พะเยา หมอกควันพิษ PM 2.5 ยังคงปกคลุมเมืองพะเยา

พะเยา หมอกควันพิษ PM 2.5 ยังคงปกคลุมเมืองพะเยา

พะเยา หมอกควันพิษ PM 2.5 ยังคงปกคลุมเมืองพะเยา

วันที่ 11 มี.ค 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหมอกควันฝุ่นพิษ PM 2.5 ยังคงหนาแน่นในพื้นที่เมืองพะเยาจากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ต.บ้านต๋อม อ.เมือง, พะเยา พบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) มีค่า 97 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3) อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังพบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) มีค่า 125 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3) อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพและ AQI มีค่า 207 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3) อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ ท้องฟ้ายังมืดคลึ้มมองเห็นพระอาทิตย์ขมุกขมัว

จากสถานการหมอกควันที่ผ่านมาทำให้พื้นที่จังหวัดพะเยาถูกปกคลุมจนมืออึมคลึม สาธารณสุขจังหวัดพะเยาจึงออกมาแจ้งเตือน ประชาชนทั่วไป และกลุ่มเสี่ยงควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งทุกประเภท หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น หากมีอาการทางสุขภาพรุนแรงควรปรึกษาแพทย์
ประชาชนกลุ่มเสี่ยง เด็ก คนชรา หญิงมีครรภ์ และผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวในกลุ่มโรคทางเดินหายใจ และโรคหัวใจและหลอดเลือดควรหลีกเลี่ยง

ตม.บุรีรัมย์ จับกุมคนไทยช่วยเหลือต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง

ตม.บุรีรัมย์ จับกุมคนไทยช่วยเหลือต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง

@@@@@@@@@@@@@@@
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.4, พ.ต.อ.กฤษฎากรณ์ กลิ่นเกษร และ พ.ต.อ.มณุวัฒน์ กอสนาน รอง ผบก.ตม.4 วันที่ 11 มี.ค.66 พ.ต.ท.พิศุทธิ์ สุวรรณภาษิต สว.ตม.จว.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่าได้สั่งการให้ จนท.ชุดสืบสวนปราบปราม ตม.จว.บุรีรัมย์ สนธิกำลังกับ สภ.บ้านกรวด, ร้อย ทพ.2604 และ ร้อย ร.213 จับกุม นายปริญญา ศักดิ์ชัย อายุ 42 ปี ข้อหา “ช่วยเหลือซ่อนเร้นฯ” ตาม ม.64 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และ นางยเกีย อายุ 42 ปี ข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่รับอนุญาต” สถานที่จับกุม ถนนรอยต่อจุดผ่อนปรนช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ นำตัวส่ง สภ.บ้านกรวด ดำเนินคดีต่อไป

ทั้งนี้เป็นไปตามนโยบาย พล.ต.ท.ภาคภูมิพิพัฒน์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. ให้ตรวจคนเข้าเมืองทุกจังหวัดทั่วประเทศ กวดขันจับกุมคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองตลอดจนผู้ให้การช่วยเหลือโดยเฉพาะพื้นที่ตามแนวชายแดน โดยสามารถแจ้งเบาะแสคนต่างด้าวกระทำผิดกฎหมายได้ที่สายด่วน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 1178

” ทำดีแล้ว ยังไม่พอ รักษาความดีนี่ซิสำคัญกว่า

ข่าวประชาสัมพันธ์

รายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 13.55 น. – 14.00 น.

” ทำดีแล้ว ยังไม่พอ รักษาความดีนี่ซิสำคัญกว่า ”
พระราชมงคลวชิรเจดีย์ หลวงปู่เนตร จิรปุญฺโญ

ศิริพร จงศิริ ผู้อำนวยการใหญ่ผลิตรายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก เดินทางลงจังหวัดกระบี่เพื่อร่วมตั้งโรงทานไอศกรีมกะทิสดและร่วมงานบุญมุทิตาจิตอายุวัฒนมงคลครบรอบ ๙๘ ปี ๗๑ พรรษา พระราชมงคลวชิรเจดีย์ (หลวงปู่เนตร จิรปุญฺโญ) ณ วัดมหาธาตุแหลมสัก ตำบลแหลมสัก

จังหวัดกระบี่ ขอให้หลวงปู่อยู่เป็นร่มโพธิธรรม สืบต่ออายุพระพุทธศาสนาตราบนานเท่านาน สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาบุญให้กับทุกท่านด้วย

อย่าพลาดติดตามชมรายการคืนคุณให้แผ่นดิน ทุกวันศุกร์ เวลา 13.55 น. – 14.00 น. สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก คุณอภิคม แก้วละเอียด (ตูมตาม ) พิธีกรภาคสนามดำเนินรายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก

CR : ศิริพร จงศิริ ผู้อำนวยการใหญ่ผลิตรายการคืนคุณให้แผ่นดิน สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก

อลังการ!! อำเภอเมืองร้อยเอ็ด สืบสานประเพณี ฮีต๑๒ ครอง ๑๔ บุญกุ้มข้าวใหญ่ประจำปี 2566

อลังการ!! อำเภอเมืองร้อยเอ็ด สืบสานประเพณี ฮีต๑๒ ครอง ๑๔ บุญกุ้มข้าวใหญ่ประจำปี 2566

วันศุกร์ที่ 10 มีนาคม 2566 เวลา 10:30 น. ณ ศาลาอเนกประสงค์หลังอาคารที่ว่าการอำเภอเมืองร้อยเอ็ด โดยมีนายอำเภอเมืองร้อยเอ็ดเป็นประธานพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ สาธารณสุขอำเภอเมืองร้อยเอ็ด,ผช.สสอ.รอ /เกษตรอำเภอ กศน.อำเภอเมืองร้อยเอ็ด พัฒนาการอำเภอเมืองร้อยเอ็ด ปศุสัตว์อำเภอเมืองร้อยเอ็ด ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องที่ท้องถิ่นข้าราชการพนักงานเจ้าหน้าที่กำนันผู้ใหญ่บ้านแพทย์ประจำตำบลสารวัตรกำนันผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแขกผู้มีเกียรติพร้อมกันไหนบริเวณพิธีหลานอเนกประสงค์หลังอาคารที่ว่าการอำเภอเมืองร้อยเอ็ด

ทั้งนี้นายอำเภอเมืองร้อยเอ็ดจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยถวายประธานพิธีพระสงฆ์ ๙ รูป ถวายปัจจัยเครื่องไทยธรรม กล่าวรายงานโดยประธานกำนันผู้ใหญ่บ้านเปิดงานโดยนายอำเภอเมืองร้อยเอ็ด เวลา 11.30 น.นายอำเภอเมืองร้อยเอ็ด.ประธานในพิธีประกอบพิธีบวงสรวงพระแม่โพสพสู่ขวัญข้าวและคณะร่วมกิจกรรมชมการประกวดรำวงของทุกตำบลและการประกวดส้มตำลีลาเด็ดในเขตอำเภอเมืองร้อยเอ็ดในวันนี้..รับรองเด็ด!

_
ภาพ/ข่าว
เหยี่ยวข่าวโนนรัง๙๑๐๑
สำนักข่าว tigernewstv

(มีคลิป) “มาดามหยก” เอาใจกลุ่มต่างเพศ เน้นดูแลตั้งแต่เด็กจนถึงวัยชรา เปิดเวทีสัมมนา “Change Together เปลี่ยนไปด้วยกันอย่างเท่าเทียม” เชียงใหม่

“มาดามหยก” เอาใจกลุ่มต่างเพศ เน้นดูแลตั้งแต่เด็กจนถึงวัยชรา เปิดเวทีสัมมนา “Change Together เปลี่ยนไปด้วยกันอย่างเท่าเทียม” เชียงใหม่

“มาดามหยก” เอาใจกลุ่มต่างเพศ เน้นดูแลตั้งแต่เด็กจนถึงวัยชรา ตั้งชมรมทุกอำเภอดูแลสุขภาพจิตและร่างกาย พบปัจจุบันมีคนกลุ่มนี้ในประเทศมากกว่า 35 % ที่ต้องได้รับการดูแล ลดปัญหาฆ่าตัวตายจากการถูกบูลลี่

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 มี.ค. 66 นางสาวกชพร เวโรจน์ หรือ “มาดามหยก” ประธานที่ปรึกษาพรรครวมแผ่นดิน พร้อมพล.อ.ชัชชัย ภัทรนาวิก หัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน พร้อมคณะผู้บริหารพรรค เปิดเวทีสัมมนาร่วมพูดคุยประเด็นหัวข้อ “LGBTQ+ เสรีภาพทางเพศสู่ความหลากหลายอย่างเท่าเทียม” โดยมี ดร.วุฒิพงศ์ ถายะพิงค์ ที่ปรึกษาวิชการโครงการ Change Together เปลี่ยนไปด้วยกัน ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์มูลนิธิเอ็มเพลส ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์กองประกวดนางสาวเชียงใหม่ในดวงใจ พร้อมด้วย นายจิตศักดิ์ หลิมภากรกุล (เชฟจีโน่) , เต้ นันทศัย, ตฤณ เศรษฐโชค , ไอยศูรย์ ไมดาน พร้อมด้วยสมาชิกทีม Change Together ได้ร่วมกันจัดเวทีปราศรัย “นโยบายส่งเสริมกลุ่ม LGBIQI+ แบบครบวงจรของพรรครวมแผ่นดิน” ณ ห้องแกรนด์วิว 2 โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีกลุ่มประชาชนชาวเชียงใหม่ และกลุ่มคนรักต่างเพศ ได้เข้ามาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

นางสาวกชพร เวโรจน์ หรือมาดามหยก ประธานที่ปรึกษาพรรครวมแผ่นดิน กล่าวว่า การจัดเวทีในวันนี้เพื่อยืนยันและแสดงถึงนโยบายสิทธิเท่าเทียมกันของ LGBIQI+ อยากให้ทุกคนให้เกียรติซึ่งกันและกัน ลดความเหลื่อมล้ำ พรรคการเมืองอื่นก็มีนโยบายสมรสเท่าเทียม แต่สิ่งที่คนเหล่านี้ต้องการมากกว่าคือ สุขภาพพจิต สุขภาพกาย ที่เราต้องส่งเสริม ต้องช่วยเหลือกลุ่มนี้ตั้งแต่เกิดถึงเสียชีวิต สิทธิการแสดงออก การยอมรับทางสังคม การให้เกียรติซึ่งกันและกัน เป็นความต้องการที่แท้จริงของคนกลุ่มนี้ เพราะคนกลุ่มนี้ไม่ได้แตกต่างจากทุกคน บางคนไม่ต้องการสมรสก็มี

สำหรับการแบ่งเขตการเลือกตั้งของจังหวัดเชียงใหม่ จากเดิม 11 เขต เหลือ 10 เขตนั้น ได้มีการปรึกษาหารือพูดคุยกันแล้ว เขตที่มีการทับซ้อนกันและผู้สมัครที่ไม่ได้ลงก็ยังคงช่วยเหลือกันอยู่ แต่อาจจะเป็นปาร์ตี้ลิส ซึ่งต้องมีการเลือกแบบละเอียดอ่อนนิดหนึ่ง เพราะทั้งสองท่านที่ลงสมัครก็ลงพื้นที่อย่างเข้มข้นมาโดยตลอด ไม่ใช่แค่ช่วงนี้แต่ทั้งสองท่านก็ยังเป็นคนในพื้นที่ สนิทสนมกับชาวบ้านในพื้นที่อย่างแท้จริง ก็อาจจะไม่ต่างกับพรรคอื่นเท่าไหร่ ส่วนปัญหาด้านความขัดแย้งภายในพรรคจากการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ของ กกต.นั้น ทางพรรคเราเน้นความปรองดองกันอยู่แล้ว คิดว่าไม่มีปัญหาความขัดแย้ง ทุกคนที่มาอยู่จุดนี้ไม่ไช่มาเพื่อตนเองแต่มาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับเมืองเชียงใหม่, ภาคเหนือ และประเทศไทยอย่างแท้จริง ซึ่งวันที่ 18 มีนาคม 66 นี้คงจะทราบอย่างชัดเจนเรื่องของการแบ่งเขตพื้นที่การเลือกตั้ง พรรรครวมแผ่นดิน เน้นทันสมัย ไม่ละเลยสิ่งที่คนรุ่นเก่าสร้างมา ไม่ลืมรากเหง้า “ทันสมัย ก้าวหน้า แต่ไม่ก้าวร้าว” อยากผลักดันให้เชียงใหม่เป็นเขตพื้นที่เศรษฐกิจท่องเที่ยวพิเศษ ทางพรรคไม่เน้นการแจกเงิน แต่เน้นการสร้างโอกาส สร้างเศรษฐกิจให้มีการเติบโต คนไม่ต้องไปทำงานต่างจังหวัด เมื่อการท่องเที่ยวเติบโต ก็จะมีโรงแรม ร้านค้า ร้านอาหารที่พัฒนามากขึ้น และจะมีการจ้างงานมากขึ้น การแจกเงินไม่ใช่หนทางแก้ไข เพราะหากแจกหมดแล้วต้องกู้มาแจกอีก แล้วจะกู้มาตลอดไม่ได้ ต้องเน้นการสร้างงาน สร้างรายได้ระยะยาว ไม่ใช่เน้นการแจกเงินอย่างเดียว

ทางด้าน ดร.วุฒิพงศ์ ถายะพิงค์ ที่ปรึกษาวิชการโครงการ Change Together กล่าวว่า กลุ่ม LGBIQI+ นี้ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ พรรคนี้ดูแลตั้งแต่เกิด จนถึงสูงอายุ พรรคอื่นส่งเสริมแต่สมรสเท่าเทียม พรรคเราผลักดันอยู่แล้ว แต่ผมเป็นนักสุขภาพจิตเจอปัญหาของกลุ่ม LGBIQI+ มาเยอะ เด็กพอจำความได้ตั้งแต่เกิดควรมีสิทธิในการเลือกสภาพเพศของตัวเอง ซึ่งพ่อแม่ก็มีความขัดแย้งในใจ มีผลกระทบกับคนกลุ่มนี้จริงๆ รวมไปถึงหญิงข้ามเพศ ชายข้ามเพศ จำเป็นต้องรับประทานและฉีดฮอร์โมนทุก 3 อาทิตย์ ราคา 100 กว่าบาท แต่สิทธิตรงนี้เขาควรได้รับจากรัฐ แต่รัฐไม่สามารถจ่ายให้ได้ ในความเป็นมนุษย์ที่เขาเลือกแล้วว่าจะเป็นอย่างไร แต่จำป็นต้องใช้ยาในการทำนุบำรุงสภาพร่างกายให้เขาเป็นในสิ่งที่เขาอยากเป็น เขาควรได้จากภาครัฐ และในกลุ่มนี้ที่เป็นผู้สูงอายุ ที่มีความเหงา เศร้า กระทั่งคิดอยากฆ่าตัวตาย เพราะคิดว่าอยู่แล้วสังคมก็แปลกแยกไป ทางพรรคมีแนวคิดจะจัดตั้งชมรม LGBIQI+ ของผู้สูงอายุทุกอำเภอ เพราะคนเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญดูแลเฉพาะ จะได้ไม่เหงา ไม่คิดฆ่าตัวตาย เป้าหมายของพรรคคือดูแลทั้งชีวิตไม่ใช่แค่การสมรสเท่าเทียมเดินขนานทุกเพศ ทุกวัยในชุมชน ไม่แตกแยก อาจมีชมรมเกิดขึ้น รวมตัว 10 -20 คน เบื้องต้น มีนักสุขภาพจิตดูแลสุขภาพจิต สุขภาพร่างกาย สภาพสังคม ผลักดันสวัสดิการที่เขาพึงมี ปัจจุบันมีคนที่เป็นเกย์ อย่างเดียวประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ของประชาชนทั้งหมด และการเกณฑ์ทหารก็จะพบกลุ่มคนต่างเพศ ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อรวมกับผู้สูงอายุ LGBIQI+ อีก ทั้งหมดภาพรวมที่เป็นคนต่างเพศมีไม่ต่ำกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป นอกจากนี้อาจมีการจัดตั้งโรงเรียนขึ้นในทุกอำเภอ เป็นหลักสูตรสำหรับใครที่จะแต่งงาน มีครอบครัว ก่อนจะมีลูกต้องเข้าโรงเรียนนี้ก่อน หากลูกเกิดออกมาแล้วเป็นกลุ่มนี้จะได้มีวิธีดูแลอย่างไร บางอย่่างอาจเหมือนคนทั่วไป บางอย่างอาจแตกต่างออกไป ก็จะได้ทำให้เกิดภาพสังคมที่เท่าเทียมกันไม่กีดกันเด็ก

นายพรชัย จิตรนวเสถียร สมาชิกทีม Change Together กล่าวว่า การยอมรับคนกลุ่ม LGBIQI+ ตั้งแต่จำความได้ว่าตนเองเลือกเป็นอะไร จะลดปัญหาของสังคมที่เด็กถูกบูลลี่ การถูกเพื่อนล้อจน้อยใจอาจจะฆ่าตัวตาย ปัญหาต่างๆ เหล่านี้จะหมดไป จะเกิดผลดีกับประเทศอย่างมากจากกกลุ่ม LGBIQI+ ซึ่งคนเหล่านี้ก็จะมีประสิทธิภาพในการพัฒนาตนเองและพัฒนาประเทศด้วย การดูแลตั้งแต่เด็กที่จำความได้ว่าตนเองเป็นอะไร จนถึงวัยชรา การตั้งกลุ่มดูแลในแต่ละอำเภอเป็นการดูแลอย่างแท้จริงให้เกิดสิทธิประโยชน์ของคนกลุ่มนี้อย่างเท่าเทียม.

ทรงวุฒิ ทับทอง

(มีคลิป) “มาดามหยก” เอาใจกลุ่มต่างเพศ เน้นดูแลตั้งแต่เด็กจนถึงวัยชรา เปิดเวทีสัมมนา “Change Together เปลี่ยนไปด้วยกันอย่างเท่าเทียม” เชียงใหม่

“มาดามหยก” เอาใจกลุ่มต่างเพศ เน้นดูแลตั้งแต่เด็กจนถึงวัยชรา เปิดเวทีสัมมนา “Change Together เปลี่ยนไปด้วยกันอย่างเท่าเทียม” เชียงใหม่

“มาดามหยก” เอาใจกลุ่มต่างเพศ เน้นดูแลตั้งแต่เด็กจนถึงวัยชรา ตั้งชมรมทุกอำเภอดูแลสุขภาพจิตและร่างกาย พบปัจจุบันมีคนกลุ่มนี้ในประเทศมากกว่า 35 % ที่ต้องได้รับการดูแล ลดปัญหาฆ่าตัวตายจากการถูกบูลลี่

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 มี.ค. 66 นางสาวกชพร เวโรจน์ หรือ “มาดามหยก” ประธานที่ปรึกษาพรรครวมแผ่นดิน พร้อมพล.อ.ชัชชัย ภัทรนาวิก หัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน พร้อมคณะผู้บริหารพรรค เปิดเวทีสัมมนาร่วมพูดคุยประเด็นหัวข้อ “LGBTQ+ เสรีภาพทางเพศสู่ความหลากหลายอย่างเท่าเทียม” โดยมี ดร.วุฒิพงศ์ ถายะพิงค์ ที่ปรึกษาวิชการโครงการ Change Together เปลี่ยนไปด้วยกัน ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์มูลนิธิเอ็มเพลส ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์กองประกวดนางสาวเชียงใหม่ในดวงใจ พร้อมด้วย นายจิตศักดิ์ หลิมภากรกุล (เชฟจีโน่) , เต้ นันทศัย, ตฤณ เศรษฐโชค , ไอยศูรย์ ไมดาน พร้อมด้วยสมาชิกทีม Change Together ได้ร่วมกันจัดเวทีปราศรัย “นโยบายส่งเสริมกลุ่ม LGBIQI+ แบบครบวงจรของพรรครวมแผ่นดิน” ณ ห้องแกรนด์วิว 2 โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีกลุ่มประชาชนชาวเชียงใหม่ และกลุ่มคนรักต่างเพศ ได้เข้ามาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

นางสาวกชพร เวโรจน์ หรือมาดามหยก ประธานที่ปรึกษาพรรครวมแผ่นดิน กล่าวว่า การจัดเวทีในวันนี้เพื่อยืนยันและแสดงถึงนโยบายสิทธิเท่าเทียมกันของ LGBIQI+ อยากให้ทุกคนให้เกียรติซึ่งกันและกัน ลดความเหลื่อมล้ำ พรรคการเมืองอื่นก็มีนโยบายสมรสเท่าเทียม แต่สิ่งที่คนเหล่านี้ต้องการมากกว่าคือ สุขภาพพจิต สุขภาพกาย ที่เราต้องส่งเสริม ต้องช่วยเหลือกลุ่มนี้ตั้งแต่เกิดถึงเสียชีวิต สิทธิการแสดงออก การยอมรับทางสังคม การให้เกียรติซึ่งกันและกัน เป็นความต้องการที่แท้จริงของคนกลุ่มนี้ เพราะคนกลุ่มนี้ไม่ได้แตกต่างจากทุกคน บางคนไม่ต้องการสมรสก็มี

สำหรับการแบ่งเขตการเลือกตั้งของจังหวัดเชียงใหม่ จากเดิม 11 เขต เหลือ 10 เขตนั้น ได้มีการปรึกษาหารือพูดคุยกันแล้ว เขตที่มีการทับซ้อนกันและผู้สมัครที่ไม่ได้ลงก็ยังคงช่วยเหลือกันอยู่ แต่อาจจะเป็นปาร์ตี้ลิส ซึ่งต้องมีการเลือกแบบละเอียดอ่อนนิดหนึ่ง เพราะทั้งสองท่านที่ลงสมัครก็ลงพื้นที่อย่างเข้มข้นมาโดยตลอด ไม่ใช่แค่ช่วงนี้แต่ทั้งสองท่านก็ยังเป็นคนในพื้นที่ สนิทสนมกับชาวบ้านในพื้นที่อย่างแท้จริง ก็อาจจะไม่ต่างกับพรรคอื่นเท่าไหร่ ส่วนปัญหาด้านความขัดแย้งภายในพรรคจากการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ของ กกต.นั้น ทางพรรคเราเน้นความปรองดองกันอยู่แล้ว คิดว่าไม่มีปัญหาความขัดแย้ง ทุกคนที่มาอยู่จุดนี้ไม่ไช่มาเพื่อตนเองแต่มาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับเมืองเชียงใหม่, ภาคเหนือ และประเทศไทยอย่างแท้จริง ซึ่งวันที่ 18 มีนาคม 66 นี้คงจะทราบอย่างชัดเจนเรื่องของการแบ่งเขตพื้นที่การเลือกตั้ง พรรรครวมแผ่นดิน เน้นทันสมัย ไม่ละเลยสิ่งที่คนรุ่นเก่าสร้างมา ไม่ลืมรากเหง้า “ทันสมัย ก้าวหน้า แต่ไม่ก้าวร้าว” อยากผลักดันให้เชียงใหม่เป็นเขตพื้นที่เศรษฐกิจท่องเที่ยวพิเศษ ทางพรรคไม่เน้นการแจกเงิน แต่เน้นการสร้างโอกาส สร้างเศรษฐกิจให้มีการเติบโต คนไม่ต้องไปทำงานต่างจังหวัด เมื่อการท่องเที่ยวเติบโต ก็จะมีโรงแรม ร้านค้า ร้านอาหารที่พัฒนามากขึ้น และจะมีการจ้างงานมากขึ้น การแจกเงินไม่ใช่หนทางแก้ไข เพราะหากแจกหมดแล้วต้องกู้มาแจกอีก แล้วจะกู้มาตลอดไม่ได้ ต้องเน้นการสร้างงาน สร้างรายได้ระยะยาว ไม่ใช่เน้นการแจกเงินอย่างเดียว

ทางด้าน ดร.วุฒิพงศ์ ถายะพิงค์ ที่ปรึกษาวิชการโครงการ Change Together กล่าวว่า กลุ่ม LGBIQI+ นี้ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ พรรคนี้ดูแลตั้งแต่เกิด จนถึงสูงอายุ พรรคอื่นส่งเสริมแต่สมรสเท่าเทียม พรรคเราผลักดันอยู่แล้ว แต่ผมเป็นนักสุขภาพจิตเจอปัญหาของกลุ่ม LGBIQI+ มาเยอะ เด็กพอจำความได้ตั้งแต่เกิดควรมีสิทธิในการเลือกสภาพเพศของตัวเอง ซึ่งพ่อแม่ก็มีความขัดแย้งในใจ มีผลกระทบกับคนกลุ่มนี้จริงๆ รวมไปถึงหญิงข้ามเพศ ชายข้ามเพศ จำเป็นต้องรับประทานและฉีดฮอร์โมนทุก 3 อาทิตย์ ราคา 100 กว่าบาท แต่สิทธิตรงนี้เขาควรได้รับจากรัฐ แต่รัฐไม่สามารถจ่ายให้ได้ ในความเป็นมนุษย์ที่เขาเลือกแล้วว่าจะเป็นอย่างไร แต่จำป็นต้องใช้ยาในการทำนุบำรุงสภาพร่างกายให้เขาเป็นในสิ่งที่เขาอยากเป็น เขาควรได้จากภาครัฐ และในกลุ่มนี้ที่เป็นผู้สูงอายุ ที่มีความเหงา เศร้า กระทั่งคิดอยากฆ่าตัวตาย เพราะคิดว่าอยู่แล้วสังคมก็แปลกแยกไป ทางพรรคมีแนวคิดจะจัดตั้งชมรม LGBIQI+ ของผู้สูงอายุทุกอำเภอ เพราะคนเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญดูแลเฉพาะ จะได้ไม่เหงา ไม่คิดฆ่าตัวตาย เป้าหมายของพรรคคือดูแลทั้งชีวิตไม่ใช่แค่การสมรสเท่าเทียมเดินขนานทุกเพศ ทุกวัยในชุมชน ไม่แตกแยก อาจมีชมรมเกิดขึ้น รวมตัว 10 -20 คน เบื้องต้น มีนักสุขภาพจิตดูแลสุขภาพจิต สุขภาพร่างกาย สภาพสังคม ผลักดันสวัสดิการที่เขาพึงมี ปัจจุบันมีคนที่เป็นเกย์ อย่างเดียวประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ของประชาชนทั้งหมด และการเกณฑ์ทหารก็จะพบกลุ่มคนต่างเพศ ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อรวมกับผู้สูงอายุ LGBIQI+ อีก ทั้งหมดภาพรวมที่เป็นคนต่างเพศมีไม่ต่ำกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป นอกจากนี้อาจมีการจัดตั้งโรงเรียนขึ้นในทุกอำเภอ เป็นหลักสูตรสำหรับใครที่จะแต่งงาน มีครอบครัว ก่อนจะมีลูกต้องเข้าโรงเรียนนี้ก่อน หากลูกเกิดออกมาแล้วเป็นกลุ่มนี้จะได้มีวิธีดูแลอย่างไร บางอย่่างอาจเหมือนคนทั่วไป บางอย่างอาจแตกต่างออกไป ก็จะได้ทำให้เกิดภาพสังคมที่เท่าเทียมกันไม่กีดกันเด็ก

นายพรชัย จิตนวเสถียร สมาชิกทีม Change Together กล่าวว่า การยอมรับคนกลุ่ม LGBIQI+ ตั้งแต่จำความได้ว่าตนเองเลือกเป็นอะไร จะลดปัญหาของสังคมที่เด็กถูกบูลลี่ การถูกเพื่อนล้อจน้อยใจอาจจะฆ่าตัวตาย ปัญหาต่างๆ เหล่านี้จะหมดไป จะเกิดผลดีกับประเทศอย่างมากจากกกลุ่ม LGBIQI+ ซึ่งคนเหล่านี้ก็จะมีประสิทธิภาพในการพัฒนาตนเองและพัฒนาประเทศด้วย การดูแลตั้งแต่เด็กที่จำความได้ว่าตนเองเป็นอะไร จนถึงวัยชรา การตั้งกลุ่มดูแลในแต่ละอำเภอเป็นการดูแลอย่างแท้จริงให้เกิดสิทธิประโยชน์ของคนกลุ่มนี้อย่างเท่าเทียม.

ทรงวุฒิ ทับทอง

(มีคลิป) “มาดามหยก” เอาใจกลุ่มต่างเพศ เน้นดูแลตั้งแต่เด็กจนถึงวัยชรา เปอเวทีสัมนา “Change Together เปลี่ยนไปด้วยกันอย่างเท่าเทียม” เชียงใหม่

“มาดามหยก” เอาใจกลุ่มต่างเพศ เน้นดูแลตั้งแต่เด็กจนถึงวัยชรา เปอเวทีสัมนา “Change Together เปลี่ยนไปด้วยกันอย่างเท่าเทียม” เชียงใหม่

“มาดามหยก” เอาใจกลุ่มต่างเพศ เน้นดูแลตั้งแต่เด็กจนถึงวัยชรา ตั้งชมรมทุกอำเภอดูแลสุขภาพจิตและร่างกาย พบปัจจุบันมีคนกลุ่มนี้ในประเทศมากกว่า 35 % ที่ต้องได้รับการดูแล ลดปัญหาฆ่าตัวตายจากการถูกบูลลี่

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 มี.ค. 66 นางสาวกชพร เวโรจน์ หรือ “มาดามหยก” ประธานที่ปรึกษาพรรครวมแผ่นดิน พร้อมพล.อ.ชัชชัย ภัทรนาวิก หัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน พร้อมคณะผู้บริหารพรรค เปิดเวทีสัมมนาร่วมพูดคุยประเด็นหัวข้อ “LGBTQ+ เสรีภาพทางเพศสู่ความหลากหลายอย่างเท่าเทียม” โดยมี ดร.วุฒิพงศ์ ถายะพิงค์ ที่ปรึกษาวิชการโครงการ Change Together เปลี่ยนไปด้วยกัน ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์มูลนิธิเอ็มเพลส ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์กองประกวดนางสาวเชียงใหม่ในดวงใจ พร้อมด้วย นายจิตศักดิ์ หลิมภากรกุล (เชฟจีโน่) , เต้ นันทศัย, ตฤณ เศรษฐโชค , ไอยศูรย์ ไมดาน พร้อมด้วยสมาชิกทีม Change Together ได้ร่วมกันจัดเวทีปราศรัย “นโยบายส่งเสริมกลุ่ม LGBIQI+ แบบครบวงจรของพรรครวมแผ่นดิน” ณ ห้องแกรนด์วิว 2 โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีกลุ่มประชาชนชาวเชียงใหม่ และกลุ่มคนรักต่างเพศ ได้เข้ามาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

นางสาวกชพร เวโรจน์ หรือมาดามหยก ประธานที่ปรึกษาพรรครวมแผ่นดิน กล่าวว่า การจัดเวทีในวันนี้เพื่อยืนยันและแสดงถึงนโยบายสิทธิเท่าเทียมกันของ LGBIQI+ อยากให้ทุกคนให้เกียรติซึ่งกันและกัน ลดความเหลื่อมล้ำ พรรคการเมืองอื่นก็มีนโยบายสมรสเท่าเทียม แต่สิ่งที่คนเหล่านี้ต้องการมากกว่าคือ สุขภาพพจิต สุขภาพกาย ที่เราต้องส่งเสริม ต้องช่วยเหลือกลุ่มนี้ตั้งแต่เกิดถึงเสียชีวิต สิทธิการแสดงออก การยอมรับทางสังคม การให้เกียรติซึ่งกันและกัน เป็นความต้องการที่แท้จริงของคนกลุ่มนี้ เพราะคนกลุ่มนี้ไม่ได้แตกต่างจากทุกคน บางคนไม่ต้องการสมรสก็มี

สำหรับการแบ่งเขตการเลือกตั้งของจังหวัดเชียงใหม่ จากเดิม 11 เขต เหลือ 10 เขตนั้น ได้มีการปรึกษาหารือพูดคุยกันแล้ว เขตที่มีการทับซ้อนกันและผู้สมัครที่ไม่ได้ลงก็ยังคงช่วยเหลือกันอยู่ แต่อาจจะเป็นปาร์ตี้ลิส ซึ่งต้องมีการเลือกแบบละเอียดอ่อนนิดหนึ่ง เพราะทั้งสองท่านที่ลงสมัครก็ลงพื้นที่อย่างเข้มข้นมาโดยตลอด ไม่ใช่แค่ช่วงนี้แต่ทั้งสองท่านก็ยังเป็นคนในพื้นที่ สนิทสนมกับชาวบ้านในพื้นที่อย่างแท้จริง ก็อาจจะไม่ต่างกับพรรคอื่นเท่าไหร่ ส่วนปัญหาด้านความขัดแย้งภายในพรรคจากการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ของ กกต.นั้น ทางพรรคเราเน้นความปรองดองกันอยู่แล้ว คิดว่าไม่มีปัญหาความขัดแย้ง ทุกคนที่มาอยู่จุดนี้ไม่ไช่มาเพื่อตนเองแต่มาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับเมืองเชียงใหม่, ภาคเหนือ และประเทศไทยอย่างแท้จริง ซึ่งวันที่ 18 มีนาคม 66 นี้คงจะทราบอย่างชัดเจนเรื่องของการแบ่งเขตพื้นที่การเลือกตั้ง พรรรครวมแผ่นดิน เน้นทันสมัย ไม่ละเลยสิ่งที่คนรุ่นเก่าสร้างมา ไม่ลืมรากเหง้า “ทันสมัย ก้าวหน้า แต่ไม่ก้าวร้าว” อยากผลักดันให้เชียงใหม่เป็นเขตพื้นที่เศรษฐกิจท่องเที่ยวพิเศษ ทางพรรคไม่เน้นการแจกเงิน แต่เน้นการสร้างโอกาส สร้างเศรษฐกิจให้มีการเติบโต คนไม่ต้องไปทำงานต่างจังหวัด เมื่อการท่องเที่ยวเติบโต ก็จะมีโรงแรม ร้านค้า ร้านอาหารที่พัฒนามากขึ้น และจะมีการจ้างงานมากขึ้น การแจกเงินไม่ใช่หนทางแก้ไข เพราะหากแจกหมดแล้วต้องกู้มาแจกอีก แล้วจะกู้มาตลอดไม่ได้ ต้องเน้นการสร้างงาน สร้างรายได้ระยะยาว ไม่ใช่เน้นการแจกเงินอย่างเดียว

ทางด้าน ดร.วุฒิพงศ์ ถายะพิงค์ ที่ปรึกษาวิชการโครงการ Change Together กล่าวว่า กลุ่ม LGBIQI+ นี้ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ พรรคนี้ดูแลตั้งแต่เกิด จนถึงสูงอายุ พรรคอื่นส่งเสริมแต่สมรสเท่าเทียม พรรคเราผลักดันอยู่แล้ว แต่ผมเป็นนักสุขภาพจิตเจอปัญหาของกลุ่ม LGBIQI+ มาเยอะ เด็กพอจำความได้ตั้งแต่เกิดควรมีสิทธิในการเลือกสภาพเพศของตัวเอง ซึ่งพ่อแม่ก็มีความขัดแย้งในใจ มีผลกระทบกับคนกลุ่มนี้จริงๆ รวมไปถึงหญิงข้ามเพศ ชายข้ามเพศ จำเป็นต้องรับประทานและฉีดฮอร์โมนทุก 3 อาทิตย์ ราคา 100 กว่าบาท แต่สิทธิตรงนี้เขาควรได้รับจากรัฐ แต่รัฐไม่สามารถจ่ายให้ได้ ในความเป็นมนุษย์ที่เขาเลือกแล้วว่าจะเป็นอย่างไร แต่จำป็นต้องใช้ยาในการทำนุบำรุงสภาพร่างกายให้เขาเป็นในสิ่งที่เขาอยากเป็น เขาควรได้จากภาครัฐ และในกลุ่มนี้ที่เป็นผู้สูงอายุ ที่มีความเหงา เศร้า กระทั่งคิดอยากฆ่าตัวตาย เพราะคิดว่าอยู่แล้วสังคมก็แปลกแยกไป ทางพรรคมีแนวคิดจะจัดตั้งชมรม LGBIQI+ ของผู้สูงอายุทุกอำเภอ เพราะคนเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญดูแลเฉพาะ จะได้ไม่เหงา ไม่คิดฆ่าตัวตาย เป้าหมายของพรรคคือดูแลทั้งชีวิตไม่ใช่แค่การสมรสเท่าเทียมเดินขนานทุกเพศ ทุกวัยในชุมชน ไม่แตกแยก อาจมีชมรมเกิดขึ้น รวมตัว 10 -20 คน เบื้องต้น มีนักสุขภาพจิตดูแลสุขภาพจิต สุขภาพร่างกาย สภาพสังคม ผลักดันสวัสดิการที่เขาพึงมี ปัจจุบันมีคนที่เป็นเกย์ อย่างเดียวประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ของประชาชนทั้งหมด และการเกณฑ์ทหารก็จะพบกลุ่มคนต่างเพศ ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อรวมกับผู้สูงอายุ LGBIQI+ อีก ทั้งหมดภาพรวมที่เป็นคนต่างเพศมีไม่ต่ำกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป นอกจากนี้อาจมีการจัดตั้งโรงเรียนขึ้นในทุกอำเภอ เป็นหลักสูตรสำหรับใครที่จะแต่งงาน มีครอบครัว ก่อนจะมีลูกต้องเข้าโรงเรียนนี้ก่อน หากลูกเกิดออกมาแล้วเป็นกลุ่มนี้จะได้มีวิธีดูแลอย่างไร บางอย่่างอาจเหมือนคนทั่วไป บางอย่างอาจแตกต่างออกไป ก็จะได้ทำให้เกิดภาพสังคมที่เท่าเทียมกันไม่กีดกันเด็ก

นายพรชัย จิตนวเสถียร สมาชิกทีม Change Together กล่าวว่า การยอมรับคนกลุ่ม LGBIQI+ ตั้งแต่จำความได้ว่าตนเองเลือกเป็นอะไร จะลดปัญหาของสังคมที่เด็กถูกบูลลี่ การถูกเพื่อนล้อจน้อยใจอาจจะฆ่าตัวตาย ปัญหาต่างๆ เหล่านี้จะหมดไป จะเกิดผลดีกับประเทศอย่างมากจากกกลุ่ม LGBIQI+ ซึ่งคนเหล่านี้ก็จะมีประสิทธิภาพในการพัฒนาตนเองและพัฒนาประเทศด้วย การดูแลตั้งแต่เด็กที่จำความได้ว่าตนเองเป็นอะไร จนถึงวัยชรา การตั้งกลุ่มดูแลในแต่ละอำเภอเป็นการดูแลอย่างแท้จริงให้เกิดสิทธิประโยชน์ของคนกลุ่มนี้อย่างเท่าเทียม.

ทรงวุฒิ ทับทอง

(มีคลิป) “มาดามหยก” เอาใจกลุ่มต่างเพศ เน้นดูแลตั้งแต่เด็กจนถึงวัยชรา เปอเวทีสัมนา “Change Together เปลี่ยนไปด้วยกันอย่างเท่าเทียม” เชียงใหม่

“มาดามหยก” เอาใจกลุ่มต่างเพศ เน้นดูแลตั้งแต่เด็กจนถึงวัยชรา เปอเวทีสัมนา “Change Together เปลี่ยนไปด้วยกันอย่างเท่าเทียม” เชียงใหม่

“มาดามหยก” เอาใจกลุ่มต่างเพศ เน้นดูแลตั้งแต่เด็กจนถึงวัยชรา ตั้งชมรมทุกอำเภอดูแลสุขภาพจิตและร่างกาย พบปัจจุบันมีคนกลุ่มนี้ในประเทศมากกว่า 35 % ที่ต้องได้รับการดูแล ลดปัญหาฆ่าตัวตายจากการถูกบูลลี่

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 มี.ค. 66 นางสาวกชพร เวโรจน์ หรือ “มาดามหยก” ประธานที่ปรึกษาพรรครวมแผ่นดิน พร้อมพล.อ.ชัชชัย ภัทรนาวิก หัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน พร้อมคณะผู้บริหารพรรค เปิดเวทีสัมมนาร่วมพูดคุยประเด็นหัวข้อ “LGBTQ+ เสรีภาพทางเพศสู่ความหลากหลายอย่างเท่าเทียม” โดยมี ดร.วุฒิพงศ์ ถายะพิงค์ ที่ปรึกษาวิชการโครงการ Change Together เปลี่ยนไปด้วยกัน ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์มูลนิธิเอ็มเพลส ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์กองประกวดนางสาวเชียงใหม่ในดวงใจ พร้อมด้วย นายจิตศักดิ์ หลิมภากรกุล (เชฟจีโน่) , เต้ นันทศัย, ตฤณ เศรษฐโชค , ไอยศูรย์ ไมดาน พร้อมด้วยสมาชิกทีม Change Together ได้ร่วมกันจัดเวทีปราศรัย “นโยบายส่งเสริมกลุ่ม LGBIQI+ แบบครบวงจรของพรรครวมแผ่นดิน” ณ ห้องแกรนด์วิว 2 โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีกลุ่มประชาชนชาวเชียงใหม่ และกลุ่มคนรักต่างเพศ ได้เข้ามาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

นางสาวกชพร เวโรจน์ หรือมาดามหยก ประธานที่ปรึกษาพรรครวมแผ่นดิน กล่าวว่า การจัดเวทีในวันนี้เพื่อยืนยันและแสดงถึงนโยบายสิทธิเท่าเทียมกันของ LGBIQI+ อยากให้ทุกคนให้เกียรติซึ่งกันและกัน ลดความเหลื่อมล้ำ พรรคการเมืองอื่นก็มีนโยบายสมรสเท่าเทียม แต่สิ่งที่คนเหล่านี้ต้องการมากกว่าคือ สุขภาพพจิต สุขภาพกาย ที่เราต้องส่งเสริม ต้องช่วยเหลือกลุ่มนี้ตั้งแต่เกิดถึงเสียชีวิต สิทธิการแสดงออก การยอมรับทางสังคม การให้เกียรติซึ่งกันและกัน เป็นความต้องการที่แท้จริงของคนกลุ่มนี้ เพราะคนกลุ่มนี้ไม่ได้แตกต่างจากทุกคน บางคนไม่ต้องการสมรสก็มี

สำหรับการแบ่งเขตการเลือกตั้งของจังหวัดเชียงใหม่ จากเดิม 11 เขต เหลือ 10 เขตนั้น ได้มีการปรึกษาหารือพูดคุยกันแล้ว เขตที่มีการทับซ้อนกันและผู้สมัครที่ไม่ได้ลงก็ยังคงช่วยเหลือกันอยู่ แต่อาจจะเป็นปาร์ตี้ลิส ซึ่งต้องมีการเลือกแบบละเอียดอ่อนนิดหนึ่ง เพราะทั้งสองท่านที่ลงสมัครก็ลงพื้นที่อย่างเข้มข้นมาโดยตลอด ไม่ใช่แค่ช่วงนี้แต่ทั้งสองท่านก็ยังเป็นคนในพื้นที่ สนิทสนมกับชาวบ้านในพื้นที่อย่างแท้จริง ก็อาจจะไม่ต่างกับพรรคอื่นเท่าไหร่ ส่วนปัญหาด้านความขัดแย้งภายในพรรคจากการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ของ กกต.นั้น ทางพรรคเราเน้นความปรองดองกันอยู่แล้ว คิดว่าไม่มีปัญหาความขัดแย้ง ทุกคนที่มาอยู่จุดนี้ไม่ไช่มาเพื่อตนเองแต่มาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับเมืองเชียงใหม่, ภาคเหนือ และประเทศไทยอย่างแท้จริง ซึ่งวันที่ 18 มีนาคม 66 นี้คงจะทราบอย่างชัดเจนเรื่องของการแบ่งเขตพื้นที่การเลือกตั้ง พรรรครวมแผ่นดิน เน้นทันสมัย ไม่ละเลยสิ่งที่คนรุ่นเก่าสร้างมา ไม่ลืมรากเหง้า “ทันสมัย ก้าวหน้า แต่ไม่ก้าวร้าว” อยากผลักดันให้เชียงใหม่เป็นเขตพื้นที่เศรษฐกิจท่องเที่ยวพิเศษ ทางพรรคไม่เน้นการแจกเงิน แต่เน้นการสร้างโอกาส สร้างเศรษฐกิจให้มีการเติบโต คนไม่ต้องไปทำงานต่างจังหวัด เมื่อการท่องเที่ยวเติบโต ก็จะมีโรงแรม ร้านค้า ร้านอาหารที่พัฒนามากขึ้น และจะมีการจ้างงานมากขึ้น การแจกเงินไม่ใช่หนทางแก้ไข เพราะหากแจกหมดแล้วต้องกู้มาแจกอีก แล้วจะกู้มาตลอดไม่ได้ ต้องเน้นการสร้างงาน สร้างรายได้ระยะยาว ไม่ใช่เน้นการแจกเงินอย่างเดียว

ทางด้าน ดร.วุฒิพงศ์ ถายะพิงค์ ที่ปรึกษาวิชการโครงการ Change Together กล่าวว่า กลุ่ม LGBIQI+ นี้ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ พรรคนี้ดูแลตั้งแต่เกิด จนถึงสูงอายุ พรรคอื่นส่งเสริมแต่สมรสเท่าเทียม พรรคเราผลักดันอยู่แล้ว แต่ผมเป็นนักสุขภาพจิตเจอปัญหาของกลุ่ม LGBIQI+ มาเยอะ เด็กพอจำความได้ตั้งแต่เกิดควรมีสิทธิในการเลือกสภาพเพศของตัวเอง ซึ่งพ่อแม่ก็มีความขัดแย้งในใจ มีผลกระทบกับคนกลุ่มนี้จริงๆ รวมไปถึงหญิงข้ามเพศ ชายข้ามเพศ จำเป็นต้องรับประทานและฉีดฮอร์โมนทุก 3 อาทิตย์ ราคา 100 กว่าบาท แต่สิทธิตรงนี้เขาควรได้รับจากรัฐ แต่รัฐไม่สามารถจ่ายให้ได้ ในความเป็นมนุษย์ที่เขาเลือกแล้วว่าจะเป็นอย่างไร แต่จำป็นต้องใช้ยาในการทำนุบำรุงสภาพร่างกายให้เขาเป็นในสิ่งที่เขาอยากเป็น เขาควรได้จากภาครัฐ และในกลุ่มนี้ที่เป็นผู้สูงอายุ ที่มีความเหงา เศร้า กระทั่งคิดอยากฆ่าตัวตาย เพราะคิดว่าอยู่แล้วสังคมก็แปลกแยกไป ทางพรรคมีแนวคิดจะจัดตั้งชมรม LGBIQI+ ของผู้สูงอายุทุกอำเภอ เพราะคนเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญดูแลเฉพาะ จะได้ไม่เหงา ไม่คิดฆ่าตัวตาย เป้าหมายของพรรคคือดูแลทั้งชีวิตไม่ใช่แค่การสมรสเท่าเทียมเดินขนานทุกเพศ ทุกวัยในชุมชน ไม่แตกแยก อาจมีชมรมเกิดขึ้น รวมตัว 10 -20 คน เบื้องต้น มีนักสุขภาพจิตดูแลสุขภาพจิต สุขภาพร่างกาย สภาพสังคม ผลักดันสวัสดิการที่เขาพึงมี ปัจจุบันมีคนที่เป็นเกย์ อย่างเดียวประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ของประชาชนทั้งหมด และการเกณฑ์ทหารก็จะพบกลุ่มคนต่างเพศ ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อรวมกับผู้สูงอายุ LGBIQI+ อีก ทั้งหมดภาพรวมที่เป็นคนต่างเพศมีไม่ต่ำกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป นอกจากนี้อาจมีการจัดตั้งโรงเรียนขึ้นในทุกอำเภอ เป็นหลักสูตรสำหรับใครที่จะแต่งงาน มีครอบครัว ก่อนจะมีลูกต้องเข้าโรงเรียนนี้ก่อน หากลูกเกิดออกมาแล้วเป็นกลุ่มนี้จะได้มีวิธีดูแลอย่างไร บางอย่่างอาจเหมือนคนทั่วไป บางอย่างอาจแตกต่างออกไป ก็จะได้ทำให้เกิดภาพสังคมที่เท่าเทียมกันไม่กีดกันเด็ก

นายพรชัย จิตนวเสถียร สมาชิกทีม Change Together กล่าวว่า การยอมรับคนกลุ่ม LGBIQI+ ตั้งแต่จำความได้ว่าตนเองเลือกเป็นอะไร จะลดปัญหาของสังคมที่เด็กถูกบูลลี่ การถูกเพื่อนล้อจน้อยใจอาจจะฆ่าตัวตาย ปัญหาต่างๆ เหล่านี้จะหมดไป จะเกิดผลดีกับประเทศอย่างมากจากกกลุ่ม LGBIQI+ ซึ่งคนเหล่านี้ก็จะมีประสิทธิภาพในการพัฒนาตนเองและพัฒนาประเทศด้วย การดูแลตั้งแต่เด็กที่จำความได้ว่าตนเองเป็นอะไร จนถึงวัยชรา การตั้งกลุ่มดูแลในแต่ละอำเภอเป็นการดูแลอย่างแท้จริงให้เกิดสิทธิประโยชน์ของคนกลุ่มนี้อย่างเท่าเทียม.

ทรงวุฒิ ทับทอง