งหมด 4 จุด ประกอบด้วย ด่านเขาดิน ด่านหนองปรือ ด่านคลองลึก และด่านตาพระยา จะมีการตรวจโดยละเอียดในรถทุกคันที่ผ่านเข้า-ออก ซึ่งปัจจุบันรถที่ผ่านเข้าออก จะเป็นรถสินค้าประมาณวันละ 100-200 คัน รถอื่นไม่สามารถผ่านเข้าออกได้ ก็จะตรวจละเอียดทุกคันทั้งในยานพาหนะและภายในตู้และกระบะบรรทุกสินค้า เชื่อว่า การตรวจขนาดนี้ไม่สามารถผ่านเข้าออกได้อย่างแน่นอน
” ผกก.ตม.สระแก้ว กล่าวอีกว่า มั่นใจได้ว่า มาตรการของด่านคลองลึก จ.สระแก้ว ผกก.โจ้ ไม่สามารถออกไปได้แน่นอน ซึ่งเราจะตรวจโดยเข้มงวดอย่างที่เห็นทุกคัน นอกจากนั้นยังยอมรับว่า เป็นนายตำรวจในรุ่นใกล้เคียงกับ ผกก.โจ้ จริง แต่กรณีนี้คงไม่สามารถช่วยเหลือกันได้อย่างแน่นอนเพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก

” อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบเส้นทางธรรมชาติที่ ผกก.โจ้ อาจใช้ลักลอบออกนอกประเทศ บริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่ด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตั้งแต่ตลาดโรงเกลือไปจนถึงบ้านป่าไร่ ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ ตามเส้นทางถนนศรีเพ็ญ สาย 3446 ซึ่งมีช่องทางธรรมชาติเป็นจำนวนมาก ปรากฎว่าถูกเจ้าหน้าที่ทหารพรานบริเวณด่านตรวจของกองร้อยทหารพรานที่ 1205 กรมทหารพรานที่ 12 ไม่ยอมให้ผู้สื่อข่าวขับรถเข้าไป อ้างเพียงว่า ต้องขอนายก่อน ขณะที่รถยนต์ทั่วไปสามารถวิ่งผ่านเข้าไปได้ปกติจนถึงบ้านป่าไร่ใหม่ หรือไป อ.โคกสูง ได้ตามปกติ ซึ่งแหล่งข่าวแจ้งว่า บริเวณดังกล่าวสามารถใช้เป็นเส้นทางเดินทางลักลอบออกนอกประเทศได้ง่าย ประกอบกับบางจุดถูกใช้เป็นเส้นทางนำสินค้าหนีภาษีเข้า-ออก ทางเจ้าหน้าที่จึงกีดกันไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว

…นายยุทธนาพึ่งน้อยผู้สื่อข่าวจังหวัดสระแก้ว

โจรใต้โหดตามประกบยิง อส.จะแนะเสียชีวิต ขณะกล้องวงจรปิดบันทึกพฤติกรรมของคนร้ายเอาไว้ได้

นราธิวาส/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ

โจรใต้โหดตามประกบยิง อส.จะแนะเสียชีวิต ขณะกล้องวงจรปิดบันทึกพฤติกรรมของคนร้ายเอาไว้ได้

เมื่อเวลา 18.15 น. ของวันที่ 22 ส.ค. 64 ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ยุทธชัย โรจน์ศิริมนตรี รองสารวัตรสอบสวน สภ.จะแนะ จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งเหตุจากนายนูเซ็ง ลาเต๊ะ ผู้ใหญ่บ้านกูมุง ม.2 ต.ช้างเผือก มีคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่บริเวณริมถนนห่างจากบ้านพักของตน ประมาณ 20 เมตร จึงพร้อมด้วยว่าที่ร้อยตรีสมบัติ สิงห์คาร นายอำเภอจะแนะ นายฮารง วาโด ปลัดอำเภอหัวหน้าชุดคุ้มครองตำบลช้างเผือก และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ทหารร้อย ทพ.4905 จำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

พบรถ จยย.ยี่ห้อฮนด้า สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ล้มตะแคงอยู่ โดยมีปลอกกระสุนปืนพก ขนาด 9 ม.ม. ตกกระจายเกลื่อนอยู่บนถนน จำนวน 8 ปลอก และมีกองเลือดจำนวนหนึ่งตกอยู่ที่พื้นของลานโรงจอดรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า สีบอรส์เทา ทะเบียน กจ 8430 ปัตตานี เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ เพื่อนำปลอกกระสุนปืนไปตรวจสอบวิถีกระสุน ในการเปรียบเทียบกับวัตถุพยานในที่เกิดเหตุต่างๆ ว่าอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวคนร้ายใช้ก่อเหตุที่ใดบ้าง

ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บพลเมืองดี ได้ช่วยกันนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลจะแนะ ไปก่อนหน้าแล้ว ทราบชื่อ คือ นายหมัดรุสลี กอและ อายุ 26 ปี ซึ่งเป็นสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อ.จะแนะที่ 8 ปฏิบัติหน้าที่ประจำชุดคุ้มครองตำบลช้างเผือก มีบาดแผลถูกกระสุนปืนพก ขนาด 9 ม.ม. ที่บริเวณขมับขวา 1 นัด ใต้ชายโครงขวา 1 นัด ต้นแขนขวา 1 นัด ใต้สะดือ 1 นัด ขาซ้าย 1 นัด ท้ายทอย 1 นัด และหน้าท้อง 1 นัด รวม 7 นัด อาการสาหัสและได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายหมัดรุสลี ได้ขี่รถ จยย.ออกจากบ้านพัก เพื่อไปเล่นฟุตบอลที่สนามภายในโรงเรียนพิทักษ์วิทยากูมุง เมื่อแล้วเสร็จได้ขี่รถ จยย.เพื่อกลับบ้านพัก ถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายจำนวน 2 คน ขี่รถ จยย.ประกบไล่หลังมา เมื่อสบโอกาสคนร้ายได้ขี่รถ จยย.เข้าประชิด แล้วคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้ชักอาวุธปืนพก ขนาด 9 ม.ม. ออกมายิงใส่นายหมัดรุสลี จำนวน 6 นัด เมื่อถูกกระสุนปืนรถได้เสียหลักล้มคว่ำ แล้วนายหมัดรุสลีได้วิ่งหลบหนีเพื่อไปขอความช่วยเหลือผู้ใหญ่บ้าน แต่คนร้ายได้จอดรถ จยย.ให้คนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายวิ่งลงจากรถ ไปใช้อาวุธปืนจ่อยิงที่ขมับขวา 1 นัด เพื่อให้มั่นใจว่าเสียชีวิต แล้วคนร้ายได้วิ่งไปซ้อนท้ายรถ จยย.หลบหนีไป

ต่อมา ร.ต.ท.ยุทธชัย โรจน์ศิริมนตรี รองสารวัตรสอบสวน สภ.จะแนะ ได้สั่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บนเสาไฟฟ้าละแวกจุดเกิดเหตุ และกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกพฤติกรรมของคนร้าย จำนวน 2 คน เอาไว้ได้ โดยในช่วงเวลา 18.11 น.ของวันเดียวกัน ซึ่งคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้ชักอาวุธปืนออกมายิงใส่นายหมัดรุสลี ขณะที่รถ จยย.บริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบคนร้ายทั้ง 2 คน รวมทั้งรถ จยย.ที่ใช้ก่อเหตุในครั้งนี้ รวมทั้งจะประสานขอความร่วมมือพยานบุคคลที่กล้องวงจรปิดบันทึกเอาไว้ได้ มาให้ปากคำเพื่อเก็บรวบรวมหลักฐาน และเป็นแนวทางในการสืบสวนสอบสวน หาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษต่อไป

ด้าน ว่าที่ร้อยตรี สมบัติ สิงห์คาร นายอำเภอจะแนะ กล่าว่า เหตุที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากปัญหาความมั่นคง ที่กลุ่มคนร้ายลอบดักสังหารเจ้าหน้าที่ของรัฐรายวัน เนื่องจากนายหมัดรุสลี ผู้เสียชีวิตไม่มีประวัติด่างพร้อยและเป็นที่รักของเพื่อนๆสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ซึ่งตนได้กำชับไปยังกำลังพลทุกนายทั้งที่อยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หรือ ออกไปทำกิจธุระส่วนตัว อย่าตั้งอยู่ในความประมาท เพราะอาจจะตกเป็นเป้าของกลุ่มคนร้ายได้

ศรีสะเกษ !! คืบหน้าหนุ่มเบญจลักษ์ข่มขืนสาวบุรีรัมย์ผู้การตำรวจยันคดีไม่มีปัญหาเนื่องจากพยานหลักฐานครบถ้วน เผยกรณีที่มีข่าวว่า พนักงานสอบสวนไม่รับแจ้งความนั้นเป็นการสื่อสารกันไม่เข้าใจ

ศรีสะเกษ !! คืบหน้าหนุ่มเบญจลักษ์ข่มขืนสาวบุรีรัมย์ผู้การตำรวจยันคดีไม่มีปัญหาเนื่องจากพยานหลักฐานครบถ้วน เผยกรณีที่มีข่าวว่า พนักงานสอบสวนไม่รับแจ้งความนั้นเป็นการสื่อสารกันไม่เข้าใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายณัฐพล เผื่อแผ่ อายุ 36 ปี หนุ่ม อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้ใช้โปรไฟล์ในเฟซบุ๊คเป็นชายหนุ่มรูปหล่อล่อลวงให้ น.ส.ปัด (นามสมมุติ) เดินทางมาพบที่ อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ อ้างว่าจะขอแต่งงานด้วยและช่วยกันทำมาหากิน แต่เมื่อ น.ส.ปัด เดินทารงมาพบแล้ว ปรากฏว่า รูปในปกเฟซบุ๊คไม่ตรงกันกับตัวจริงที่เดินทางมาพบ จึงจะเดินทางกลับแต่ได้ถูกนายณัฐพล บังคับนำตัวไปบ้านพัก ที่บ้านไผ่หนองแคน ต.หนองฮาง อ.เบญจลักษ์ จากนั้น ได้ข่มขืน น.ส.ปัด และต่อมา เจ้าหน้าที่ ตร.สภ.เบญจลักษ์ ได้เข้าไปช่วยเหลือ น.ส.ปัด ออกมาได้ และได้จับกุมตัว นายณัฐพล มาดำเนินคดีตามกฏหมาย ซึ่ง น.ส.ปัด ผู้เสียหายยืนยันว่า ถูกนายณัฐพล ข่มขืนใจจริงโดยที่ไม่ได้สมยอมแต่อย่างใด ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่อง เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สภ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พล.ต.ต.สันติ เหล่าประทาย ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าของคดีนี้ ซึ่ง พ.ต.อ.สิราวิชญ์ นวมดี ผกก.สภ.เบญจลักษ์ ได้รายงานความคืบหน้าของคดีนี้ให้ทราบ โดย พล.ต.ต.สันติ ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ชัย ไชยพันธ์นา และ พ.ต.อ.ประเสริฐศักดิ์ ศรีไชย ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.ศรีสะเกษ ลงมาทำการสอบสวนคดีนี้ และได้ทำการสอบปากคำ น.ส.ปัด ผู้เสียหายในคดีนี้ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ต้องหาคือ นายณัฐพล เผื่อแผ่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ ตร.ชุดสืบสวน สภ.เบญจลักษ์ ได้จับกุมตัวมาแล้ว พล.ต.ต.สันติ ได้สอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับ น.ส.ปัด ว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไรบ้าง จากนั้น ได้กำชับให้ พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน เพื่อจะได้สรุปสำนวนส่งฟ้องผู้ต้องหาตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป

พล.ต.ต.สันติ เหล่าประทาย ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ กล่าวว่า จากการที่ตนได้สอบถาม น.ส.ปัด เกี่ยวการถูกข่มขืนแล้ว น.ส.ปัดได้ให้การยืนยันว่า ถูกนายณัฐพล ล่อลวงมากักขังและข่มขืนกระทำชำเราจริง ไม่ได้ สมยอมแต่อย่างใด ซึ่งคดีนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เนื่องจากว่า พยานหลักฐานต่าง ๆ มีครบถ้วน สามารถดำเนินคดีได้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ โดยได้ตั้งข้อหากับนายณัฐพล 3 ข้อหาด้วยกันคือข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาของตน กักขังหน่วงเหนี่ยว ข่มขู่ให้ได้รับความหวาดกลัว และขณะนี้กำลังดำเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) กับผู้ต้องหารายนี้ด้วย ส่วนที่มีข่าวว่า พนักงานสอบสวน สภ.เบญจลักษ์ ไม่รับแจ้งความนั้น เป็นเรื่องของการสื่อสารกันไม่เข้าใจ ซึ่งโดยหน้าที่แล้วพนักงานสอบสวน สภ.เบญจลักษ์ จะต้องสอบถามรายละเอียดที่เกิดขึ้นให้ได้ข้อเท็จจริง เพราะว่าเป็นเขตความรับผิดชอบของเรา ตนพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่ายตามกฎหมายอย่างเต็มที่

*************
ข่าว/ภาพ…… บุญทัน ธุศรีวรรณ ศรีสะเกษ