google.com, pub-2709829493138336, DIRECT, f08c47fec0942fa0

จันทบุรี พรรคเพื่อไทยขนขุนพลปราศรัยใหญ่ หวังเรียกคะแนนแลนด์สไลด์ให้ผู้สมัครในจังหวัดจันทบุรี

ค่ำวันที่ ( 4 พ.ค.66) ที่สนามสามเหลี่ยมทุ่งนาเชย อ.เมือง จ.จันทบุรี พรรคเพื่อไทยนำผู้บริหารพรรคลงพื้นที่ปราศรัยใหญ่ ช่วยผู้สมัคร ส.ส. พรรคเพื่อไทย ในจังหวัดจันทบุรี ทั้ง 3 เขต โดยเขต1 มีนายมงคล ศรีคำแหง เบอร์2 เขต2 นายวันทิต ตั้งรักษาสัตย์ เบอร์2 และเขต3 นายแสนคม อานามพงษ์ เบอร์3 เน้นชูนโยบายของพรรค คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน หยุดสืบทอดอำนาจ ชูนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล เติมเงินหมื่นไม่จำกัดคนในครัวเรือน’ พลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย คนจันทบุรีจะต้องมีชีวิตใหม่ ท่องเที่ยว ผลไม้และอัญมณีไทย ต้องกลับมายืนหนึ่งระดับโลก เน้นเลือกยกทีมทั้งคนทั้งพรรค เพื่อแลนด์สไลด์ หยุดการสืบทอดอำนาจ
โดยเน้นโจมตีรัฐบาลว่าไม่เคยสนใจชาวจันทบุรี

ย้ำเกษตรกรและชาวจันทร์ต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าวันนี้ ขยายเส้นทางรถไฟเพื่อขนส่งสินค้าทางการเกษต รวมทั้งสนามบินและท่าเรือขนส่งสินค้าพัฒนาการท่องเที่ยว รวมชูการค้าชายแดนระหว่างประเทศ ลดค่าน้ำค่าไฟทันทีที่ได้เป็นรัฐบาล

โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดง และผู้สนใจร่วมฟังการปราศรัยจำนวนมากเจ็มพื้นที่สนามสามเหลี่ยม มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง กอ.รมน. ทั้งในและนอกเครื่องแบบสังเกตุการณ์ดูแลความสงบเรียบร้อย

ภาพ/ข่าว จรัล บรรยงคเสนา จ.จันทบุรี
พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์รวมข่าวภาคตะวันออก

“ไทยสร้างไทย” ปลุกพลังคนอีสานสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษ ชูความเจริญเทียบสิงคโปร์ เปลี่ยนทุ่งกุลาร้องไห้ เป็นทุ่งแห่งความสุข

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 4 พฤษภาคม 2566 ที่โรงเรียนปทุมรัตต์พิทยาคม อ.ปทุมรัตน์ จว.ร้อยเอ็ด คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ขึ้นเวทีปราศรัยของนายชัชวาล แพทยาไทย ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด เขต 7 เบอร์ 4 จากพรรคไทยสร้างไทย โดยมีประชาชนร่วมรับฟังจำนวนมาก

นายฐากร กล่าวปราศรัย ตอนหนึ่งว่า พรรคไทยสร้างไทยซึ่งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคและผู้บริหารพรรคมีเลือดเนื้อเชื้อไขคนอีสาน จะรวมพลังพลิกโฉมภาคอีสาน จากดินแดนแห่งความยากลำบาก เป็นดินแดนแห่งโอกาส และความหวัง

“พรรคไทยสร้างไทยจะทำให้อีสานเจริญรุ่งเรือง ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสร้างงานให้กับพี่น้องทั่วทั้งภาคอีสาน เราจะทำภาคอีสานให้รุ่งเรืองด้วยการสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือ North Eastern Economics Corridor ( NEEC ) เปรียบเหมือนเรายกสิงคโปร์มาไว้ที่ภาคอีสาน สิงคโปร์เจริญแบบไหน เราก็จะทำให้ภาคอีสานเจริญอย่างนั้น เราจะทำให้ทุ่งกุลาร้องไห้ เป็นทุ่งแห่งความสุข และเป็นทุ่งแห่งความอยู่ดีกินดีของพี่น้องชาวร้อยเอ็ด” เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย กล่าว

นายฐากร กล่าวย้ำว่า พรรคไทยสร้างไทยจะให้ชาวอีสานอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี อยู่ได้อย่างภาคภูมิใจ อยู่ด้วยน้ำพักน้ำแรง และจะใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมาทั้งชีวิต เพื่อสร้างความรุ่งเรืองให้กับคนอีสาน

ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ฯ ปราศรัยชูนโยบายอีสานมั่งคั่ง และบำนาญประชาชน เดือนละ 3,000 บาท และประกาศจุดยืนพรรคทางเลือก ไม่มีความขัดแย้ง ไม่เอาเผด็จการ ไม่ต้องการลุง

“เต้ มงคลกิตติ์” ลุยหาเสียงเพชรบูรณ์ ซื้อคืน ปตท.ลดค่าไฟ หนุนเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย

วันที่ 4 พฤษภาคม 2566 นายมงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมด้วยแกนนำพรรคไทยศรีวิไลย์ ประกอบด้วยนางสาวภคอร จันทรคณา อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ-รองหัวหน้าพรรค พล.ท.อัศวิน รัชฏานนท์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ-รองหัวหน้าพรรค นายวิวัฒน์ เจริญพาณิชย์ศิริ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ-รองหัวหน้าพรรค นายศยุน ชัยปัญญา เลขาธิการพรรค นายสรกฤช จันทรคณา โฆษกพรรค นางสาวอริญรดา สาระชัย นายทะเบียนพรรค ดร.อนวรรช ศรีคำเงิน กรรมการบริหารพรรค นางสาวณัฐปภัสร์ วรธันย์ผาสุข นางสาวเยาวเรศน์ ชินภักดี เจ้าหน้าที่พรรค ลงพื้นที่อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ เข้าสักการะศาลหลักเมืองเพชรบูรณ์ โดยมีผู้สมัคร สส.เขต 1 นายธนภาค บุ้งจันทร์ เขต 2 นายวิรัตน์ ป้องคำ เขต 3 นายยงค์วัฒน์ จันทร์คล้อย เขต 4 น.ส.ชัญพัช เฉลิมผา เขต 6 นางลาวัลย์ เนตรแสงสี ร่วมให้การต้อนรับ จากนั้นนำคณะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในศาลหลักเมืองคู่บ้านคู่เมืองเพชรบูรณ์ เพื่อความเป็นสิริมงคล เอาฤกษ์เอาชัยในการเลือกตั้งครั้งนี้ จากนั้น คณะพรรคไทยศรีวิไลย์ได้ขึ้นรถแห่ในเขตเทศบาลผ่านวงเวียนหอนาฬิกาเขาค้อ-เขาทราย และวงเวียนน้ำพุก่อนจะลงพบปะพ่อค้าแม่ค้าพี่น้องประชาชน และคนจ่ายตลาดในตลาดเทศบาล 1 และ 2 พร้อมแจกโบว์ชัวร์พรรค โดยมีพ่อค้าแม่ขายให้ความสนใจ และเข้ามาทักทายพูดคุย และขอเซลฟี่

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ กล่าวว่า ในโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ขณะนี้เท่าที่ทราบในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ มีการซื้อสิทธิขายเสียงกัน มีการเก็บบัตรประชาชน ตนมองว่าเป็นการเลือกตั้งที่ชั่วมาก เงินที่ซื้อสิทธิ์ซื้อเสียงเป็นที่โกงจากคาสิโนออนไลน์ บ่อน หวยและเงินคอรัปชั่นจากพลังงานหรือเงินจากการต่อสัญญาต่างๆ เงินเหล่านี้เป็นเงินทุจริตคอรัปชั่น เขาซื้อกันเขตละ 50-60 ล้าน บางเขต 100 ล้านมันคือภาษีของพวกเรา เขาโกงมา เขาก็มาซื้อพวกเรา อยากฝากพี่น้องประชาชนรับให้หมดทุกพรรค เค้าให้มาก็รับให้หมด แล้วไม่ต้องไปเลือกพวกมัน นั่นคือวิธีการกำจัดคนเลวให้พ้นจากการบริหารบ้านเมือง คือรับเงินทุจริตให้หมด รับเงินแล้วใช้ให้เร็วและขอเพิ่มให้ต้องการให้คนซื้อเสียงให้แพ้การเลือกตั้ง ให้ล้มละลาย ให้เจ๊ง สักพักคดีจะติดตามมา ต้องติดคุกแล้วเราไปเลือกคนที่ไม่ซื้อเสียง ถือเป็นการปราบคนไม่ดีและส่งเสริมให้คนดีเข้ามาบริหารบ้านเมือง กกต.มีกำลังน้อย คงตรวจไม่ทัน ดังนั้นวิธีการแก้เผ็ดนักการเมือง คือรีดเอามาให้หมด รีดจนมันจนหมดเลย ฝากไว้ด้วยครับ
ส่วนเรื่องไฟฟ้าแพง ก็เพราะรัฐบาลยุคนี้ ไปทำสัญญาซื้อไฟฟ้ากับเอกชน 18,000 เมกะวัตต์ ทั้งที่ประเทศไทยใช้ไม่เกิน 33,000 เมกะวัตต์ ตอนนี้ไฟสำรองมี 51,000 เมกะวัตต์ ทำให้ค่า FT เพิ่มขึ้นเกือบ 1 บาทต่อหน่วย ประเทศไทยมี 12 เดือน มีหน้าร้อน 3-4 เดือน นอกนั้นก็เป็นหน้าฝนกับหน้าหนาว ไม่รู้จะสำรองไว้ทำไมมากมาย ถ้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เป็นรัฐบาลประชุมนัดแรก จะกำหนดยกเลิกสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับเอกชนทันที และออกเป็นพระราชกำหนด และจะทำทันทีอีกคือซื้อ ปตท.คืน ปตท.ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำไฟฟ้าแพง ซึ่งหากเราทำตามนี้จะทำให้ค่าไฟฟ้าไม่เกิน 4 บาทต่อหน่วย แต่ถ่าเราใช้วิธีการอุดหนุนจะทำให้เราสูญเสียงบประมาณปีละ 6 แสนบาท นอกจากนี้พรรคจะผลักดันให้ออกกฏหมายนำสิ่งผิดกฏหมายสีเทาให้เป็นสีขาวแล้วนำภาษีมาดูแลพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นทำหวยใต้ดินให้มาอยู่บนดิน เพื่อเอามาดูแลคนชรา คนละ 5 พันต่อเดือน การเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษคาสิโนเอาเงินคนต่างชาติมาดูแลคนในประเทศ ดูแลคนจน คนพิการ ทหารผ่านศึก อสม. อปพร.เดือน 3 พันและที่สำคัญพรรคไทยศรีวิไลย์ จะไม่ขอยกเลิก มาตรา 112 จะไม่แก้ไขและไม่ยกเลิกด้วย และทางพรรคจะรณรงค์ใครที่ยกเลิกมาตรา 112 ถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ถือเป็นการคิดอ่านเป็นกบฏต่อราชอาณาจักรไทยและทางพรรคจะต่อต้านให้ถึงที่สุด

ดร.ชินชัย แก้วเรือน” ผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย จ.ลำพูน เขต 2 เบอร์ 7 เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ “นายชูวิทย์ กมลวิศิษย์”

…วันที่ 2/4/66 เวลา 14.36 น.
“ดร.ชินชัย แก้วเรือน”
ผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย จ.ลำพูน เขต 2 เบอร์ 7
เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ “นายชูวิทย์ กมลวิศิษย์”

ณ สถานีตำรวจภูธรเมืองลำพูน โดยมี พ.ต.อ.ฐิติพล อรุณสกุล ผกก.สภ.เมืองลำพูน, และ พ.ต.ต.อานนท์ ผงปง สวส.สภ.เมืองลำพูน เป็นผู้รับดำเนินการตามข้อเรียกร้อง ซึ่งมีผู้สื่อข่าวหลายสำนักเป็นสักขีพยาน
…ขอความเป็นธรรมความยุติธรรม จงสถิตอยู่ ณ บนโลกใบนี้ตลอดไป!!

ข้อความ การแจ้งความดำเนินคดี “นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์”…
ข้าพเจ้า “ดร.ชินชัย แก้วเรือน” เป็นผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย จ.ลำพูน เขต 2 หมายเลข 7
ข้าพเจ้าเริ่มเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2564 และได้สมัครลง ส.ส.พรรคภูมิใจไทย จ.ลำพูน เขต 2 ได้หมายเลข 7 เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2566
ในการสมัครเป็น ส.ส.พรรคภูมิใจไทยของข้าพเจ้า จะมีไลน์กลุ่มเฉพาะผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ซึ่งจะมีเรื่องปรึกษาหารือภายในกลุ่มฯ เท่านั้น
เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2566 ข้าพเจ้าได้เขียนข้อความโพสต์ลงในกลุ่มเฉพาะผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคฯ ได้บรรยายถึงความน้อยใจซึ่งมีข้อความว่า ทาง ฯพณฯ ทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย ที่ดูแล ส.ส.ในกลุ่มฯ ได้จัดงบฯ ให้น้อยไม่เพียงพอต่อการหาเสียง และหยอกเย้าท่านว่าเห็นสมควรเพิ่ม 3-5 ล้าน และมิเช่นนั้นจะยุติและปลดป้ายหาเสียง อันเป็นข้อความที่ยั่วเย้าท่าน สะท้อนปัญหาให้ท่านเห็นว่าการลงพื้นที่นั้นเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน และทาง ฯพณฯ ก็มิได้ว่ากระไร เพียงแต่ให้กำลังใจให้ทุกคนสู้ต่อไป ภายใต้ค่าใช้จ่ายที่ไม่เกิน 1.9 ล้าน ตามที่ กกต.กำหนด
ต่อมาเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2566 ข้าพเจ้าได้เห็นรายการทีวีในช่องยูทูป โดยมี “นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์” ได้นำข้อความดังกล่าวของข้าพเจ้า ที่ได้โพสต์ลงในกลุ่มเฉพาะผู้สมัครฯ ไปโพสต์ออกสื่อสาธารณะในช่องยูทูปและอีกหลายช่องสื่อ ในประการที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ข้าพเจ้าอย่างร้ายแรง คือ “นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์” ได้วิพากษ์วิจารณ์ว่า ข้อความของข้าพเจ้า เป็นการกระทำผิดกฎหมาย และกล่าวหาข้าพเจ้าว่า ได้เรียกร้องเงินจากพรรคฯ เพื่อนำมาซื้อสิทธิ์ขายเสียง ทำให้ข้าพเจ้าถูกเพื่อนฝูง, ทีมงานผู้หาเสียง, ญาติพี่น้อง, แฟนเพลง, แฟนคลับ,

และประชาชนทั่วไปในเขตพื้นที่เลือกตั้ง 5 อำเภอ 28 ตำบล 311 หมู่บ้าน ต่างดูหมิ่นเหยียดหยามข้าพเจ้าว่าเป็นคนเห็นแก่เงิน ต่อบุคคลเหล่านั้น อันเป็นบุคคลที่ 3
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ข้าพเจ้าไม่มีความคิดหรือมีพฤติกรรมอย่างที่ “นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์” กล่าวหาหรือวิพากษ์วิจารณ์ออกสื่อสาธารณะ อันเป็นการหมิ่นประมาทแก่ข้าพเจ้าด้วยการโฆษณาอย่างร้ายแรง ทำให้ข้าพเจ้าเสื่อมเสียชื่อเสียง เสียหายแก่เกียรติยศและศักดิ์ศรี เพราะข้าพเจ้าเป็นบุคคลสาธารณะที่มีคนรู้จักและเคารพนับถือหลากหลายระดับชั้น
ข้าพเจ้าจบระดับปริญญาเอก พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาพระพุทธศาสนา (Ph.D.) จาก มจร.วิทยาเขตเชียงใหม่, เป็นข้าราชการบำนาญ เป็นครูอาจารย์ที่มีลูกศิษย์มากมาย เป็นอดีตผู้บริหารท้องถิ่นในตำแหน่งนายก อบต.ศรีวิชัย อ.ลี้ ลำพูน, เป็นวิทยากรนักปกครองกระทรวงมหาดไทย, เป็นผู้ทรงคุณวุฒิในคณะอนุกรรมการพิจารณาลงโทษทางวินัยข้าราชการและพนักงานเทศบาล จ.ลำพูน, เป็นอดีตที่ปรึกษาคณะกรรมการธรรมาภิบาล จ.ลำพูน, และเป็นศิลปินล้านนาในนาม “หนุ่มล้านนา” ผู้ร้อง, ผู้แต่งเพลง “แอ่วปอยหลวงบ้านวังสะแกง” ที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทุกสารทิศ อันเป็นที่นิยมของแฟนเพลงมากมาย
และที่สำคัญการกระทำของ “นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์” ได้กระทบต่อการหาเสียงเลือกตั้งของข้าพเจ้าเป็นอย่างมาก และส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อ “พรรคภูมิใจไทย” ด้วย
ข้าพเจ้า จึงแจ้งความดำเนินคดี “นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์” จนคดีถึงที่สุด โดยยึดหลักกฎหมาย
1. ตาม พ.ร.ป.การเลือกตั้งผู้แทนราษฎร มาตรา 73
2. ตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดฐานหมิ่นประมาท มาตรา 326 และมาตรา 328
ผลจากความเสียหายอันเนื่องมาจากการกระทำของ “นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์” ที่วิพากษ์วิจารณ์ผ่านสื่อโฆษณาดังกล่าว ข้าพเจ้าจึงแจ้งความดำเนินคดีกับ “นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์” เพื่อเรียกร้องเกียรติยศ ชื่อเสียง และคะแนนเสียงของข้าพเจ้ากลับคืนมาโดยพลัน ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้านั้น ถือเป็นการประจาน เป็นการโพนทนา เป็นเจตนาของ “นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์” จนเกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง ขจรขจายไปทั่วประเทศ ทั่วโลก ข้าพเจ้าจึงเรียกร้องค่าเสียหายจาก “นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์” เป็นจำนวนเงิน 100 ล้านบาท (หนึ่งร้อยล้านบาทถ้วน) และขอดำเนินคดีจนถึงที่สุด
“ดร.ชินชัย แก้วเรือน”
2 พฤษภาคม 2566
สถานีตำรวจภูธรเมืองลำพูน
โทร.061-646-5553

กาฬสินธุ์พรรคไทยศรีวิไลย์บุกกาฬสินธุ์ขอใจชาวบ้านกาคะแนนให้เป็นรัฐบาล

กาฬสินธุ์พรรคไทยศรีวิไลย์บุกกาฬสินธุ์ขอใจชาวบ้านกาคะแนนให้เป็นรัฐบาล

พรรคไทยศรีวิไลย์ ของ “เต้ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์” บุกกาฬสินธุ์ บวงสรวงศาลหลักเมืองขอความเป็นสิริมงคล ก่อนขึ้นรถแห่ไฮปาร์ครอบเมือง ขอใจคนกาฬสินธุ์ กาคะแนนให้พรรคได้เป็นรัฐบาล เพื่อเข้าไปบริหารประเทศชาติ และจัดหาแหล่งน้ำให้ชาวกาฬสินธุ์อย่างเพียงพอ พร้อมให้คำมั่นสัญญา แก้ปัญหาทุกด้านให้กับประเทศชาติและประชาชน
วันที่ 3 พ.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.กาฬสินธุ์ พล.ท.อัศวิน รัชฏานนท์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมด้วยนายวิวัฒน์ เจริญพาณิชย์ศิริ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ นายศยุน ชัยปัญญา เลขาธิการพรรคฯ ดร.อนวรรช ศรีคำเงิน กรรมการบริหารพรรค นางสาวณัฐปภัสร์ วรธันย์ผาสุข และนางสาวเยาวเรศ ชินภักดี เจ้าหน้าที่พรรคฯ ลงพื้นที่หาเสียง โดยสักการะศาลหลักเมืองกาฬสินธุ์ เพื่อขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนจะขึ้นรถแห่จากบริเวณศาลหลักเมืองไปตามถนนภายในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ เพื่อปราศรัยนโยบายพรรค ขอคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชนชาวกาฬสินธุ์ ให้เลือกพรรคไทยศรีวิไลย์ เบอร์ 42 โดยมีประชาชน พ่อค้า แม่ค้า โบกไม้โบกมือ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักและอบอุ่น
นายวิวัฒน์ เจริญพาณิชย์ศิริ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวว่า วันนี้ตนและคณะ ได้ลงพื้นที่หาเสียงที่ จ.กาฬสินธุ์ ขณะที่ “เต้” มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ซึ่งทีแรกตั้งใจจะมาพบปะพี่น้องประชาชนด้วยตนเอง แต่เนื่องจากภารกิจด่วนที่ต่างจังหวัด จึงไม่ได้ร่วมคณะมาด้วย ทั้งนี้ หากมีโอกาสก็จะเดินทางมาที่ จ.กาฬสินธุ์แน่นอน เพราะทราบว่ามีแฟนคลับหลายกลุ่มวัย รอคอยที่จะพบปะกับ “เต้ มงคลกิตติ์” อยู่
นายวิวัฒน์กล่าวอีกว่า สำหรับพรรคไทยศรีวิไลย์ มีนโยบายหลักหลาย เช่น ด้านเศรษฐกิจ กองทุนแห่งชาติเก็บจาก Vat 7 เปอร์เซ็นต์ ปล่อยกู้ครอบครัวละ 1.5 หมื่น ดอกเบี้ย 0.01 เปอร์เซ็นต์ กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนหมู่บ้านละ 20 ล้าน, ด้านรัฐสวัสดิการ ยกเว้นค่าเล่าเรียน เบี้ยคนชรา 5,000 บาทต่อเดือน สวัสดิการ อสม.อปพร. และทหารผ่านศึกเดือนละ 3,000 บาท, ด้านพลังงานเพื่อลดค่าครองชีพและด้านเกษตรกรรมเพื่อลดต้นทุนสินค้าเกษตร น้ำมันเชื้อเพลิงไม่เกินลิตรละ 25 บาท ค่าไฟฟ้าไม่เกินหน่วยละ 4 บาท ก๊าซหุงต้มขนาดถัง 15 กก.ไม่เกิน 350 บาท

“นอกจากนี้ยังมีนโยบายด้านกระบวนการยุติธรรม, ด้านปราบปรามยาเสพติด, ด้านแก้หวยสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา, ด้านการจัดตั้งกระทรวงแพทย์แผนไทย, ด้านการจัดตั้งธนาคารแรงงาน, ด้านสวัสดิการบุตร พ่อ แม่ ของแผ่นดิน, ด้านจัดตั้งธนาคารกลางรวมหนี้ของข้าราชการ ลดดอกเบี้ยเงินกู้ไม่เกิน 2.5 เปอร์เซ็นต์, ด้านการเพิ่มเบี้ยผู้พิการเป็น 3,000 บาท รวมทั้งนโยบายด้านการแก้ปัญหายาเสพติด” นายวิวัฒน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับ จ.กาฬสินธุ์นั้น พรรคไทยศรีวิไลย์มีนโยบายในการที่จะจัดหาที่ทำกิน และพัฒนาแหล่งน้ำ ให้พี่น้องประชาชน มีน้ำใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตรอย่างเพียงพอ ทั้งนี้ ถึงแม้พรรคไทยศรีวิไลย์ จะไม่ได้ส่งผู้สมัคร ส.ส.ระบบแบ่งเขต แต่ขอให้คำมั่นสัญญาว่า มีความพร้อมที่จะเข้าไปบริหารประเทศชาติ และพัฒนาพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ให้เจริญเท่าเทียมทุกจังหวัดทั่วประเทศ ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จึงขอใจและขอโอกาสจากพี่น้องประชาชนชาวกาฬสินธุ์ โปรดเลือกส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยศรีวิไลย์ เบอร์ 42 เข้าไปบริหารประเทศ เพราะพรรคของเรามีความพร้อมแล้ว ที่จะทำหน้าที่เพื่อพี่น้องชาวกาฬสินธุ์

นครนายก – จับตามอง 2 ตระกูลใหญ่ บุญมา จากฝากฝั่งพรรคเพื่อไทย และกิตติธเนศวร จากฝั่งภูมิใจไทยเขต1 เมือง – ปากพลี

นครนายก – จับตามอง 2 ตระกูลใหญ่ บุญมา จากฝากฝั่งพรรคเพื่อไทย และกิตติธเนศวร จากฝั่งภูมิใจไทยเขต1 เมือง – ปากพลี

ซึ่งในสนามเลือกตั้งจังหวัดนครนายกนั้นถูกจับตามองเป็นพิเศษคือเขต 1 ซึ่งเป็นผู้สมัครหน้าใหม่กันทั้งคู่โดยเป็นศึกของ 2 ตระกูลใหญ่ตระกูล “บุญมา”และตระกูล “กิตติธเนศวร”ในพื้นที่เขต 1 อ.เมือง – ปากพลี โดยทางด้านนายปิยวัฒน์ กิตติธเนศวร สังกัดพรรคภูมิใจไทย ผู้สมัครได้หมายเลข 1 และ พล.ต.ต.สุรพล บุญมา สังกัดพรรคเพื่อไทย ผู้สมัครได้หมายเลข 3
ในพื้นที่จังหวัดนครนายก การเลือกตั้งครั้งนี้แบ่งเป็น 2 เขต จากเดิมมีเพียงเขตเดียว ซึ่ง ส.ส.เก่า นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร (เสี่ยอ๋า) เดิมสังกัดพรรคเพื่อไทย การเลือกตั้งครั้งนี้ย้ายพรรคเข้ามาสู่ภูมิใจไทย ลงเลือกตั้งเขต 2 อำเภอบ้านนาและองครักษ์ ซึ่งสู้กับหลานชายตัวเอง นายเกรียงไกร กิตติธเนศวร สังกัดพรรคเพื่อไทย

แต่สนามที่ดุเดือดคือเขต 1 อำเภอเมืองนครนายกและปากพลี ซึ่งมีผู้สมัครอย่าง พล.ต.ต.สุรพล บุญมา ผู้การแดง อดีตรองผู้บังคับการตำรวจภูธรนครนายก ซึ่งประกาศเปิดตัวเข้าสู่บ้านใหญ่ พรรคเพื่อไทย สู้ศึกกับลูกชายอดีต ส.ส.นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร (เสี่ยอ๋า) คือ นายปิยวัฒน์ กิตติธเนศวร สังกัดพรรคภูมิใจไทย

ด้าน พล.ต.ต.สุรพล บุญมา (ผู้การแดง) มีการเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี สำหรับการสู้ศึกการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยคนในพื้นที่จะรู้ดีในเรื่องที่โดดเด่นจากการช่วยเหลือ ซื้อรถพยาบาลรับ-ส่งผู้ป่วยโควิด19 เป็นคนแรกของนครนายกและมอบถุงปันสุข (ถุงยังชีพที่มีเครื่องอุปโภคบริโภคสำหรับกักตัว14วัน) รวมถึงการเดินทางของชาวนครนายกที่ต้องการกลับมารักษาตัวที่บ้านเกิดตามจังหวัดต่างๆ แบบไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ และยังโดดเด่นเรื่องการช่วยเหลือผู้ยากไร้มาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เออรี่ออกมาจากตำรวจที่ทำงานมากว่า 27 ปี ก็ได้ปูทางบนเส้นทางนักการเมืองอย่างเต็มตัวโดยฐานเสียงมาจากนามสกุล”บุญมา” ซึ่งเป็นครอบครัวนักการเมือง พี่ชายคนแรกเป็นอดีต สจ. พี่ชายคนที่สอง เป็นสว. และตนเองก่อนจะรับราชการ เคยเป็นอดีต สจ.2 สมัย ในปี 2532-2536 ในการเลือกตั้งใหญ่และเลือกตั้งซ้อม

ด้านนายปิยวัฒน์ กิตติธเนศวร (อ๋อง) ลูกชาย ส.ส.นครนายก ซึ่งดูแลธุรกิจรับเหมาทำถนนของครอบครัว ซึ่งเป็นการลงเลือกตั้งครั้งแรก ในนามพรรคภูมิใจไทย โดยฐานเสียงได้คะแนนจากคุณพ่อคือ เสี่ยอ๋า โดยอ๋อง ได้มีการปูทางในเส้นทางการเมือง โดยเรื่องที่โดดเด่น คือซื้อรถพยาบาลส่งผู้ป่วยโควิด 19 ให้การช่วยเหลือพี่น้องที่ยากไร้ และ ช่วยเหลือคนที่ติดโควิด ในครั้งที่นครนายก วิกฤติ

โดยภาพรวมนั้น สนามเรื่องตั้งของนครนายก ปีนี้ค่อนข้างดุเดือนและถูกจับตาคือ ผู้การแดงและเสี่ยอ๋องและตัวสอดแทรกแซกอย่างนายสมพงษ์ สายทอง คนในพื้นที่มอง ว่าเป็นฝ่ายแดงกับน้ำเงิน มีการสู้กันแบบหมัดต่อหมัด บ้านใหญ่ทั้ง 2 บ้าน คือบ้าน “บุญมา”และ บ้าน”กิตติธเนศวร” ต่อจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนชาวจังหวัดนครนายกว่าจะเลือกใครที่ผ่านมาใครมีผลงานและช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่มากกว่ากันอยู่ที่ชาวจังหวัดนครนายกจะเป็นผู้เลือก

นครนายก – เขต 2 อ.บ้านนา – อ.องครักษ์ ศึกสายเลือดตระกูล”กิตติธเนศวร”

อีก 1 สนามในเขต 2 อ.บ้านนา – อ.องครักษ์ ศึกสายเลือดตระกูล”กิตติธเนศวร”ระหว่าง นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร (เสี่ยอ๋า) อดีต ส.ส.นครนายก จากพรรค ภูมิใจไทย ได้หมายเลข 1 ต้องชนกับนายเกรียงไกร กิตติธเนศวร พรรคเพื่อไทย ได้หมายเลข 5 เป็นศึกระหว่างอากับหลานตระกูล”กิตติธเนศวร”ในเขตที่ 2 จ.นครนายก เป็นพื้นที่ อ.บ้านนาและอ.องครักษ์ แต่เดิมมีผู้สมัครจาก 2 พรรค แต่นามสกุลเดียวกัน คือ นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร หรือ “เสี่ยอ๋า” จากพรรคภูมิใจไทย ลงชิงชัยกับนายเกรียงไกร กิตติธเนศวร จากพรรคเพื่อไทย บุตรชายของ “เสี่ยแหมะ” สิทธิชัย กิตติธเนศวร อดีต ส.ส.นครนายก แต่เดิม พื้นที่นี้ นายวุฒิชัยเป็นเจ้าของเก้าอี้ แต่เมื่อย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย บวกกับกระแสแลนด์สไลด์ ของพรรคเพื่อไทย ทำให้นายวุฒิชัย ต้องออกแรงสู้กับผู้เป็นหลานอย่างค่อนข้างหนักหน่วง

สังเวียนเลือกตั้งส.ส.นครนายกเขต 2 จึงน่าจะเป็นการชิงดำกัน
ระหว่างนายวุฒิชัย จากพรรคภูมิใจไทย ผู้เป็นอาและนายเกรียงไกร จากพรรคเพื่อไทย ผู้เป็นหลาน

สมบัติ เนินใหม่//รัชชานนท์ เนินใหม่// ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครนายก

ร้อยเอ็ด/… คนฟังแน่นดอนปู่ตา เพื่อไทยปราศรัยใหญ่ ที่ อำเภอโพธิ์ชัย

ร้อยเอ็ด/…
คนฟังแน่นดอนปู่ตา เพื่อไทยปราศรัยใหญ่ ที่ อำเภอโพธิ์ชัย

เมื่อเวลา 13.30 น.ของวันที่ 2 พฤษภาคม 2566 ที่บริเวณดอนปู่ตา อำเภอโพธิ์ชัย นำโดย ดร.ฉลาด ขามช่วง ผู้สมัคร ส.ส.หมายเลข 3 พรรคเพื่อไทย ร้อยเอ็ด เขต 2 คนฟังปราศัยแน่นดอนปู่ตา ทามกลางอากาศร้อนอบอ้าว ร่วมเวทีปราศรัยโดย ดร.อดิศร เพียงเกษ กรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย ดร. อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด กรรมการบริหาร พรรค คุณปอย ตรีชฎา ศรีธาดา รองเลขาพรรคเพื่อไทย
ดร.ฉลาด ขามช่วง เคยเป็น สส.มาแล้ว 9 สมัย ของ จังหวัดร้อยเอ็ด ปี 2535, 2538, 2539, 2544, 2548, 2549, 2550, 2554, 2562

ร้อยเอ็ด. เขต 2 ประกอบไปด้วย อำเภอ ธวัชบุรี (เฉพาะ ต.หนองพอก ต.ธวัชบุรี และ ต.มะอึ)อำเภอ โพนทอง (เฉพาะ ต.อุ่มเม่า ต.นาอุดม และ ต.คำนาดี) อำเภอโพธิ์ชัย อำเภอจังหาร และอำเภอเชียงขวัญ ปักธง คิดใหญ่ทำเป็นเพื่อไทยทุกคน ก่อนหน้า เวลา 8.30 เปิดเวทีปราศรัย วัด ป่าม่วง อ จังหาร จ ร้อยเอ็ด จุดที่ 2 เวลา 10.00 น สถานที่ หอประชุมวิทยาลัยเกษตรกรรม ฯ อ ธวัชบุรี จ ร้อยเอ็ด จุดที่ 3 เวลา 13.30 น.สวนสาธารณะดอนปู่ตา อ.โพธิ์ชัย

มงคล โพธิ์ไพร/ข่าว_ภาพ

พร้อมพงศ์เดินสายเปิดตัวหาเสียงช่วยผู้สมัคร

พร้อมพงศ์เดินสายเปิดตัวหาเสียงช่วยผู้สมัคร
ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตแกนนำเสื้อแดง อดีตรอง.โฆษกพรรค

และอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เดินทางไปเปิดตัวหาเสียงช่วยผู้สมัครพรรคเพื่อไทย นายสมภพ คงความซื่อ (ครูโจ้)หมายเลข 4 พรรคเพื่อไทย ณ บริเวณลานเอนกประสงค์เทศบาลตำบลขุนยวม อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยทางทีมงานผู้สมัครร่วมกันจัดเวทีปราศรัยหาเสียงขึ้นซึ่งเป็นโค้งสุดท้ายของการปราศรัยหาเสียงของพรรคเพื่อไทยเขตเลือกตั้งที่ 1

ในขณะที่กำลังรอนายพร้อมพงศ์ ฯที่กำลังเดินทางมายังเวทีปราศรัยประชาชนก็เริ่มทยอยกันมาเพียงแค่10 เปอร์เซ็นต์ของเก้าอี้ที่ทางเจ้าหน้าที่จัดไว้ พอถึงเวลา 19.00 น.นายพร้อมพงศ์ ฯก็เดินทางมาถึงทำให้ประชาชนเดินทางมารับฟังต่างจับจองที่นั่งเต็มเพรียบประมาณ 300 คนเศษใช้เวลา 1 ชั่วโมงเสร็จสิ้นการปราศรัย.

เกียรติศักดิ์ รักสัตย์/เกียรติยศ รักสัตย์ ทีมข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน ภาพ -ข่าว

หมอแวโวลั่นหลังลุงป้อมนั่งเก้าอี้นายกฯจะพัฒนาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชายแดนใต้ไม่ขาดแคลนแพทย์

นราธิวาส/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ

หมอแวโวลั่นหลังลุงป้อมนั่งเก้าอี้นายกฯจะพัฒนาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชายแดนใต้ไม่ขาดแคลนแพทย์

เมื่อเวลา 21.00 น. ของวันที่ 1 พ.ค.66 ที่ผ่านมา ณ ลานเอนกประสงค์ชุมชนยะกัง 2 เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส อ.เมือง จ.นราธิวาส นายแพทย์แวมาฮาดี แวดาโอ๊ะ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 2 ได้เปิดปราศรัยหาเสียงช่วงโค้งสุดท้าย ท่ามกลางประชาชนจำนวนกว่า 6,000 คน ที่ให้ความสนใจมานั่งรับฟังนโยบาย หลังจากที่นายแพทย์แวมาฮาดี ได้ร้างเวทีการเมืองระดับชาติมาเป็นเวลานานกว่า 5 ปี
ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยพอสรุปใจความว่า หลังจากตนเองได้มีโอกาสเข้าศึกษาแพทย์ คุณพ่อได้กำชับให้ตนเมื่อจบมาแล้ว ให้กลับมาทำงานที่บ้านเกิดอย่างน้อยได้ช่วยเหลือคนบ้านเรา ซึ่งคำๆนี้ผมจำได้แม่นยำและอย่างน้อยถือว่าอย่างน้อยสามารถที่จะตอบแทนพระคุณของคุณพ่อได้ เพราะบ้านเราขาดแคลนแพทย์มาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน และไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ปัญหาดังกล่าวเกิดจากความหวาดกลัวของสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นักศึกษาแพทย์ที่จบมาใหม่หรือแพทย์ทุกรุ่น ไม่มีใครเลือกที่จะมาทำงานในชายแดนใต้ มันเป็นปัญหาที่ขาดแคลนแพทย์มาช้านาน แต่ถ้าพี่น้องประชาชนให้โอกาสผมได้เป็น ส.ส.ปัญหาดังกล่าวจะค่อยหมดไป สถานพยาบาลทุกแห่งในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะมีแพทย์พอเพียงในการรักษาพี่น้องประชาชน ปัจจุบันเมื่อป่วยไข้ถ้าไปหาหมอ ต้องใช้เวลานานถ้าป่วยหนักหากรอดชีวิตมาได้ก็ถือว่าโชคดี ฉะนั้นชายแดนใต้ต้องมีแพทย์เพิ่มมากขึ้น แพทย์ที่ว่านี้คือต้องเป็นลูกหลานของท่านจบมาได้รักษาพวกท่านๆ แต่ความฝันที่ว่านี้สำเร็จได้ทุกคนต้องเลือกหมอแว กาเบอร์ 2 เท่านั้น ความฝันของท่านทุกคนจะเป็นจริง จนประชาชนที่เดินทางมาร่วมรับฟังการปราศรัยในครั้งนี้ ต่างพากันตบมือเสียงดังกึงก้อง และนายแพทย์แวมาฮาดี ได้ถือโอกาสพูดสวนผ่านไมค์ทันควันทันที ว่าทุกคนต้องกาเบอร์ 2

และภายหลังจากนายแพทย์แวมาฮาดี กล่าวปราศรัยแล้วเสร็จ ได้เปิดเผยว่า ทางพรรคพลังประชารัฐมีนโยบายว่าจะยกระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล กลายเป็นโรงพยาบาลตำบลที่สมบูรณ์ ที่มีแพทย์ ทันตแพทย์ เทคนิคการแพทย์ประจำ มีทุกอย่างครบถ้วน รวมถึงมีการเจาะเลือด โดยไม่ต้องเดินทางไปยังโรงพยาบาลประจำอำเภอ นั่นหมายความว่าเราจะพัฒนาศูนย์สุขภาพปฐมภูมิ ดังนั้นทางพรรคพลังประชารัฐจะใช้วิธีการผลิตแพทย์เพิ่มขึ้น และมีการนำร่องแล้วในขณะนี้ โดยพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือลุงป้อมได้ให้ความกรุณาโดยจัดทุนการศึกษาร่วมกับประเทศคิวบาให้ทุนการศึกษาให้คนใน 4 จังหวัด ภาคใต้ 1,000 ทุน ในวันที่ 3 พฤษภาคม นี้ กำหนดจะมีการเดินทางไปยังประเทศคิวบา เพราะฉะนั้นอนาคตข้างหน้าในอีกประมาณ 6 ปี หลังจากลุงป้อมเป็นนายกโดยในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้เราจะมีแพทย์เพิ่มขึ้น 1,000 คน สำหรับพื้นที่ และหลังจากนั้นก็จะขยายไปทั้งประเทศ ดังนั้นเมื่อศูนย์สุขภาพตำบล หรือโรงพยาบาลตำบลเกิดขึ้นเราจะไม่เห็นความแออัดของโรงพยาบาล เพราะได้กระจายไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแล้ว และสุดท้ายเมื่อสูงอายุเราจะมีสูตรว่า 3,4,5,6,7,8 หมายความว่า 3,000 บาทสำหรับคนอายุ 60 ปี 4,000 บาท สำหรับคนอายุ 70 ปี และ 5,000 บาท สำหรับคนอายุ 80 ปี
/////////////////////////////// 2 พฤษภาคม 2566

มุกดาหารจัดเวทีประชันวิสัยทัศน์เลือกตั้ง ส.ส. เขต 1

เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2566 เวลา 18.00 น. ณ สวนสุขภาพ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร กลุ่มเยาวชนประชาธิปไตย โดยสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นำโดยนายวณัฐ โคสาสุ (ทนายวาย) นายพงศ์ภัทราดนัย ว่องสาริกัน ได้จัดกิจกรรมแนะนำตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เขต เลือกตั้งที่ 1 จังหวัดมุกดาหาร มีประชาชนเข้าร่วมประมาณ 200 คน มาให้กำลังใจและรับฟังการ แสดงวิสัยทัศน์และนโยบายพรรค สำหรับ เขตเลือกตั้งที่ 1 มีจำนวนผู้สมัครทั้งหมด 12 คน ดังนี้ ผู้สมัครหมายเลข 1 คือ ดร.ทศพล เมืองฮาม สังกัด พรรคไทยสร้างไทย ผู้สมัครหมายเลข 2 คือ นายปิติณัช นิธิศธานี สังกัด พรรครวมไทยสร้างชาติ ผู้สมัครหมายเลข 3 คือ ร.ต.ต.สุเทียน ทองโสม สังกัด พรรคเสรีรวมไทย ผู้สมัครหมายเลข 4 คือ นายสุเทพย์ เซียสกุล สังกัด พรรคภูมิใจไทย ผู้สมัครหมายเลข 5 คือ นายนนทภูมิ ตั้งปณิธานนท์ สังกัด พรรคเพื่อไทย ผู้สมัครหมายเลข 6 คือ นายวิริยะ ทองผา สังกัด พรรคพลังประชารัฐ ผู้สมัครหมายเลข 7 คือ นายสุพจน์ สุอริยพงษ์ สังกัด พรรคก้าวไกล ผู้สมัครหมายเลข 8 คือ นายสมพงศ์ คนตรง สังกัด พรรคประชาธิปัตย์ ผู้สมัครหมายเลข 9 คือ ร.ต.อ.สวัสดิ์ นครชัย สังกัด พรรคคลองไทย ผู้สมัครหมายเลข 10 คือ นางกิ่งฟ้า อรพันธ์ สังกัด พรรคประชาธิปไตยใหม่ ผู้สมัครหมายเลข 11 คือ นายชลชาติ อาจหาญ สังกัด พรรคไทยภักดี ผู้สมัครหมายเลข 12 คือ นายทรงเกียรติ์ รัตนภูมินทร์ สังกัด พรรคทางเลือกใหม่

โดยในวันนี้เป็นการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตเลือกตั้งที่ 1 มีผู้เข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์ จำนวน 4 คน ดังนี้ 1. นายปิติณัช นิธิศธานี พรรครวมไทยสร้างชาติ 2. ร.ต.ต. สุเทียน ทองโสม พรรคเสรีรวมไทย 3. นายสุเทพย์ เชียสกุล พรรคภูมิใจไทย 4. นายสุพจน์ สุอริยพงษ์ พรรคก้าวไกล การจัดกิจกรรมครั้งนีัได้ให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ แสดงวิสัยทัศน์และตอบคำถามจากผู้เข้าร่วมกิจกรรม โดยผู้สมัครแต่ละคน แต่ละพรรคได้แสดงวิสัยทัศน์ของตนพร้อมชูนโยบายพรรค เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจเลือก

ไกรสมุทร นามโพธิ์ไทร/รายงานจากมุกดาหาร
081-0501177

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com