google.com, pub-2709829493138336, DIRECT, f08c47fec0942fa0

ผู้เสียหายถูกหลอก เล่นหุ้นดาวโจนส์ สูญเงิน 206 ล้านบาท มีข้อสงสัยตั้งแต่เริ่มตกเป็นข่าว มาถึงวันนี้ หลายเรื่องหลายประเด็น

ผู้เสียหายถูกหลอก เล่นหุ้นดาวโจนส์ สูญเงิน 206 ล้านบาท มีข้อสงสัยตั้งแต่เริ่มตกเป็นข่าว มาถึงวันนี้ หลายเรื่องหลายประเด็น มีความหวังในชั้นอัยการและชั้นศาล ผู้เสียหายขอพูดให้ชัดๆ จะได้เป็นกรณีตัวอย่าง ไม่ต้องการให้ใครตกเป็นเหยื่อ และให้รู้ขั้นตอนการเอาผิดทางกฏหมายที่ละเอียดอ่อน เผยประวัติผู้ต้องหาก็ไม่ธรรมดา พบมีผู้เสียหายอีกเพียบ

เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2565 ผู้สื่อข่าวได้สอบถามทางผู้เสียหายในคดีที่ถูกหลอกร่วมลงทุนค้าเงินต่างประเทศ หรือเล่นหุ้นดาวโจนส์ แล้วสูญเสียเงินไปรวม 206 ล้านบาท

เริ่มต้นคดีเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2565 ผู้เสียหายเป็นผู้หญิงจำนวน 2 คน มีอาชีพเป็นนักธุรกิจเจ้าของโรงแรมและร้านขายยาชื่อดังในทั้ง อ.เมือง และ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เดินทางไปที่กองบังคับการตำรวจภูธรเชียงใหม่ เพื่อรอพบผู้ต้องหาสองผัวเมีย คือ นางสาวอัจฉริยะญาณี หรือ นางกุ๊กไก่หรือเฟรช (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี, และ นายไชยเวทย์ หรือ นายเคน (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี ที่เป็นสามีภรรยากัน นางกุ๊กไก่ หรือเฟรช อยู่บางกระปิ กรุงเทพ เป็นหมู่บ้านชื่อดังของกรุงเทพ ที่ดารานักแสดงส่วนใหญ่ ซื้อไว้อยู่อาศัยในราคาหลังละหลายสิบล้านบาท (บ้านเดิมของ นางเฟรช เป็นชาว อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ ส่วนนายเคน บ้านเดิมเป็นชาว อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ มีความสนิทสนมกับครอบครัวผู้เสียหาย จึงถูกหลอกให้ร่วมลงทุนเล่นหุ้น) สองผัวเมียตกเป็นผู้ต้องหาในคดี ฉ่อโกงทรัพย์ ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารทางราชการ และ ใช้เอกสารทางราชการปลอม และ คดีสมคบโดยการตกลงกันสองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และ ได้มีการกระทำผิดฐานฟอกเงิน โดยผู้เสียหายแจ้งความเอาผิดในคดีเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2565

ผู้ต้องหาสองผัวเมีย เริ่มก่อเหตุมาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2562 ในลักษณะให้ร่วมลงทุนเล่นหุ้น ซื้อหุ้น แล้วปลอมแปลงเอกสารสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้เสียหาย อ้างว่าเงินเข้าสมุดบัญชีแล้ว โดยทำบัญชีและทำสเตทเม้นปลอมขึ้นมา เพื่อหลอกลวงเหยื่ออ้างว่า เงินที่เล่นหุ้นเข้าบัญชีจำนวนมาก นำมาโชว์ให้ดู และยังอ้างดำเนินการเสียภาษีที่ดิน ให้ผู้เสียหายนำโฉนดที่ดินส่งให้ผู้ต้องหาทั้งหมด ก็ปลอมแปลงเอกสารการเสียภาษีของสรรพากร แล้วมาเรียกรับเงินเหยื่อ เป็นต้น

พนักงานสอบสวนในคดีคือ พ.ต.ท.พิชัย บังเมฆ พนักงานสอบสวน สภ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งในวันที่ 31 สิงหาคม วันแรกที่ตกเป็นข่าว เจ้าหน้าที่นัดผู้ต้องหาสองผัวเมียมารับทราบข้อกล่าวหาที่กองกำกับการตำรวจภูธรเชียงใหม่ จณะเดียวกัน ผู้เสียหายก็ต้องการพบตัวผู้ต้องหา เพื่อจะได้พูดคุยให้ชดใช้เงินที่หลอกไป แต่ผู้ต้องหาผัวเมียทั้งคู่ให้ทนายมาดูที่ประตูทางเข้า สนง.กองบังคับการตำรวจภูธรเชียงใหม่ก่อน พอเห็นว่า มีคู่กรณีและสื่อมวลชนรอทำข่าว ก็ขับรถออกไป ต่อมาผู้ต้องหาสองผัวเมียและทนายความ ได้แจ้งกับตำรวจว่า จะมอบตัวที่ สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ พ.ต.ท.พิชัย บังเมฆ พนักงานสอบสวน สภ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ก็ได้นำเอกสารไปให้ผู้ต้องหาเซ็นรับทราบข้อกล่าวหา

ผู้เสียหายที่รอพบก็ไม่ได้พบ จึงเข้าพบกับ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เพื่อแจ้งถึงความเดือดร้อนและขอคำแนะนำการคัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน

ผู้สื่อข่าวถาม แจ้งตำรวจหรือไม่ว่า ต้องการคัดค้านการประกันตัว ผู้เสียหายบอก แจ้งตลอด และติดต่อพนักงานสอบสวนในคดีตลอดมา

ต่อมาตำรวจนัดผู้ต้องหาสองผัวเมีย ให้มารายงานตัวในวันที่ 1 กันยายน 2565 เวลา 09.00 น.ที่ สภ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ในคดีความผิดดังกล่าว และจะส่งผู้ต้องหาทั้งสองพร้อมสำนวนการสอบสวนให้อัยการ แต่ผู้ต้องหาไม่ไปโรงพัก สภ.ฝาง ได้ส่งเพียงทนายมาเลื่อนการมอบตัวไปเป็นวันอื่น

ต่อมาวันที่ 2 กันยายน 2565 ตำรวจจะออกหมายจับสองผัวเมีย หากไม่มามอบตัวก่อนเที่ยงวัน ของวันที่ 2 กันยายน 2565 แต่ช่วงสายของวันเดียวกัน ผู้ต้องหาสองผัวเมียเดินทางมามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และตำรวจได้นำสำนวนและตัวผู้ต้องหาทั้งสองส่งให้สำนักงานอัยการฝาง แล้วปล่อยตัวชั่วคราว ผู้ต้องหาเดินทางออกจากสำนักงานอัยการจังหวัดฝางในสายของวันเดียวกันทันที

ผู้สื่อข่าวถามผู้เสียหายว่า ตลอดช่วงเช้าวันที่ 2 กันยายน ได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ เพื่อจะคัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนที่โรงพักฝาง และในชั้นอัยการด้วยนั้น ผู้เสียหายบอกว่า ในเช้าวันที่ 2 กันยายน โทรไปหาตำรวจเจ้าของคดีหลายครั้งแต่ไม่รับสายเลย จนกระทั้งตนเดินทางมาที่อัยการจังหวัดฝาง เมื่อเวลา 11.30 น.ก็ทราบว่า ผู้ต้องหาสองผัวเมีย ได้มามอบตัวและเดินทางออกไปประมาณ 20 นาทีก่อนที่ผู้เสียหายจะเข้าไปที่สำนักงานอัยการแล้ว

ผู้สื่อข่าวถาม ผู้เสียหายแจ้งคัดค้านการประกันตัวทำไว้ตั้งแต่เมื่อใด ผู้เสียหาย บอกว่า แจ้งเรื่องคัดค้านการประกันตัวไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน เพื่อให้ทางสำนักงานอัยการจังหวัดฝางได้ทราบว่า วงเงินความเสียหายของตน จำนวนมากถึง 206 ล้าน เตรียมเอกสารต่างๆไว้จำนวนมาก พร้อมหนังสือคัดค้านการประกันตัว เพื่อจะขอคัดค้านการประกันตัวไว้ก่อน แต่ทางเจ้าหน้าที่อัยการคนหนึ่ง บอกว่า จะต้องรอผู้ต้องหาถูกส่งตัวมาก่อนถึงจะยื่นหนังสือได้ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมาไม่ทันในช่วงผู้ต้องหามามอบตัวในชั้นอัยการและไม่พบผู้ต้องหาแล้วนั้น ก็ยื่นหนังสือคำร้องส่งให้ทางสำนักงานอัยการไปตามขั้นตอนแล้ว เพื่อให้ทางอัยการจังหวัดฝางได้ตรวจสำนวนในคดีก่อน ทางเราผู้เสียหายจะรอ จะติดตาม จนกว่าจะส่งฟ้องศาลจังหวัดฝางก็จะคัดค้านการประกันตัวต่อไป

ผู้เสียหาย บอกอีกว่า “ช่วงที่ไปยื่นหนังสือคัดค้านการประกันตัวที่อัยการแล้วไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว แต่ได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่อัยการคนหนึ่ง บอกว่า การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสำนวนพร้อมผู้ต้องหามาในลักษณะไม่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหามาตั้งแต่ต้น ไม่ฝากขังผู้ต้องหามาก่อนเลย ส่งผู้ต้องหามาในลักษณะ “ทราบนัดมา” เมื่อนำตัวส่งสำนักงานอัยการจังหวัดฝาง ผู้ต้องหาสามารถทำเรื่องประกันตัวออกไปได้

ผู้สื่อข่าวถาม เป็นห่วงและติดใจอะไรอีกหรือไม่ ผู้เสียหาย บอกว่า ตั้งแต่มีการแจ้งความเอาผิดสองผัวเมียที่หลอกตน ที่แจ้งความไว้ตั้งแต่เดือนเมษายน 2565 ก็นานหลายเดือน จนกระทั้งเริ่มเป็นข่าววันที่ 31 สิงหาคม 2565 ก็ติดต่อพนักงานสอบสวนในคดีได้ตลอด ให้ข้อมูลหลักฐาน และประสานเรื่องความคืบหน้าในคดี แต่การดำเนินงานที่เป็นขั้นเป็นตอน ยอมรับว่า มีความละเอียดอ่อน จนบางครั้งไม่เข้าใจว่า บางเหตุการณ์ที่ผู้เสียหายแบบเรา เสียเงินไปมากถึง 206 ล้านบาท ขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เพราะเป็นห่วงว่าผู้กระทำความผิดทั้งสองจะเอาทรัพย์สินและเงินทองของเราไปแล้วจะโยกย้ายทรัพย์สินไปที่อื่นนั้น ซึ่งขั้นตอนต่างๆทำได้ไม่ง่ายเลย

ผู้เสียหาย กล่าวอีกว่า “เขาฉ้อโกงเงินของเรา เอาเงินเราไปซื้อบ้าน ซื้อรถหรู เที่ยวต่างประเทศครั้งละ 5-6 ล้านบาท เท่าที่ติดตามในเฟซบุ๊ก เขามีความสุข ในขณะที่เราทำงานมาทั้งชีวิต ทำธุรกิจโรงแรม ค้าขาย เก็บเงินเก็บทองสะสมไว้ เมื่อเขาหลอกเรา เอาเงินเราไป พอมีคดีความ ยังพบปัญหาต่างๆที่มีขั้นตอนและกระบวนการต่างๆที่เราเองก็ไม่เข้าใจ และไม่ทราบมาก่อน เช่น การที่เราแจ้งคัดค้านการประกันตัวมาตั้งแต่ต้น เพราะเงินที่เราเสียหายไปจำนวนมาก ผู้ต้องหาก็สามารถได้ประกันตัวไป แต่เมื่อมาถึงชั้นอัยการ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็หมดหน้าที่ไปแล้ว ต่อไปทางตนและครอบครัว ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การยื่นคำร้องคัดค้านการประกันตัวที่ส่งให้อัยการจังหวัดฝาง จะช่วยให้เราและครอบครัวมีความหวังมาก ก่อนที่มีการส่งฟ้องต่อศาล”

ผู้เสียหายกล่าวทิ้งท้าย และบอกอีกว่า กรณีของตน ต้องการให้เป็นตัวอย่างสำหรับผู้ที่ถูกหลอกถูกฉ่อโกง ก็ขอให้ดูเป็นตัวอย่างด้วยจะได้เอาผิดคนที่ตั้งใจมาหลอกเขาทำอย่างไร และยังทราบอีกว่า มีผู้เสียหายอีกจำนวนหลายรายที่ถูกสองผัวเมียคู่นี้หลอกในลักษณะเดียวกัน ซึ่งประวัติของผู้ต้องหาทั้งสองคนนี้ไม่ธรรมดาเลย ทั้งในอดีตมาจนถึงปัจจุบัน ก็ยังก่อเหตุแบบนี้อยู่.

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com